Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 263

บทที่ 263 – ความผิดหวังของกาซอล

ในเวลานี้ ถ้าเมื่อมองไปที่เวลส์และคนอื่นๆ กาซอลก็เป็นคนเดียวที่ไม่ได้มีความสุขเลย ฟาซอลรู้ตัวของตัวเองดีว่าแม้ว่าเขาจะได้เป็นหัวหน้าของเผ่าเฮคัส แต่คนในเผ่าก็ไม่ได้ให้ความเคารพแก่ตัวเขาเลย เมื่อเป็นเดซได้หนีออกจากเผ่า ซึ่งเป็นที่สังเกตเห็นของคนในเผ่าและพวกเขาก็เก็บคําถามพวกนี้ไปคิดว่าทําไมเม็นเดซถึงหนีออกไปและทําไมหัวหน้าเผ่าคนก่อนถึงตาย

เพื่อที่จะออกจากปัญหานี้กาซอลก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากเผ่าบูล โดยการที่กาซอลจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างเพื่อให้เผ่าบูลไปจัดการกับเม็นเดซ แผนของเขาก็คือการตามเม็นเดซไปและเขาก้จะได้เจอกับเวลส์ด้วย และสิ่งที่เขาจะทําก็คือการฆ่าทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่กาซอลคิดไม่ถึงเลยก็คือการมาของเจ่าไห่ และยิ่งไปกว่านั้น เจ่าไห่มีกองทัพซอบบี้จํานวนมากอยู่ด้วย กองทัพซอบบี้นี้จะมีความแข็งแกร่งมากในเวลากลางคืน

กาซอลไม่ได้รู้เลยว่าเวลส์ได้สร้างสัมพันธ์กับนักเวทย์แห่งความมืด ขณะที่เวลส์ได้มีกองทัพซอบบี้ถึง 4000 ตัว นั้นก็หมายความว่าเจ่าไห่นั้น ไม่ใช่นักเทย์ที่ธรรมดาทั่วไป และเจ่าไห่ก็เป็นตัวที่อันตรายต่อกาซอลมากๆ

กาซอลรู้สึกเสียใจมาก เมื่อการไล่ล่าของเขากับไม่ประสบผลสําเร็จ ถ้าหากพวกเขาได้พบเวลส์ก่อนที่จะมีด พวกเขาก็น่าจะโจมตีเวลส์ได้แล้วแท้ๆ แต่กาซอลก็รู้สึกผิดหวังมากเพราะตอนที่เขาได้พบกับเวลส์และเด็นเดซมันเป็เวลากลางคืนแล้ว ถ้าหากพวกเขาคิดที่จะต่อสู้ มันจะไม่เป็นผลดีเลยหากต้องสู้กับซอบบี้ที่แข็งแกร่ง

ความจริงที่ไม่ต้องคิดเลยว่าทําไมพวกของกาซอลถึงไม่สู้ ก็เพราะว่าซอบบี้นั้นแข็งแกร่งในเวลากลางคืน และอีกอย่างพวกซอบบี้เหล่านั้นไม่ได้กลัวความตายเลย ซอบบี้เหล่านั้นไม่ได้มีความคิด พวกมันก็เลยไม่รู้ว่าความตายคืออะไร แต่พวกมันก็รู้ทักษะที่จะโจมตีแต่ก็ไม่ได้รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นยังไง และนั้นก็ทําให้พวกมันดูน่ากลัวมาก

และสิ่งที่กาซอลรู้สึกเสียใจมากที่สุดก็คือสัวตว์เวทย์ของเขาหายไปเพราะนกบางชนิดที่เขาไม่รู้จัก การที่สัตว์เวทย์ของเขาจะถูกจับไป เรื่องนี้มันทําให้เขารู้สึกแย่มากๆ

เวลส์เคยบอกไว้ว่า ความสําเร็จที่กาซอลเคยได้รับก็มีจากสัตว์เวทย์ 2 ตัวนั้น แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีมันแล้ว ตราบใดที่เขายังมีนก 2 ตัวนั้น เขาก็สามารถหาที่ตั้งของศัตรูได้ก่อน และเข้าโจมตีก่อน และด้วยวิธีนี่ของเขาที่ทําให้เขาได้ชัยชนะจากการต่อสู้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามตอนนั้นกไฟของเขาได้ถูกโจมตีโดยนกอินทรีย์ของเจ่าไห่ ซึ่งมากัน 5 ตัวและได้โจมตีกันกลางอากาศ ตัวของกาซอลเองนั้นไม่สามารถทําอะไรได้เลย เขาได้แต่มองนฟไฟของเขาถูกโจมตีและจับไป

กาซอลไม่รู้จะทํายังไงเขาได้แต่นั่งคิดโทษตัวเองเมื่อเขาคิดถึวเรื่องนี้ กาซอลรู้สึกกับตัวเองว่าตอนนี้ทุกอย่างที่วางไว้มันไม่ได้เป็นไปตามนั้นสักเท่าไหร่ นอกจากการได้เป็นหัวหน้าเผ่า เขาก็ไม่ได้รับสิ่งที่เขาได้วางไว้เลย

