Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 283
บทที่ 283 – คำขอ
แล้วทางเข้าเต็นท์ที่ถูกปิดอยู่นั่น อยู่ๆก็เปิดออกและมีคนกำลังวิ่งเข้ามา ผู้เฒ่าที่อยู่ในเต็นท์ไม่รู้ที่จะทำยังไง คนที่วิ่งเข้ามาจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเบต้า แต่ไม่ว่าผู้เฒ่าจะบอกเบต้ายังไงเขาก็ยังทำแบบเดิมอยู่เสมอ ผู้เฒ่าวางปากกาลง เขาเงยหน้ามองไปเบต้า
เมื่อผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วนั้น เขาก็ไม่อาจจะหยุดอยู่กับที่ได้เลย เพราะสิ่งที่เขาเห็นก็คือถุงข้าว เบต้ามองไปที่ผู้เฒ่าด้วยความตื่นเต้น และผู้เฒ่าก็พูดออกมาว่า “เบต้า เป็นอย่างไรบ้างมีอะ ไรไม่ดีเกิดขึ้นหรือไม่?
เบต้าหายใจเข้า เขาค่อยๆวางถุงข้าวลงช้าๆ และเขาก็ดูตื่นเต้นมาก แล้วค่อยๆเปิดถุงนั้นออกด้วยความตื่นเต้นอย่างสุดขีด และเบต้าก็เอาข้าวออกมาเทลงบนพื้น
ผู้เฒ่ามองไปที่เบต้าเพื่อดูสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ และผู้เฒ่าก็มองไปที่ข้าวที่เบต้าได้เทลงบนพื้นและสิ่งที่ผู้เฒ่าสามารถพูดได้เพียงประโยคเดียวตอนนี้เลยก็คือ พืชหรือข้าวที่เล่าให้ได้เอามานั้นเป็นพืชที่ดีมากที่สุดเท่าที่ชีวิตของเขาจะเคยเห็นมาเลย ด้วยคุณภาพของข้าวที่ผู้เฒ่าเห็นทำให้ตัวเขาเองไม่อาจจะอยู่เฉยได้ ผู้เฒ่าลุกขึ้นยืนและเดินไปหยิบข้าวขึ้นมาแล้วนำใส่ปากของเขา
ข้าวนี้เป็นข้าวที่ดีมากจริงๆ และผู้เฒ่าก็พูดกับเบต้าว่า ”พืชและข้าวพวกนี้เป็นของเจ่าไห่งั้นหรอ?”
เบต้าพยักหน้าและตอบกับไปว่า “ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เล่าให้ได้นำมา” เบต้าก็พยักหน้ายืนยันอีกครั้ง ทันใดนั้นผู้เฒ่าก็พูดอีกว่า “จึงไปบอกให้เจ่าไห่มาพบกับฉันหน่อย” เมื่อเบ ต้าได้รับคำสั่งแล้ว เขาก้ไม่ได้พูดอะไรและรีบเดินออกไปหาเจ่าไห่ทันที
ผู้เฒ่าค่อยๆนั่งลง แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้ละสายตาไปจากข้าวของเจ้าให้เลย สิ่งที่เขาบอกว่าเขาพึ่งเคยเห็นพืชที่มีคุณภาพก็ตอนนี้นี่แหละ ถ้าเจ่าไห่สามารถหาข้าวและพืชพวกนี้ให้เขาได้ ผู้เฒ่าคิดกับตัวเองว่าไม่ว่าเจ่าไห่จะเพิ่มราคาเป็น 2-3 เท่าผู้เฒ่าก็จะยอมที่จะจ่ายให้กับเจ่าไห่
ไม่นานมากนักผู้เฒ่าก็ได้ยินเสียงของทั้งสองกำลังเดินเข้ามาที่เต็นท์ ไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินเข้ามา ตอนนี้ผู้เฒ่าก็ทำท่าทางที่ไว้ใจเจ้าให้มากขึ้น ผู้เฒ่าลุกขึ้นและทักทายเจ่าไห่ว่า “ยินดีต้อนรับเจ่าไห่ โปรดนั่งลงก่อนเถอะ” เจ่าไฟไม่ได้ทำตัวเหมือนว่าตัวเองใหญ่ เขาทำความเคารพและเดินไปนั่งที่ด้านข้างของผู้เฒ่า
