Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 296
บทที่ 296 – เผ่านักรบ
บนทุ่งหญ้าที่มีสีเหลืองทองและความสวยงามนั้น มีรถม้าจํานวนมากกําลังเคลื่อนที่ไป ด้านหน้า
และการคุมกันรถม้าพวกนี้ก็มีหมาป่าที่เผ่าเฮคัสได้เลี้ยงไว้คอยเฝ้าระวังอยู่รอบๆด้าน และรถม้าที่นําหน้าอยู่นั้นก็ได้ติดธงของเผ่าหมูปาไว้ที่จุดสูงสุด
และรอบๆ รถม้าก็ยังมีทหารของเผ่าเฮคัสเดินอยู่ด้วย, พวกเขาได้สวมอยู่ในชุดที่พร้อมจะออกรบอยู่ตลอดเวลา
ภายในรถม้า เจ่าไหก็นั่งอยู่ในนั้นและเขาก็มองไปที่เวลส์และพูดออกมาว่า “พี่ชาย พี่ช่วยดื่นไวน์นมให้น้อยลงได้หรือไม่? ฉันคิดว่าถ้าพี่ดื่มมันไปมากกว่านี้ มันจะไม่สามารถให้เป็นของขวัญแก่เผ่ามาร์ซีได้ล่ะสิ”
ในขณะนั้นเวลส์ก็ได้ถือกระเป๋าที่เล่าให้ได้ให้ไว้ และก็ตื่นไวน์ของเจ้าไร่อยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่า เจ๋าไร่จะมองและบอกเวลส์ก็ไม่อาจจะทําให้เวลส์หยุดตื่นไวน์นมนั่นได้เลย ตั้งแต่ที่เล่าให้ได้ให้เวลส์ดื่มไวน์นมของเขา เวลส์ไม่ได้หยุดดื่นไวน์เลยแม้แต่นาทีเดียว เวลส์ได้ถือไวน์นมไว้ตลอดเวลาจึงทําให้เจ้าไร่ไม่อาจจะทําอะไรได้เลย
และจู่ๆเวลส์ก็มองไปที่เจ้าไห่และพูดว่า ”น้องชาย นายมีไวน์ชั้นดีเช่นนี้ แต่ทําไมนายถึงไม่เคยให้ฉันดื่มมันหล่ะ? ที่ฉันไม่ได้บอกพี่ก็เพราะว่าฉันรู้ว่าพี่อาจจะเป็นเช่นนี้ไงพี่เวลส์”
เมื่อเวลส์ได้ฟังสิ่งที่เจ๋าไม่ได้พูดออกมาเขาก็หัวเราะออกมา, และลอร่ากับฟาโรม่าและคนอื่นๆก็ยังหัวเราะออกมา พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าสิ่งที่เวลส์พูดนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นแต่ไวน์นมของเจ้าไห่นั้นเป็นไวน์ที่ดีมาก จึงทําให้ฟาโรม่าซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้มาก่อนกับดื่มมันไปพร้อมกับเวลส์
เจ้าไม่เห็นสภาพของเวลส์เขาส่ายหัวและพูดกับเวลส์ว่า “พี่เวลส์พี่ไหวไหม พี่จะให้พี่ชายที่หกจัดการทุกอย่างเลยงั้นหรอ?”
