Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 292
บทที่ 292 – ความรู้สึก
เจ้าไห่และลอร่าก็ได้กลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับออกไปทันที ลอร่ามองไปที่เจ่าไห่ด้วยความตื้นตันใจ และพูดกับเจ่าไห่ว่า “พี่ไห่ พี่เป็นคนดีจริงๆ พี่ไม่ได้บอกเบลล์ว่าพี่เวลส์จะโจมตีเผ่าบูลกลับเมื่อใด เพราะพี่กลัวว่าข่าวมันจะแพร่กระจายไปใช่ไหม?”
เจ้าไห่พยักหน้าเพราะเรื่องที่ลอร่าพูดออกมานั้นมันเป็นสิ่งที่เขาได้กระทํา และเจ้าไฟก็จอบลอร่ากลับไปว่า “ถึงแม้ว่าเบลล์จะเป็นสมาชิกของกลุ่มนักเวทย์แห่งความมืด เราก็ไม่ควรปล่อยปะละ เลยกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะยังไงเราก็ควรที่จะระมัดระวังกับเรื่องที่จะพูด พี่เวลส์จะได้ทําการเอาคืนได้สําเร็จ การเอาคืนในครั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเผ่ามูลที่ไม่ได้รู้ว่าเราจะโจมตีพวกเขา ถ้าเราปล่อยให้ผู้อื่นรู้เรื่องนี้ฉันคิดว่าแผนที่ได้วางไว้มันจะพังไม่เป็นท่า เพราะฉะนั้นเราก็มิควรจะบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น”
ลอร่าพยักหน้าให้เจ้าไห่ด้วยความเข้าใจ ถ้าเบลล์ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มนักเวทย์ ลอร่าก็จะไม่ยอมพูดคุยกับพวกเขาแน่นอน เพราะชื่อเสียงของเขานั้นไม่ค่อยจะดีนัก
เม็กก็หันไปหาเจ้าไห่และพูดว่า “แต่ฉันคิดว่าเบลล์นั้นเป็นคนดี เพราะว่าเขาได้บอกข้อมูลที่เรายังไม่รู้กับเรา แล้วทําไมนายน้อยถึงต้องระวังพวกเขา?”
เจ้าไห่หันไปมองเด็กและเนียร์ผู้ที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก และลอร่าก็ส่ายหัวเม็กและ เนียร์เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ทําอะไรมากไปกว่านี้ ถ้ามีใครที่ทําดีกับพวกเขา พวกเขาก็จะคิดว่าคนๆ นั้นเป็นคนดี ด้วยความคิดนี้ของพวกเขามันอาจจะทําให้พวกเขาถูกหลอกไปได้ง่ายๆเลยทีเดียว
เจ่าไห่ไม่ได้มองหน้าพวกเขาต่อไป และก็พูดออกมาว่า “เบลล์เป็นคนดีและเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มนักเวทย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรต่อต้านเรา แต่ในสถานการณ์ตอนนี้คนยิ่งรู้น้อยก็ยิ่ง
สิ่งที่เท่าไห่พูดนั้นก็ทําให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้นและพยักหน้าให้กับเจ่าไห่ แต่เจ่าไห่ก็ยังได้มองไปที่พวกเขา เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาจะทําตามสิ่งที่จําไปวันนี้หรือไม่ และพวกเขาจะลืมที่จะทํามันไหม
