Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 285
บทที่ 285 – ความเป็นอยู่ของเจ้าหญิง
เจ่าไห่เข้าไปในเต็นท์พร้อมกับผู้เฒ่า เมื่อได้เขาไปเขาต้องคำนับให้แก่หัวหน้าเผ่าหรือเจ้าชายเจ๋าไร่กวาดสายตาของเขาไปทั่วเต็นท์ ที่พื้นภายในเต็นท์นั้นถูกปูด้วยพรมที่มีความสวยงามมากและเมื่อเขาได้เดินบนพรมเจ้าไม่ก็สัมผัสได้เหมือนกับว่าเขาได้เดินอยู่บนเมฆ
ภายในเต็นท์นั้นไม่ได้มีกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น แต่มันกับมีแทงไฟสีแดงที่ให้ความอบอุ่นอยู่ในเต็นท์
และเจ้าไร่ก็ได้มองขึ้นไปด้านบน สิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกเลยก็คือดวงไฟที่คอยให้แสงสว่างภายในเต็นท์ เจ้าไห่ก็ยังสังเกตได้อีกว่าโคมไฟนั้นไม่ได้ใช้เชื้อเพลินแต่มันกับเป็นโคมไฟที่ใช่พลังเวทย์ เล่าให้รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเห็นมาก เจ๋าไห้รู้ทันทีเลยว่าซีทรานนั้นเป็นคนที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสะดวกสบายมาก และอีกสิ่งที่เจ้าไห่คิดเลยก็คือ โคมไฟนั้นต้องมีราคาแพงมากแน่ๆ
และตอนนี้ผู้เฒ่าก็คำนับลง เมื่อเขาได้เห็นเจ้าชาย
เจ้าไห่ก็รู้สึกตัวจากการตื่นเต้นทันที และได้คำนับตามผู้เฒ่า เมื่อได้เห็นเจ้าชาย ถึงแม้ว่าเจ้าไห่จะยังไม่เคยเห็นซีทรานก็ตาม
และก็มีเสียงดังออกมาว่า ” พอแล้ว ผู้เฒ่าและเจ้าไห่โปรดนั่งก่อนเถอะ”
เจ๋าไฟเริ่มเงยหน้าขึ้นมอง และสิ่งแรกที่เขาเห็นคือก็คือโต๊ะที่มีขนาดใหญ่มาก และที่อยู่ข้างๆโต๊ะนั้น ก็มีผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งมาก ตามร่างกายของเขามีแผลเป็นจำนวนมาก
ชายคนนั้นเป็นคนที่ดูสะง่างามมาก เป็นผู้ชายที่มีกล้ามและมีความแข็งแกร่งมาก และสิ่งที่อยู่ด้ามหลังของเขาก็คือคฑาเวทย์
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ชุดที่ดูพิเศษอะไรมากนัก ชายคนนั้นใส่เสื้อธรรมดา และไม่ได้ใส่เกาะเพื่อป้องกันตัวเองเลย
สิ่งที่เจ๋าไม่เคยคิดนั้นไม่ได้ถูกเลย เจ้าไห่คิดว่าหัวหน้าเผ่าน่าจะเป็นคนที่บ้าในเรื่องการต่อสู้และเป็นคนที่โหดร้ายมาก แต่เจ๋าไร่ก็รู้แล้วว่าความคิดของเขามันเป็นอะไรที่ผิดไปมาก
และหลังจากที่เจ้าไม่ได้คิดอะไรไปเรื่อยของเขา เมื่อเขาเห็นผู้เฒ่านั่งลง เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหัวหน้าเผ่าซีทราน
และซีทรานก็พูดกับเจ่าไห่ว่า ”เจ้าไห่ยินดีต้อนรับสู้เผ่าของเรา ข้าขอขอบคุณเจ้ากับข้าวและพืชที่นำมาค้าขายกับเรา”
เจ่าไห่ยิ้มออกมาและตอบว่า “ไม่เป็นไรเลย ความยิ่งใหญ่ของท่านมันยิ่งใหญ่ยิ่งนักคำขอบคุณข้าคิดว่าข้าจะต้องเป็นฝ่ายที่พูดน่าจะดีกว่า เจ้าชายเพราะที่ขายได้ก็เพราะท่านตกลงที่จะซื้อพืชและข้าวของข้า”
ซีทรานหัวเราะและพูดว่า “พ่อค้านี่มีวิธีการพูดที่ดีจริง เจ้าไม่ต้องเกรงใจเราหรอก เมื่อเจ้ามีสินค้าก็สามารถนำมาขายให้กับเราได้เลย
เจ้าให้มองไปที่เจ้าชาย และก็พูดออกมาว่า “เจ้าชาย ข้ามิได้จะทำการค้ากับท่านเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวหรอก ปีต่อๆไปข้าก็จะค้าขายกับท่าน”
ซีทรานไม่คิดว่าเจ้าไห่จะพูดออกมาแบบนั้น ซีทรานมองไปที่ตาของเจ้าไห่และถามว่า “ปีหน้าเจ้าจะสามารถขายพืชและข้าวให้กับเราได้เท่าไหร่?”
