Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 280
บทที่ 280 – เฝ้าระวัง
เจ่าไห่นั้นเป็นคนที่รู้จักกับเผ่าในทุ่งหญ้าน้อยมาก แต่เขาก็เลือกที่จะทําความรู้จักกับเผ่าราชาด้วย
เพราะเมื่อเจ่าไห่ได้เจอกับเผ่าอื่นๆ ที่เขาต้องทําการขายพืช มันก็ได้แค่เพียงขายเท่านั้น และเจ่าไหก็ไม่ได้ทําความสนิทอะไรกับเผ่าอื่นๆ จึงไม่ได้รับธงที่เป็นที่ไว้วางใจของเผ่า
และเมื่อเจ่าไห่ได้เข้าไปในค่ายของเผ่าราชา เขาก็เห็นว่ามีหลายคนที่มองเขาด้วยความดูถูก
และไม่ได้นานนักเจ่าไหก็เข้าใจว่าทําไมคนของเผ่าราชาถึงมองเขาแบบนั้น เจ่าไห่เข้าใจว่า กลุ่มของเขามีขนาดที่เล็กมาก ไม่น่าจะมีพืชหรือสินค้าที่มีจํานวนมาก พวกเขาจึงคิดว่ามันคงไม่พอกับพวกเขาแน่ๆ
แต่เจ่าไห่ก็ไม่ได้คิดอะไรเขาเดินตามหัวหน้าทหารคนนั้นไปเรื่อยๆ และจุดที่เขาได้ไปนั้นก็มีเต็นท์ตั้งอยู่ แต่ที่นั่นไม่ได้มีคนหรือพ่อคนอื่นๆอยู่ที่นั่นเลย
หัวหน้าทหารเดินไปถึงก่อนเจ่าไห่และเขาก็พูดว่า “เพื่อนเอ๋ยที่นี่คือที่พักของนายนะ หากมีอะไรที่ต้องการ หรือไม่ได้รู้อะไรก็ลองไปถามคนที่อยู่แถวนี้ดูได้เลยนะ”
และเจ่าไห่ก็พูดว่า” ขอบคุณมากนายทหาร ถ้าไม่เป็นอะไรฉันของชื่อของนายไว้ได้หรือไม่?” ตอนนี้เจ่าไหรู้สึกขอบคุณมากเมื่อเผ่าราชาได้มีที่อยู่ให้กับเขาด้วย
หัวหน้าทหารคนนั้นก็พูดต่อว่า “ชื่อของฉันงั้นหรอ ฉันชื่อเบต้า”
เจ่าไห่ยิ้มด้วยความยินดีและพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักพี่เบต้า ฉันมีของขวัญเล็กๆให้หัวหน้าเผ่า พี่ชายฉันของฝากของไปให้หัวหน้าเผ่าราชาได้หรือไม่” ในขณะที่เจ่าไห่พูดเข่าไฟก็โบกมือเรียกลอร่า และลอร่าก็เดินไปนําไวน์ผลไม้แท้ที่หาดื่มยากมากๆ ฉันต้องการที่จะคุยธุรกิจกับเขา
เบต้ารู้สึกตกใจไปครู่นึ่งและเขาก็หยิบไวน์จากมือเจ่าไห่ไป “นายเป็นคนที่น่าสนใจมากเลยนะ! ไม่ตกเป็นกังวลฉันจะจัดการเรื่องที่นายขอให้”
เบต้าหันและเดินออกไปยังกลุ่มทหารของเขา และเขาก็ค่อยๆเดินไปกับกลุ่มทหารของเขา
เจ่าไห่ก็ยิ้มออกมาและหันไปหาลอร่าและพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะจัดเต็นท์ให้พวกเราแบบนี้ เธอลองไปดูให้หน่อยได้ไหมลอร่า” ลอร่ายิ้มและทําตามสิ่งที่เจ่าไห่บอก และเจ่าไห่ก็สั่งให้เหล่าซอบบี้ไปดูพืชที่เขานํามา
หลังจากที่เจ่าไห่จัดการทุกอย่างแล้วเขาก็นําพืชบางชนิดออกไปขายเพื่อหาเงินและจะได้เป็นที่รู้จักในเผ่าอื่นๆ
หลังจากที่เจ่าไห่ได้ออกไปขายพืชเขาก็รู้ทันทีว่าเผ่าราชาและเผ่าเล็กมันแตกต่างกันมากๆเลย เผ่าราชาจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่าเยอะเลย
บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสําคัญที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า เผ่าที่มีประชากรเป็นจํานวนมากย่อมได้ผลประโยชน์มากกว่าประชากรที่มีจํานวนน้อย
เมื่อเจ่าไห่กลับไปที่เต็นท์แล้วนั้น เขาก็ไม่ได้เดินไปเดินมามากในเต็นท์ และเขาก็ไม่ได้ออกไปพบกับคนอื่นๆเลย รอบๆเต็นท์ของเขาเงียบสงบมาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเต็นท์ของเจ่าไห่ เขาก็เปิดมิติที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ เพื่อที่เจ่าไห่จะดูสถานการณ์รอบๆเต็นท์ เจ่าไห่จะสามารถเห็นทุกอย่างได้ด้วยความรวดเร็ว
