Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 145
Chapter 145 ภัยคุกคาม
เช้าวันต่อมา สก็อตติชโฟลด์เรื่อมขยับเปลือกตาเล็กน้อยก่อนที่มันจะตื่น
มันไม่เคยรู้สึกหลับสบายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต รู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในอ้อมอกของแม่ที่รอบกายรู้สึกสบายและปลอดภัย
“โอ้ ตื่นแล้วงั้นเหรอ” จาวเหยาที่ตาโหลอยู่ข้างๆ หันมาถาม
“เบี้ยว!”
แมวรีบผุดลุกขึ้นมายืนทันที มันส่ายหางไปมา เห็นได้ชัดว่ากําลังกลัว มันมองจาวเหยาอย่างระแวดระวัง
ทันใดนั้นมันก็ร้องตะโกนสุดเสียง ยกสองขาขึ้นฟ้า “โลกจะต้องรับรู้ความพิโรธของฉัน!”
ไม่มีการตอบรับใด สก็อตติชโฟลด์ตกใจงุนงง มันยกสองขาขึ้นฟ้าและตะโกนอีกครั้ง “โลกจะต้องรับรู้ความพิโรธของฉัน!”
สิ่งที่จาวเหยาได้ยินเป็นเพียงเสียงน้อยๆ ของเด็กสาว เขาวางมือลงบนหัวของมัน “ใช้พลังไม่ได้ล่ะสิ”
มันถอยหลังหลบออกไปทันที มันอ้าปากตะโกนอีกครั้ง “มนุษย์! ฉันจะให้แกลิ้มรสความโกรธของฉัน!”
ความเงียบเกิดขึ้น 5 วินาทีก่อนจาวเหยาจะหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าจะสร้างแผ่นดินไหวไม่ได้อย่างที่ต้องการสินะ โลกจะต้องรับรู้ความพิโรธของฉัน? ต้องท่องบทก่อนใช้พลังด้วยงั้นเหรอ”
“นายเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดได้ยังไง?” จาวเหยาสัมผัสได้ถึงความอึกอักและเคอะเขินในน้ําเสียงนั้นมันยังคงมองจาวเหยาไม่วางตา ทั้งยังคิ้วขมวดมุ่น ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างจะอายนิดหน่อยเมื่อรู้ว่าจาวเหยาเข้าใจในสิ่งที่มันพูดออกไป
“คงจะรู้ความสามารถของฉันแล้วละสิ” จาวเหยาพยายามจะยื่นมือเข้าไปจับหัวของมันอีกครั้งแต่ก็โดนอีกฝ่ายตะปบกลับมาก่อน “อย่ามาจับฉันนะ!” มันตะโกน
จาวเหยาได้แต่หัวเราะ “เป็นยังไง? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“หม พูดถึงเรื่องนั้น ร่างกายฉันรู้สึกเบาขึ้นมาก ไม่รู้สึกเจ็บแขนขาเหมือนเมื่อก่อนด้วย”
“นี่เป็นพลังที่เรียกว่าสวนแห่งความสงบ เป็นความสามารถของแมวพิเศษของฉัน ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ความเจ็บปวดที่เคยมีเกี่ยวกับข้อกระดูกของเธอก็จะบรรเทาลง แต่ถ้าเธอเลือกที่จะไม่อยู่ที่นี่ละก็ อย่างน้อยก็อยู่จนกว่าจะหายดีแล้วกัน” จาวเหยาอธิบาย
ขณะที่กําลังมองจาวเหยาอย่างไม่ไว้ใจก็เห็นก้อนเนื้ออ้วนใหญ่สีส้มกระโดดขึ้นมาบนโซฟามัน เข้ามาใกล้เธออย่างมากก่อนพูดเบาๆ “โอ้ ดูสิ เป็นตัวเมียล่ะ!”