เจ่าไห่และลอร่ามองไปที่ทั้งสองคน แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะทําอะไรให้ดีขึ้นได้ แต่เจ่าไห่ก็คิดที่จะเลิกพูดเรื่องนี้ พวกเขาก็ได้ไปจัดเตรียมอาหารที่จะกินในวันนี้ และเจ้าไร่กับลอร่าก็ไม่คิดว่าทั้งสองคนนี้จะสามารถทําร้ายผู้อื่นได้ภายในชีวิตของพวกเขา
สิ่งที่พวกเขาจะต้องเตรียมมันก็ไม่ได้มีอะไรมากนักพวกเขามีไวน์นมและพืชบางชนิดที่สามารถกินได้อยู่แล้ว เจ่าไห่ไม่นําพืชออกมาจากมิติ เพราะเขากลัวว่าชาวเผ่าจะมาเห็นเข้าและจะทําให้พวกเขาเกิดอาการอิจฉาได้
ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกเขาทั้งสี่คนก็พร้อมที่จะออกไปนอกเต็นท์ของพวกเขา ด้านหน้าของเต็นท์นั้นก็มีกองไฟที่ถูกจุดขึ้นและมีแกะที่ถูกย่างอยู่ และสิ่งที่ก็ทําให้เจ้าไห่ชื่นชมทาสของเบลล์ที่สามารถจัดการทําอาหารได้ขนาดนี้
และในมือของเจ่าไห่ตอนนี้ก็ถือมีดที่ทาสของเบลล์ได้นํามาให้ แต่เจ้าไห่ก็คิดว่ามีดเล่มนี้ไม่ได้มีความสง่างามเหมือนกับมีดที่เป็นเดซได้ให้เขา แต่ตอนนี้เจ้าไหก็ชอบที่จะใช้มีดที่ทาสให้เขา เจ้าไห่คิดว่ามีดนี้เป็นมีดที่มอบให้เขาด้วยใจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้งามเหมือนของเมนเดซก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะใช้มัน
ตอนนี้เบลล์ก็ได้มานั่งรอเจ้าไห่แล้ว อุปกรณ์ที่ใช้กินข้าวก้พร้อมและเหลือก็แต่เพียงคนที่จะมากินเท่านั้น
เจ่าไห่ไม่ได้มาตรงเวลาที่เบลลีได้นัดไว้ แต่เขาก็ได้นําไวน์นมที่ได้เตรียมไว้มาด้วย และสิ่งที่เจ้าไห่นําไวน์นมใส่มาก็คือโถใส่น้ํา และโถแต่ละใบที่เล่าให้ได้นํามานั้นก็มีไวน์นมอยู่โถละ 5 ลิตร และ มีจํานวนโถ 6 ใบ
ขณะที่เจ้าไม่ได้นําไวน์ออกมา เบต้าก็มาถึงเขาไม่ได้มามือเปล่า เขาถือโถขนาดใหญ่ไว้ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งสิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือเนื้อแกะ
เบลล์นั่งลงพร้อมกับอีกสองคน หลังจากที่พวกเขานั่งลงแล้ว เม็กและเนียร์ก็ได้รีบมาเทไวน์นมขณะที่ไวน์ถูกเทลงถ้วยนั้น เบต้าและเบลล์ก็รู้สึกถึงความแตกต่างในไวน์นี้ กลิ่นหอมของไวน์นี้จึงน่าประทับใจมาก
สิ่งที่สําคัญที่สุดตอนนี้ก็คือไวน์ที่เจ้าไห่นํามานั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งเจือปนใดๆเลย มันดูใสเหมือนน้ําธรรมดามากๆ อย่างไรก็ตามกลิ่นหอมและกลิ่นของนมในไวน์ มันแตะจมูกของพวกเขาทําให้พวกเขาได้กลิ่นมันอยู่ตลอดเวลา
ในเวลานี้ทาสของเบลล์ก็ได้ตัดเนื้อที่เบต้าได้นํามา แต่เบลล์และเบต้าไม่ได้สังเกตเห็นเนื้อแกะ เลยตาของพวกเขามองไปที่ไวน์นมของเจ้าไร่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาเท่านั้น
เบลล์หายใจเข้าลึกแล้วเขาก็หันไปทางเจ้าไห่และถามว่า “นี่เป็นไวน์ที่นายดื่มเป็นประจํางั้นหรอ?”