และไม่นานมากนักถึงแม้เจ่าไห่จะมองดูแบบไม่ได้สนใจมากนัก แต่เขาก็เห็นว่ามีคนกําลังมองดูพวกเขาอยู่ และเจ่าไห่ก็หันไปถามลอร่าว่า ” พวกเขาไม่ไว้ใจอะไรพวกเราหรือเปล่า ทําไมพวกเขาถึงส่งคนมาดูพวกเรา”
ลอราส่ายหัวและตอบเจ่าไห่ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมพวกเขาถึงสงสัยเรา”
เม็กมองหน้าจอและพูดว่า ”นายน้อยฉันคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าเราเป็นสายลับที่ถูกส่งมาจากเผ่าบูลก็ได้ เผ่าเฮคัสได้พ่ายแพ้ให้กับเผ่าบูล เพราะมีพ่อค้าที่เป็นคนจากที่อื่นเข้ามาช่วยเหลือ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะคิดถึงเรื่องนี้อยู่ นายน้อยคิดว่ายังไง?”
เจ่าไห่ยืนนิ่งไปแบบนึ่งและพูดออกมาว่า “จริงด้วย เรื่องนี้ดูเป็นไปได้มากที่สุด เพราะความแข็งแกร่งของเผ่ามูลตอนนี้ก็ได้มาจากคนจากที่อื่นๆ ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัยพวกเรา
ลอร่าก็พูดออกมาอีกว่า “ฉันคิดว่าไม่ว่าเราจะอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหากพวกเขาไม่เข้าหาเรา”
เจ่าไห่พยักหน้า “แต่เราก็ต้องอยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเราเป็นคนดี” เจ่าก็ได้เรียกเจ่าฉันอื้ออกมา และเจ่าฉินอี้ก็ปรากฏอยู่บนไหล่ของเจ่าไห่
เจ่าไห่หันไปมองเจ่าฉินอี้และพูดว่า “เธอสามารถบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เพื่อไปดูทีหลัวได้หรือไม่?” เล่าให้จําได้ว่ามิติสามารถที่จะบันทึกภาพและเสียงได้ แต่เขาก็ไม่ได้เคยใช้มาก่อน
เจ่าฉินอี้พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันสามารถบันทึกได้ แต่เมื่อไม่มีคําสั่งให้เก็บไว้ภายใน 7 วันมันจะถูกลบออก”
เจ่าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก จงบันทึกตั้งแต่ตอนนี้ และเมื่อถึงตอนเย็นฉันจะไปดูอี กรอบ” เจ่าฉินอี้ทําตามคําสั่งเจ่าไห่ทันที และก็กลับเข้าไปในมิติอีกครั้ง และก็มีเสียงของเบต้าดัง ออกมา “เป็นอะไรหรือเปล่าเจ่าไห่?”
เจ่าไหรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากที่เขาได้ยินว่าเสียงของเบต้านั้นเขาตอบว่า “ไม่มีอะไรเลย พี่เบต้า ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
เบต้าเดินเข้ามาและบอกว่า พวกนายสามารถนําของออกมาใช้ได้เลยนะ แต่ลอร่าก็คิดว่าเราใช้แค่ของที่อยู่ในเต็นท์นี้ก็พอแล้ว ลอร่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน
ภายในเต็นท์นั้นเจ่าไห่ก็นั่งดื่มชาอยู่ และก็ยังมีการซื้อขายอยู่ด้านนอกเต็นท์อยู่เรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นเบต้าเข้ามา เจ่าไห่ก็กวักมือและพูดว่า “พี่เบต้ามาดื่มชา” หลังจากนั้นเขาก็เทถ้วยชาให้กับเบ
เบต้ายิ้มให้เขา เขาจับถ้วยขึ้นมาและดื่มไปในครั้งเดียว จากนั้นเขาก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “เพื่อนของฉัน ตอนนี้ผู้เฒ่าที่ดูแลเรื่องคนนอกต้องการที่จะเจอนาย โปรดมากับฉันหน่อยได้ไหม”
เจ่าไห่พยักหน้าและลุกขึ้นยืน ขณะที่เดินออกไปข้างนอกเขาบอกกับลอร่าว่า “จงอยู่ในเต็นท์ อย่าเดินไปรอบๆ” ลอร่าทําตามสิ่งที่เจ่าไห่บอกทันที