มัจฉะเดินวนรอบๆ ตัวเธอก่อนพูด “ฉันชื่อจอร์จ มัจฉะ พันธุ์เจียงไฮโฟลด์ ฉันว่าเราต้องมีความเกี่ยวข้องกันทางสายพันธุ์แน่ จากนี้ไปฉันจะเป็นคนปกป้องเธอเอง ถ้ามีไอ้ตัวไหนกล้ามาทําร้ายเธอละก็มารายงานฉันได้เล้ย”
หลังจากสาธยายยืดยาวมันก็เลียที่หลังหัวของอีกฝาย สก็อตติชโฟลด์ยังคงมีปฏิกิริยาเดิมมัน ตะปบปัดมัจฉะออกไปก่อนตะโกน “อย่ามาโดนตัวฉัน!”
ไม่ใช่แค่มัจฉะ แต่อลิซาเบธ โรลีโพลี่ และลูกฝุ่นต่างก็สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
ลูกฝนกระโดดขึ้นมาบนเบาะ จ้องแมวแผ่นดินไหวแล้วมันขู่ฟอใส่ราวกับเพื่อนหรือเจอภัยคุกคาม แมวส่วนใหญ่มักเป็นแบบนั้นเมื่อเจอแมวอีกตัวครั้งแรก
ลูกฝิ่นว่า “เอ้เจ้าแมวใหม่ อย่ามาทําอวดดีแถวนี้นะ ทําตัวให้มันดีๆ เธอน่ะมันหน้าใหม่ที่สุดในนี้เลยรู้ไหม”
“เอาละๆ เลิกมองเพื่อนแล้วแยกย้ายไปกินข้าวเช้ากันได้แล้ว เรายังมีงานต้องทํารออยู่”จาว เหยาตบมือก่อนส่งชามอาหารให้แมวทั้ง 4 ตัว และยื่นอีกชามมาให้สก็อตติชโฟลด์ด้วย
“นี่อาหารเช้าของเธอ”
แมวหน้าใหม่ไม่ยอมกินในทันที มันมองไปรอบๆ เริ่มดมกลิ่น เมื่อเห็นแมวตัวอื่นกําลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยก็เริ่มเปิดใจ มันค่อยๆ งับคําเล็กก่อนเพื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติในอาหาร
ก่อนที่มันจะก้มกินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนตัวอื่นในทันที
ไปชวนเดินเข้ามาก่อนสังเกตเห็นแมวใหม่ในบ้าน ” บอส ไปลักแมวมาจากที่ไหนอีก?”
“ลัก? ระวังคําพูดหน่อยเถอะ ฉันแค่ช่วยมันมาจากพวกนิสัยไม่ดีข้างนอกนั้นต่างหาก! อย่าคิดว่าตัวเล็กน่ารักอย่างนี้จะไม่เป็นภัยนะ ยัยหนูนี่ถล่มเจียงไฮ้ได้ในพริบตาเดียวเลย”
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” ไปช้วนแทบไม่เชื่อเพราะตรงหน้าของเขาเป็นเพียง สก็อตติชโฟลด์ตัวเล็กน่ารักเท่านั้น
“แข็งแกร่งมากเลยละ” จาวเหยายักไหล่ ”ดังนั้นดูเธอไว้ให้ดี อย่าให้ห่างตานายเป็นอันขาด!อย่าปล่อยให้ออกไปข้างนอกหรือให้คนอื่นมาพาตัวไปล่ะ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ” ไปช้วนหันไปมองเจ้าแมวน่ารักอีกครั้ง “ผมจะไม่ให้เธอหนีไปไหน!”
เมื่อทุกคนออกเดินทางไปยังร้านกาแฟ จาวเหยาก็พาแมวแผ่นดินไหวออกไปด้วย เธอมีความสําคัญอย่างมาก เขาไม่สามารถเสี่ยงให้เธออยู่บ้านตัวเดียวได้
จาวเหยาและแมวของเขาก็มาถึงร้านกาแฟอย่างเคย แต่เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าตัวเองมาถึงเป็นคนแรก
“หม เสี่ยวยู่ล่ะ?” จาวเหยาพึมพํา “ไม่สบายงั้นเหรอ?”
