Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 350 - อัพเกรด
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- ตอนที่ 350 - อัพเกรด
ลอร่าก็พยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเราสร้างสัมพันธ์กับตระกูลแคลซี่ให้เป็นอย่างดีนั้น มันก็จะเป็นผลดีต่อพวกเราและมันจะทําให้อนาคตของเราสามารถเปิดเผยตัวตนของเราได้ และก็จะไม่มีใครกล้าพูดอะไร”
เจ๋าไร่ก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าเราไม่ได้เปิดเผยตัวตน ก็จะไม่มีใครรู้จักเราในดินแดนของเราในจักรวรรดิอาร์ซูแต่ยังไงก็ตามถ้าเราให้คนอื่นรู้จักเรามันก็อาจจะเป็นปัญหากับเราก็ได้มันน่ารําคาญ”
ลอร่าก็เห็นด้วยกับสี่นี้แม้ว่าเจ๋าฉินอี้จะทําให้พวกเขาสามารถอยู่ภายในหมอกที่เป็นพิษได้แต่มันก็ไม่ใช่การป้องกันที่สมบูรณ์มีคนจํานวนมากที่อยู่ในระดับที่ 9 ทั่วทั้งทวีปคนเหล่านั้นมีความสามารถที่แตกต่างกันและนอกจากนี้พวกเขาก็ไม่ควรที่จะประมาทความแข็งแกร่งของคนอื่นๆตอนนี้ศัตรูของพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่คนที่อยู่ในจักรวรรดิอาร์ซูแต่ยังมีกลแห่งความสว่างกด้วย
พลังที่พวกเขามีก็คือพลัง แห่งแสง มีความสามารถที่จัดการกับหมอกพิษได้ ถ้ารกิลแห่งความสว่างได้ประกาศถึงตัวตนของเจ้าไห่ พวกเขาก็จะเดินทางไปยังที่พักของนักเวทย์แห่งความมืดได้ยังไงสถานการณ์แบบนี้คือสิ่งที่เจ๋าไฟไม่ได้ต้องการที่จะให้มันเกิดขึ้น
เมื่อเจ้าไห่เห็นว่าลอร่าไม่ได้พูดอะไร และเขาก็พูดต่อว่า “ตอนนี้คนรับใช้ของเธอที่ไปทุ่งหญ้าเป็นยังไงบ้าง?” เจ้าไห่ถามคําถามเกี่ยวกับเอเทน ซึ่งเป็นคนรับใช้ของลอร่าที่อยู่ในทุ่งหญ้า
เดิมที่เล่าไร่นั้นต้องการที่จะพอกับเอเทนตั้งแต่ที่อยู่ทุ่งหญ้าและพวกเขาก็กําลังมุ่งหน้าไปยังเมืองของพระเจ้าแต่เนื่องจากเรื่องของเวลส์ได้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามลอร่าก็ยังได้สั่งให้เอเทนไปที่เมืองของพระเจ้าเพื่อที่จะไปเรียกรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไงก่อน
ลอร่าก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันได้รับข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้ไปถึงที่เมืองของพระเจ้าแล้วตอนนี้เขากําาลังเรียนรู้และทําความเข้าใจอยู่ที่นั่น”
เจ๋าไร่ก็พยักหน้าและพูดว่า “ดีเหมือนกัน พี่เวลส์เป็นลูกค้าคนเดียวของเราที่อยู่ที่นั่น แต่แตจเผ่าของเขาเพียงเผ่าเดียวก็คงไม่สามารถกินอาหารของเราได้หมดเราต้องมุ่งหน้าไปยังเมืองของ
พระเจ้า ในภายหลังและหวังว่าจะได้ติดต่อกับเหล่าตระกูลวอริงเคน คิดว่าหลังจากที่เราได้ตั้งรุกรากอยู่ในเมืองสกายได้ระยะนึ่งแล้ว เราจะดูว่ามีเรือลําไหน มุ่งหน้าไปที่ทุ่งหญ้าบ้างเราจะไปกับเรือลํานั้น”
ลอร่าก็หัวเราะและพูดว่า “ฉันคิดว่าเราควรรอจนกว่าฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงก่อนที่เราจะมุ่งหน้ากลับไปที่ทุ่งหญ้าไม่มีธุรกิจอะไรในเวลานี้พวกชนเผ่าได้เตรียมธัญพืชเพื่อให้อยู่รอดในฤดูหนาวไปถึงที่นั่นจะทําให้เสียเวลา”
เจ๋าไห้ก็ยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นเพราะพ่อค้าทุกคนคิดว่าไม่มีโอกาสที่เราจะต้องไปที่นั่นใตนขะไปรู้ได้ว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นได้”
หลังจากที่พูดแบบนั้น เม็กก็พูดขณะที่เธอมองหน้าจอ “นายน้อยมีบางอย่างที่ปิดปกติ กําลังเข้ามาที่นี่
เจ้าไหก็มองอยู่ครู่นึ่งแล้วทิ้งมิติไว้กับลอร่า เมื่อเดินออกไป เขารู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนที่รุนแรงของเรือ มันทําให้รู้สึกเหมือนการโจมตีของเต่าทองก่อนหน้านี้แต่มันรุนแรงมาก
ทันทีที่เจ้าไห่มาถึงชั้นบนพร้อมกับลอร่า โซเทคกําลังเผชิญหน้ากับสายน้ำ เจ้าไห่เดินไปทางด้านข้างของเขาอย่างรวดเร็วและเห็นเต่จํานวนมาก เต่าทองเหล่านี้ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเขาเห็นสถานการณ์เล่าไร่ก็ไม่รู้จะทํายังไง แต่ขมวดคิ้วและถามว่า “โซเทคเต๋ทองพวกนี้มันเป็นบ้าอะไรกัน?”