สิ่งที่เจ่าไห่ทำนั้นเป็นสิ่งที่คนในทวีปของเขาต้องทำเมื่อเจอกับคนที่แก่กว่า เจ่าไห่นั่งด้านขวาของผู้เฒ่าเจ่าไห่ทำทุกอย่างที่ให้เกียติกับผู้เฒ่า สิ่งนี้ทำให้ผู้เฒ่าประทับใจมาก หลังจากที่เจ่าไห่นั่งลงผู้เฒ่าก็มองเจ่าไห่ ” ฉันของขอบคุณ นายมากเจ่าไห่ ที่มอบข้าวและพืชที่ดีขนาดนี้ให้กับพวกเรา เราพร้อมที่จะทำการค้ากับนายแล้วนะ”
เจ่าไห่ก็จตอบผู้เฒ่ากลับไปว่า “มันเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องให้ท่านอยู่แล้ว ฉันคิดว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากกับเผ่าที่มีคนมากขนาดนี้ และฉันก็รู้สึกเป็นเกยติมากๆ”
ผู้เฒ่าไม่ได้สนใจสิ่งที่เจ่าไห่ได้ทำ ท่าทีของเจ่าไห่นั้น ผู้เฒ่าไม่ได้สนใจเลย ผู้มองไปที่เจ่าไห่และถามว่า “เจ่าไห่ นายมีพืชที่มีคุณภาพขนาดนี้ทำไมนายถึงขายมันในราคาที่ถูกแบบนี้หล่ะ? ได้โปรดตอบเราข้าเถอะ ข้าอยากรู้จะได้ไม่มีข้าสงสัยต่อกัน”
เจ่าไห่ยิ้ม ในขณะที่เขาตอบว่า “เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจเลย แต่ก็มีอยู่ 2 เรื่องนะ เรื่องแรกที่ฉันอยากจะบอกเลยก็คือพืชพวกนี้เป็นพืชที่มาจากพื้นที่ของตัวฉันเอง ฉันจึงขายพวกมันในราคาที่ถูกได้ เรื่องที่สองก็คือ ฉันพึ่งได้เข้ามาที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้ ฉันจึงคิดว่าไม่ควรที่จะขายของในราคาที่แพงเกินไป”
ผู้เฒ่ามองเจ่าไห่และพยักหน้า การแสดงท่าทีของเจ่าไห่ทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกชอบเขามาก ผู้เฒ่ายังพูดกับเจ่าไห่ต่อไปว่า “ปีนึงนายสามารถจัดหาข้าวได้มากแค่ไหนงั้นหรอเจ่าไห่?”
เจ่าไห่ก็ตอบกลับไปว่า “น่าจะประมาณ 15 ล้านกิโล แต่ความสามาถในการขนส่งของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่มาก และยิ่งไปกว่านั้น ฉันสามาถขายพืชได้เพียงแค่ก่อนฤดูหนาวเท่านั้น เมื่อฤดูหนาวมากฉันจะกลับไปยังที่ที่ฉันอยู่”
ผู้เฒ่าเข้าใจกับสิ่งที่เจ่าไห่พูด เพราะเขารู้ว่าคนที่มาจากที่อื่น เมื่อถึงฤดูหนาวแล้วนั้น พวกเขาจะต้องกลับไปยังบ้านของพวกเขา มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะยังทำการค้าในช่วงฤดูหนาว แต่ 15 ล้านกิโลนั้นมันไม่ได้น้อยเกินไปเมื่อคิดดีๆแล้ว
เจ่าไห่มองผู้เฒ่าและเขาก็พูดออกมาว่า “ผู้เฒ่า ฉันไม่แน่ใจว่า ฉันจะโชคดีพอที่จะได้พบกับหัวหน้าเผ่าราชาหรือไม่? เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของความร่วมมือในปีหน้า?”