แม้จาวเหยาจะรู้สึกแปลกๆ เพราะเธอไม่เคยมาสาย แต่เขาก็ไม่เป็นกังวลมากนัก เพราะอย่างไรก็เป็นธรรมดาของผู้คนที่จะมาสายบ้าง บางที่เสี่ยวยู่อาจจะแค่ตื่นสายก็ได้
อย่างไรก็ตาม 1 ชั่วโมงผ่านไปก็ยังไร้วี่แววของเสี่ยวฉีอยู่
ขณะที่จาวเหยากําลังสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ได้รับข้อความจากเสี่ยวฉีอยู่
“ถ้ายังอยากให้ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตรอด มาเจอฉันที่ดาดฟ้าตึกบนถนน XXXX ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ แล้วก็พาอลิซาเบธมาด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอทิ้งเหมือนกัน”
“ให้พาอลิซาเบธไปด้วย?” จาวเหยาสงสัยที่อีกฝ่ายระบุความต้องการชัดเจน เขารู้สึกแปลกๆพลางคิด “เป้าหมายคือเราอย่างนั้นเหรอ? แต่ไม่ได้พูดถึงแมวแผ่นดินไหวนี่นาความแค้นส่วน ตัว?”
“รายงานให้สารวัตรโฮรู้ดีไหมนะ”
แต่จาวเหยาก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้สถานการณ์กําลังยุ่งเหยิงขนาดไหน ทุกฝ่ายต่างกําลังออกตามหาแมวแผ่นดินไหว เขารีบส่ายหัวก่อนตัดสินใจที่จะไม่แจ้งให้สารวัตรโฮทราบ “แค่มัจฉะกับอลิซาเบธเราก็มีทั้งภาพลวงตาและพลังหยุดเวลาแล้ว แถมยังหนีเข้าไปในอีกมิติในกระเพาะได้อีกเรา รับมือกับอะพอสเซิลได้ เรื่องนี้เราก็ต้องรับมือได้เหมือนกัน”เขาคิด
จาวเหยาหันไปบอกกับไปช้วน ลูกฝุ่น โรลีโพลี่ และแมวแผ่นดินไหว “โทษที พอดีฉันมีธุระเดี๋ยวฉันกลับมา”
“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวยู่งั้นหรือครับ?”
จาวเหยาวางมือบนบ่าเมื่อเห็นท่าทางเป็นห่วงของไปช้วน “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ทันใด แสงสีแดงส่องวาบในดวงตาของเขา เขาบังคับให้แมวแผ่นดินไหวเดินเข้าไปอยู่ในกรง
หลังจากหยุดใช้พลัง แววตาของแมวแผ่นดินไหวเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “ปล่อยฉันออกไปนะ!”
จาวเหยารีบตอบ “ปล่อยอยู่แล้ว แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะทําตัวดีๆ ถ้าคิดหนีฉันไม่ยกโทษให้หรอกนะ”
แมวแผ่นดินไหวฟังเงื่อนไขจากจาวเหยาก็พยักหน้า ”เข้าใจแล้วเจ้ามนุษย์ถ้าปล่อยฉันออกไปจากกรง ฉันจะไม่หนีไปจากที่นี่”
วินาทีที่เห็นจาวเหยาปลดล็อกกรง มันก็กระโจนออกไปทันที แต่ภาพตรงหน้าก็มืดสนิทเมื่อก้าวขาออกมา เธอถูกดูดเข้าไปในมิติกระเพาะของจาวเหยาเสียแล้ว
แมวแผ่นดินไหวมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว “ที่นี่มันที่ไหน?”
ที่จริงแล้วจาวเหยายังไม่ได้ปลดล็อกกรงให้เธอจริงๆ เขาเพียงใช้ภาพลวงตาซ่อนลูกฝิ่นที่อยู่ข้างๆ กรงเพื่อให้สามารถเก็บแมวแผ่นดินไหวให้เข้าไปอยู่ในท้องได้อย่างปลอดภัย
การดูดสิ่งมีชีวิตเข้าไปในท้องนั้นต้องอาศัยความสมัครใจ เขาไม่สามารถบังคับเธอให้เข้าไปในนั้นได้ เขาจึงลอบใช้เทคนิคนิดหน่อย
ทีนี้จาวเหยาก็สบายใจที่แมวแผ่นดินไหวนั้นเข้าไปอยู่ในตัวเขาได้อย่างปลอดภัย