Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 162
Chapter 162 แรงโน้มถ่วง และการสนทนา
พอในมิติพิเศษกระเพาะได้รับแรงโน้มถ่วงแมวทั้งห้าและสิ่งของต่างๆที่ลอยอยู่ในอากาศก็ร่วงลงมาทันที
“รางวัลอีกอันสําหรับการสําเร็จภารกิจแรก” เสียงของจาวเหยาดังขึ้น
กระบะทรายสองอันที่จาวเหยาเคยตั้งใจจะทิ้งถูกย้ายเข้าไปข้างใน มันเป็นกระบะทรายที่จาวเหยาใช้ในร้านชั่วคราวก่อนที่ห้องน้ําแมวอัตโนมัติจะมา ที่นี้เขาก็หาที่ให้มันได้สักที
”เจ๋งไปเลย! เรามีห้องน้ําส่วนตัวใช้แล้ว! ที่นี้ก็ไม่ต้องห่วงฉ่ลอยฟ้าอีกต่อไป!” ไกอารีบพุ่งตัวเข้าไปอย่างตื่นเต้น แมวที่เหลือทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วย
พวกมันพอใจกับสิ่งอํานวยความสะดวกที่จาวเหยามอบให้ ตอนนี้พวกมันมีทั้งห้องน้ํา แรงโน้มถ่วงน้ําอาหารหรือแม้แต่โทรศัพท์ที่มีแบตใช้ตลอดเวลา
จาวเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าทําให้พวกนั้นพอใจได้บ้างเขาเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกมเพื่อผ่อนคลายสมอง
“ทีนี้ก็มีสมาธิกับงานสักที”
เข้าช่วงบ่าย ที่ร้านเริ่มมีคนเนืองแน่น
เพราะเมื่อวานปิดร้านกระทันหันจึงมีลูกค้าหลายคนถามถึงกันเยอะมากแต่ทั้งจาวเหยาเสียวฉีอยู่และไปช้วนก็เลี่ยงตอบคําถามและหันเหความสนใจลูกค้าได้อย่างแนบเนียน
ร้านของจาวเหยามีชื่อเสียงขึ้นมากจํานวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทําให้แมวในร้านไม่เพียงพอต่อจํานวนลูกค้า
เสี่ยวถือยู่เริ่มสังเกตเห็นเรื่องนี้จึงกระซิบกับจาวเหยา“จาวเหยาที่ร้านเรามีแมวน้อยไปหรือเปล่า”
“น้อยไป?” คําถามของเสี่ยวฉีอยู่สะกิดใจจาวเหยาเขามองไปรอบๆอย่างสังเกตสถานการณ์
ตอนนี้ที่ร้านของเขามีแมวที่รับมาดูแล 20 ตัวแต่จํานวนลูกค้าในร้านมีประมาณ 30-40 คน
แม้พื้นที่ในร้านจะกว้างขวางเพียงพอแต่จํานวนแมวที่คอยรับลูกค้ากลับมีน้อยกว่า
จาวเหยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตาพลางกวาดมองรอบๆร้าน ” ที่ร้านก็ยังพอรับได้อยู่ เพราะลูกค้าที่มาก็ไม่ได้ตั้งใจมาเล่นกับแมวทุกคนแต่ฉันจะไปดูที่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ดูหน่อยแล้วกันเพื่อจะได้รับแมวมาที่ร้านเราบ้าง”
เทียบกับแมวพันธุ์แล้ว พวกแมวจรนั้นจําเป็นต้องมีที่พักพิงกว่ามากภารกิจรายเดือนของเขาจะเป็นยังไงนั้นขึ้นอยู่กับกําไรของเดือนนี้หากเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับแมวพันธุ์อีกคงไม่เข้าที
และยิ่งไปกว่านั้น จาวเหยารู้ว่ายังไงร้านเขาก็เหนือกว่าร้านอื่นๆเนื่องจากพลังจากเหล่าซูเปอร์แคทของเขา
ทันใดนั้น เหยียนเสี่ยวฉิง หนึ่งในลูกค้าของร้านเข้ามาหาจาวเหยาดวงตาจับจ้องอยู่ที่เค้กข้าวที่กําลังนอนหลับ
วันนี้เธอไม่ได้มาเล่นกับแมวที่ร้านคนเดียวเหมือนทุกที แต่พาอันซินรูมเมทของเธอมาด้วย
อันซินรีบนั่งลงเก้าอี้หยิบการบ้านจากมหาวิทยาลัยขึ้นมาทําร่างกายเล็กจิ๋วของเธอทําให้นั่งเก้าอี้สตูลแล้วขาแตะไม่ถึงพื้น
