Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 291
บทที่ 291 – ข้อมูลภายใน
เบลล์มองเจ่าไห่และพูดออกว่า “เจ่าไห่นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่านายไม่ได้พูดเล่นๆ? นายได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเวลส์จริงๆงั้นหรอ? “
เจ่าไห่พยักหน้าและตอบเบลล์กลับไป “ใช่แล้ว และฉันก็ต้องการข้อมูลของเผ่าบูลเพื่อที่จะให้พี่เวลส์ได้ทำการแก้แค้น”
เบลล์ลุกขึ้นยืนและเดินไปมา ในขณะที่พูดพึมพำว่า “ดีนี่น่าจะเป็นสิ่งที่สวรรค์ได้กำหนดไว้แล้ว”
เจ่าไห่มองไปที่เบลล์และเขาก็เห็นว่าเบลล์กำลังตื่นเต้นกับมัน และเบลล์ก็ต้องใช้เวลาอยู่ครู่นึ่งก่อนที่เขาจะสงบสติของเขาได้ เขาหันไปทางเจ๋าไร่ที่ยังคงนั่งอยู่เฉยๆ เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี แต่กับหัวเราะออกมาและพูดกับเจ่าไห่ว่า “เจ่าไห่นายรู้ไหมว่านายเป็นคนที่โชคดีมากเลยนะ เป็นดาวรุ่งของนักเวทย์เลยนะ”
สิ่งที่เบลล์พูดมันยิ่งทำให้เจ่าไห่ไม่เข้าใจมากขึ้น เจ่าไห่มองไปที่เบลล์ ”พี่เบลล์ กับสิ่งที่เกิดขึ้นพี่จะร่วมมือกับฉันไหม?”
เบลล์มองไปที่เจ่าไห่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายิ้มแล้วก็นั่งลงเพราะอาการเมาของเขาเบลล์ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “เจ่าไห่นายพึ่งจะเข้าร่วมกลุ่มนักเวทย์ ในความเป็นจริงเรื่องของเผ่าเฮคัสในครั้งนี้ พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มของเราจากกิลแห่งความสว่าง
เจ่าไห่มองไปที่เบลล์และพูดว่า “สิ่งที่พี่จะบอกก็คือการช่วยเหลือเผ่าบูลจากกิลแห่งความสว่างงั้นหรอ?”
เบลล์พยักหน้า “ใช่ คนเหล่านั้นจริงแล้วมาจากกิลแห่งความสว่าง ในความเป็นจริงนั้น กิลแห่งความสว่างต้องการที่จะขยายอำนาจเข้ามาในทุ่งหญ้าแห่งนี้ พวกเขาพยายามที่จะควบคุมชน เผ่าโดยใช้ธุรกิจของพวกเขา แต่เหล่าชนเผ่าก็เชื่อใจกันเสมอจึงทำให้กิลแห่งความสว่างไม่ประสบ ความสำเร็จ
หลังจากนี้ เรื่องนี้ยังเป็นที่รู้ๆกับอยู่ในกลุ่มนักเวทย์ของเราด้วยนะ ถ้าพวกเราปล่อยให้กิลแห่งความสว่างเข้ามามีอิทธิพลในทุ่งหญ้า ฉันคิดว่าในอนาคตมันจะเป็นอะไรที่ยากลำบากต่อเรามากแน่ๆ ดังนั้นตอนนี้เราจึงได้เฝ้าระวังสิ่งที่พวกมันกำลังจะทำกับชนเผ่าเหล่านี้ หลังจากที่ได้รู้ว่ากิลแห่งความสว่างต้องการจะร่วมมือกับเผ่าบูล เราก็ได้พยายามที่จะทำลายแผนของพวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จ ในที่สุดพวกมันก็ต้องการที่จะเอาเผ่ามูลไปอยู่ข้างพวกมัน กลุ่มของเราเลยต้องการที่จะเป็นพันธมิตรกับเผ่าเฮคัส แต่หัวหน้าเผ่าของพวกเขาเป็นผู้ยึดมั่นในประเพณี เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร มันจึงทำให้เรายังไม่ได้ประสบความสำเร็จ”
เบลล์มองไปที่เจ่าไห่และก็พูดต่อไปว่า “สิ่งที่ฉันอยากจะบอกต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง พวกเขาส่งเทพผู้มีพลังระดับเก้าไปช่วยเผ่าบูลเพื่อจัดการกับเผ่าเฮคัส นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้บุกเข้ามาทำแผนการที่วางไว้ของพวกมันและเราก็ไม่ได้จะทำอะไรได้เลย แต่ตอนนี้นายก็ได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเวลส์แล้ว ตอนนี้เราก็จะสามารถช่วยนายและเผ่าเฮคัสได้อย่างเต็มที่ แม้ว่ากิลแห่งความสว่างจะส่งเทพผู้มีพลังระดับเก้ามา นายก็ไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะพวกเราจะส่งเทพผู้มีพลังระดับเก้าไปปกป้องนายเหมือนกัน”
