Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 176
Chapter 176 อาเจียน และความเข้าใจ
ลูกฝนหันไปเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ที่นี้เค้กข้าวก็เห็นทั้งสิ่งขับถ่ายและของเสียต่างๆ กําลังพวยพุ่งออกมาจากปากของลูกฝุ่นเต็มตา
” สะ.สัตว์ประหลาด!” มันร้องตะโกนอย่างตกใจก่อนถอยหลังไปจนชิดผนัง พยายามจะหนีจากสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจตรงหน้าที่สุด
ทางลูกฝุ่นก็มีสีหน้าตระหนกเหมือนกัน มันรีบปิดทางมิติกระเพาะเพื่อหยุดอาเจียนก่อนตรงไปหาเค้กข้าวทันที
” เธอ! หยุดนะ!” มันตะโกนเรียก “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด!”
เค้กข้าวยังคงร้องโวยวายกับสัตว์ประหลาด ที่กําลังพยายามเข้ามาหา มันมองหาทางหนีทีไล่ออกไปจากห้อง ยืนขาหลังแค่สองข้างเพื่อสร้างระยะห่างกับอีกฝ่ายให้มากที่สุดตัวของมันสั่นเทา
“เจ้าเหม็น!” มันตะโกน ยกอุ้งเท้าขึ้นมาปิดหน้า
” ฉัน… ฉัน…” ลูกฝุ่นพยายามจะอธิบาย “ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดขึ้นะ นี่มันพลังของฉัน…”
เค้กข้าวไม่สนใจที่จะรออีกฝ่ายพูดจบ
“พลังเธอคืออ้วกอื้ออกมาเหรอ!?” มันถาม มองลูกฝุ่นอย่างรังเกียจ
“ไม่ ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น! พลังของฉันคือเปิดประตูกับมิติพิเศษได้ มิติที่ไม่อยู่บนโลกใบนี้มีแค่ฉันที่ทําได้ และปากฉันก็เป็นทางเข้าออกกับที่นั่น” ลูกฟุ่นว่า พยายามเข้ามาใกล้
“อย่าเข้ามานะ!” เค้กข้าวพูดเสียงเย็น “แต่ก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดอ็อยู่ดี! เธอเก็บไว้ในมิตินั่นนี่นา!”
มันนิ่งไปสักพักอย่างไม่รู้จะตอบอะไร
“ก็เธอ… ก็เธอบอกว่าปากเป็นประตูมิตินี่นา หมายความว่า… ก็หมายความว่า!?”
“ไม่! ฉันไม่ได้เก็บไว้เ” ลูกฝุ่นแย้ง อุ้งขาน้อยๆ โบกไปมาบนอากาศ “ฉันกินซูเปอร์แคทเข้าไป 5 ตัว! นี่มัน เจ้าพวกนั้น! พวกมัน ในมิติพิเศษของฉัน!”
ยิ่งลูกฝุ่นอธิบายยิ่งทําให้เค้กข้าวตีโพยตีพายมากขึ้น
“โอ้พระเจ้า!” มันร้อง ถอยหลังไปชิดผนัง “อย่ากินฉันนะ! ถึงฉันจะชื่อเค้กข้าวแต่ก็ไม่อร่อยหรอกนะ! ฉันไม่อิ่มาวันนึงแล้วด้วย! ในท้องฉันมีแต่เต็มไปหมด!”
“บ้าจริง ยัยบ้า! เงียบหน่อยสิ!” ลูกฝุ่นเริ่มมีน้ําโห เข้าไปหวังจะปรามอีกฝ่ายทันที
แค่ต้องอ้วกอื้ออกมาเพื่อแคทมินต์ ตัวมันเองก็อายจะแย่อยู่แล้ว มันไม่รู้ว่าต้องทํายังไงถ้าแมวตัวอื่นรู้เข้า
เค้กข้าวรู้สึกเหมือนกําลังโดนจู่โจม มันกลัวอุ้งเท้าลูกฝุ่นที่กําลังพุ่งเข้ามาหามันอย่างมาก
ด้วยความรู้สึกผิด มันค่อยๆ เลียข้างๆ คอเธออย่างนุ่มนวล
มัจฉะฉีกยิ้มกว้างเมื่อมันเห็นแมวสองตัวกระหนุงกระหนิงกันอย่างน่ารัก
“อ้อย น่ารักจังเลยว่ามั้ย? มาด้วยกันเหรอสาวๆ ไม่รู้ว่าสนิทกันขนาดนี้นะเนี่ย” มันว่า
“ไม่ต้องมายุ่ง” ลูกฝนแยกเขี้ยว ”ออกไปซะ”
” หยาบคายจังเลย ยัยเบี้ยก” มัจฉะว่าก่อนสะบัดหน้าออกไป
“ฉันจะบอกอลิซาเบธกับเพื่อนๆ ว่าเธอแอบมาเล่นกับแมวใหม่!” มันตะโกนอย่างน้อยใจ
หนวดของลูกฝุ่นกระตุกไปมาอย่างไม่พอใจ มันหันมาทางเค้กข้าว
“ฉันขอเตือน” มันเริ่มพูด “ถ้าฉันรู้ว่าเธอเอาเรื่องที่เห็นไปบอกคนอื่นละก็ ฉันจะอ้วกอีทั้งห มดที่ฉันมีใส่ปากเธอแทน”
ดวงตาเค้กข้าวสั่นด้วยความกลัว มันพยักหน้าตอบเบาๆ
“แมวที่ร้านนี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว!” มันคิด
ลูกฝิ่นวางอุ้งเท้าบนหัวของสก็อตติชโฟลด์แทน
“จากวันนี้เธอต้องเป็นคนของฉัน ฉันจะดูแลเธอเอง” มันประกาศ
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เค้กข้าวคิดคือปฏิเสธ แต่เมื่อมันเห็นลูกฝุ่นอ้าปากและเริ่มมีกลิ่นแปลกๆลอยออกมามันก็เปลี่ยนความคิดทันที