เธอนั่งทํางานหน้าเครียดอยู่อย่างนั้น และไม่มีแมวตัวไหนเข้าไปเกาะแกะแม้แต่เข้าไปเฉียด หรือถูตัวกับขาก็ไม่มี
เหยียนเสี่ยวฉิงมองจาวเหยาตาแป๋วเชิงขอร้อง ” ขอฉันจับสก็อตติชโฟลด์ตัวนี้ได้มั้ยคะ” เธอถามเสียงอ่อนจาวเหยาไม่อยากให้เรื่องเค้กข้าวแตกจึงใช้พลังภาพลวงตาเปลี่ยนสีขนของมันเป็นสีอ่อน
จาวเหยาลอบมองเหยียนเสี่ยวฉิงที่ซื้อเขาอย่างไม่ลดละเขาลอบมองเค้กข้าวที่ยังคงนอนนิ่งเหมือนตายก่อนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ” จับได้แต่ระวังอย่าโดนจมูกนะ”
เหยียนเสี่ยวฉิงตาวาว เธอยื่นมือออกไปจับขนที่หลังของเค้กข้าวอย่างระวังเธอเอาหูแนบกับท้องของเค้กข้าวจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ “คุณเจ้าของร้านแมวตัวนี้หลับลึกมากเลย!เธอสบายใจกับสภาพแวดล้อมนี้มากเลยเหรอ”
ไม่นานเหยียนเสี่ยวฉิงก็เลิกสนใจขนของเค้กข้าว เธอเลื่อนนิ้วไปทั่วตัวก่อนค่อยๆ เล่นหางของมันเบาๆ
เค้กข้าวกลิ้งตัวไปอีกทาง ขาของมันกระตุกเบาๆแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น
มัจฉะยืนอยู่ที่พื้นขณะที่เหยียนเสี่ยวนิ่งเล่นกับเค้กข้าว มันพยายามเรียกร้องความสนใจโดยการเอาตัวเข้าไปถูกับขาของเธอทั้งยังส่งเสียงร้องเป็นเชิงเรียก เนื่องจากคราวก่อนมันชนะในงานประกวดจาวเหยาเลยให้รางวัลเป็นภาพลวงตาขนใหม่
“โอ้ เธอนี่เอง!” เหยียนเสี่ยวผิงก้มมองเมื่อเห็นมัจฉะอยู่ที่เท้า “ฉันเล่นกับแมวตัวใหม่อยู่ เดี๋ยวฉันไปเล่นกับเธอทีหลังนะ!”
เหยียนเสียวนิ่งใช้นิ้วนวดหัวเล็กๆ ของเค้กข้าว ทันใดเธอสังเกตเห็นบางสิ่ง “ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าหูของสก็อตติชตัวใหม่นี้ดูเป็นธรรมชาติกว่าตัวเก่านะ”
มัจฉะส่งสายตาเหยียดหยามพลางคิด “ยัยตัวแสบ! สนใจแต่แมวใหม่ หูยัยนั่นมันดีกว่าหูของฉันตรงไหน หูฉันมูลค่าไม่ต่ํากว่า 30,000 หยวนเชียวนะ หูยัยนั่นคงจะแค่ 3,000 เท่านั้นแหละ”ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่มันก็คงเอาตัวและหัวของมันถูขาของเหยียนเสี่ยวฉิงต่อไป
เสี่ยวจิ้งระเบิดหัวเราะเมื่อเห็น “โอเค! โอเค! ฉันไปเล่นกับเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”
จาวเหยาใช้เวลาที่เหลือไปกับการเล่นเกมและพูดคุยกับลูกค้า ขณะที่เค้กข้าวก็ยังเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนโต๊ะ
หลังจากนั้น เสียงกระดิ่งดังขึ้น ชายผมล้านวัยกลางคนก้าวเข้ามาในร้าน
เสี่ยวฉ่อยู่ผงะเมื่อเห็นคนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน “สารวัตรโฮ? มาทําอะไรกันคะ”
บุคคลที่เพิ่งเข้ามาในร้านคือสารวัตรโฮ หัวหน้าของเธอ เขานิ่งไปสักพักหนึ่งเมื่อเข้ามาในร้านนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับพลังสวนแห่งความสงบ
เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหันไปล้างมือและใส่ถุงคลุมรองเท้า จากนั้นก็เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับจาวเหยา
จาวเหยา!”