เจ้าไหก็คิดไปครู่นึ่งและตอบเจ้าชายไปว่า “น่าจะราวๆ 200 ล้านกิโล!”
ใบหน้าของซีทรานก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมามากนักแต่ซีทรานกับถามเจ้าไห่ว่า ” และเจ้าจะคิดราคาเท่าไหร่กันหล่ะ?”
เจ้าไร่ก็ยิ้มและตอบว่า “ไม่ต้องเป็นกังวลเลย ในปีหน้าฉันก็จะคิดราคาให้เหมือนกับปีนี้ ซึ่งราคายังคงเป็นดังเดิม”
ซีทรานมองไปที่เง่าไห่และก็พูดว่า “เจ้าไห่เจ้าจงรู้ไว้ว่า พืช 200 ล้านกิโลนั้นมันเพียงพอกับเผ่าเราเลยนะ ถ้าหากพืชของเจ้าเกิดไม่ได้มีคุณภาพขึ้นมามันจะส่งผลต่อเผ่าทั้งเผ่าเลย”
เจ้าไห่พยักหน้าและก้พูดต่อว่า “แน่นอนฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี เจ้าชายไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้เลย ฉันจะส่งพืชและข้าวที่ฉันมีให้กับเผ่าราชา จนกว่าจะถูกฤดูหนาว เพราะคนของข้ามิอาจจะขนของได้เจ้าชายคิดว่าอย่างไร? และเพราะฉันจะขยายร้านค้าที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้ด้วย”
ซีทรานก็มองไปที่เง่าไห่ทันทีเมื่อเจ่าไห่พูดจบ ซีทรานถามกลับไปว่า “ถ้าเจ้ามามีร้านค้าที่นี่เจ้าก็สามารถส่งพืชให้เราได้ตลอดเลยใช่ไหม?”
เล่าให้ยิ้มและก็ตอบไปว่า “ข้าจะบอกกับเจ้าชายว่าที่ดินที่ข้าอยู่นั้น สามารถปลูกพืชได้เป็นจำนวนมาก และที่นั่นก็มีอากาศที่ดีด้วย เมื่อพืชที่ปลูกเติบโต ข้าก็สามารถขนส่งให้กับเจ้าชายได้ทันที
เมื่อซีทรานได้ยินสิ่งที่เจ้าไห่พูด เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แล้วซีทรานก็พูดว่า “เจ้าเป็นคนที่อยู่ในจักรวรรดิอาร์ซูใช่ไหม?” ที่ซีทรานถามแบบนี้ เพราะซีทรานนั้นรู้ว่าที่นั่นอากาศเป็นแบบนั้นจริงๆ
เจ่าไห่ส่ายหัวและพูดว่า ” จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้มาจากที่นั่นโดยตรง”
ซีทรานพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเจ้ามีความมั่นใจในข้อเสนอของข้าแล้ว เราจะซื้อเมล็ดพืชทั้งหมดของเจ้าฉันสามารถรับประกันราคาได้อย่างยุติธรรม”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ข้ามีนามว่า เจ้าไห่ ข้าขอขอบคุณเจ้าชายเผ่าราชามาก ที่รับซื้อพืชของข้าไว้เป็นจำนวนมาก”
ซีทรานพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอน ข้าจะรับซื้อพืชของเจ้าไว้เอง พืชที่มีคุณภาพที่ดีขนาดนี้ข้าก้ไม่อาจจะปล่อยไปให้ถึงมือผู้อื่นได้หรอก”
เจ่าไหก็รีบตอบว่า “ข้า เองก็มิอาจจะทำให้เจ้าชายเป็นกังวลต่อการขนส่งพืชของข้าแน่นอน” จากนั้นเจ้าไฟก็ลุกขึ้นยืนก้มคำนับเจ้าชายและเดินไปกับผู้เฒ่า และออกจากเต็นท์ไป
ผู้เฒ่าก็มองไปที่เง่าไห่และก็พูดว่า “ข้าหวังว่า เจ้าจะสามารถทำสิ่งที่เจ้าพูดออกมาได้จริงๆนะ”
เจ้าไหมองหน้าผู้เฒ่าและพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้และจะไม่ทำให้เจ้าชายผิดหวังแน่นอน”
ผู้เฒ่าพยักหน้า จากนั้นผู้เฒ่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย เจ้าไห่เปิดหน้าต่างและมองออกไปข้างนอก เขาสังเกตเห็นว่ามีทหารของเผ่าเฮคัสคนนึ่งถูกใส่กุญแจมือ เขากำลังดึงรถเข็นขนาดใหญ่โดยมีทหารของเผ่าที่ใช้จับแม้อยู่ในมือ
เมื่อเจ้าให้เห็น เจ้าไห่ก็มิอาจจะทำอะไรได้ แต่สีหน้าของเจ้าไหก็เปลี่ยนไปทันที เจ้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้รีบคุมสติของเขาเพื่อที่จะไม่ให้ผู้เฒ่าได้เห็นท่าทางของเขา
โชคดีที่ผู้เฒ่ายังหลับตาอยู่ ผู้เฒ่าจึงไม่เห็นการกระทำของเจ้าไห่ เจ้าไหก็ถอนหายใจออกมายาวมากๆๆ