เจ้าไห่ยิ้มแต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไร และเจ้าไหว้พูดว่า “พี่ทั้งสองลองชิมดูหน่อยสิว่า ไวน์นมของฉันมันรสชาติเป็นยังไง โปรดบอกฉันตามความเป็นจริง
เบต้าก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธไวน์ของเจ้าไห่ จึงทําให้เบต้าดื่มไวน์ของเจ้าไห่ โดยการยกดื่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเจ้าไห่ก็สังเกตเห็นสีหน้าของเบต้าที่กลายเป็นสีแดงไปแล้ว
เบต้าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับไวน์ของเจ้าไห่ เพราะเขาไม่เคยดื่มไวน์ที่เป็นแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าไวน์ของเจ้าไห่นั้นจะสามารถดื่มได้ง่ายกว่าไวน์จากที่อื่น แต่ยังไงมันก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถทําให้เมาได้อยู่ดี ไวน์นมที่ชาวเผ่าได้ทําขึ้นมานั้นถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ใครๆก็สามารถดื่มได้เพราะว่ามันไม่ได้ทํายากเลย และมันก็ไม่ได้มีแอลกอฮอล์สูงมากนัก
เมื่อเบลล์ได้เห็นเบต้าดื่มและพูดแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเขาเองก็มิควรจะดื่มไวน์ของเจ้าให้มากเกินไป เขาหยิบถ้วยขึ้นมาและจิบไวน์เพื่อลิ้มรสพร้อมกับกลิ่นนมเข้าไปในปาก มันมีรสชาติที่อร่อยมาก
เบลล์หลับตาลงและรู้สึกถึงกลิ่นหอมของไวน์ ถึงแม้ไวน์จะมีรสนม แต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นและ รสไม่ได้แย่ แต่กับกลมกล่อมทําให้ไวน์ดูมีราคามากขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เบลล์ได้ดื่มไวน์ชนิดนี้
ตอนนี้เบต้ารู้สึกคิดหนักมากและเขาก็ไม่สามารถรอได้ เขาก็เทไวน์อีกครั้ง เขาไม่ได้มีเวลาที่จะชื่นชมมากนัก แต่เขาก็เลือกที่จะดื่มไวน์เข้าไปอีก และใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีแดงมากขึ้น เหมือนกับว่าหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด
เจ้าไม่เห็นว่าตอนนี้เบต้าได้เทไวน์เป็นแก้วที่สามแล้ว เขาก็เลยพูดออกมาว่า “พี่เบต้าฉันคิดว่าวันนี้เราจะไม่ได้ลิ้มรสเนื้อที่พี่ได้นํามา หากพี่เมาไปก่อน”
เบต้าตอบเจ่าไห่กลับไปทันทีขณะที่มือของเขายังถือแก้วไวน์อยู่เลย “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น เลยเจ่าไห่ เนื้อที่ฉันได้นํามานั้นเป็นเนื้อที่มีรสชาติของเผ่าซึ่งไม่ได้มีอะไรพิเศษมันสามารถให้กินได้ภายในเผ่าของเรา”
ตอนนี้เมื่อเบต้าเป็นเช่นนั้นเจ้าไห่และเบลล์ก็ไม่รู้ว่าจะทํายังไงต่อไป แต่พวกเขาก็ได้หัวเราะกับอาการเมาของเบต้า และพวกเขาทั้งสองก็ได้นําเนื้อที่เบต้ามากินกัน มันมีกลิ่นหอมมากและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและสามารถพบได้เฉพาะในทุ่งหญ้าเท่านั้น เจ้าไห่คิดว่าทวีปอื่นคงจะไม่มีอะไรแบบนี้
เจ้าไห่อยากรู้ว่ามันใช้เครื่องเทศอะไรในการทํา เขาหันไปหาเบต้าและถามว่า ”พี่เบต้าพี่สามารถให้เครื่องเทศแก่ฉันได้หรือไม่?”
เบต้ารู้ว่าเจ้าไห่นั้นต้องการเก็บพืช แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะเก็บเครื่องเทศเหล่านี้ด้วย หลังจากได้ยินเจ้าไม่พูด เขาก็ตอบว่า “ไม่มีปัญหาเจ่าไห่ เดี๋ยวฉันจะไปหาเครื่องเทศมาให้นาย แต่ฉันก็มีข้อแลกเปลี่ยนกับนายนะ นายจะต้องเอาไวน์นมของนายมาแลกกับเครื่องเทศของฉัน”
เจ่าไฟหัวเราะและตอบไปว่า “ไม่มีปัญหาเลยพี่เบต้า ถึงแม้ว่าพี่จะหาเครื่องเทศนั้นมาไม่ได้ แต่ฉันก็จะให้ไวน์นมแก่พี่” เจ้าให้พูดในขณะที่หัวเราะ เบลล์ก็หัวเราะกับเจ้าให้ด้วย เบลล์ชอบเจ้าให้มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาก็เข้าใจด้วยว่าทําไมในเวลาอันสั้นนี้เล่าให้จึงทําให้เผ่าราชาชอบในตัวเขามาก และเจ้าให้ก็ได้รับธงของเผ่าราชาไปแล้ว