เจ่าไห่มองไปที่เบลล์และไม่ได้พูดอะไรออกมา และไม่นานนักเจ่าไห่ก็คิดว่าการต่อสู้ของกลุ่มนักเวทย์และกิลจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่เขายังคงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่มันจะดีที่สุดถ้ากลุ่มนักเวทย์ละเว้นจากการมีส่วนร่วม พี่รู้อยู่แล้วว่าพวกชาวเผ่าได้ต่อสู้กับมนุษย์เป็นเวลาหลายปีแล้ว และไม่ใช่เผ่าเฮคัส สามารถนับได้ว่าเป็นเผ่าที่มีระดับปานกลางในทุ่งหญ้า ดังนั้นเหล่าเผ่าที่ใหญ่โตอย่างแท้จริงจะไม่สนใจเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกเขา แต่ถ้าเผ่าที่รู้ว่ามนุษย์พยายามที่จะควบคุมพวกเขา แล้วไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็จะได้รับความโกรธของเหล่าชนเผ่าและอาจนำไปสู่สงครามได้ อยู่ในแถวหน้าของสงครามไม่ได้อยู่ในความสนใจที่ดีที่สุดของกลุ่มนักเวทย์ของเรา นอกจากนี้ฉันยังเตรียมที่จะใช้ข้อมูลนี้ เพื่อจับตาดูกิลแห่งความสว่างได้ด้วย ดังนั้นฉันคิดว่า กลุ่มนักเวทย์ไม่ควรเข้ามามีส่วนร่วม
เบลล์รู้สึกประหลาดใจมากเขามองไปที่เจ่าไห่ และพยักหน้า ”ได้ งั้นฉันจะของทำตามสิ่งที่นายบอก ฉันเชื่อในสิ่งที่นายกำลังจะทำ”
เจ่าไห่ก็ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็โบกมือให้ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีขาวปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาก็คือ ลินด์เซ เบกเกอร์ คนๆนี้เคยอยู่กิลแห่งความสว่าง และพ่อของเขาก้เป็นคนของกิลแห่งความสว่างที่ใส่ชุดสีแดง เจ่าไห่ได้พาเขาออกมาเพื่อแนะนำให้กับเบลล์ และบอกกับเบลล์อีกว่า ลินด์เซ เบกเกอร์ ไม่ชอบกิลแห่งความสว่าง
เบลล์ได้รู้จักกับลินด์เซ เบกเกอร์มาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเจ่าไห่แนะนำเขาเสร็จ เบลล์ก็รู้สึกตกใจมาก เบลล์ก็พูดกับเจ่าไห่ว่า “นายทำได้อย่างไร? พวกเขาไม่ได้บอกว่าลินด์เซเบกเกอร์ ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นซอบบี้ได้?”
เจ่าไห่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เขาโบกมือและลินด์เซเบกเกอร์ก็หายไป เขาตอบว่า “ฉันสามารถทำได้”
เบลล์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพิ่มเติมคือเขารู้ว่าแต่ละคน มีความลับของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แย่งอีก เขาพยักหน้าและพูดว่า “ฉันไม่ได้คิดว่านายจะเป็นคนโหดร้ายกว่าคนทั่วๆไป” แล้วนายไปเอาเขามาได้ยังไง
เจ่าไห่ยิ้ม “ในเวลานั้นมีคนอื่นห้าคน ทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน แต่พวกเขาก็แพ้ให้กับฉัน มารุก็อยู่ที่นั่นด้วย ใช่เราไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป บอกข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าบูลที่พี่รู้บ้าง”
เบลล์พยักหน้า และเขาตอบว่า “เผ่ามูลได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเผ่าเฮคัส แต่การโจมตีของพวกเขากับเผ่าเฮคัส ทำให้ความสูญเสียของพวกเขาไม่น้อยเลย เดิมมีจำนวนเผ่าของพวกเขามีทั้งหมด 800,000 คน มีกำลังทหารที่มีอยู่ 250,000 คนและหากรวมทาสเหล่านี้ไว้กองกำลังของพวกเขาจะถึง 400,000 คน เผ่าเฮคัสเป็นเผ่าที่มีจำนวนคนมากประมาณหนึ่งล้านคน คนที่มีอยู่ของพวกเขาคือ 300,000 และถ้าเรารวมถึงทาสของพวกเขาก็จะเข้าถึงได้ประมาณ 500,000 คน แต่เผ่าเฮคัสไม่คิดว่าเผ่าราชาจะเปลี่ยนข้างไป ความพ่ายแพ้ของพวกเขาทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาลดลงมาก และยังมีเรื่องของกาซอลอีก ที่เขาเป็นคนฆ่าพ่อของเขาเองซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าและยังคิดที่จะฆ่าน้องของตัวเองอีกด้วย ทำให้เจตนารมณ์ของเผ่าเฮคัสไม่มั่นคง เมื่อเผ่าบูลโจมตี กาซอลก็ไม่ได้อยู่ที่เผ่า ไม่มีคนที่คอยสั่งการจึงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ไปอย่างรวมเร็วแต่พวกเขาก็ยังทำให้คนของเผ่าบูลตายไปประมาณ 50,000 คน ตอนนี้กองกำลังของเผ่าบูลมีจำนวนเพียง 200,000 คน เพื่อเพิ่มจำนวนทหารทาสจำนวนประมาณ 300 พันคน แต่คราวนี้พวกเขาไม่ได้มีเทพผู้มีพลังระดับเก้าคอยช่วยเหลือพวกเขาอีกต่อไป เพราะพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยเทพผู้มีพลังระดับเก้าของทุ่งหญ้า”