เวลส์ยิ้มออกมาและบอกเจ่าไห่ว่า “ไม่ต้องห่วงเลย พี่ชายที่หกนั้นเป็นคนที่เก่งมากในการขนส่งสินค้าและการเดินทางในทุ่งหญ้า”
เจ้าไห่พยักหน้าด้วยความหมดห่วงและพูดว่า นอกจากนี้ฉันคิดว่าเรากําลังจะเข้าฤดูหนาวแล้วนะ มันจะเป็นการดีมากถ้าเราได้เตรียมไวน์นมไว้เพื่อรับมือกับฤดูหนาวที่กําลังจะมาถึงฉันคิดว่าฤดูหนาวนี้น่าจะมีความหนาวมาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ที่นี่หรือคนที่มาจากทวีปอื่น มันจะเป็นการดีมากถ้าได้ดื่มไวน์เพื่อต้านกับความหนาว ซึ่งไวน์มันจะทําให้ร่างกายของเรามีอุณภูมิที่สูงและมันจะไม่หนาวมาก”
และเมื่อเวลส์ได้ฟังจบดวงตาของเขาก็ดูจะเป็นประกายและก็ตอบเจ่าไห้ไปว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงพี่จะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน พี่รู้ว่าตอนนี้เผ่าของเรากําลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีความหวัง แต่ตอนนี้เราก็ยังมีแกะที่สามารถแบ่งกันได้อย่างพอเพียง และพี่ก็ได้ทําข้อห้ามกับคนที่จะดื่มไวน์ไว้แล้วว่าควรดื่มมากน้อยแค่ไหน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อต่อสู้ ถ้าการแก้แค้นในครั้งนี้เราทําไม่สําเร็จ เผ่าของเราก็คงหายไปจากทุ่งหญ้าแห่งนี้แน่นอน”
คําพูดของเวลส์นั้นเป็นคําพูดเดิมเลยที่เขาเคยพูดไปแล้ว ตอนนี้เผ่าของเขาจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาต้องชนะเท่านั้น ถึงแม่ว่าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีกําลังใจเหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกเขาถูกโจมตีและถูกยึดเมืองที่พวกเขาเคยอยู่ไป ถ้าพวกเขาทําไม่สําเร็จพวกเขาก็จะไม่มีโอกาสในครั้งต่อไปอีกแล้ว อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
ตอนนี้เจ้าไม่คิดว่าเวลส์เป็นบ้าไปแล้วนิดนึง แต่ความบ้าที่เวลส์มีมันเป็นสิ่งที่สําคัญมากในตอนนี้เจ้าไห่ถอนหายใจและพูดว่า “และเจ้าหญิงทั้งสองเป็นอย่างไรบ้าง พวกเธอสบายดีหรือไม่?”
เวลส์พยักหน้าและพูดว่า “ดีพวกเธอดีขึ้นแล้ว และพวกเธอก้ยังบอกอีกว่าเผ่ามูลได้สั่งให้ใช้พวกเธอพวกมันไม่เพียงแต่ทําเรื่องแค่นั้น แต่พวกมันยังฆ่าคนที่ติดตามเจ้าหญิงทั้งสองไปด้วยคนแก่และคนอ่อนแอถูกจับให้เป็นทาส และเขาจะไม่ยอมถ้าไม่เห็นเผ่าบูลตายกันทั้งหมดและเผ่าราชาก็ด้วย”
เจ้าไร่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขารู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก แต่เจ๋าไร่ก็พูดว่า “พี่เวลส์เราจะต้องจัดการกับเผ่าราชาด้วยงั้นหรือ?”
เวลส์คิดอยู่แปปนึงและเขาก็ตอบว่า ” คนอื่นภายในเผ่าราชา พี่จะไว้ชีวิตพวกเขา แต่หัวหน้าเผ่าราชามันต้องตาย น้องไร่ นายต้องสัญญากับพี่นะว่า นายจะทําให้เผ่าบูลทั้งหมดกลายเป็นซอบบี้ ทําให้พวกเขากลายเป็นทาสของพวกเรา”
เจ้าไห่ยิ้มและพูดว่า “พี่เวลส์ พวกเขาทั้งหมดมีแสนคนเลยนะ พี่จะให้ฉันทําทั้งหมดเลยงั้นหรอ?”