หลังจากเดินไม่ไปกี่เมตร เบต้าก็หันหน้ามาและถามเจ่าไห่ว่า ” เพื่อนฉัน ทําไมฉันเห็นว่าคุณไม่เหมือนพ่อค้าคนอื่นๆเลย พ่อค้าคนอื่นๆจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อทําธุรกิจ”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “พี่ชาย, ถ้าฉันทําแต่ธุรกิจประเภทนั้น, ฉันจะสามารถทําเงินได้มากแค่ไหน? ฉันจะสามารถขายอะไรได้บาง? ซึ่งฉันก็คิดว่ามันยังเล็กเกินไปสําหรับฉัน แต่ถ้าหากได้ทําการค้ากับเผ่าราชาฉันคิดว่าจะได้กําไรมากๆแน่นอน
เบต้ารู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เจ่าไห่พูด และเขาก็พูดกับเจ่าไห่ว่า ”ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้โกหกฉัน จริงๆแล้วนายมีพืชหรือสินค้ามากเลยงั้นหรอ? และนายจะขายมันเท่าไหร่?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ฉันมีพืชและสินค้าจํานวนมาก และฉันก็แน่ใจมากว่า ฉันขายถูกที่สุดแล้ว”
เบต้ามองเจ่าไห่ เบต้าไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เล่าให้พูดเป็นเรื่องจริง ในเวลานี้พวกเขาได้มาถึงนอกเต็นท์ และยืนอยู่หน้าเต็นท์ที่มีขนาดใหย์ของใครบางคน และนอกจากนี้เต็นท์นี้ก็ยังมีธงอยู่บนเต็นท์อีกด้วย แต่เจ่าไห่ก็ไม่รู้ว่าธงนั้นมีความหายว่าอย่างไร
ด้านนอกเต็นท์มีทหาร 2 ยืนอยู่ พวกเขาแต่ละคนถือคทาอยู่ในมือของพวกเขา ทําให้พวกเขาดูสง่างามมาก
เบต้าเดินไปทางเข้าและพยักหน้าให้ทหารจากนั้นเขาก็นําเจ่าไห่เข้าไปข้างใน เล่าให้รู้สึกว่าข้างในมืดมาก ขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน เต็นท์ด้านในมีขนาดใหญ่มากประมาณ 40 ตารางเมตร
การตกแต่งภายในเต็นท์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก สิ่งที่นักล่าส่วนใหญ่ใช้เต็นท์นี้ดูเหมือนจะขาดไปแทนที่จะมีหนังสืออยู่ในหนังสือวางซ้อนกันภายในไม่มีอะไรเลย
บนพื้นมีพรมอยู่กลางเต็นท์และมีหม้อที่ห้อยอยู่ด้านบน นอกจากนี้ ภายในมียังโต๊ะเล็กๆ และดูเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ด้วย
บางส่วนของผมบนหัวของชายคนนั้นเป็นสีขาวไปหมดแล้วและใบหน้าของเขามีริ้วรอยทําให้ เขาดูราวกับเป็นคนแก่ชรา แต่ตาของเขาไม่ได้มีเมฆเลยดวงตาของเขาก็ชัดเจนและเต็มไปด้วยสติปัญญา
เบต้าก้าวไปข้างหน้าและให้โบว์ ”เบต้าได้เห็นผู้เฒ่าแล้ว”
ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่พยักหน้า “นี่เป็นพ่อค้าที่ท่านกําลังพูดถึง?”
เบต้าพยักหน้า และเจ่าไห่ก็ก้าวไปข้างหน้าและทําทักทายด้วยมารยาท
เบต้าโบกมือลาและคํานับผู้เฒ่าและออกจากเต็นท์ไป เจ่าไห่ยืนอยู่เงียบๆ เขาก็ยืนอยู่ที่นั่น
ชายชราตนนั้นมองเจ่าไห่และพูดว่า “นั่งลงเถอะ” หลังจากเจ่าไห่แสดงมารยาทเขาก็นั่งที่ด้านหน้าของผู้เฒ่า
สายตาของผู้เฒ่าแสดงให้เห็นการยอมรับ จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ฉันได้ยินจากเบตาว่าคุณมีอาหารมากมายที่สามารถแลกกับเราได้จริงหรอ?”
เจ่าไห่พยักหน้า “ใช่ ผู้เฒ่าที่เคารพฉันมีเมล็ดข้าวมากมาย ฉันไม่ได้เป็นผู้ค้าที่บริสุทธิ์ฉันมีดินแดนของตัวเองและผลิตภัณฑ์ของดินแดนของฉันเป็นไม้ไผ่ ฉันไม่ต้องการที่จะขายราคาถูกให้ร้านค้าอื่นๆ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะขายพวกมันเอง”
ผู้เฒ่าถามว่า “นายมีข้าวเท่าไหร่?”