ถ้าเจ้าหญิงทั้ง 2 คนของเผ่าเฮคัส ยังคงมีพลังที่จะต่อสู้กับเผ่าบูล และเผ่าบูลก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเฝ้เฮคัสแน่นอน แต่ถ้าหากเจ้าหญิงทั้ง 2 คน ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ไม่ดีมากนัก อย่างแน่นอน
รถได้เดินทางมาถึงเต็นท์ของผู้เฒ่าแล้ว เจ้าไห่ลงจากรถม้า เขาหันไปหาผู้เฒ่าและกล่าวขอบคุณ แล้วเขามุ่งหน้าไปยังเต็นท์ของเขาเนื่องจากมีหลายสิ่งที่เขาต้องคิดในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาที่อยู่ของเจ้าหญิงทั้ง 2 คน
ตอนเที่ยงลอร่ากับเม็กก็กลับมา แต่แม้ว่าพวกเขาจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา เจ่าไหก็สังเกตเห็นว่าทั้ง 2 คนดูเหนื่อยมาก
เมื่อลอร่าเดินเข้าไปในเต็นท์ เจ้าไหก็เปิดจอทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีใครติดตามพวกเขาลอร่าก็พูดออกมาว่า ”พี่ไห่เราได้ยินมาว่าเจ้าหญิง ถูกลดตำแหน่งโดยซีทราน เพื่อเป็นทาสและถูกบังคับให้หาอาหารในทุ่งหญ้า”
เจ่าไห่พยักหน้าและพูดอีกว่า “ฉันก็คิดอย่างนั้นหลังจากที่ฉันได้พบกับซีทรานแล้วฉันก็เห็นทหารคนหนึ่งของเผ่าเฮคัส กำลังดึงรถเข็นขณะถูกตี ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิง คนที่กล้าทำสิ่งนี้กับเผ่าเฮคัสดูเหมือนว่าจะเป็นซีทราน และเขากำลังวางแผนที่จะกลับอยู่กับเผ่าบูลแน่นอน
ลอร่าตอบเจ่าไห้ต่อว่า ”พี่ให้ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี? เราต้องหาวิธีช่วยเจ้าหญิงนะ ไม่งั้นเราก็จะไม่รู้ว่าจะเอาหน้าที่ไหนไปหาเวลส์”
เจ้าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลฉันได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ในไม่กี่วันสินค้าของเราจะมาที่นี่ และเราจะใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อให้นกอินทรีย์บินขึ้นไปเพื่อหาจุดที่เจ้าหญิงอยู่ และเพื่อช่วยเหลือพวกเขา”
ลอร่าคิดสักครู่แล้วเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “วันนี้ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้และไม่เหมือนกับที่เราสามารถทำอะไรได้ในขณะนี้ เรายังได้ยินอะไรจากเผ่ามูลมาอีก ดูเหมือนว่ามันจะมาจากเผ่าบูล มีการพูดต่อๆกันว่าเมื่อมีการแทรกแซงของมนุษย์ในช่วงความขัดแย้งครั้งล่าสุดหัวหน้าของเผ่ามูลจึงตัดสินใจที่จะขับไล่มนุษย์ทั้งหมดออกจากชนเผ่าของพวกเขา”
เจ้าไห่พูดต่อไปว่า “ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่เผ่าบูลได้ทำการทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ไม่เพียง แต่พวกเขาสามารถปล่อยให้มนุษย์หลบหนีพวกเขายังสามารถให้ข้ออ้างได้ หัวหน้าเผ่านี้เป็นตัวละครที่น่าสนใจ แต่ตอนนี้เราไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาขับไล่มนุษย์ออกจากเผ่าของพวกเขาหรือไม่”
ลอร่าก็พูดว่า “มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นแค่การเก็งกำไร นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกว่าหัวหน้าเผ่ามูลได้ฆ่ามนุษย์ที่ช่วยเขาและยังว่ากันอีกว่า เผ่าบูลพร้อมที่จะโจมตีเผ่าราชาด้วย”
เจ้าไห่พยักหน้าและพูดว่า “เราไม่ต้องกังวลอะไรในตอนนี้ เราต้องคิดถึงวิธีที่จะช่วยเจ้าหญิงได้ เราสามารถพูดถึงเรื่องอื่นๆ ในภายหลังได้”
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