เบลล์ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดถึงอะไรกัน ไม่มีใครสามารถตําหนิเขาได้เพราะคนส่วนใหญ่ที่ทําธุรกิจในทุ่งหญ้าไม่เข้าใจถึงมิตรภาพ หรือแม้กระทั่งได้ยินมาตั้งแต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะความไว้วางใจของนักสู้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับธงของเผ่า
แต่แม้กระทั่งการมองไปที่วิธีการที่นักรบเดินหน้าไปทางเจ้าไห่ พวกชาวเผ่าก็ดูเหมือนจะแสดงด้านอื่นๆพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าให้มากขึ้น พวกเขาโต้ตอบกับเจ้าไห่และพวกเขาก็มีปฏิสัมพันธ์กับเบลล์ก็ตรงสองสิ่งที่แตกต่างกัน
เบลล์ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเจ้าไห่ เขาก็เข้าใจ เขาเข้าใจว่าทําไมพวกชาวเผ่าต้องการจะพูดคุยกับเจ่าไห่ ก็เป็นเพราะความเคารพ แม้ว่าเบลล์ไม่ต้องการให้เป็นที่รู้จัก แต่เขาต้องยอมรับว่าเขามองลงไปที่ชาวเผ่าเสมอ เขารังเกียจพวกเขาเพียงคนเดียวที่รู้วิธีแกะ ฝูงแกะและมีกลิ่นแกะที่ไม่เป็นที่พอใจ เขาคิดว่าพวกชาวเผ่าเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่ค่อยคุ้นเคย ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเขาสัมผัสกับเผ่าแล้ว เขาก็มีความสุข ซึ่งมันก็เพียงพอแล้ว แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกไม่สุภาพและหยิ่งต่อพวกเขามากขึ้น ทําให้เรื่องนี้เป็นเรื่องยากมากสําหรับเขาที่จะกลายเป็นเพื่อนแท้กับเหล่าชาวเผ่า
เบลล์ก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทํายังไงต่อไป แต่กับถอนหายใจ ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจได้ว่าทําไม เจ่าไห่จึงกลายเป็นน้องชายของเวลส์ เพราะเหตุว่าเจ้าไม่ถือโอกาสนี้
อาหารที่กินโดยคนหลายคนมีความสุขมากไม่เพียงเพราะไวน์ของเจ้าไห่ แต่ยังเป็นเพราะผล ไม้ของเบลล์ผักของเจ้าไห่ และเนื้อย่างของเบลล์
หลังจากกินเสร็จแล้ว เจ้าไหก็มาและเข้าร่วมกับพวกเขาเจ่าไฟกําลังยุ่งอยู่กับการทําให้ลอร่าหยิบไวน์นมขึ้นมาดื่มกับทุกคน แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกคนจะต้องดื่มจนเมา”
เจ่าไห่ไม่ดื่มมากเกินไป เนื่องจากเขามีประสบการณ์มากในการดื่มแอลกอฮอล์สูงๆ เขาไม่สามารถดื่มไวน์ชนิดนี้ได้มากเกินไปดื่มจนเกินไปก็จะทําให้เมา แต่สําหรับเจ้าให้ไวน์นมนี่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับสูงที่เขาเคยชิน เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีแอลกอฮอล์ระดับสูงในโลกไวน์นมนี้ รู้สึกเบามากๆ”
ทุกคนที่มาที่เผ่าได้ดื่มอย่างมีความสุข สําหรับเบลล์นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับชาวเผ่าที่สนิทสนมกับเขา เขาชื่นชอบเจ่าไห่มากในขณะนี้
เบลล์ก็ดื่มอย่างมีความสุขในตอนท้ายเขาต้องยกทาสกลับไปที่เต็นท์ของเขา แต่เบลล์ไม่ได้พูดอะไรเขาเป็นคนแรกที่ดื่มมากกว่า
เมื่อคนอื่นๆ ในเผ่าหายไป เจ้าไหก็กลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา เขาไม่ได้ดื่มน้ําเพื่อให้เขาหายเมา
ลอร่ามองไปที่เจ้าไห่และยิ้ม ” ดูเหมือนว่าการลิ้มรสของไวน์นมในครั้งนี้จะจบลงแล้ว”
เจ้าไห่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งไปกว่านั้นฉันคิดว่ายอดขายไวน์นมของเราในเผ่าก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจด้วยเช่นกัน”
ลอร่าไม่ได้พูดอะไร เธอไม่รู้จะพูดอะไรถ้าการต่อสู้ของเวลส์เป็นไปในทางที่ดีก็คงจะดีสินะ เมื่อถึงเวลานั้นเผ่าราชาจะอยู่ในไฟของสงคราม