”เข้าใจแล้ว” มันบอก พร้อมพยักหน้า
แทบจะเป็นข้อตกลงจากฝ่ายเดียวที่มันทําอะไรไม่ได้เลย “เราต้องทําเป็นยอมไปก่อน เจ้าสัตว์ประหลาดนี่น่ากลัว สักวันฉันจะจัดการพวกมนุษย์ให้หมด ฉันต้องปกป้องตัวเองก่อนตอนนี้ต้องโยนศักดิ์ศรีทิ้งไปซะ”
ลูกฝุ่นหรี่ตามองเค้กข้าวอย่างจับผิด
”ดี ที่นี้ออกไปดูต้นทางให้ฉัน อย่าให้ใครเข้ามาจนกว่าฉันจะเสร็จ” มันสั่ง
เค้กข้าวได้ยินดังนั้นก็ทําตามคําสั่งอย่างดี
มันขวางทางไม่ให้ใครเข้าออกอย่างเต็มที่ ทั้งยังผวาขนลุกซู่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแปลกๆมาจากข้างหลัง
จาวเหยายังคงง่วนอยู่กับการเล่นพับจี ทันใดรู้สึกมีบางสิ่งดิ้นดุกดิกอยู่บนตักของเขาก็เหลีอบลงไปมองพบว่าเป็นเค้กข้าวนอนขดตัวซุกอยู่กับหน้าท้องเขา
เจ้าแมวน้อยกําลังร่ําไห้อยู่ข้างใน
“น่าโมโหชะมัด! พวกแมวในร้านนี้เป็นบ้ากันไปหมด! ฉันอยู่กับเจ้ามนุษย์นี่แล้วปลอดภัยกว่า” มันคิด
จาวเหยามองอย่างแปลกใจแต่ไม่ได้ทําอะไร เขาหันไปเล่นเกมต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์มีสายเข้าชื่อผู้โทรที่แสดงบนจอทําให้เข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ฮัลโหล?”
“โอเค”
“ได้”
” ครับ เข้าใจแล้ว”
” อาทิตย์หน้าผมจะกลับ”
หลังจากวางสายเขาก็ถอนหายใจ
“บ้าจริง ลืมเรื่องนี้ไปได้ไง”
เขาบอกกับที่บ้านว่าจะเดือนนี้จะกลับไปเยี่ยม แต่ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องโฮห้าวชางกับแมวแผ่นดินไหวเสียก่อน นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้ว แม่เลยโทรมาเตือนให้เขากลับบ้าน
จาวเหยายังไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องทรัพย์สินที่เขามีตอนนี้กับที่บ้านยังไงดี เขาเองก็อยากให้เงินที่บ้านแต่ไม่อยากจะตอบคําถามอะไรวุ่นวาย
” จบตาก่อนค่อยคิดแล้วกัน”
หูของเค้กข้าวคอยขยับตามจังหวะเสียงปืนที่ได้ยินจากเกมจาวเหยา
ด้วยความสงสัย มันยืนสองขาพลางยันขาไว้บนโต๊ะ ชะเง้อมองหน้าจออย่างสนใจ
เห็นตัวละครผู้หญิงของจาวเหยาถือขอร์ตกันตัวโชกไปด้วยเลือด ตามันก็วาวขึ้นมา
ทั้งเกมทั้งวิดีโอหรืออนิเมะต่างๆ ที่จาวเหยาพยายามเปิดให้มันดูก่อนหน้าไม่อาจทําให้มันสน ใจได้ เพราะมันใช้ชีวิตอย่างลําบากมามาก สิ่งเหล่านั้นดูจืดชืดเมื่อเทียบกับความเป็นจริงที่มันได้พบเจอ
การดูจาวเหยายิงตัวละครอื่นเป็นการเปิดโลกของมันอย่างมาก มีอาวุธให้เลือกมากมายการนองเลือด และระเบิดทําให้มันตื่นเต้น มันไม่สามารถละสายตาไปจากจอได้
รอบใหม่เริ่มขึ้น เค้กข้าวเห็นตัวละครโล่งโจ้งของจาวเหยาเก็บอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมา เขาวุ่นอยู่แต่กับการหาสิ่งของทั่วห้องและวิ่งหนีเมื่อมีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ
“หนีทําไมเล่า!?” มันตะโกน “ฆ่าสิ! ฆ่า! ฆ่าเลย!”
“ไม่รู้อะไรซะเลยเค้กข้าว” จาวเหยาบอก พลางลูบหัวของมันเบาๆ “ถ้าอยากชนะต้องเล่นยาวๆต้องซ่อนตัวก่อน แล้วเราจะมีโอกาสเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้ฉันยังไม่มีอาวุธเลย ขึ้นเข้าไปตอนนี้ก็ โดนยิงตายสิ”
เค้กข้าวฟังบทเรียนของจาวเหยาอย่างสนอกสนใจ มันไม่อารมณ์เสียอีกต่อไป กลับกันดวงตาวาววับอย่างเข้าใจและยอมรับ
“ใช่แล้ว ออกไปสู้ตอนไม่มั่นใจก็ไม่มีประโยชน์ การอยู่รอดคือกุญแจหลัก ไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีหรือความภาคภูมิ” มันคิดกับตัวเอง ” ก็เหมือนกับเราตอนนี้ เราต้องอยู่รอดในร้านนี้ให้ได้กัดฟันทนเอาวันนี้เพื่อชัยชนะในวันพรุ่งนี้”