จาวเหยาหันไปมองพบว่าเป็นสารวัตรโฮก่อนหันมาสนใจกับเกมต่อ ”ลมอะไรหอบมาครับสา รวัตร”
สารวัตรโฮสูดหายใจฮึดฮัดก่อนถามเสียงเรียบ ”จะรับผิดชอบเรื่องโฮห้าวชางยังไง”
“เขาเป็นอะไร” จาวเหยาถามเสียงนิ่ง
สารวัตรโฮเพ่งมองจาวเหยาอย่างถี่ถ้วน พยายามสังเกตหากมีการแสดงออกที่ผิดปกติ
แต่เขากลับไม่เห็นทั้งความหวาดหวั่น หรือความวิตกจากดวงตาจาวเหยาเลยแม้แต่นิด
เขายังดูเหมือนเด็กวัย 12 เหมือนเดิม
พวกเบื้องบนก็ตั้งสมมติฐานในใจอยู่แล้วว่าเกิดอะไรกับโฮห้าวชาง
ทั้งการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแถบเมืองเก่า คําให้การจากลูกน้องของโฮห้าวชาง และหลักฐานที่เหลือไว้ในที่เกิดเหตุ พวกเขาสันนิษฐานว่าโฮห้าวชางพ่ายแพ้ในการจับตัวแมวแผ่นดินไหวเขาพยายามจับตัวอิซาเบลล่าและมาพาตัวแมวแผ่นดินไหวที่คิดว่าเธอน่าจะนํามาซ่อนไว้ที่คาเฟของจาวเหยาไปหลังจากการต่อสู้รุนแรง ทั้งอิซาเบลล่า โฮห้าวชางและหัวหน้าพ่อบ้านก็หายตัวไป
โฮห้าวชางกําลังถูกตามจับตัวข้อหาทําร้ายหลินเฉินและเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคนของทางการเขาเป็นหนึ่งในรายชื่อที่สําคัญที่สุดในกลุ่มหลบหนี ลูกน้องของเขาต่างถูกคุมขังและดําเนินคดีทั้งหมด
ณ ตอนนี้แม้แต่ครอบครัวของโฮห้าวชางก็ถูกนําตัวมาสอบสวนอย่างลับๆ เจ้าหน้าที่ได้ทําการสรุปการสอบสวนทั้งหมดแล้ว
แต่สารวัตรโฮกลับสังหรณ์ใจว่าจาวเหยาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาเชื่อว่าเรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่เห็น
สารวัตรโฮมองหน้าจาวเหยาที่ทําหน้าใสซื่อก่อนว่า “ไม่มีอะไร” เขาเริ่มหัวเราะ มือลูบศีรษะที่ไร้เส้นผมของตัวเอง ” ที่ร้านนายนี่สบายดีจริงๆ พลังอะไรกัน ที่นี่มันดีกว่าซาวน่าเสียอีก!”
“พลังแห่งการนวด! สําหรับคนมีอายุอย่างคุณผมไม่แนะนําให้อยู่นานนักหรอกนะ ร่างกายของคุณคงรับไม่ไหว!”
“ไหวอยู่แล้ว ไม่เชื่อก็ลองปล่อยพลังใส่ฉันดูสิ!”