Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 279
บทที่ 279 – เผ่าราชา
ตอนนี้เรื่องที่เจ่าไห่งงมากก็คือ การที่ไวน์นมของเหล่าชนเผ่านั้นผสมแอลกอฮอล์ลงไปด้วย ซึ่งการที่ได้ดื่มมันก็จะทําให้รู้สึกเมามากๆ เจ่าไห่คิดว่าการที่ไวน์ที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้สามารถทําให้เมาได้ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแล้ว เพราะเจ่าไห่ไม่คิดว่าพวกเขาจะดื่มเหล้ากัน
แต่ที่เจ่าไห่รู้มาก็คือพวกเขาตื่นไวน์ก็เพราะว่า ที่นี้เมื่อถึงเวลาหนาวมันจะหนาวมากๆ และเมื่อหมดหนาวพวกเขาก็ยังต้องดื่มมันเพื่อให้เกินความเคยชิน พวกเขาต้องเลี้ยงสัตว์ให้ที่โล่ง และพวกเขาจะต้องเจอกับสภาพอากาศที่หนาวได้ทุกเมื่อ
ด้วยเรื่องที่พูดมานี้ทําให้พวกเขาต้องหาอะไรบางอย่างมาเพิ่ม นั้นก็คือเหล้าจากทวีปอาร์ค แต่พวกเขาก็สามารถที่จะทําไวน์นมได้เอง จึงไม่จําเป็นต้องซื้อเหล้ามามากมาย
กลับสู่โลกของเจ่าไห่ที่เคยอาศัยอยู่ เมื่อตื่นมาเขาจําเป็นต้องดื่มไวน์ขาวในทุกๆเช้า เจ่าไห่ไม่ค่อยรู้รสชาติของไวน์ผลไม้ แต่เจ่าไห่ก็บอกได้ว่าไวน์นมนั้น เป็นไวน์ที่มีรสดีมากๆ
และตอนนี้พวกเขาก็มีกลุ่มของอลิช ซึ่งน่าจะเป็นคนที่สามารถทําไวน์ออกมาได้ดี แต่เจ่าไห่ก็ยังไม่ได้คิดที่จะให้เขาทําไวน์
แต่ตอนนี้เจ่าไห่ก็กําลังคิดว่าอลิชจะสามารถทําไวน์ที่มาจากเมล็ดพืชได้ไหม การผลิตอาหารของฟาร์มของเจ้าให้ในมิติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเจ่าไห่นําพืชออกมาให้ชนเผ่ามากไปมันจะเป็นเหตุตามมาที่เขาไม่อยากจะพบ แน่นอนที่สุดมันจะดึงดูดความสนใจและทุกประเทศในแผ่นดินใหญ่จะตรวจสอบสาเหตุ ผลของการสอบสวนนั้นจะนําไปสู่บุคคลที่ไม่มีตัวตนซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น เขาต้องการที่จะเปลี่ยนคลังสินค้าของเขาเป็นสิ่งอื่นที่เขาสามารถขายได้
ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือข้าวโพดก็ตาม มันเป็นวัสดุที่เหมาะสําหรับการหมัก หากพวกเขาสามารถจัดการกับการหมักไวน์ขาวและผ่านกระบวนการกลั่นได้ไวน์ขาวที่เป็นผลจะมีหลักฐานประมาณ 40% แม้จะมีเพียงแค่ปริมาณแอลกอฮอล์มากเท่านั้น แต่ก็ถือว่ามีความเข้มขันอย่างมากในทวีปอาร์ค ในขณะที่พวกชนเผ่าจะรักมันอย่างแน่นอน
ดังนั้นการทําเหล้าจึงถูกเพิ่มลงในกําหนดการ แต่ยังคงมีปัญหามากมายที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มต้น ดังนั้นเเจ่าไห่ต้องการลองทําไวน์นมก่อนและทําการทดลองตามวิธีที่พวกเขาทํา
ตอนนี้เจ่าไห่มีวัวนม 200 ตัวและแกะ 1,000 ตัว วิธีนี้ไม่ว่าเขาต้องการนมหรือขนสัตว์ เขาจะมีมันมากพอ ตอนนี้เขาสามารถทําผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมและการแปรรูปขนสัตว์ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องขายเนื้อกระต่ายเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานและเจ่าไห่ก็ไม่รีบร้อนอะไร
เจ่าไห่เดินทางใน 4 วัน แต่สําหรับคนอื่นก็น่าจะ 10 วัน นั่นเป็นเพราะรถม้าของเขาถูกดึงโดยพวกซอบบี้ ซึ่งไม่รู้สึกเหนื่อยล้า เจ่าไห่จึงสั่งให้พวกมันเดินไปเรื่อยๆ
รถลากที่ชนเผ่านั้น ทั้งหมดต้องใช้ม้าเป็นตัวดึงรถ แต่เจ่าไห่คิดว่ามันจะล่าช้า เขาจึงใช้พวกซอบบี้ลากรถแทน
