Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 159
Chapter 159 ความผิดพลาดและการลงทุน
เค้กข้าวพลิกตัวไปอีกทางแล้วนอนต่อไม่สนอะไร จาวเหยากรอกตาเมื่อเห็น
ตามทฤษฎีแล้วแมวควรจะมีความตื่นตัวและระแวดระวังอย่างมากขณะนอนหลับ เพื่อที่มันจะหนีจากผู้รุกรานได้ในทันที พวกมันมักจะหลับไม่ลึกและพร้อมตื่นตลอดเวลาเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ หรือการเคลื่อนไหวใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย
มีเพียงแมวเลี้ยงในบ้านเท่านั้นที่จะเสียความตื่นตัวนั้นไป เนื่องจากปกติจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านจนเป็นระยะเวลาหลายเดือนถึงหลายปี พวกมันจึงไม่ค่อยสนใจเสียงรอบตัวนัก
พฤติกรรมของเค้กข้าวเหมือนแมวที่อยู่กับจาวเหยามาหลายปีมากกว่าเป็นแมวแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเสียอีก
“เหมือนว่าสวนแห่งความสงบจะทําให้อาการดีขึ้นนะ”
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นขัดความคิดของจาวเหยา เขาหันไปมองพบว่าเป็นเสี่ยวหมิงเดินเข้ามา
ดวงตาของจาวเหยาเป็นประกายเมื่อเห็นอีกฝ่าย “มาเอา 52 ล้านเหรอ?” เขาพึมพํา
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวหมิง จาวเหยาก็ต้องหุบยิ้ม
ตอนที่เขาพบเสี่ยวหมิงครั้งแรก เขาดูเป็นหนุ่มที่อ่อนโยนและมีความมั่นใจอย่างมาก แต่สภาพตอนนี้กลับเหมือนคนไร้บ้านมากกว่าทายาทของตระกูลดัง ทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้าสกปรกยับยู่ยี่
ดูจากท่าทางเคร่งขรึมไม่เปลี่ยนแปลง เดาว่าสวนแห่งความสงบไม่ส่งผลกับเขา
เขานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามจาวเหยา โค้งหัว ก่อนพูดบางสิ่ง “ขอโทษที่เข้ามากวนในเวลานี้ครับ” เขาเงยหน้า มองไปรอบร้าน “หวังว่าจะไม่ได้เข้ามาเกะกะ”
ร้านของเขายังไม่เปิด เสี่ยวฉ่อยู่และไปช้วนยังคงง่วนอยู่กับการซ่อมแซมร้านเพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมทําการ พวกแมวตัวอื่นๆ ก็นอนเล่นกันคนละมุม
มัจฉะเห็นเสี่ยวหมิงก็เดินมาหาก่อนกระโดดขึ้นไปบนตัก ส่งเสียงร้องทักทาย
“หมอนี่ต้องเงินหนาแน่ๆ! อุ้งเท้าสีขาวสุดน่ารักของฉันจะตกนายเอง!” มัจฉะคิด พลางกูหัว ของมันกับแขนของอีกฝ่าย
มุมปากของเสี่ยวหมิงยกยิ้มเมื่อมัจฉะเข้ามาอ้อนเขา
จาวเหยามองเสี่ยวหมิงก่อนเอ่ยถาม “ว่าแต่นายมาที่นี่ทําไม มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
เสี่ยวหมิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเริ่มอธิบาย “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง แต่ตอนนี้ธุรกิจแย่มาก จนแทบจะต้องปิดบริษัทอยู่แล้ว สถานการณ์บริษัทย่ำแย่ลงทุกวันพอๆ กับสุขภาพของคุณย่า พวกเราไม่กล้ารายงานเรื่องเกี่ยวกับบริษัทให้ท่านฟังด้วยซ้ำ”
จาวเหยารู้ถึงเบื้องหลังความวุ่นวายขององค์กรเสี่ยวหมิง
ผู้ยุยงที่อยู่เบื้องหลังก็คือโฮห้าวชาง แต่ตอนนี้โฮห้าวชางตายแล้ว คนที่แฝงอยู่ในองค์กรเสี่ยวหมิงไม่มีผู้ออกคําสั่งอีกต่อไป เป็นเหตุให้ไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้