กาซอลไม่จําเป็นที่ต้องจัดการเรื่องมากมาย ก่อนที่เขาจะได้เป็นหัวหน้าเผ่า สิ่งที่เขาต้องทําเพียงอย่างเดียวเมื่อพ่อความยังอยู่ก็คือการดูแลเหล่าทหารของเขา ในขณะที่สิ่งอื่นๆ พ่อของเขาได้เป็นคนที่จัดการทุกอย่างเอง แต่ตอนนี้เขาก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าแล้ว เขาต้องจัดการทุกอย่างเองทั้งหมด และเขาก็เริ่มรู้แล้วว่าการเป็นหัวหน้าเผ่านั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เร็วๆนี้ก็ใกล้ถึงฤดูหนาวแล้ว พวกเขาจําเป็นต้องเก็บอาหารเพื่อรับมือกับฤดูหนาวได้แล้ว และพวกเขาก็จําเป็นต้องใช้ไม้เพื่อให้ความอบอุ่น ทุกอย่างนั้นก็ต้องเตรียม เรื่องนี้ทําให้กาซอลปวดหัวมากๆ

ผู้นําในเผ่าก็เริ่มไม่ฟังคําสั่งของเขาเหมือนแรกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เผ่าบูลจะยังร่วมมือกับเขาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเผ่าบูลก็จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ความกังวลที่เขาได้คิดอยู่นั้นก็คือเขากลัวว่าเวลส์และเม็นเดซจะได้ตําแหน่งที่ใหญ่กว่าตัวเขาเอง

แม้ว่าจะมีเรื่องมากมายที่กาซอลจะต้องจัดการกับมัน แต่กาซอลก็เชื่อว่าเวลส์เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะว่าตอนนี้เวลส์ยังเป็นที่ชื่นชอบของประชากรในเผ่าและก็รวมไปถึงผู้เฒ่าของเผ่าและเผ่าอื่นๆก็ยังชอบในตัวเขา แต่มันก็ถูกต้องแล้ว ที่สําคัญพ่อของเขาได้มอบไม้เท้าให้กับเวลส์

หัวหน้าเผ่านั้น ถูกแต่งตั้งโดยผู้เฒ่าของเผ่ามาตั้งแต่พึ่งเริ่มนเผ่า และนี่ก็อาจพูดได้ว่าในขณะที่พ่อของเขามอบให้กับเวลส์ในสายตาของผู้เฒ่าและผู้นํา นั่นก็หมายความว่าพ่อของเขาได้แต่งตั้งให้เวลส์เป็นผู้สืบทอดคนต่อไป

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่คนในเผ่าไม่ชอบกาซอล เพราะเขาได้บอกกับทุกคนว่าเขาถูกพ่อเลือกให้เป็นหัวหน้าเผ่าก่อนที่เขาจะตายไป

เพื่อให้คนในเผ่ายอมรับในตัวของเขาในการเป็นหัวหน้าเผ่า เขาจําเป็นต้องกําจัดเวลส์และพี่น้องของเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตามกาซอลไม่สามารถระดมกําลังที่จะไล่ตามพวกเขาได้เนื่องจากเวลส์และเม็นเดซเป็นหัวหน้าของชนไปแล้ว เขาสามารถนําทหารเพียง 500 คนไปได้เท่านั้น และยังไปยืมทหารอีก 1500 คนจากเผ่ามูลเพื่อไล่ล่าพวกของเวลส์

และทหารพวกนั้นก็ไม่ได้ไปยืมมาฟรีๆ เขาจะต้องนําแกะ 10000 ตัวมาให้เผ่ามูลในภายหลังและทาส 1000 คน ซึ่งถูกส่งไปยัง เผ่าบูลเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

นี่เป็นสิ่งที่กาซอลได้ทําไป ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าบูลได้ให้ความช่วยเหลือเขาทุกอย่าง เมื่อกาซอลได้เข้ามาขอร้อง แต่หลังจากที่กาซอลได้เป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าบูลก็ค่อยๆสร้างกฏขึ้นมา และนี่ก็ทําให้กาซอลรู้สึกไม่พอใจมากๆ

แต่เขาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้ภายในเผ่าเฮคัสไม่ได้มีความมั่นคงเหมือนแต่ก่อนแล้ว

แม้ว่เขาจะสามารถปกครองผู้เฒ่าและผู้นําคนอื่นๆได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทําในสิ่งที่เขาต้องการได้จริงๆ เหมือนที่พ่อของเขาเคยทําเอาไว้

กาซอลไม่สามารถพาคนของเผ่าไปล่าเวลส์ได้ เขาจึงต้องไปพึ่งพาเผ่าบูลที่มีกฏมากมายต่อเขาในตอนนี้

เมื่อเขาได้พบกับเวลส์ เขาคิดว่าเวลส์จะหนีไปอีก แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดเลย เวลส์นํากองทัพขนาดใหญ่เพื่อมาเผชิญหน้ากับเขา

ดูเหมือนเวลส์ไม่ได้กลัวเขาเลย แต่มันกลับทําให้ตัวของเขาเองกลับเวลส์แทน การที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นในเวลานั้นมันทําให้เขารู้สึกว่าเขายืนอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ว่างเปล่า