ผู้เฒ่านิ่งไปครู่นึงและพูดว่า “ฉันไม่ได้มีอำนาจในเรื่องนี้ ฉันจะรายงานการคำถามของนาย ต่อเจ้าชายในวันพรุ่งนี้ และฉันจะให้คำตอบแก่คุณ”
เจ่าไห่พยักหน้าเขามองไปที่ผู้เฒ่าและพูดว่า “มีสิ่งอื่นที่ฉันต้องการพูดคุยกับผู้เฒ่าตอนนี้ว่าฉันต้องการให้พวกเขาที่นำสินค้ามาส่งในวันนี้กลับไปตอนนี้เลย ท่านช่วยจ่ายราคาของทั้งหมดเลยได้หรือไม่?” ฉันต้องการให้พวกเขากลับไปพร้อมกับค่าสินค้า
ผู้เฒ่ายืนนิ่งไปครู่นึ่งและผู้เฒ่าก็พูดขึ้นมาว่า “มันไม่ใช่ปัญหาเลย แต่สิ่งเหล่านี้ เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน อาจจะใช้เวลาเป็นวัน นายต้องการ การจ่ายแบบใด? เป็นแกะใช่หรือไม่? ”
เจ่าไห่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จริง ฉันจะพูดคุยกับผู้เฒ่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามีผู้เฒ่าเพียงไม่กี่คนในเผ่า พวกเขาเป็นนักประดิษฐ์และนักเวทย์ ท่านน่าจะรู้ว่าพวกเขาชอบเก็บส่วนผสมพิเศษ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ฉันก็ต้องการสัตว์เวทย์และพืชบางอย่างถ้าคุณเสนอสัตว์เวทย์ของเผ่าของท่านให้จะดีมาก แน่นอนว่าเรายังคงยอมรับแกะและผลิตภัณฑ์จากผ้าขนสัตว์ที่ต้องจ่ายด้วยเช่นกันฉันขอให้ท่านคิดเรื่องนี้ก่อน”
ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีคำขอแบบนี้ เขามองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “ความหมายของเจ้าคือถ้าเราจะแลกกับพืชกับสัตว์เวทย์ของเราแล้ว เจ้าจะเสนอราคาสูง? สิ่งที่เกี่ยวกับสัตว์เวทย์? ”
เจ่าไห่รีบตอบว่า “ใช่และผู้เฒ่า สัตว์เวทย์อาจจะมีราคาที่สูง แต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการมันมากนักเพราะฉันกลัวว่าฉันจะไม่สามารถเลี้ยงดูพวกมันได้อย่างดี”
ผู้เฒ่าเห็นด้วยกับคำขอของเจ่าไห่ เขาพยักหน้าและพูดว่า ”ดี ฉันสามารถให้กระทิงได้ 10 ตัว และวัวอีก 10 ตัว ฉันหวังว่ามันจะสามารถแลกเปลี่ยนกับข้าวได้ แล้วเราจะให้ผ้าพันคอแกะและผ้าห่มขนสัตว์ เจ้าคิดว่ายังไง?”