“การตายของโฮห้าวชางเพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน ไม่คิดว่าข่าวจะแพร่ออกไปไวขนาดนี้ การตายของเขาทําให้ต้องมีพวกโลภมากหวังตําแหน่งผู้นําจนเกิดความขัดแย้งภายในแน่” จาวเหยาคาดเดา
เขาเงยหน้ามองเสี่ยวหมิงก่อนพูด “ฉันว่าคงมีเรื่องอื่นที่กวนใจนายอยู่”
เสี่ยวหมิงยิ้มอย่างฝืนๆ ” ผมลงทุนไปนิดหน่อยในตลาดหลักทรัพย์ตอนที่เศรษฐกิจกําลังรุ่ง”
“ลงไปเท่าไหร่?” จาวเหยาถามอย่างสงสัย
เสี่ยวหมิงสูดหายใจเข้าลึก “ประมาณ 20 ล้าน ราคาบ้านก็ตกเพราะเรื่องแผ่นดินไหว ผมเลยตัดสินใจขายมันทั้งหมดแล้วเอาไปลงทุนแทน”
จาวเหยาอดกรอกตาไม่ได้กับความใจเร็วของอีกฝ่าย เขาเองก็เพิ่งได้ตัวแมวแผ่นดินไหวมา ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวแปลกๆ ในเจียงไฮ่อีก ราคาบ้านก็คงเด้งกลับมาดังเดิม แต่เสี่ยวหมิงกลับขายมันทั้งหมดแล้วเอาไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เสียนี่
” แล้วตอนนี้เหลืออยู่เท่าไหร่” จาวเหยาถามอีกครั้ง
มือของเสี่ยวหมิงสั่น น้ําตาเริ่มรื้น ” ผมพยายามเลเวอเรจแล้ว แต่ไม่ไหว”
“ไม่ไหว? หมายความว่าไม่เหลืออะไรเลยงั้นเหรอ?” จาวเหยายกมือขึ้นมาปิดหน้าก่อนอุทานกับตัวเองเบาๆ ” หมอนี่บ้าไปแล้ว ขายทรัพย์สินไปลงทุนในตลาด แถมยังพยายามจะเลเวอเรจอีก”
เสี่ยวหมิงเกาศีรษะก่อนพูดต่อ “ผมไม่รู้ว่าทําไมอยู่ๆ ราคาหุ้นก็ตกลงฮวบ ตอนแรกมันก็กําลังขึ้นแท้ๆ”
เขาพลันประกาศด้วยน้ําเสียงมั่นมั่น “ไม่เป็นไร! ผมวางแผนจะขายรถสปอร์ตทิ้ง ด้วยเงินนั้นผมจะเข้าตลาดได้อีกครั้ง จะเอาที่เสียไปคืนมาให้หมด”
“ยังจะไปซื้อหุ้นอยู่อีกเหรอ” จาวเหยาแทบหมดคําพูดกับความใจร้อนอีกฝ่าย
“ไม่ครับ ผมตัดสินใจและคิดมาอย่างดีแล้ว ลงทุนในหุ้นนั้นไม่ให้ผลดีทั้งต่อประเทศและผู้คนทางนั้นผมคงไม่เหมาะ เลยตั้งใจจะลงทุนโดยการเปิดบริษัทใหม่ ผมจะก้าวขึ้นไปทีละขั้นเพื่อรับใช้ชาติและประชาชน” เสี่ยวหมิงตอบ
” ความคิดดีนี่นา” จาวเหยาถามต่อ “แล้วจะไปทางไหนล่ะ?”
“รถโดยสารประจําทาง!” เสี่ยวหมิงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นการยกระดับของการขนส่งไปอีกขั้นนับจากการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ํา ถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องอยากได้เทคโนโลยีนี้ อนาคตจะไม่มีสิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลยังสนับสนุนโปรเจกต์นี้ ต้องได้กําไรอย่างมากแน่ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
จาวเหยาขมวดคิ้วกับความโลกสวยของเสี่ยวหมิง
” ต้องมีความเชื่อถึงจะมีความหวัง ถ้ามัวแต่สงสัยก็จะมีแต่ความมืดมิด ถ้าเชื่อมั่นจะต้องได้เห็นอนาคตที่สดใสแน่นอน ถ้ามัวแต่ลังเลก็จะไม่สามารถผ่านอุปสรรคตรงหน้าไปได้ ผู้ที่รู้จักมองโลกในแง่ดีจะมีชัยเสมอ
ผมพลาดโอกาสการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว กระทั่งอีคอมเมิร์ซ บิทคอยน์ก็ไม่รอด ครั้งนี้ผมจะพลาดไม่ได้อีก”
เสี่ยวหมิงมองจาวเหยาอย่างตื่นเต้น “นี่เป็นโอกาสที่ทั้งชีวิตมีแค่ครั้งเดียว! ผมอยากให้คุณมาร่วมมือกัน นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่สุดยอด! ตอนนี้ล่ะที่ควรเข้าร่วมในการปฏิวัติการขนส่งที่สุด!”