เจ่าไห่พูดด้วยเสียงจริงจังว่า “30 ล้านกิโลกรัม” เจ่าไห่ไม่ได้พูดมากไปกว่านี้เพราะกลัวว่าผู้เฒ่าจะไม่เชื่อ ผู้เฒ่าถามว่า “แล้วราคาหล่ะเท่าไหร่?”
เจ่าไห่ตอบอย่างเงียบๆ ว่า “ทุกๆ 2000 กิโลกรัมของพืช ฉันขอแลกกับแกะภูเขา (Argali)”
ท่าทางของผู้เฒ่าเปลี่ยนไป เขามองไปที่เจ่าไห่ด้วยความแปลกใจ “นายพูดว่า 2000 ก.ม. ของเมล็ดข้าวกับแกะ 1 ตัวงั้นหรอ? นายแน่ใจหรือว่านายพูดความจริง?”
เจ่าไห่พยักหน้า “ผู้เฒ่าที่เคารพ ฉันจะไม่ล้อเรื่องนี้ สิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง 2000 ก.ก. ต่อแกะ 1 ตัว
ผู้เฒ่ามองไปที่เง่าไห่ “แล้วคุณภาพของเมล็ดข้าวดีแค่ไหน? หากคุณภาพไม่เลว เมื่อมีของเรา จะทําการค้ากับนายทันที”
เล่าให้ตอบว่า “คุณภาพของเมล็ดข้าวไม่ใช่ปัญหา ผมนําตัวอย่างมาบางส่วนผมจะไม่โกหกกับผู้เฒ่า ธัญพืชเหล่านี้ที่ผมนํามาเป็นส่วนที่ด้อยกว่าในชุดของพวกเขา แต่เม็ดที่ผมจะส่งมาเป็นเกรดแรกเลยทีเดียว”
เมื่อมีเสียงเบต้าดังขึ้นจากด้านนอกเต็นท์ “เบต้ารายงานไปยังผู้เฒ่าเมล็ดได้รับการตรวจสอบ แล้ว มันมีคุณภาพที่ดีมาก”
ผู้เฒ่ายิ้มและหันหน้าไปทางเจ่าไห่และพูดว่า “นายไม่ได้โกหกจริงๆหรอ? นายมีพืชพวกนี้จริงๆใช่ไหม แล้วคุณภาพนี้ดีที่สุดแล้วใช่ไหม?”
เจ่าไห่สายหัวและพูดว่า ” เมล็ดข้าวเหล่านี้ที่ฉันนํามาเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในหมู่พืชที่ฉันมีเมล็ดพืชที่เข้ามาจะมีคุณภาพดีกว่า”
ผู้ดเฒ่ามองไปที่เง่าไห่และไม่ได้พูดอะไรสักครู่ ขณะที่เจ่าไห่กําลังจ้องมองที่ผู้เฒ่าเหมือนกัน หลังจากที่ผู้เฒ่าพยักหน้า “เราจะทําการค้านี้กับนายให้คนของนายขนส่งข้าว แต่จําไว้ว่านายมีเวลาเพียงครึ่งเดือนในการขนส่งนําสิ่งที่นายทําได้ทั้งหมดในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้นฤดูหนาวจะมาถึง และหิมะจะปิดถนน เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณต้องการส่งมอบเท่าใดก็เป็นไปไม่ได้”
เจ่าไห่ยิ้มอย่างเบาๆ และพูดว่า “ผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเราสามารถทําทุกสิ่งทุกอย่างได้ทันเวลาแน่นอน”
ผู้เฒ่าพยักหน้าให้เจ่าไห่ เจ่าไห่ออกจากเต็นท์เพื่อที่จะไปเตรียมการขนส่ง
ผู้เฒ่าพูดออกมาว่า “ฉันยังคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนดี ติดตามพวกเขาได้อีกสักสองสามวัน ถ้าพวกเขามีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน เราก็จะไว้ใจพวกเขาได้ ถ้าพวกเขาทําอะไรบางอย่างออกมาจากบรรทัดฐาน เช่นการติดต่อสมาชิกเผ่าอื่นๆ ให้หาสิ่งที่พวกเขาพูดว่า ถ้าเป็นการสนทนาธรรมดา เราก็ไม่ต้องสอดแนมพวกเขาด้วย” เบต้างงๆกับผู้เฒ่า “ผู้เฒ่า ฉันคิดว่าพวกเขาก็เป็นคนดีนะ ทําไมต้องติดตามพวกเขาอีกหล่ะ? และคุณยังบอกด้วยว่าจะติดตามพวกเขา เมื่อพวกเขาพูดคุยกับสมาชิกเผ่าไม่ใช่พฤติกรรมธรรมดาเพียงอย่างเดียว? ไม่ใช่หรอ”
จบตอนแล้วหากอ่านไม่รู้เรื่องก็ขออภัยด้วยนะครับ