เวลส์พยักหน้าด้วยความจริงจังและพูดว่า “ถ้าเราไม่ทําแบบนั้น พี่คิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่จบลงไปง่ายๆแน่นอน น้องชายนายต้องสัญญากับฉัน”
เจ๋าไห้ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงและพูดว่า “พี่ชาย, ฉันจะไม่ได้กําไรอะไรมากเลย แต่ถ้าได้ทําแบบนั้นกองกําลังของฉันก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ฉันยินดีที่จะช่วยพี่ชาย”
เวลส์ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ เขาคิดว่าเจ้าไม่ได้พูดให้กําลังใจเขา เวลส์ก็พอมีความรู้เกี่ยวกับนักเวทย์แห่งความมืด เวลส์รู้ดีว่านักเวทย์แห่งความมืดสามารถควบคุมซอบบี้ได้เป็นจํานวนมากเวลส์ก็ยังรู้อีกว่าเจ้าไห่นั้นมีพลังที่แข็งแกร่งจึงน่าจะทําแบบนั้นได้
สิ่งที่เขาไม่รู้คือเจ่าไฟไม่ใช่นักเวทย์แห่งความมืดจริงๆ สําหรับเจ่าไห่แล้วการควบคุมซอบบี้ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก มันก็เหมือนกับว่าเจ๋าไห้ได้พูดว่าเมื่อซอบบี้ของเขามากขึ้นมันก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้
เวลส์ยอมรับเจ่าไห้ด้วยใจจริง เวลส์มองเจ้าไห่เป็นน้องชายที่แท้จริงของเขาเอง
เวลส์มีความคิดถ้าพวกเขาชนะเผ่าบูลได้ในเวลานี้นอกเหนือจากการเปลี่ยนเผ่าบูลให้เป็นทาสของเจ่าไห่แล้ว เขายังเตรียมที่จะให้แกะกับเจ่าไห่หลายพันตัวอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามเวลส์ไม่ได้พูดมันออกมาให้ใครไดยิน มันเป็นเพียงความคิดของเขาเท่านั้นแต่เขาก็เชื่อว่าฟาโรม่าและเม็นเดซจะไม่เห็นด้วยกับเขา ถ้าไม่มีเจ้าไห่ก็คงไม่มีเผ่าเฮคัสในวันนี้
ตอนนี้พวกเขาก็ได้วางแผนที่จะให้ของขวัญแก่เผ่ามาร์ซี ตอนแรกนั้นเจ๋าไห้ไม่ได้อยากที่จะมาด้วย แต่เวลส์ก็ได้บังคับให้เจ้าไห่ไปด้วย เพราะเขารู้สึกว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเจ่าไห่เพื่อที่จะ ทําความคุ้นเคยกับมาร์ซีทั้งสองยังสามารถทําธุรกิจการค้าซึ่งกันและกันซึ่งจะไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าไห่เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อเผ่ามาร์ซีด้วย
รถม้าของพวกเขาค่อยๆไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และตอนนี้เผ่ามาร์ซีก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไปเผ่ามาร์ซีได้ตั้งเมืองของพวกเขาใกล้กับเผ่าเฮตัส เพื่อปกป้องและดูแลกันและกัน และเรื่องนี้ก็ทําให้เวลส์รู้สึกประทับใจมาก
สําหรับเผ่าเฮคัสนั้น คนที่ช่วยพวกเขาในสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาเป็นเพื่อนที่แท้จริงภัยพิบัติในเวลานี้อาจบอกได้ว่าเป็นการทดสอบ มันสามารถหาเพื่อนที่แท้ได้ในช่วงเวลานี้ยากลําบากแบบนี้เลย
และมันก็น่าจะใช้เวลาประมาณสองในการเดินทางไปเผ่ามาร์ซี เวลส์ไม่ได้เร่งหรือรีบร้อนอะไรเขาสั่งให้รถม้าของเขาค่อยๆไป
