Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 142
Chapter 142 การต่อสู้กับมนุษย์ที่ไม่มีวันสูญสิ้น
เด็กร่างท้วมวิ่งไปทางหลินเฉินหวังเข้าไปช่วย แต่กลับมีชายสวมหน้ากากโผล่ขึ้นมาจากพื้นจับขาของเขาไว้ก่อนจะลากไปตามพื้น
เด็กสาวผมหางม้าก็ต้องการเข้าไปช่วยหลินเฉินเหมือนกัน แต่มือทั้งสองข้างต่างต้องรับมือกับชายผิวโลหะ กระสุนยาสลบที่ใช้กับซูเปอร์แคทช่างไร้ความหมายกับคนตรงหน้า เธอจึงโยนมันออกไป หยิบปืนอีกกระบอกยิงไปที่ชายผิวโลหะตรงหน้า
เสียงก๊องแก๊งดังขึ้นทุกจังหวะที่ลูกกระสุนกระทบกับผิวโลหะของเขา เขาถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะพุ่งตัวใส่เด็กสาวแบบไร้รอยแผล
แม้พวกเขาทั้งสองคนต่างต่อสู้กันอยู่ แต่อะพอสเซิลอีก 5 คนที่เหลือต่างมีปืนอยู่ในมือคอยยิงกระสุนในศัตรูอีกคนที่เหลือ
ลูกกระสุนจาก 5 ทิศทางทําให้ชายสวมหน้ากากไม่อาจหาทางหนี
เสียงปืนดังขึ้น เลือดไหลออกจากร่างกาย เขาโดนกระสุนปืนทั้งหมดจนทรุดลงไปกับพื้น
แต่ในขณะที่เขากําลังจะล้มลง เขาลืมตาขึ้นก่อนจะยิงลูกกระสุนกลับไปโดนศีรษะของอะพอสเซิลคนหนึ่ง
“พลังแห่งการฟื้นฟู!” เด็กร่างท้วมตะโกนก้อง” ใช้กระสุนยาสลบ!” ชายสวมหน้ากากที่ดึงขาของเขาอยู่ก็ยังคงออกแรงเมื่อเห็นเขาตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีม
อะพอสเซิลอีก 4 คนที่เหลือต่างรีบทําตามที่เด็กร่างท้วมบอก พวกเขาสลับไปใช้กระสุนยาสลบ และเริ่มยิงไปทางชายที่มีพลังฟื้นฟู
ดูเหมือนชายสวมหน้ากากตรงหน้าจะเริ่มคุ้นเคยกับการหลบกระสุน เขาม้วนตัวหลบไปข้างหน้าจนหลบคลื่นกระสุนรอบแรกได้ เขาควักระเบิดออกมาโยนขึ้นไปบนอากาศ
ตู้ม! แสงสว่างจ้าออกมาจากการระเบิด
“ระเบิดสตัน!”
“ระวังด้วย!”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างอะพอสเซิล เขาหันกระบอกปืนไปยังต้นทางเสียงนั้น ทันใดรู้สึกแรงกระแทกที่ท้อง ขายสวมหน้ากากจอปืนมาทางเขา
ปัง! อีกฝ่ายเหนี่ยวไก กระสุนเจาะผ่านผิวหนังไปจนถึงอวัยวะภายใน
“มันถูกยิง! มันอยู่ตรงนี้”
เขาตะโกน มือกําปากแผล สายตาเริ่มพร่ามัว เขาเห็นชายสวมหน้ากากคว้ามีดออกมาเฉือนไปที่ข้อมือของตัวเองบริเวณที่โดนกระสุนยาสลบ
อะพอสซิสอีกสามคนที่เหลือเมื่อได้ยินดังนั้นก็หันปากกระบอกปืนไปทางที่เพื่อนพวกเขาอยู่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ชายสวมหน้ากากกระโดดหลบกระสุนไปมา แต่กระสุนก็โดนบริเวณหน้าอกเขาสองนัด เขาไม่ตื่นตกใจ ยกยิ้มเล็กน้อย ยกปากกระบอกปืนจ่อที่ขมับของตัวเองก่อนเหนียวไก
กระสุนนั้นทะลุผ่านสมองทําลายระบบประสาท แต่จากนั้นเขาก็ฟื้นตัว ฤทธิ์ของกระสุนยาสลบไม่อาจส่งผลต่อระบบประสาทที่เขาสร้างขึ้นใหม่ได้
อะพอสเซีลเห็นชายสวมหน้ากากล้มลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาลุกขึ้น สั่นกระสุนไปทางหนึ่งในอะพอสเซิลทันที
