Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 158
Chapter 158 เค้กข้าว และการหลับลึกของเธอ
เมื่อได้ยินเสียงบ่นมาจากแมวแผ่นดินไหวเขาก็ว่า “แล้วจะทนทําไมล่ะ ปล่อยไปเลยสิ”
ลูกฝุ่นที่กําลังเคลิ้มกับแคทมินต์ยังหันมามองค้อนเมื่อได้ยินจาวเหยาพูด
แมวแผ่นดินไหวกรีดร้องกลับมา แถมเสียงยังโหยหวนมากกว่าเดิม “ฉันยืนสี่ขาไม่ได้ด้วยซ้ํา ได้แต่ลอยไปลอยมาอยู่ในนี้ จะให้ฉันนี่ที่นี่ได้ยังไงฮะ” มันตะโกน
“ก็จริงแฮะ เข้าใจละ” จาวเหยารีบปล่อยแมวแผ่นดินไหวออกมาจากในมิติ และรีบพาไปที่ห้องน้ําทันที
จาวเหยาหมุนตัวเตรียมเดินออกมาก็เห็นลูกฝุ่นกําลังจ้องเขาอยู่
“เป็นอะไรลูกฝน ไม่เล่นแคทมินต์แล้วหรอ”
” คิดจะเก็บแมวห้าตัวนั้นไว้ในท้องฉันไปถึงเมื่อไหร่” มันถาม ยังคงจ้องเขาดังเดิม
” ก็สักปีสองปี?” เขาตอบแบบไม่ได้คิดอะไร ด้วยขนาดของมิติในกระเพาะแล้วแทบไม่ต่างว่าแมวทั้งห้าจะอยู่ในนั้นหรือที่อพาร์ทเมนต์
มันชูมือขึ้นฟ้าก่อนตบไปบนพื้นเมื่อได้ยิน “ล้อกันเล่นเรอะ? จะให้พวกนั้นกินนอนขี้อยู่ ในท้องฉันเนี่ยนะ”
จาวเหยาย่อตัวลงอุ้มลูกฝุ่นขึ้นมา มันดิ้นไม่ยอมให้จาวเหยาจับ
เขาจึงลูบหัวเล็กๆของมันเบาๆ ก่อนอธิบาย “ลูกฝน ลองมองอีกมุมดูสิ พอเรากินอาหารเข้าไปร่างกายก็ย่อยแล้วขับถ่ายออกมาเป็นเรื่องปกติ ต่อให้แมวพวกนั้นไม่อยู่ในท้องของเธอ แต่ในท้องก็ต้องมีของเสียเป็นธรรมดาอยู่ดี”
ลูกฝุ่นตาโต พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ของเสียก็เกิดมาจากร่างกายเรา มันอยู่ในร่างกายเราจะเป็นอะไรไป อย่าไปคิดว่ามันเป็นของเสีย ความจริงแล้วมันก็เหมือนส่วนหนึ่งของร่าง เหมือนอย่างกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ขน” จาวเหยาอธิบาย
” อย่างนั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” จาวเหยาตอบอย่างมั่นใจ “จะดูดแมวเข้าไปหรือดูดของเสียเข้าไปก็มีค่าเท่ากัน แล้วมันจะส่งผลต่อกระเพาะเธอยังไงล่ะ?”
ลูกฝุ่นตาเป็นประกาย ส่ายหน้าซ้ายขวา มันรู้สึกว่าที่จาวเหยาพูดมามีเหตุผล
หลังจากปลอบลูกฝุ่นเสร็จ จาวเหยาก็เห็นแมวแผ่นดินไหนออกมาจากห้องน้ํา มันนั่งลงข้างเท้าของจาวเหยา ดวงตายังคงแค้นเคืองอยู่
“มีอะไรเหรอ?” จาวเหยาถาม
“ฉันหิวมาก” แมวแผ่นดินไหวตอบ
“โอ้!” จาวเหยาลูบหัวของเธอก่อนว่า “ตามมาสิ! เดี๋ยวเอาให้กิน!”
จาวเหยาเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นแมวแผ่นดินไหวรีบกินอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้ทันที “จริงด้วยสิ ลืมถามชื่อเธอเลย” เขาทัก
แมวแผ่นดินไหวเงยหน้าขึ้นมา แต่ไม่ยอมพูดอะไร
จาวเหยายังคงพูดต่อ “ต้องขอบใจที่เธอไม่ใช้พลังตอนที่พาออกมาจากมิติในนั้นล่ะนะ เธออาจจะไม่รู้ว่าพลังของเธออันตรายอย่างมาก ยังไงก็ผลกระทบหนักแน่ๆ”
แมวแผ่นดินไหวยังคงสนใจแต่อาหาร แต่เธอก็คิดจะใช้พลังตอนที่ได้ออกมาจริงๆนั่นแหละ
แต่พอออกมาก็พบกับไออุ่นของสวนแห่งความสงบ แล้วก็ทําให้เธอใช้พลังไม่ได้แม้ว่าจะพยายามแค่ไหน
แมวแผ่นดินไหวไม่รู้ว่าความสามารถของมันนั้นขึ้นอยู่กับอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากโรคกระดูกของมัน ยิ่งรู้สึกเจ็บเท่าไร แผ่นดินไหวก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น
สภาพร่างกายของเธอดีขึ้นอย่างมากตอนที่ถูกรับไปเลี้ยง สถานการณ์แผ่นดินไหวในเจียงไฮสงบลงในช่วงหนึ่ง
แต่หลังจากที่เธอถูกเจ้าของทิ้ง ร่างกายของเธอก็แย่ลง เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ความเจ็บปวดเป็นแหล่งพลังของเธอ
แต่ทั้งจาวเหยา ทั้งแมวแผ่นดินไหวต่างก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
“ถ้าเธอไม่บอกชื่อกับฉัน งั้นฉันจะตั้งให้ใหม่นะ ฉันคงเรียกเธอว่าสก็อตติชโฟลด์ไม่ได้เพราะคงสับสนน่าดู” จาวเหยายังคงพูดต่อไป
” สก็อตติชโฟลด์!” จาวเหยาลองเรียก
“ใครเรียกฉัน?” มัจฉะเงยหน้าขึ้นมาจากชามอาหาร อุ้งเท้าพลางยกขึ้นเช็ดมุมปาก
“นั่นไงล่ะ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องสําคัญมากที่ฉันต้องตั้งชื่อให้เธอ”
แมวแผ่นดินไหวยังคงไม่สนใจจาวเหยาดังเดิม จาวเหยาเลยพูดต่อ “อืม ขอคิดก่อนนะ”
เจ้ามองไปยังเค้กข้าวที่เหลือไว้ตั้งแต่เมื่อวาน “ชื่อเค้กข้าวเป็นไง? น่ารักดีนะ”
หูของแมวแผ่นดินไหวขยับเล็กน้อย แต่ไม่ได้แย้งอะไร “เอาล่ะเค้กข้าว ถ้ากินอาหารเช้าเสร็จ แล้วฉันจะพาเธอไปที่คาเฟด้วย”
จาวเหยาเข้าไปอาบน้ําหลังจากนั้น พอเขาออกมาก็เห็นเค้กข้าวนอนหลับอยู่ข้างชามอาหารของเธอ
“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะเหนื่อยขนาดนี้” จาวเหยายักไหล่ก่อนใช้จังหวะนี้ลูบหัวของเธอเบาๆ ไม่มีการตอบโต้ใด จาวเหยาเอาหน้าเข้าไปใกล้จนได้ยินเสียงกรนเบาๆ
”เดาว่าเมื่อคืนคงไม่ได้นอนเพราะอาการเจ็บกระดูกล่ะสิ พอเจอกับพลังสวนแห่งความสงบก็เลยหลับปุ๋ยไปเลย” จาวเหยาพูด มือพลางลูบหลังของมัน
พอเห็นเค้กข้าวนอนหลับอย่างสบายใจก็นึกถึงลูกฝุ่นในวันที่มาอยู่กับเขาวันแรก
แต่กรณีของเค้กข้าวนั้นย่ําแย่กว่ามาก อาการของโรคกระดูกจะหนักหนากว่าอาการแคระของลูกฝุ่น
จาวเหยาตัดสินใจไม่ปลุกเธอก่อนอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนและออกเดินทางไปยังที่ร้าน
ที่ร้านดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากหลังจากที่เสี่ยวฉีอยู่กับไปช้วนจัดการอย่างดี แต่ก็ยังมีหลอดไฟบางดวงที่ยังแตกอยู่ ผ้าม่านฉีก พวกนี้ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยน
แต่พวกเขาเปลี่ยนพวกแก้วเครื่องดื่มต่างๆเรียบร้อยเพื่อให้เปิดร้านได้ปกติ
จาวเหยาวางเค้กข้าวลงบนโต๊ะอย่างระวัง ดูท่ามันจะยังไม่ตื่นขึ้นมาเร็วๆนี้ มันยังคงนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ
เมื่อเห็นท่านอนน่ารักจาวเหยาก็อดแหยู่ไม่ได้ แต่อีกฝ่ายไม่รู้สึกเลยสักนิด
“สลบรึเปล่าเนี่ย?”
จาวเหยาขยับนิ้วไปปิดที่รูจมูก เขาอยากรู้ว่ามันจะนอนทั้งที่ไม่หายใจได้ไหม
แต่ 10 วินาทีหลังจากนั้นมันก็ยังนิ่ง จาวเหยาผละออกมา มองช่วงอกที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
“นี่ อย่าทําให้ตกใจสิ!”
” จะตายแบบนี้ไม่ได้นะ!” เหงื่อเย็นเริ่มซึมบนหน้าผาก เขาพยายามช่วยเค้กข้าวโดยการกดไปที่อกเป็นจังหวะ ทั้งพยายามแงะปากของมัน เขาพยายามสะกิดที่หน้าของเค้กข้าวจนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจ
“เอาจริงดิ? หายใจไม่ออกจนเกือบตายยังหลับต่อได้เหรอ? หลับลึกเกินไปแล้ว”