ก่อนที่เจ้าไห่จะมาถึงที่ที่เวลส์อยู่ เวลส์ก็ได้แจ้งเผ่ามาร์ซีเกี่ยวกับเรื่องเผ่ามูลและกิลแห่งความสว่างในบรรดาชนเผ่าในทุ่งหญ้าเผ่ามาร์ซีมีสถานะที่สูงกว่าเผ่าเฮคัส ดังนั้นเมื่อเวลส์บอกข่าวกับ เผ่ามาร์ซี เผ่ามาร์ซีก็จะบอกข่าวไปยังเผ่าอื่นๆ เพื่อให้เผ่าอื่นรู้เรื่องนี้ก่อน
อาจกล่าวได้ว่าสําหรับชนเผ่านั้น องค์กรที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือ กิลแห่งความสว่าง พวกเขามักปราบปรามพวกชาวเผ่า พวกเขาพูดคุยกับพวกชาวเผ่าราวกับว่าพวกเขาด้อยกว่าและพวกเขาก็มีสงครามมากมายกับเหล่าชนเผ่า
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือพวกเขาได้พยายามที่จะควบคุมชนเผ่าทั้งหมด จึงทําให้ชนเผ่าประสบกับความขัดแย้งภายใน สิ่งนี้ทําให้เผ่าทั้งหลายเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อกิลแห่งความสว่าง
เมื่อเวลส์ได้รับข่าวจากเจ่าไห่ว่าเผ่าบูลกําลังทํางานร่วมกับกิลแห่งความสว่าง เขารู้ดีว่าตราบเท่าที่ข้อมูลเป็นที่รู้จักแล้วการต่อสู้กับเผ่าบูลจะเป็นเรื่องที่ดีมาก
เวลส์เชื่อว่าเมื่อเผ่านักรบทั้งสองเผ่ารับข้อความจากเผ่ามาร์ซี พวกเขาจะทําหน้าที่และจะช่วยเวลส์แก้แค้นและเอาเมืองเกิดของพวกเขาคืนมาจนได้
อย่างไรก็ตามเวลส์ไม่ต้องการพึ่งพาอํานาจของเหล่าเผ่านักรบ เพื่อหาตําแหน่งของเขาในฐานะหัวหน้า เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ชื่อเสียงของชนเผ่าก็จะลดลง ซึ่งจะทําให้กฏของเขาเกี่ยวกับชนเผ่าทั้งหมดจะไม่เป็นที่เชื่อฟังในอนาคต
ในเวลากลางคืนเขาก็ตั้งเต็นท์ไว้ในที่ราบ เวลส์ไม่ได้ทําให้ยุ่งยากมาก เขาเพียงแค่กินอาหารและพักผ่อนแล้วเขาต้องการจะเก็บแรงไว้เขาจึงสั่งให้ทุกคนนอนหลับให้หมด
เพื่อประโยชน์ในการเตรียมทําสงคราม เวลส์จึงเข้มงวดในทุกอย่าง แม้ในการเดินทางครั้งนี้เขาเพียงแต่นําอาหารมาให้เท่านั้น
และวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมา พวกเขาก็สามารถมองเห็นเผ่ามาร์ซีได้แล้ว พวกเขา สามารถมองเห็นได้ทุกที่บนทุ่งหญ้า พวกเขาต้องเตรียมพร้อมสําหรับฤดูหนาวดังนั้นเวลส์และ พวกของเขาก็จะเห็นคนที่กําลังหาอาหารเพื่อเตรียมอยู่อยู่จํานวนมาก
และมันก็อาจจะบอกได้เลยว่านี่เป็นเวลาที่คึกคักที่สุดของปีบนทุ่งหญ้า เผ่ามาร์ซีก็สามารถมองเห็นกลุ่มของเวลส์ได้ด้วยเช่นกัน เผ่ามาร์ซีหลายคนก็ได้วิ่งไปทักทายเวลส์
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ๋าไม่เห็นเผ่ามาร์ซี เผ่ามาร์ซีมีเมืองที่ใหญ่มาก และดูเหมือนว่าพวกเขาจะตัวเล็กกว่าคนที่มาจากเผ่าบูลอยู่บ้าง แต่บางคนที่นี่ก็สูงถึง 2.5 เมตรเลย
เสียงพวกเขาแหลมมาก แต่ก็ดูมีอํานาจที่โดดเด่น ทําให้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งในเสียงของพวกเขา ในความเป็นจริงบนทุ่งหญ้าแห่งนี้ เผ่ามาร์ซีเป็นที่รู้จักกันดี แม้แต่เผ่านักรบก็จะไม่ทําสงครามกับเผ่ามาร์ซี พวกเขามีความแข็งแรงมาก
จบบทแล้วนะครับ