”หา?” จาวเหยาผงะจากความกระตือรือร้นอย่างหนักของเสี่ยวหมิง เขาขําน้อยๆ “ฉันขอผ่านดีกว่า ฉันไม่เก่งเรื่องลงทุน”
“รถโดยสารสาธารณะจะเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่!” เสี่ยวหมิงว่า “ผมรู้ว่าคุณยังไม่วางใจในโปรเจกต์นี้ เอาอย่างนี้เป็นไง ผมจะคืนเงินของคุณทั้งหมดเมื่อผมประสบความสําเร็จ แล้วผมจะชวนคุณเข้าร่วมอีกครั้ง”
จู่ๆ เสี่ยวหมิงก็หาวออกมา “ขอโทษที ผมไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ผมจะนั่งรถไฟไปหาผู้ที่สนใจเข้าร่วมโปรเจกต์คนอื่นๆ ผมมาที่นี่เพราะอยากจีบสักหน่อย”
“รอเดี๋ยว!” จาวเหยาวางมือบนไหล่เสี่ยวหมิง ”เอาเครื่องดื่มหน่อยไหม?”
เสี่ยวหมิงมีท่าที่กระอักกระอ่วนก่อนตอบเบาๆ “ไม่เป็นไร ขอบคุณ ผมขอนอนหน่อยก็จะไปแล้ว”
“ไม่สิ! ไม่! นี่สิโอกาสดีที่ได้มาที่คาเฟ ไหนๆ ก็มาแล้วสั่งกาแฟสักแก้วสิ”
“ถ้าผมดื่มกาแฟก็นอนไม่หลับสิ”
“น้ําผลไม้เป็นไง เราใช้ผลไม้ที่สุดที่สุดเพื่อน้ําผลไม้สุดอร่อย!”
เสี่ยวหมิงต้องยอมให้ลูกตือจาวเหยา เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมา แต่มีเงินแค่ 2 เหรียญเท่า
“ผมขอน้ําเปล่าสักแก้วแทนได้ไหม? ผมใช้เงินของผมไปกับการลงทุนหมดแล้ว”
จาวเหยาอดสงสารไม่ได้เมื่อเห็นเหรียญ 2 เหรียญวางอยู่บนโต๊ะ “ไม่เป็นไร! คราวนี้ฉันเลี้ยงก็แล้วกัน นายพักผ่อนไปก่อน
ว่าแต่นายมีเงินใช้เดินทางเหรอ ถ้าเป็นลมเป็นแล้งไปนี่แย่เลยนะ”
“มีพอครับ! ที่นั่นจะมีคนมารับแล้วก็มีอาหารด้วย”
จาวเหยายังคงขมวดคิ้วไม่คลาย ดูยังไงโปรเจกต์นี้ก็ไม่ชอบมาพากล
มัจฉะพลันโดดหนีลงจากตักเสี่ยวหมิงก่อนส่งสายตาดูถูก
“อะไรกัน ดูยังไงก็ถังแตกชัดๆ เสียเวลาพับหูชะมัดเลย” มัจฉะบ่นก่อนเริ่มเลียขนตัวเอง “ต้องรีบลบกลิ่นคนจนด่วน!”
เสี่ยวหมิงมองมัจฉะเลียขนตัวเองก็เกิดสงสัยขึ้นมา ”เอ๋ ทําไมสก็อตติชโฟลด์ตัวนี้หูตั้งขึ้นมาล่ะ ปกติหูต้องพับลงไม่ใช่เหรอ”
” หา? จริงเหรอ?” แสงสีแดงสองวาบในตา จาวเหยาใช้พลังของอลิซาเบธ มัจฉะตัว แข็งทื่อก่อนพับหูลง แต่หูมันกลับดูบิดเบี้ยวเนื่องจากการพับอย่างต่อเนื่อง
เสี่ยวหมิงผงะถอยหลังออกไป “มาสเตอร์ แมวตัวนี้โอเคไหม? หูมันดูแปลกๆ นะ”
“ไม่เป็นไร!”
“ดูเหมือนเจ็บมากเลย ลูกตาเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว”
“มันเป็นสก็อตติชโฟลด์น่ะ ปกติก็มีปัญหาเรื่องข้อกระดูกอยู่แล้ว”
”แล้วทําไมตาของคุณเป็นสีแดง?”
“อ๋อ ฉันน้ําตาซึมตอนฟังเรื่องของนายน่ะ”