โซเทคส่ายหัวและพูดว่า “พวกมันไม่ได้คลั่งหรือโมโห่อะไร แต่ดูเหมือนว่าเรือล่านี้จะสร้างขึ้นจากไม้หอมซีดาร์เรือลํานี้จึงเป็นสิ่งที่พวกเต๋ชอบ และเข้าโจมตี”
สีหน้าของเจ้าไห่ก็เปลี่ยนไป ในขณะที่เขามองไปที่ไมค์ ไมค์ก็ขมวดคิ้วและทันทีที่เขาเห็นเจ้าไหมองไปที่เขา เขาก็ไม่ได้ตัวแข็ง แต่กับขมวดคิ้วและถามว่า “นายน้อยเป็นอะไรไหม?”
เจ้าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ฉันสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากลออน เขาสามารถทําแบบนี้ได้แน่นอน”
ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “เขามีความรู้สึกไหม? แค่ต้องจัดการกับเราจะต้องทําร้ายคนอื่นบนเรือด้วยงั้นหรอ?”
เจ้าไหก็ส่ายหัวและพูดว่า “สําหรับลออนแล้ว การฆ่าคนอื่นเป็นหลักประกันไม่สําคัญกําจัดกลุ่มของเราคือเขาจะเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาสามารถปล่อยให้โอกาสนี้ไปได้ยังไง?”
ทันทีที่โซเทคได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดว่า “นายบอกว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ลออนเป็นคนทํางั้นหรอ?ลออนคิดที่จะฆ่านายงั้นหรอ?”
เจ้าไร่ก็พยักหน้าและพูดว่า “มันเป็นไปได้สูงมาก ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ที่ป้อมปราการสายลมแล้วลออนไม่ได้หยุดโจมตีฉันเลย นายน่าจะคิดออกว่าเขาเกลียดฉันมากแค่ไหนโซเทม
หมือนว่าฉันจะเกี่ยวของกับนายในครั้งนี้ แต่ดูเหมือนว่าแปลกมาก พวกเขารู้ได้ยังไงว่าฉันมากับเรือนี้?”
โซเทคยิ้มและก็พูดว่า “สถานะของตระกูลเซรี่และพวกพ่อค้าไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่ที่เรามาถึงเมืองสายน้ำริเวอร์ลออนก็ไม่สามารถทําอะไรพวกเราได้ เขาอาจจะเล็กที่จะโจมตีเราตอนอยู่บนเรือแต่ก็เป็นไปได้ว่าเขายังคิดที่จะโจมตีเราอยู่”
โซเทคยิ้ม เขาไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ต้องเจออะไรแบบนี้ เมืองสานน้ำนั้น เต่าเป็นสัตว์ที่หาได้ยากมากๆ และก็ยากที่จะจัดการกับมัน เต่าตัวเดียวอาจจะจัดการได้ แต่จํานวนขนาดนี้มันก็เป็นเรื่องที่ลําบากมากๆ ของกัปตันเรือ
โซเทคหันหน้าไปและพูดว่า“เราจะต้องมีชีวิตต่อให้ได้ แต่เราจะทําได้ไหม?”
