Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 297
บทที่ 297 – หัวหน้าเผ่ามาร์ซี
หัวหน้าเผ่ามาร์ซีที่ชื่อ ซีซ่าได้สังเกตการปรากฏตัวของเจ่าไห่ เมื่อพวกเขามองไปที่เง่าไห่ เวลส์ได้อธิบายอย่างรวดเร็วว่าเจ่าไห่เป็นพี่น้องร่วมสาบานของฉันเอง
เป็นที่แน่ชัดเลยว่าไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหน หรือเป็นเผ่าใด เมื่อเข้ามาในทุ่งหญ้าและได้ร่วมสาบานท่านก็คือพี่น้องของเผ่านั้น และก็เป็นคนของทุ่งหญ้าไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ซีซ่าจึงไม่ได้ทําอะไรเจ๋าไร่ และในทางตรงกันข้ามมันทําให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เพราะคนที่เขาได้พบในวันนี้ก็คือเจ่าไห่ ไม่ได้เป็นคนที่นี่ แต่เขากับได้เป็นพี่น้องของเวลส์ และยังได้รับธงที่เป็นตราสําคัญของทั้งสองเผ่าอีกด้วย
ธงที่เจ่าไห่ได้รับนั้น เป็นตราที่สําคัญมากจริงๆ และเมื่อซีซ่าได้เห็นว่าเจ่าไห่ได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเวลส์และยังมีธงของทั้งสองเผ่า ซีซ่าจึงไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนที่มาจากที่อื่น
ตอนเที่ยงวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็มาถึงเมืองของเผ่ามาร์ซี เป็นเมืองน่าประทับใจมากกว่าเมืองของเผ่าราชามากเลย ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นบนเนินเขา และด้านล่างก็ยังเป็นแม่น้ําที่มีน้ําไหลผ่านอยู่ตลอดเวลาและยังมีความแรงอีกด้วย ด้วยวิธีนี้พวกเขายังสามารถใช้แม่น้ําในการปกกันการโจมตีได้และยังสามารถใช้ในการดื่มได้ด้วย
บนแม่น้ําเผ่ามาร์ซีได้สร้างสะพานไม้ สะพานกว้างมากจนมองเห็นได้ไกลพอสําหรับขนาดก็น่าจะเท่ากับรถ 10 คันต่อกัน นอกจากนี้ไม่ไกลจากเนินเขาเป็นน้ําไหลช้าๆ ซึ่งพวกเขาสามารถให้ในการอาบน้ําในนั้นพื้นได้
เนินเขานั้นไม่ได้สูงมาก แต่ก็มองเห็นได้ว่ามันก็มีความสูงที่พอดีของมันและก็ยังสามารถมองเห็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ได้อีกด้วย และก็ดูเหมือนว่ามันจะสามารถพักอาศัยได้ประมาณหนึ่งล้านคน
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ เข้าไปอยู่ในเมืองจนทําให้เมืองเต็มไปด้วยประชากร แต่พวกเขากับกางเต็นท์อยู่นอกเมือง และรอบๆเป็นจํานวนมาก เพื่อที่จะไม่ทําให้เมืองวุ่นวาย
ขณะที่เวลส์กําลังมองหาทหารของเผ่ามาร์ซีนั้น ทหารม้าของเผ่าก็ออกมาตอนรับพวกเขา แต่พวกเขาก็ออกมาเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น ทหาร 100 คนนั้นมาด้วยความเร็วมากและก็ไม่ได้พูดอะไร เจ่าไม่ได้ให้ความสนใจกับม้าของพวกเขา ม้าพวกเขาดูพิเศษมากเพราะพวกมันมีลําตัวที่ใหญ่มาก
ทหารของเผ่ามาร์ซีก็ออกมารับซีซ่าซึ่งเป็นหัวหน้าและพาทุกคนเข้าไปในเมือง
และเจ่าไห่ก็มองไปที่ซีซ่าซึ่งยังไม่ได้แก่หรือมีอายุที่มากเลย ซีซ่าดูเป็นคนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ และเขาก็ดูแข็งแกร่งมาก หน้าตาของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เมื่อเทียบกับเผ่าเฮคัสซึ่งคนของเผ่าเฮคัสจะมีหนวดเคราอยู่บนหน้าทําให้เขาดูคล้ายกับสิงโต
และเจ่าไห่ก็ได้เห็นลักษณะท่าทางของเผ่ามาร์ซีไปบางส่วนแล้ว แต่เจ๋าไร่ก็ไม่ได้มองว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนกับเผ่าอื่นๆ
คนที่ตัวใหญ่มากๆยืนอยู่ตรงหน้าของเจ่าไห่ มันทําให้เจ่าไห่รู้สึกแปลกใจมาก เขาดูเป็นคนที่แข็งแกร่งมากและดูเหมือนว่าจะทําร้ายคนอื่นได้ตลอดเวลา
ลิงกัสก็สังเกตเห็นเจ่าไห่ เขาหันไปทางเวลส์และพูดว่า ”เวลส์นี่พี่น้องร่วมสาบานของท่านใช่หรือไม่?