เจ่าไม่คิดแล้วตอบว่า “ฉันคิดว่ากระทิง 10 ตัว และวัว 10 ตัวมันก็คงจะได้พืชแค่ 200,000 กิโลเท่านั้น แต่พืชที่เหลือคือ 2,800,000 กิโล ถ้ามีการซื้อขาย 2,800,000 กิโลกับแกะจะได้เป็นแกะ 1,400 ตัว ดังนั้นฉันต้องการผ้าขนสัตว์ 1000 ชิ้น และที่เหลือฉันต้องการ 600 ผ้าห่ม ถ้าเผ่าของท่านมีพืชจำนวนนี้ สามารถลดลงได้อีก ท่านคิดอย่างไร? ”
ผู้เฒ่าพยักหน้า “พอแล้วฉันเห็นด้วย พรุ่งนี้นาย สามารถรับสิ่งที่นายขอได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเราไม่มีเวลาเก็บสัตว์เวทย์และพืชได้สำหรับคุณ เวลามันสั้นเกินไปยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูหนาวพืชจะเหี่ยวแห้งเราสามารถรอปีหน้าได้”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ดีแล้ว ผู้เฒ่าสามารถส่งคนบางคนไปเก็บในช่วงวันเหล่านี้ ในไม่กี่วันข้าวที่ชุดที่สองของฉันจะมาถึงแล้วเราสามารถค้าพืชได้อีก และฉันคิดว่าท่านจะหาพืชมาให้เราได้
ผู้เฒ่าพยักหน้า “ดีมาก เราจะพยายามอย่างดีที่สุด ถ้าเจ้าชายเห็นด้วยกับนายวันพรุ่งนี้ฉันจะแจ้งให้นายทราบทันที” เจ่าไห่แสดงความเสียใจของเขาแล้วหันไปออก
เจ่าไห่เดินออกไป เบต้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พูดกับผู้เฒ่าว่า ”ผู้เฒ่าทำไมท่านจึงเห็นด้วยที่จะค้าขายของพวกนี้กับเขา?”
ผู้เฒ่ายิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยมนุษย์ได้ใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าเกี่ยวกับเผ่าของเราโดยไม่มีผลมากนัก และคุณคิดว่าถ้าเราไม่ให้สัตว์พวกเขา พวกเขาก็อาจจะนำไปขายให้กับผู้อื่นได้? ถ้าพวกเขาอยากจะโลภทำไมไม่ค้าสัตว์ป่าของเราเพื่อนำมากินอาหารมากขึ้นสำหรับตัวเราเอง?”
เบต้าพยักหน้าและไม่พูดอะไร ผู้เฒ่าหันไปหาเบต้าและพูดว่า “นายจงไปพาคนบางส่วนจากเผ่าไปหาพืชแปลกๆ ถ้ามีใครสังเกตเห็นสัตว์เวทย์ให้นำมันมาอย่างยังมีชีวิตอยู่” เบต้าก็ปฏิบัติตามแล้วหันไปทันที
เจ่าไห่เดินไปที่เต็นท์ของเขา ในขณะที่เบต้าได้เข้าไปคุยกับผู้เฒ่า แต่โชคดีที่ไม่มีข้อบกพร่องในส่วนของเขา เขาทำตัวเหมือนพ่อค้าทั่วไป
เขาเพียง แต่จงใจถามผู้เฒ่าว่าเป็นสัตว์เวทย์ของพวกเขาเพราะเขาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเป็นกุญแจสำคัญได้ พ่อค้ามีแนวโน้มที่จะทำตัวให้สูงต่อเผ่า ดังนั้นเขาควรจะเหมือนกันเป็นครั้งคราว หากทำแบบตรงกันข้ามจะทำให้คนอื่นมีข้อสงสัย หลังจากที่ทุกคนสอดแนมจะมีแนวโน้มที่จะเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งความพยายามที่จะไม่สร้างความยุ่งยากให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณทำตัวเป็นคนสูงส่งจะไม่มีใครสงสัยคุณ
เจ่าไห่ก็จะไม่สูงเกินไป แต่เขาก็ไม่สามารถจะผลักดัน ดังนั้นเขาจึงถามผู้เฒ่าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เป็นคู่หูของเผ่าเช่นเดียวกับพืชเวทมนตร์พิเศษบางอย่าง ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็นการร้องขอที่สูงส่ง ในเวลาเดียวกันเขายังได้เปิดเผยต่อผู้เฒ่าว่าเขาไม่สามารถรับสิ่งเหล่านี้ได้จากที่อื่น
เจ่าไห่รู้อย่างชัดเจนว่าซีทรานไม่กลัวเวลส์มากนัก ในความเห็นของเขาเผ่าเฮคัสถูกทำลายไปแล้ว เวลส์เป็นเจ้าชายแห่งชนเผ่าที่ลดลงพวกเขาจะไม่กล้ากลับไปที่ทุ่งหญ้า
จบบทแล้วนะครับ หากอ่านไม่เข้าใจก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