ไมค์ก็ยิ้มในจขณะที่เขาตอบว่า “เราสามารถทิ้งเรือและหนีไปกับคนอื่นๆเพื่อความอยู่รอดได้”
โซเทคก็พยักหน้าและพูดว่า “เราต้องทิ้งเรือไว้ข้างหลังและไม่ต้องเป็นกังวล ตระกูลเซรี่จะชดเชยให้นายแน่นอนเรื่องนี้เกิดจากเรา เราจึงไม่สามารถทําให้นายเกิดความสูญเสียได้”
เมื่อไมค์และเจ้าไม่ได้ยินแบบนั้น ทั้งสองก็พยักหน้า เขาเห็นด้วยกับแผนการนี้ จากมุมมอง ของเขาเจ้าไห่คิดว่าตระกูลเซี่ไม่ได้เป็นตระกูลที่เลวร้าย
เมื่อเห็นว่าเต่าทองใต้น้ำนั้นเพิ่มมากขึ้น เจ้าไห่ก็พูดว่า “ฉันจะพยายามดูว่าฉันทําอะไรได้บางเกี่ยวกับเต่าพวกนี้พวกเราอาจจะไม่ต้องทิ้งเรือไป”
เมื่อโซเทคได้ยินสิ่งที่เจ้าไห่พูด เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าไห่จะทํายังไง จากนั้นลูกเรือของเขาก็ทอดสมอเรือแม้ว่าไมค์จะพูดว่าพวกเขาจะชดเชยค่าเรือให้โซเทค แต่โซเทคก็อยากรักษาเรื่อนี้ไว้เพราะเรือนี้ เขาเป็นคนที่สร้างมันขึ้นมาเอง เขารักเรือล่านี้มากๆ
แต่ยังไงก็ตามเขาก็ยังเตรียมเรือชูชีพแล้ว การรักษาชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สําคัญมากกว่า ตอนนี้มีเต่าอยู่มากในน้ำรอบๆเรือของพวกเขา
วิธีการขอบเจ่าไห่นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลอร่าเพิ่งแนะนํามา เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่มิติการทําแบบนั้นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นก็จะถูกจับไปด้วย
เมื่อเรือหยุดอยู่กับที่ เจ้าไหก็หันไปหาโซเทคและพูดว่า “โซเทค นายจําเป็นต้องครบคุมเรือทําให้เรื่อถอยฉันจะทําให้แม่น้ำสั่นสะเทือนมาก” หากมีบางอย่างผิดพลาดเรืออาจจะกลับมา
โซเทคคิดว่าเจ้าไห่จะใช้พลังธาตุน้ำ เขาจึงไม่ได้ถามอะไรอีก เขาพยักหน้าและสั่งให้ลูกเรือลงจากเรือไป จากนั้นเขาก็ขึ้นไปครบคุมเรือ
เมื่อเห็นว่าพวกเขากําลังเตรียมพร้อมแล้ว เจ้าไร่ก็ได้ใช้ไม้เท้าของเขา และเดินไปทางด้านข้างของเรือเขาจึงสั่งให้เจ๋าฉินอี้ เปิดมิติที่บนแม่น้ำและดูดน้ำเข้าไป
ไมค์มองดูด้วยความระวัง เขาไม่รู้ว่าเจ้าได้ตั้งใจจะทําอะไร ในตอนนี้ก็มีมิตขนาดใหญ่เกิดมาและดูดน้ำเข้าไปไม่นานมากนัก น้ำวงยักษ์ก็ดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเข้าไป แม้กระทั่วเรือของพวกเขา
ไมค์และโซเทคก็กลัวมาก พวกเขาไม่ได้คิดว่าเจ้าไห่จะไม่ได้ใช้พลังธาตุน้ำ ดูเหมือนว่าเจ้าไห่จะใช้เวทย์มิติที่หายากมากๆ
เวทย์มิตินั้นเป็นประเภทที่เก่าที่สุดที่เคยเจอ บางคนไม่ได้รู้จักกับเวทย์นี้ แต่ทุกคนรู้ว่ามีเวทนย์มิติอยู่จริงๆ
เมื่อเห็นนน้ำวน พวกเขาก็คิดว่าเจ้าไห่เป็นนักเวทย์มิติ ตาของทุกคนดูตื่นเต้นมาก เมื่อมองเจ้า ไห่พวกเขาชมเจ้าไห่และนี่ก็เป็นการดีที่พวกเขามีเจ้าไร่อยู่ด้วย
มิติเป็นสิ่งที่พิเศษมากในทวีป พลังที่ทุกคนต้องการจะได้รับก็คือมิตินี่แหละ ความจริงแล้วเข่าไห่เป็นนักเวทย์มิติเขาเป็นที่รู้จักกันดี เขาจะได้รับการต้อนรับที่ดีที่สุดทุกที่ที่เขาไป
โซเทคและคนอื่นๆ รู้สึกว่าปริมาณน้ำลดลงอย่างช้าๆ ด้วยสายตาของพวกเขา เขามองเห็นปริมาณของน้ำที่ถูกดูดไปได้
เจ้าไห่สั่งให้เจ่าจินจี๊ดเต่าที่อยู่ในน้ำไว้ เมื่อเจ้าทุกตัวได้เข้าไปในมิติแล้วก็ให้หยุด
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าฉินอี้ก็พูดว่า “เต่ารอบๆ 300 ตัวถูกดูดไปแล้ว” เจ๋าไม่ได้สั่งให้หยุดมติทันทีและน้ำวนก็หายไป
ทันทีที่นวนหายไป คนบนเรือก็รีบถอนหายใจ แม้ว่าเรือจะทอดสมอแล้วพวกเขาก็ยังคงคิดว่าเรือของพวกเขาถูกดูดไปแล้ว
ไม่นานหลังจากที่นวนหายไป ระดับน้ำก็กลับมาเท่าเดิม แต่คนที่อยู่บนเรือมองไปที่เง่าไห่แปลกๆ ต้องรู้ว่านักเวทย์มิติเป็นสิ่งคนที่ได้รับคําชื่นชมมากที่สุดในบรรดานักเวทย์อื่นๆ
โซเทคมองไปที่เง่าไห่และพูดว่า “ฉันไม่คิดว่านายจะทําเรื่องแบบนี้ได้ด้วย”
เจ้าไห่ก็มองไปที่ไมค์และพูดว่า “ฉันเป็นนักเวทย์มิติ ฉันไม่ใช่แม่ของนายไม่ต้องทําแบบนั้นก็ได้
ไมค์ก็หัวเราะแล้วโซเทคก็เข้ามา เขามองไปที่เง่าไห่และพูดว่า “ถ้าฉันบอกคนอื่นว่าฉันมีมิติเขาจะเชื่อฉันไหม?”