เวลส์มองลิงกัสและพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงน้องชายของฉันคนนี้เป็นคนดี เจ่าไหนี่ก็คือลิงกัสเป็นพี่ชายที่ห้าของเผ่ามาร์ซี”
เจ่าไห่ก็คํานับลิงกัสทันที แต่ภายในใจของเจ่าไห่เขากับหัวเราะ เพราคนที่ชื่อลิงกัสนั้น มีอยู่บนโลกที่เขาเคยอยู่ด้วย
ลิงกัสมองไปที่เจ่าไห่และเขาก็พูดว่า “ถ้านายเป็นน้องชายของเวลส์ นายก็เป็นน้องชายของฉันด้วย”
เจ่าไห่ยิ้มและก็พูดว่า “ขอบคุณพี่ลิงกัส”
เวลส์ก็พูดต่อไปว่า “ลิงกัสมีบางเรื่องที่ฉันต้องพูดกับท่าน และเราก็มีบางสิ่งที่จะมอบให้กับท่าน”
ลิงกัสเหลือบไปข้างหลังรถม้า เขาสังเกตเห็นังใส่ไวน์จํานวนมาก ดูเหมือนว่าในนั้นน่าจะมีของเหลวอยู่แน่นอน เขาหันหน้าไปที่เวลส์และพูดว่า “เวลส์นายไม่ได้ให้ไวน์นมกับฉันจริงๆใช่ไหม?”
เวลส์จ้องไปที่เขาและพูดว่า “ดีถ้าท่านไม่ชอบมันแล้วไม่ดื่ม งั้นท่านมีเนื้อแกะหรือไม่? ฉันหิว”
ลิงกัสเห็นว่าไม่ได้รับคําตอบ เขานําไปที่เมือง เมื่อเข้าไปพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเนินเขาทันที ขึ้นบนเนินไป เจ่าไห่เห็นธงเป็นที่ชัดเจนว่านี่คือธงของเผ่ามาร์ซีบนเต็นท์ทองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขี้นที่นั่น
หลังจากนั้นสักครู่ พวกเขาก็มาถึงเต็นท์สีทอง แม้ว่าเต็นท์จะดูน่าประทับใจไม่มีทาสหรือทหารลาดตระเวนอยู่ที่นี่ ยกเว้นเต็นท์สีทองก็ดูเหมือนเต็นท์ธรรมดาๆ แต่ก็ยังมีทหารเฝ้าหน้าทางเข้าอยู่ดี
ทุกคนหยุดอยู่หน้าเต็นท์เวลส์ได้พาเจ่าไห่และทุกคนเข้าไปในเต็นท์
เจ่าไหก็เดินตามเวลส์ไป โดยการเดินตามหลังของลิงกัสและซีซ่า ทั้งสองเดินตามไปที่เต็นท์ เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว เจ่าไห่ก็มองไปที่ด้านนอกอันสวยงามของเต็นท์ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการตกแต่งภายในซึ่งดูเรียบง่าย เหมือนเต็นท์ของเผ่าราชา ซึ่งที่นี่มีโคมไฟห้อยลงมาจากเพดาน และโต๊ะเขียนหนังสือด้านหลังโต๊ะเป็นเก่า ทั้งสองด้านของโต๊ะเป็นแถวเก้าอี้ดูเหมือนห้องประชุม
ทันทีที่เวลส์เข้าเต็นท์ไป เขารีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวจากนั้นก็คุกเข่าลง ”เวลส์ได้เห็นลุงบูเซอร์”
เจ่าไหก็รีบคุกเข่าเพื่อคํานับบูเซอร์ ลุงบุเซอร์ก็หัวเราะเบาๆ ออกมาและพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ทั้งหมดเลย ไม่ต้องทํากันขนาดนั้นหรอก ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอได้นําของขวัญมามากมายงั้นหรอ? พวกเธอนําของขวัญเหล่านี้มาได้ยังไง ในช่วงเวลาที่ยากลําบาก”
เวลส์ยิ้มและลุกขึ้นยืน “ลุงฉันนําผลิตภัณฑ์พิเศษของคนจากที่อื่นมา ฉันต้องการที่จะมอบมันให้กับท่านลุง”
บูเซอร์หัวเราะและก็พูดว่า ” ดีมากเธอมีใจที่ดี และนี่เป็นน้องชายร่วมสาบานของเธอนั้นหรือ?”