เมื่อเร็วๆนี้ เจ่าไห่จะปล่อยให้นกของเขาบินขึ้นไป เพื่อดูว่ามีชนเผ่าเล็กๆอยู่รอบๆหรือไม่ หากมีเจ่าไห่ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางไปซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาเดินทางได้บ้าง
สิ่งที่เวลส์ต้องการมากที่สุดคือข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าราชา ดังนั้นเล่าให้จึงเดินทางไปรอบๆชนเผ่าเล็กๆ เพราะเจ้าให้ไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไป
ทางเจ่าไห่กําลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้อาจทําให้เผ่าราชาสงสัย เขาละเลยดินแดนต่างๆ และมุ่งหน้าไปยังเผ่าราชา โดยปกติแล้วเขาจะดูว่าเจ่าไห่สามารถเก็บอาหารไว้ในรถของเขาได้อย่างไร เขาจะต้องขายให้กับชนเผ่าที่เล็กกว่าส่วนใหญ่ที่เขาพบในระหว่างการเดินทางไปยังเผ่าราชา มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลากทั้งหมดของมันอย่างปลอดภัยไปยังเผ่าของเขา ชนเผ่าใหญ่เช่นเผ่าราชา มีความสัมพันธ์กับผู้จัดจําหน่ายอาหารอย่างต่อเนื่องหากพวกเขาต้องการซื้ออาหาร เมื่อพ่อค้าอาหารเหล่านั้นต้องการที่จะขนส่งอาหารที่พวกเขาซื้อพวกเขาก็จะมีธงรบของชนเผ่าที่ผูกไว้ใน รถของพวกเขา จึงส่งสัญญาณว่าใครเป็นผู้ขนส่งโดยเฉพาะและเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของพวกเขา
คนที่ชอบเจ่าไฟที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่าขนาดใหญ่มักจะขายอาหารให้กับชนเผ่าเล็กๆ หรือปล้นพวกเขา พวกเขาไม่ค่อยไปถึงชนเผ่าที่ใหญ่กว่า
บนทุ่งหญ้าทุกเผ่าใหญ่ๆ ก็เหมือนตลาดเปิด มีบางวันในแต่ละเดือนที่พ่อค้าเข้ามาทําธุระกับชนเผ่าเล็กๆ ในค่ายของชนเผ่า โดยปกติชนเผ่าที่เล็กกว่าจะต้องโชคดีหากต้องการซื้ออะไรจากตลาดเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะต้องพบกับพ่อค้าที่เต็มใจ หากพวกเขาโชคร้ายพวกเขาจะต้องรอจนถึงวันที่ตลาดและไปที่ค่าย เพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ในบรรดาชนเผ่า ค่ายของเผ่าราชาไม่ถือว่าเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุด แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกมองว่าเป็นค่ายที่อยู่ในระดับกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเป็นเจ้าของในการเปิดตลาดได้ แต่ได้แค่ 2 วันต่อเดือนเท่านั้น
ผลที่ตามมาคือชนเผ่าเล็กๆ รอบค่ายพบว่ายิ่งยากที่จะได้รับสิ่งที่ต้องการ นอกจากนี้ยังเป็นเพ ราะความปรารถนาที่จะซื้อของพวกเขามีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย สำหรับขบวนรถที่มีเสียงดังเช่นกลุ่มของเจ่าไห่ ที่ไม่ได้ส่งมอบเผ่าที่ใหญ่กว่าให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย สินค้าของพวกเขามักจะถูกซื้อหรือถูกปล้น
สิ่งที่ดีเล่าให้ได้เตรียมข้ออ้างแล้ว เขาสามารถพูดได้ว่าเขาคิดว่ามีชนเผ่าที่ใหญ่กว่าอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เขาไม่ได้ขายอาหารของเขาและเขาก็นําตัวอย่างของเผ่าราชา
หลังจากผ่านไปสี่วันเจ่าไห่ก็เกือบจะถึงค่ายของเผ่าราราชา เจ่าไห่และคนอื่นๆก็ออกจากมิติ เพื่อไปที่ทุ่งหญ้า
เมื่ออยู่บนทุ่งหญ้า เจ่าไห่ก็เปิดรถลงมาทันที เจ่าไห่มองออกไปด้านหลังแล้วยิ้มและก็พูดว่า “ทําไมฉันรู้สึกว่าเราไม่ได้มาที่นี่เป็รเวลานานแล้ว มันก็รู้สึกเหมือนทุ่งหญ้าดูสวยงามมากขึ้นกว่าแต่ก่อน”