เจ่าไห่มองลอร่า เขารู้ว่าเธอกําลังคิดอะไร เขาถอนหายใจและพูดว่า “ไม่มีทางอื่น อย่าลืมให้กระดาษแผ่นหนึ่งฉันต้องเขียนข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ในวันนี้และส่งไปให้พี่เวลส์ เพื่อเตรียมตัวให้ พร้อมก่อน ฉันต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกิลแห่งความสว่างให้เป็นหนึ่งในเหล่านี้ นี่เป็นอาวุธที่สําคัญ มากสําหรับเขา เขาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อเชื้อเชิญให้เผ่าอื่นๆ เข้ามาช่วยได้แน่นอนพวกเขาก็จะเห็นด้วยที่จะให้ความช่วยเหลือ
ลอร่าพยักหน้าและตอบว่า “ฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาเผ่าใหญ่โตในทุ่งหญ้าความแข็งแกร่งของเผ่าเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม แต่ทําไมพวกเขาหันหลังให้กับเผ่าเฮคัส”
เจ่าไห่หัวเราะและพูดว่า “ไม่จําเป็นต้องบอกเผ่าอื่นๆ เพราะพวกเขาไม่จําเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แม้ว่าเผ่าเฮคัสจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชนเผ่า พวกเขายังคงเป็นกลุ่มเล็กๆ พวกเขาไม่จําเป็นต้องสามารถที่จะเชิญเผ่าสงครามขนาดใหญ่เหล่านั้น”
ลอร่าพยักหน้า “ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันมักจะรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างชนเผ่ากับมนุษย์คนอื่นๆ เมื่อเร็วๆนี้และมันไม่ใช่เรื่องดีเลย”
เจ้าไห่ถอนหายใจและพูดว่า “ไม่ว่าสิ่งที่เราทํา เราจะต้องมั่นใจในความปลอดภัยของดินแดนภายนอก ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างถูกทิ้งให้โลกแล้วความยากจนจะเป็นสิ่งเดียวที่ดี หมายความว่าอย่างไร เราต้องช่วยผู้อื่นเมื่อเรามีอํานาจ ตอนนี้เราสามารถนับว่าเป็นคนยากจนเท่านั้น หากมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในทวีปนี้ เราก็สามารถทําได้ดีที่สุดเท่านั้นที่จะช่วยผู้อื่นได้”
ลอราพยักหน้าเธอคิดว่าคําพูดเหล่านี้มีความสมเหตุสมผลมาก สถานะปัจจุบันของพวกเขาในทวีปหลักๆนั้นมีความสําคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจักรวรรดิอาร์ค สถานะของเจ้าไห่และลอร่าเปรียบเหมือนคนที่ถูกล่า ในเวลานี้ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็ไม่สามารถทํามันได้ดีนัก เนื่องจากพวกเขายังมีปัญหาที่ใหญ่รออยู่
ลอร่าถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าพวกชนเผ่าจะย้ายไป เป้าหมายเดียวของพวกเขาจะ เป็นจักรวรรดิอาร์ซูเท่านั้น เพราะพวกเขาแบ่งเขตแดน พวกเขาจะไม่ข้ามมหาสมุทรเพื่อโจมตีจักรวรรดิโรเซน ซึ่งมันจะไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าพวกชนเผ่ากําลังทําสงครามกับมนุษย์จริงๆ เราจะทําอย่างไร? เรายังคงให้เมล็ดพืชแก่พวกเขาหรือไม่? แต่มันก็จะไม่เป็นธรรมกับมนุษย์ในทวีปอื่นๆ”
เจ่าไห่รู้สึกปวดหัวมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาสัมผัสหน้าผากของเขาและพูดว่า “มาเถอะ มาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป ตอนนี้ยังไม่มีสงคราม และถ้ามันแตกออกเวลส์ยังคงเป็นพี่ชายที่สาบานของฉัน ความซื่อสัตย์ของฉันไม่ได้รับความโปรดปรานมากต่อเผ่ามนุษย์โดยธรรมชาตินี่ หมายถึงผู้ที่อยู่ในตําแหน่งที่สูงขึ้น สามัญชนของมนุษย์เป็นเช่นเดียวกับสามัญชนของชนเผ่า ฉันไม่หวังสําหรับสงคราม แต่เราสามารถทําสิ่งที่เราทําได้เท่านั้น เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ในความควบคุมของเรา เราสามารถทําหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์เฝ้าดูอย่างเงียบๆ โดยให้ความช่วยเหลือตามความต้องการ นี่คือสิ่งที่เราทําได้มากที่สุด”