เจ่าไห่ต้องการที่จะให้ของขวัญแก่ลุงจํานวนมาก เจ่าไห่ก็คุกเข่าลงและคํานับ
บูเซอร์พยักหน้าและพูดว่า ”ลุกขึ้นเถอะ เพราะเธอเป็นน้องชายของเวลส์ เธอก็คือหลานของฉัน ไม่จําเป็นต้องทําขนาดนั้นหรอก”
เจ่าไห่แสดงความเคารพและเดินไปหาเวลส์ เวลส์เดินไปข้างหน้าและโบกมือให้กับทหารของเขาแล้วส่งถังใส่ไวน์มาให้เวลส์ และเวลส์ก็มอบถังนั้นให้บูเซอร์ และพูดว่า “ลุงไวน์นมนี้ทําขึ้นโดยเจ่าไห่ ฉันคิดว่าลุงน่าจะชอบมันนะ โปรดลองดื่มก่อนเถอะ”
บูเซอร์มองไปที่เวลส์เขาไม่ได้แสดงออกในเชิงลบใดๆ เขายิ้มและตอบว่า “ดี ไวน์นมเป็นสิ่งที่ดี ฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากมัน ฉันจะลิ้มรสไวน์นมนี้จากน้องชายของเธอ เรามาดูกันว่ามันเทียบได้กับไวน์นมของเราได้ไหม”
เวลส์ยิ้มและเดินไปทางบูเซอร์ เขาเทไวน์ลงบนขนมปังของบูเซอร์ และบูเซอร์ก็พูดว่าชาวเผ่าไม่สามารถแยกจากไวน์นมได้ ไวน์นมมันกลายเป็นปัจจัยสําคัญในชีวิตของพวกเรา ดังนั้นจึงมีไวน์ที่วางไว้บนโต๊ะของบูเซอร์อยู่แล้ว
เมื่อเวลส์รินไวน์เสร็จบูเซอร์ก็ตะลึง เขาดื่มไวน์นมตลอดชีวิต แต่ไม่เคยเห็นไวน์ที่ใสเช่นนี้ มันทําให้เขาประหลาดใจ
นอกจากนี้เขาไม่ได้สงสัยว่าเวลส์ในการเล่นเคล็ดลับเกี่ยวกับเขาเพราะเขาสามารถสังเกตเห็นได้ชัดกลิ่นที่แตกต่างของไวน์นม เราควรรู้ว่าจมูกของเผ่ามาร์ซี มีความอ่อนไหวมากกว่าเผ่าอื่น
หลังจากที่เวลส์เทไวน์เสร็จแล้ว บูเซอร์ก็คว้าไว้ทันทีและจิบ ไม่เหมือนกับเวลส์ที่ดื่มมันหมดในทันที บูเซอร์ไม่ดื่มมากเกินไป เขารู้สึกถึงปริมาณของไวน์ที่มีอยู่ในปากของเขา บูเซอร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนดี แต่ต้องมึนเมากับรสชาติของไวน์องพระ
ชนเผ่าบนทุ่งหญ้ารักไวน์ของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพลเมืองสามัญหรือสมาชิกของพระราชวงศ์ก็ตาม ดังนั้นบูเซอร์ก็ชอบการดื่มไวน์และเขาสาบานได้ว่าเขาไม่เคยดื่มไวน์รสอร่อยมาก่อน
เขาก็มองไปที่เจ่าไห่ด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ผู้คนมักพูดว่าคนจากที่อื่นเป็นคนฉลาด ฉันไม่ชอบคนส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ฉันรู้ว่าฉันคิดผิด มองไปที่ว่าพวกชาวเผ่าไม่สามารถปรับปรุงรสชาติของไวน์นมได้หลังจากผ่านไปหลายพันปีแล้ว เธอมีพรสวรรค์มาก คนแก่คนนี้อยากจะขอบคุณเธอที่ทําให้ฉันได้ลิ้มรสไวน์ชั้นดี”
เห็นได้ชัดว่าเขากําลังพูดถึงเจ่าไห่ เจ่าไห่คํานับและตอบว่า “ลุงเป็นคนดีจริงๆ เพราะวัสดุที่ฉันใช้มีคุณภาพดี ฉันดีใจที่ลุงชอบมัน”
บูเซอร์ยิ้มและพูดว่า “ดีมากเวลส์เธอไม่จําเป็นต้องมาหาคนแก่อย่างฉันหรอก จําไว้ว่าให้ส่ง เนื้อแกะไม่กี่ชิ้นมา ฉันขอเชิญชวนผู้เฒ่าสักสองสามคนเข้ามาและให้ไวน์แก่เราด้วย ไวน์นี้มีกลิ่นห อมจริงๆพวกเราอยากจะสนุกกับมันสักหน่อย”
เขาหันไปทางเวลส์และหันไป
จบบทแล้วนะครับ หากอ่านไม่เข้าใจก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