ลอร่าและคนอื่นๆหัวเราะ วันนี้พวกเขายุ่งมากในการสร้างโรงงานที่ปราสาท ตอนที่อุณหภูมิรอบแดนทมิฬลดลง พวกเขาก็หยุดทําการเกษตรและเปลี่ยนความสนใจไปที่การสร้างสิ่งอํานวยความสะดวกเหล่านั้น
แต่ก็ยังไม่มีคนเพียงพอที่จะสร้างโรงงานผลิตทั้งหมด ตอนแรกเข่าไม่ต้องการเริ่มต้นสถานที่สําหรับทําศึกการรบ แต่แล้วเขาก็คิดว่าแม้ว่าเขาจะมีสิ่งอํานวยความสะดวก แต่ก็ไม่มีตลาดสําหรับการรบในหมู่ชนเผ่า สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทําตอนนี้คือทําผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ ด้วยวิธีนี้พวกเขาไม่จําเป็นต้องฆ่าแพะ
แต่ตอนนี้พวกเขามีผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก ไวน์นม แม้ว่าพวกเขาจะผลิตไวน์นม พวกเขาก็สามาถทําได้แค่ไวน์นมเท่านั้น ซึ่งมันแย่กว่าสิ่งที่เจ่าไห่ได้คิดไว้อยู่มาก ความแตกต่างหลักๆ ก็คือเหล้าองุ่นของเขาถูกกลั่นซึ่งจะทําให้รสชาติของมันดีขึ้นกว่าที่คนทํา
แน่นอนในสายตาของเจ่าไห่ ไวน์นมเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นล่างสุด แต่เนื่องจากชาวเผ่าชอบที่จะดื่มไวน์นมที่ดีเขาสามารถใช้มันเพื่อการค้าเพื่อสินค้าที่ดีกว่า
ขบวนกําลังเดินเข้ามาในบริเวณค่ายอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลแล้ว บริเวณที่ปกคลุมมีขนาดใหญ่มาก ทั้งหมดที่พวกเขาได้เห็นบนขอบฟ้าเป็นยอดเต็นท์โดมสีขาวตามการประเมินของเจ่าไห่ต้องมีผู้คนกว่าแสนคนที่นี่
เมื่อพวกของเจ่าไห่มาใกล้ก็มีขบวนทหารม้าจํานวนหนึ่งเข้ามาที่ขบวนรถของเจ่าไห่ บางทีพวกเขาน่าจะเห็นพวกเขาเล่าให้ตั้งแต่ระยะไกลๆแล้วก็ได้ เมื่อมาใกล้พวกเขาก็เดินช้าลง
เล่าให้รีบออกจากรถและเคารพทหารที่อยู่บนม้า “เจ่าไห่ทักทายพวกเขา และถามว่าที่นี่ใช่เผ่าราชาใช่ไหม?”
หลังจากที่ทหารจากชนเผ่าสังเกตพฤติกรรมของเจ่าไห่ เขารีบตอบว่า “สวัสดีที่นี่คือค่ายของเผ่าราชา คุณมีธุระอะไรกับเผ่าของเรา?”
เจ่าไห่ก็ตอบไปว่า “ทหารที่เคารพ ฉันเป็นพ่อค้าและฉันต้องการทําการค้ากับเผ่าราชาและการค้าที่มีจํานวนมากด้วยเช่นกัน”
ทหารคนนั้นไม่ได้คิดนาน เพราะมักจะมีพ่อค้ามาทําข้อเสนอในเผ่าของพวกเขามาก เขา มองไปที่ขบวนรถของเจ้าให้อีกครั้งแล้วพูดว่า “เพื่อน เรายินดีต้อนรับการค้าของคุณ แต่คุณดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรมากนักหรอก”
เจ่าไห่ยิ้ม “ใจเย็นๆก่อนท่าน นี่เป็นคือสิ่งที่เราเอาติดตัวมาเฉย ถ้าหากท่านทําการค้ากับเรา เราจะนําอาหารมาให้ท่านอีกเป็นจํานวนมาก”
ทหารคนนั้นพยักหน้า “เอาล่ะเพื่อน โปรดตามฉันมาย” จากนั้นเขาก็นําเจ่าไห่เข้าไปในค่าย
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย เล่าให้ได้นําเอาเหล่าซอบบี้กลับเข้าไปในมิติแล้ว เพื่อที่จะทําให้พวกเขาดูเหมือนกับพ่อค้าทั่วๆไป
เล่าให้ตามทหารเข้าไปในค่ายและทันทีที่พบว่าสถานที่นี้ไม่เหมือนกับชนเผ่าเล็กๆ ขนาดของเผ่าใหญ่มากๆ ในชนเผ่าที่ใหญ่แบบนี้แน่นอนเลยว่าค่ายของเขาก็ต้องใหญ่เหมือนกัน ที่นี่แตกต่างจากสิ่งที่เจ่าไห่คิดไว้มาก
จบตอนแล้วนะครับ หากอ่านไม่รู้เรื่องก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับขอบคุณครับ