Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 348 - เมืองสายน้ําริเวอร์
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- ตอนที่ 348 - เมืองสายน้ําริเวอร์
ช่วงบ่ายของวัน เมื่อขบนรถของเจ่าไห่ไปถึงที่เมืองสายน้ํา ดูเหมือนว่าเมืองแห่งนี้จะอยู่บนน้ําเลย และก็มีถนนที่ตรงไปยังเมืองสายน้ํา เมืองนี้ดูสวยงามมาก และที่เมืองแห่งนี้ก็มีทางเข้าอยู่ 2 ทางเท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นรถที่ไม่ใหญ่มากถึงจะผ่อนประตูเมืองเข้าไปได้
แม่น้ําที่อยู่ที่นี่เรียกว่า ริเวอร์ เป็นแม่น้ําที่ใหญ่มากและที่เมืองนี้ก็ใหญ่พอที่จะรองรับคนนับล้านได้เลย ในยุคที่ตึกสูงนั้นเป็นเรื่องที่ปกติ คุณก็สามารถบอกได้เลยว่าเมืองนี้มันใหญ่ขนาดไหน
กลุ่มของเจ่าไห่เข้าไปในเมืองผ่านประตูทางทิศตะวันตก เมื่อเข้ามาแล้ว เจ่าไห่ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าเมืองนี้นั้นมีความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร สิ่งแรกที่เจ่าไห่สังเกตเห็นเลยก็คือที่เมืองนี้จะมีผู้คนเดินไปรอบๆ และดูเหมือนว่าจะมีผู้คนจํานวนมากกว่าเมืองอื่นๆที่อยู่ในจักรวรรดิอาร์ซู ถนนในเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนจํานวนมาก ถ้าคนพวกนี้ไม่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันเล่าไหก็คงคิดว่าเขากลับมาที่ประเทศจีน
โชคดีที่คนดูแลจํานวนมาก คอยเปิดทางให้พวกเขา คนที่เดินอยู่ที่นั่นก็หลบให้กับรถของเจ่าไห่
และก็ไม่นานมากนัก กลุ่มของเจ่าไห่ก็มาถึงหน้าประตูของโรงแรมเซรี่ของเมืองสายน้ําริเวอร์ ดูเหมือนว่าสาขาของโรงแรมที่เมืองนี้จะแตกต่างจากที่อื่น สาขานี้เป็นโรงแรมที่สูงมาก ดูเหมือนว่าเจ่าไห่จะนับได้ 12 ชั้น ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีคอนกรีตมันก็จะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสร้างตึกสูงแบบนี้
ทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าโรงแรมก็มีพนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับพวกเขาทันที พวกเขาก็รู้ได้ทันที พวกเขาจึงให้พนักงานดูแลรถม้าของพวกเขา
และนี้ก็ทําให้เจ่าไห่ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะว่ามีคนดูแลรถของพวกเขาแล้ว เมื่อเจ่าไห่และคนอื่นๆเข้ามาในโรงแรม ก็มีผู้ว่าการเดินมา เขาชื่อว่าอาร์มอน เขามีรูปร่างที่สูงมาก ถ้าอาร์มอนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่ทําจากผ้าไหม เจ่าไห่ก็คงคิดไปแล้วว่าเขาเป็นนักรบ
แต่ผู้จัดการก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระใดๆเลยกับเจ่าไห่และได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้แล้ว ผู้จัดการให้ห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม เพื่อให้เจ่าไห่และคนอื่นๆที่มาด้วย
สิ่งที่เจ่าไห่ตื่นเต้นมากกว่าเดิมก็คือโรงแรมแห่งนี้มีลิฟท์ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะใช้พลังงานไฟฟ้า แต่เมื่อเข้าไปดูมันใกล้ๆจริงแล้ว มันให้พลังงานของพลังเวทย์ และเจ่าไห่ก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น ลอร่าเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
และก็ต้องรู้พลังงานที่ใช้นั้นมันไม่ได้มาฟรีๆ แค่คิดถึงค่าใช้จ่ายแล้วก็พูดได้เลยว่า นอกจากโรงแรมเซรี่แล้วก็ไม่มีใครใช้มันเลย