แต่เขาก็ไม่คิดที่จะต่อสู้ตอนนี้ เพราะเขารู้ดีว่าเวลส์นั้นไม่ใช่คนโง่ และตอนนี้เวลส์ก็มีซอบบี้จํานวนมากที่ดูน่ากลัวพวกนั้นด้วย นั่นคือเหตุผลที่กาซอลไม่คิดที่จะโจมตีเวลส์ในตอนนั้น แต่เขาถอยกลับไปตั้งค่ายก่อน

กองไฟจํานวนมากได้รับการจุดขึ้นรอบๆเต็นท์และมีคนเพียง 500 คนเท่านั้น ที่คอยเฝ้าระวังกาซอลสั่งให้ทุกคนนอนพักให้เร็วที่สุดเมื่อตั้งเต็นท์เสร็จ พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้ในการพักผ่อนเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการรบครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตามกาซอลยังประเมินความสามารถในการต่อสู้ของเหล่าซอบบี้ของเจ่าไห่อีกด้วยในสายตาของกาซอล แม้ว่าเวลส์จะใช้พวกมันโจมตีเขา แต่พวกเขาก็อาจจะพ่ายแพ้ได้ เนื่องจากซอบบี้มีประโยชน์ในเวลากลางคืนเท่านั้น แต่เมื่อเจ่าไห่สั่งให้ซอบบี้โจมตีที่ตั้งแคมป์ของกาซอล กาซอลได้คิดถึงสิ่งที่แปลกประหลาด ซอบบี้เหล่านี้มีพลังมาก

กาซอลมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่ 8 แต่แม้เขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เมื่อต้องเผชิญกับซอบบี้พวกนั้น สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าซอบบี้เหล่านี้มีแข็งแกร่งสูงกว่าระดับ 6 สิ่งนี้อาจจะเป็นไปได้

กาซอลคิดอย่างจริงจังและเขาก็ไม่อาจเชื่อความคิดตัวเอง แต่ความจริงก็คือความจริง ดวงตาของเขาเจ่าไห่สั่งให้ซอบบี้ล้อมรอบที่ตั้งแคมป์ของกาซอลจาก 3 ทิศทาง ซอบบี้ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และจากด้านข้างและมนุษย์ที่เข้ามาในแคมป์จากด้านหลังซอบบี้ การโจมตีเป็นเหมือนการโจมตีแบบสายฟ้าแลบทําให้สถานที่ตั้งแคมป์กลายเป็นเถ้าถ่านที่เผาไหม้ได้ในทันที

ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นที่รู้จักและมีพลังมากที่สุดและการต่อสู้เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามมันก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นและมีการป้องกันที่ดีกว่า เขารู้ดีว่าไม่วิธีต่อสู้เลย

พวกเขาสามารถป้องกันไม่ให้การโจมตีของซอบบี้หรือกองทหารม้าของเจ่าไห่ได้ กาซอลไม่ได้พบว่าทหารม้านั้นเป็นพวกจาโก เขาให้เงินกับพวกจาโกเพื่อฆ่าเวลส์ แต่เขาก็สูญเสียการติดต่อกับพวกเขาไป เขารู้ว่าแผนนี้ไม่สําเร็จ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนพวกนั้นจะกลายเป็นซอบบี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้กาซอลก็ได้รู้ว่าเผ่าจาโกที่เขาเคยจ้างได้กลายเป็นซอบบี้ของเจ่าไห่ไปแล้วและพวกเขาก็ยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

บนทุ่งหญ้าเผ่าจาโกมีชื่อเสียงมาก เพราะพวกเขามีอํานาจ พวกเขาอดทนและสามารถควบคุมศัตรูได้จนกว่าพวกศัตรูจะพังทลาย แต่ทุกคนที่อยู่บนทุ่งหญ้ารู้ดีว่าเผ่าจาโกไม่มีค่าใช้จ่ายที่

แต่นั่นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในมือของเจ่าไห่หลังจากที่ผ่านการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของมิติแล้วคนของเผ่าจาโกก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มีพลังมากขึ้นและเร็วขึ้น ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมีความสามารถที่จะกลายเป็นทหารเกราะที่ทรงพลัง

สําหรับกาซอลที่ไม่สามารถคํานวณได้ซึ่งทําให้มีเพียง 300 คนที่ด้านซ้ายและด้านขวาเท่านั้น เขาพบว่าเขาทําผิดพลาด ความผิดพลาดนั้นใหญ่มาก

อาวุธหลักของเผ่าจาโกเป็นดาบยาว กระนั้นเผ่าจาโกทําให้ทหารที่ต่อสู้เข้าใจว่า “ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปที่จะทําลายได้ ความเร็วเท่าที่ไม่สามารถหยุดได้ หมายถึง ทหารเผ่าบูลเป็นเหมือนรถถังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติขณะที่เผ่าจาโกก็เป็นเหมือนลมที่บรรทุกใบพัด เมื่อลมพัดขึ้นรถถังกลายเป็นเศษโลหะ

หากอ่านไม่รู้เรื่องก็ขออภัยด้วยนะครับ