เจ้าไร่ก็หัวเราะและพูดว่า “เต่าพวกนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่มากับน้ำ ที่ลออนได้สั่งมายังคงมีบางอย่างอยู่ เราควรจะเร็วไปจากที่นี่ เมื่อไปถึงเมืองสกายเราจะปลอดภัยมากขึ้น”โซเทคเห็นด้วยและสั่งให้ลูกเรือแล่นเรือต่อไปทันที
เจ้าไห่แกล้งทําเป็นเหนื่อยและพูดว่า “ฉันขอกลับไปที่ห้องของฉันก่อนนะ” จากนั้นเขาก็โบกมือให้ไมค์ขณะที่เดินไปที่ห้องของเขา สําหรับตระกูลเซี่ที่ได้รู้จักกับนักเวทย์เช่นเจ๋าไร่มันก็เป็ นอะไรที่ดีมากแล้ว
เมื่อเจ้าไห่เข้าไปในห้องของเขา เขาก็เดินเข้าไปในมิติ เมื่อเขามิติแล้ว เจ้าไห่ดูเหมือนจะได้ ยินเสียงดังมา แต่เขาไม่ได้ฟังว่ามันคืออะไร เมื่อเขามาถึงมิติ เขาไปหาเจ่าฉัน และพูดว่า “เจ้า นอสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นคืออะไรงั้นหรอ?”
เจ๋าฉินอี้ก็ยิ้มและพูดว่า “นายน้อยระดับฟาร์มของเราเพิ่มขึ้นแล้ง เพิ่มขึ้นไป 5 ระดับ ตอนนี้ก็คือ 14 แล้วนากจากที่มิติได้รับการพัฒนาใหม่ซีซเป็นการประมง หากนายน้อยกําาลังคิดถึงการเพาะเลี้ยงปลานายน้อยก็สามารถทําได้แล้ว ไม่มีจํากัดด้วย และนายน้อยก็สามารถเลี้ยงสัตว์บกได้อีก 10,000 ตัว”
เล่าไม่รู้สึกยินดีมากเมื่อได้ยินแบบนี้ เขาไม่ได้คิดว่าจะได้รับประโยชน์มากขนาดนี้ หลังจากที่อัพเกรดมิติจนถึงระดับ 10 แล้วสัตว์ทุกชนิดภายในนี้จะกลายเป็นสัตว์เวทย์นอกจากนี้เขายังสามารถเพาะพันธุ์ปลาได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเขาก็คิดอะไรบางอย่าง เขาหันไปหาเจ๋าฉินอี้และพูดว่า “เจ๋าฉินอี้ฉันสามารถเลี้ยงปลาได้เลยใช่ไหม??”
เจ๋าฉินอี้ก็พยักหน้าและพูดว่า “ตราบเท่าที่สัตว์อาศัยอยู่ในน้ำ ก็สามารถเลี้ยงได้ แต่นายน้อยสามารถเลี้ยงสัตว์น้ำจํานวนสัตว์บกที่สามารถยกได้เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เช่นกันนายน้อยสามารถเพิ่มสัตว์ 10,000 ตัวได้”
เมื่อได้ยินที่เจ๋าฉินอี้พูดเขาก็ดีใจมาก เขาหัวเราะและพูดว่า “ดีมาก ฉันคิดว่าการทําแบบนั้นจะมีประโยชน์ขนาดนี้”
จบบทแล้วนะครับ