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมเซรี่ของเมืองสายน้ําริเวอร์และที่อื่นๆ ก็คือมีแขกจํานวนมากมาที่นี่ มันทําให้ที่นี่เป็นที่รู้จักันมาก และดูเหมือนว่าเสื้อผ้าที่โรงแรมที่ให้แขกใส่นั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ธรรมดาเลย มันมีราคาที่สูงมาก
เมื่อแขกคนอื่นๆได้เห็นเจ่าไห่ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจมาก เจ่าไห่ก็เดินทางไปพร้อมกับไมค์ พวกเขาจึงคิดว่าเจ่าไห่เป็นคนของตระกูลเซี่
หลังจากที่มาถึงที่โรงแรม เจ่าไห่ก็ได้ปล่อยนกอินทรีย์ไปเพื่อส่งจดหมายให้กับอีวาน เหตุผลที่เจ่าไห่ไม่ได้ส่งนกไปก่อนหน้านี้ก็เพราะเขาเองไม่แน่ใจว่าเขาจะได้อยู่โดยที่ไม่ไปไหนหรือเปล่า แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้อยู่ที่เมืองสายน้ําริเวอร์ และตอนนี้เจ่าไห่ก็สามารถส่งจดหมายไปหาอีวานเพื่อที่จะมารับลูหยางได้
เจ่าไห่ไม่ได้ให้ซูกะขึ้นกอินทรีย์ไป ครั้งนั้นที่เจ่าไห่ทํา ก็เพราะเขาอยากจะรู้ถึงความสามารถของนกอินทรีย์ และวิธีนั้นมันก็ไม่ได้จําเป็นกับเรื่องนี้ และนี่ก็เป็นช่วงฤดูหนาวถ้าคิดจะทําแบบนั้น คนที่ขี่มันก็คงจะแข็งตายไปก่อน เพราะนกอินทรีย์นั้นไปบินไปด้วยความเร็ว
จดหมายตอบกลับจากอีวานก็มาถึงในคืนนี้ อีวานบอกเจ่าไห่ว่าให้พาลหยางไปที่เมืองสกายก่อนแล้ว อีวานจะส่งคนไปรับลูหยางที่นั่น
แต่เมื่อเจ่าไห่นึกขึ้นว่าลหยางนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีในการเดินทาง เจ่าไห่ก็รู้สึกปวดหัวทันที
ลูหยางเคยท่าให้เจ่าไห่เกิดปัญหาก่อนหน้านี้ เธอทําให้ตัวเธอเองไม่ใช่คนที่เจ่าไห่จะไว้ใจ
เช้าวันต่อมา เจ่าไห่และคนอื่นๆ ก็กินอาหารเช้า เขาบอกลูหยางเกี่ยวกับแผนการของอีวาน สําหรับเธอ จากนั้นเจ่าไห่ก็ขอให้ทุกคนเตรียมตัว เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาสําหรับไมค์ แต่แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถออกเดินทางได้ในวันนี้ แต่ก็จะออกเดินทางได้ในวันพรุ่งนี้
เจ่าไห่ก็ไม่ได้คิดอะไร แม้ว่าจะมีเรือมุ่งหน้าไปยังเมืองงสกาย พวกเขาก็ไม่สามารถลงเรือได้ เพราะมันจะเป็นที่น่าสนใจมากสําหรับโจรสลัด และนั่นก็ไม่เป็นทางที่คนฉลาดคิดที่จะทําแน่นอน
ถึงแม้ว่าเจ่าไห่จะไม่ได้กลัวพวกเขา แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เนื่องจากพวกเขายังต้องอยู่ภายในเมืองสายน้ําริเวอร์อีกหนึ่งวัน เจ่าไห่ไม่ได้ซ่อนอยู่ภายในห้องของโรงแรม เขาไปเดินเล่นรอบๆเมือง ในขณะที่ในเวลานี้เจ่าไห่ก็ซื้อของเป็นจํานวนมาก และมันก็เป็นสิ่งที่คนในทุ่งหญ้าต้องการ
คนในทุ่งหญ้าต้องการอะไรมากที่สุด? อย่างแรกเลยก็คือพืช และอีกอย่างก็คือเกลือ และอีกอย่างก็คือเหล็ก
สิ่งที่ทุ่งหญ้าไม่มีมากที่สุดรองลงมาก็คือเกลือ เพราะพวกเขาชอบเอาเกลือไปใส่ในอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่สําคัญมาก เราต้องรู้ว่าไม่มีทางที่จะจัดหาเหล็กจากพืชได้ ดังนั้นสิ่งบางสิ่งก็น่าจะต้องเอามาจากที่ทวีปอื่นๆ
แต่ในในทวีปอื่นนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร และเจ่าไห่ก็มีพืชในทุกๆวัน แต่เพียงซื้อเกลือและเหล็ก ตลอดจนสินค้าอื่นๆที่จําเป็น
ตั้งแต่ที่เขาอยู่ในทุ่งหน้ามาได้นานพอสมควรแล้วเขาก็รู้ว่าคนในที่นี้ต้องการอะไรมากที่สุด และด้วยความช่วยเหลือของลอร่า เจ่าไห่ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะซื้ออะไรที่ไร้ประโยชน์
การกระทําของเจ่าไห่อาจไม่ได้พูดออกมา แต่นี่ก็คือสิ่งที่นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะทํากัน ถ้าพ่อค้าคิดว่าการต่อสู้เพียงอย่างเดียวและไม่ทําเงินใดๆ แล้วจะเป็นพ่อค้าแบบไหน?