เจ่าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ดังนั้นสิ่งนี้หมายความว่ากองทัพของเผ่าบูลในปัจจุบันมีเพียงประมาณ 300,000 คนและ 100,000 คนเหล่านี้เป็นทหารทาส นี่เป็นข่าวดีมากๆเลย”
“เมื่อไหร่การตอบโต้ของเวลส์จะพร้อมงั้นหรอ?” เบลล์ถามเจ่าไห่
เจ่าไห่ส่ายหัวและตอบว่า “ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด คราวนี้เผ่าเฮคัสได้รับความเดือดร้อนจากการสูญเสียมากในฤดูหนาวนี้จะเศร้ามาก ฉันรับผิดชอบเฉพาะการรวบรวมข้อมูลสำหรับพี่เวลส์เขายังมีความกังวลใจของตัวเอง และพี่เวลส์มีความคล้ายคลึงกับบิดาของเขาซึ่งเป็นคนแบบดั้งเดิมมาก เขายังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”
เบลล์ไม่สงสัยคำพูดของเจ่าไห่เขาพยักหน้า “ฉันยังคิดว่า ทำไมเวลส์ถึงไม่จัดการกาซอลตั้งแต่แรก เมื่อไรนายจะกลับไปยังดินแดนของเรา? บางทีเราอาจจะร่วมมือกันในเวลานั้น”
เจ่าไห่มองไปที่เบลล์ เขายิ้มและพูดว่า “พี่เบลล์ พี่พูดจริงๆงั้นหรอ? พี่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของฉันกับจักรวรรดิอาร์ซูหรือไม่? ทุกสิ่งที่ทุกคนตะโกนเกี่ยวกับวันนี้ถ้าคนเหล่านั้นรู้ว่าพี่กำลังร่วมมือกับฉันจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพี่ นอกจากนี้พี่ยังจะกลายเป็นเป้าหมายของกิลแห่งความสว่างด้วยหากข้อมูลนี้พี่รู้อยู่แล้ว ฉันคิดว่าพี่ควรเก็บตัวเองไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักเวทย์
เบลล์พยักหน้าและตอบกลับไปว่า “นายพูดถูก นายมีของดีอยู่ในมือนาย ถ้านายมอบมันให้กับฉัน ฉันสามารถทำเงินกับมันได้”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันมีสิ่งดีๆอยู่มากมาย แต่ด้วยเหตุนี้ฉันจึงถูกไล่ล่าอยู่ในจักรวรรดิ พี่คงไม่อยากเป็นเหมือนฉัน ใช่เราสามารถทำธุรกิจประเภทอื่นได้ ธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก”
เบลล์มองไปที่เจ่าไห่และถามว่า ”ธุรกิจอะไร?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ไวน์นม พี่ต้องการขายไวน์นมให้กับคนอื่นหรือไม่? ฉันรู้ว่าไวน์นมไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน แต่ไวน์นมของฉันไม่ได้เหมือนที่อื่น ไวน์นมของฉันสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานานและมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อรสชาติของมันฉันคิดว่าคงจะมีคนยินดีที่จะลอง”
เบลล์ก็เห็นความตั้งใจของเจ่าไห่ แม้ว่าเขาจะไปที่ทุ่งหญ้าหลายครั้ง เขายังคงไม่ได้ลิ้มรสของไวน์นม เพราะกลิ่นของเนื้อแกะ และรสชาติไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาสามารถทนได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ่าไห่ ถึงพูดถึงไวน์นมของเขากับการหลงใหลในความหลงใหลนี่คือชนเผ่า?
เจ่าไห่มองไปที่เบลล์ เขายิ้มและพูดว่า ”พี่ต้องลิ้มรสไวน์นมของฉัน พี่จะเข้าใจ ใช่แล้วเราควรจะมาฉลองกับการที่เราได้อยู่กลุ่มนักเวทย์เหมือนกันไหม? เมื่อเห็นท่าทางของเจ่าไห่ เบลล์ก็หัวเราะ เขารู้สึกว่าเจ่าไห่เป็นคนที่น่าสนใจมาก เมื่อเทียบกับสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่ม ทันทีที่เขาเรียกทาสเขาก็สั่งทาส ” ทาสของเขาไปฆ่าแกะเพื่อย่าง”
ทาสปฏิบัติตามแล้วเขาก็หันไปหาขนมปัง เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “งั้นฉันควรไปเตรียมผักและนมบ้างแล้ว” เบลล์พยักหน้าจากนั้นเจ่าไห่ก็พาลอร่าและเม็กไป ขณะที่พวกเขากลับมาที่เต็นท์ของพวกเขา
จบบทแล้วนะครับ หากอ่านไม่รู้เรื่องก็ขออภัยด้วยนะครับ