วันต่อมาเจ่าไห่และคนอื่นๆ ก็กินอาหารเช้าและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง อยู่นอกบริเวณท่าเรือของเมือง ซึ่งมีจุดมุ่งหน้าไปยังเมืองสกายที่ตระกูลเซรี่รู้จักกันดี
เมื่อมีเรือเข้ามาถึงท่าเทียบเรือ เจ่าไห่ก็ตกใจ เขาเข้าใจเลยว่าที่นี่คือท่าเรือของเมืองจริงๆ ดูเหมือนว่าจะมีเรือประมาณ 1,000 ล่า
โชคดีที่แม่น้ําแห่งนี้มีขนวดที่กว้างมากในขณะที่ความลึกของมันก็มากเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงจะไม่สามารถให้เรือลอยได้ เจไห่และคนอื่นๆก็ขึ้นเรือที่ใหญ่ที่สุดบนท่าเรือ ดูเหมือนว่าเรือนี้จะเป็นเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ เรือนี้มีเสากระโดงอยู่ 3 เสา
ดูเหมือนว่าที่เรือนจะมีห้องพักจํานวนมากไม่ได้มีแค่กลุ่มของเจ่าไห่ และก็ยังคงมีที่อยู่สําหรับสัตว์เวทย์ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เจ่าไห่ได้นั่งเรือ หลังจากที่เขามาถึงที่จักรวรรดิโรเซ่น เขาได้นั่งเรือไป
หลังจากที่ขึ้นเรือแล้ว เจ่าไห่ก็ได้รู้จักกับกัปตันเรือ กัปตันชื่อว่า โซเทค เขามีอายุกําลังพอดีเลย เขามีความสูงมาก และเนื่องจากอยู่บนเรือมานานหลายปีแล้ว เขาก็เลยมีสีผิวที่ดําและดูแข็งแรงมาก แต่เขาก็ดูดีมากเมื่อได้เจอกับเจ่าไห่ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับไมค์มาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของเขาไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเจ่าไห่ เจ่าไห่สังเหตเห็นว่าเขาเป็นนักรบที่มีพลังอยู่ในระดับที่ 7 เจ่าไห่ยังให้ความสนใจกับลูกเรือ เรือของพวกเขาไม่ได้ดูธรรมดา และยังติดอาวุธด้วย
เจ่าไห่ลืมไปแล้วว่าเรือแบบนี้จําเป็นต้องมีอาวุธป้องกันตัวเอง เมื่อเดินทางไปมันก็ดูเหมือนเรือธรรมดาที่มีอาวุธ
นั่นคือเรือที่ทําโดยไมค์ เขาไม่สามารถรับเรือที่เขาไม่มั่นใจได้ เจ่าไห่ยังเชื่อถือเรือหลังจากได้รับความเห็นจากโซเทค เจ่าไห่เดินสํารวจรอบๆเรือ
นอกเหนือจากเจ่าไห่ บนเรือนี้อาจจะมีคนมากกว่า 1,000 คน บางคนก็เป็นพ่อค้าในขณะที่บางคนก็เป็นคนธรรมดาที่อยากจะไปที่เมืองสกาย
หลังจากที่เดินไปรอบๆ เจ่าไห่เห็นว่าการเดินทางจากเมืองสายน้ําริเวอร์ ไปยังเมืองสกายจะใช้เวลาประมาณ 5 วันโดยเรือ แต่ถ้าหากพวกเขาเดินทางไป อาจจะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น
แม่น้ําริเวอร์นั้นกว้างมากจนไม่มีการโยกของเรือ แต่เม็กก็เมาเรืออยู่ดี เจ่าไร่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะกลับไปที่ห้องของพวกเขาและส่งเธอไปที่มิติ
ลอร่าเคยเดินทางด้วยเรือมาแล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอไม่รู้สึกเมาเรือ แต่เธอก็มีชีวิตชีวามากและเดินตามเจ่าไห่ไปด้วย พร้อมกับเนียร์ ลูหยางก็ได้กลับห้องของเธอไปและไม่ได้ออก มา
ถ้าไม่ได้เป็นการกระทําของลูหยางก่อนหน้านี้ เจ่าไห่ก็อาจจคิดว่าเธอเป็นบ้า เมื่อเจ่าไห่เพิ่มเริ่มออกเดินทาง เขาสามารถมองเห็นลูหยางได้เกือบทุกวัน แต่ตอนนี้ลูหยางก็กินอาหารทั้งสามมื้อภายในห้องของเธอ เมื่อพวกเขาอยู่ในรถเขาจะไม่สามารถเห็นเธอได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ภายในเต็นท์ของพวกเขาขณะที่เดินทางลูหยางก็ยังคงอยู่ข้างใน เธอดูเหมือนจะซ่อนตัวจากเจ่าไห่
วันนี้เจ่าไห่มารู้จักกับเธอแล้ว แต่เขาก็ยังกังวลอยู่บ้างเขากลัวว่าลูหยางจะทําอะไรไม่ดี และ เขาก็จะไม่รู้วิธีการอธิบายตัวเองกับอวาน
จุดประสงค์แรกของอีวานคือเพื่อให้ลูหยางได้อยู่กับเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่า เจ่าไห่มีลอร่าและเม็กอยู่แล้ว แต่การมีภรรยามากกว่าหนึ่งในทวีปเป็นเรื่องปกติ หลังจากได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเจ่าไห่ อีวานได้วางแผนไว้ แต่ดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะเสียเปล่า ลูหยางไม่ได้ทําแบบนั้นกับเจ่าไห่