อะพอสเซิลเริ่มใช้พลังหนี แต่กลับรู้สึกสัมผัสที่ข้อเท้า เขาก้มมองพบมือของใครบางคนจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ เขาจึงไม่สามารถหนี้จากวิถีกระสุนที่ชายสวมหน้ากากจอกระบอกปืนมาทางเขา
เขากรีดร้อง ยิงกระสุนตอบโต้
ยาทั้งสองข้างประสาน กระสุนเจาะผ่านร่างกายของชายสวมหน้ากากและอะพอสเซิลในเวลาเดียวกัน
อะพอสเซิลสั้มตัวลง แต่ขายสวมหน้ากากยังคงยืนหยัด กระสุนถูกบีบออกมาจากร่างกายและสภาพร่างกายของเขาก็ยังปกติดี
หลินเฉินเพิ่งคืนสติจากแรงระเบิดครั้งแรก เขาพยายามยันตัวขึ้นแต่ก็ต้องลิ้มลงอีกครั้งจากการโจมตีของชายสวมหน้ากาก
ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น อะพอสเซิลทั้ง 5 คนเสียชีวิต เหลือเพียงหงินเฉิน เด็กสาวผมหางม้า และเด็กชายร่างท้วมเท่านั้น
ขายสวมหน้ากากต่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางร่างกาย ความชํานาญในการใช้ปืน ประสบการณ์การต่อสู้ หรือแม้แต่การควบคุมพลัง
โดยเฉพาะภายใต้ความช่วยเหลือของชายสวมหน้ากากอีกคนที่สามารถเคลื่อนไหวใต้พื้นดินคอยก่อกวนศัตรูได้
หากหลินเฉินจะใช้พลังเต็มที่หรือรู้ความสามารถในการฟื้นฟูของอีกฝ่ายมาก่อน เขาก็อาจหาทางล้มอีกฝ่ายได้ แต่ในตอนนี้นั้นโอกาสเกือบเท่ากับศูนย์
เด็กสาวและเด็กชายต่างกําลังสู้อยู่กับชายผิวโลหะและชายที่อยู่ใต้พื้นดิน
“หยุด! หยุดนะ!”
“โห ยังขยับตัวได้นี่” ชายสวมหน้ากากหันมามองหลินเฉินที่กําลังล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น หลินเฉินจับไปที่ข้อเท้าอีกฝ่าย “ฉันต้องยอมรับว่านายเคลื่อนไหวได้เร็ว ที่หลบแรงกระแทกจากระเบิดได้ในระยะเวลาสั้นๆ ” ชายสวมหน้ากากพูด
“แต่คิดจะสู้กับฉันตั้วยสภาพนั้นน่ะเหรอ?” เขายกเท้าก่อนสะบักขาออก แตะแขนของหลินเฉิน
ตอนที่ชายสวมหน้ากากกําลังจะเดินหนีไป หลินเฉินใช้แขนอีกข้างคว้าขาของเขาไว้
ความคิดเดียวที่วิ่งเข้ามาในหัวของหลินเฉินคือ “จะไม่ให้ใครได้ตัวแมวแผ่นดินไหวไปทั้งนั้น”
หลินเฉินยกหัว มองตาของชายสวมหน้ากาก “นายเป็นคนของกองกําลังพิเศษใช่หรือเปล่า การเคลื่อนไหวของนายคล้ายกับพวกนั้น”
ชายสวมหน้ากากนิ่งไปพักหนึ่ง “แล้วไง?” เขาถามกลับ
“นายสมคําปฏิญาณไปแล้วหรือไง”
“ฮ่าๆ ฉันเล็กรับใช้ไอ้ประเทศนี้ไปนานแล้ว” ชายสวมหน้ากากหัวเราะ
เขายกเท้าหนีอีกครั้ง กระทืบซ้ำไปที่แขนของหลินเฉิน หลินเฉินไม่อาจยกแขนขึ้นได้อีกต่อไป เขาโดนเตะที่สีข้างอีกครั้ง
ขายสวมหน้ากากเดินไปยังแมวสก็อตติชโฟลด์และอุ้มมันขึ้นมา มุมปากยกยิ้ม “แมวแผ่นเดินไหว ฉันเจอแกแล้ว” เขากระซิบ
ทันใดนั้นเสียงร้องเหมียวตั้งขึ้นในโสตประสาทของทุกคน
“พลังสัมผัสทั้งห้า!”
อิซาเบลล่ากําลังสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ด้วยกล้องส่องทางไกล
“อาคารพัง คนหนีออกมา นั่นใช่อะพอสเซิลที่รัฐบาลส่งมาหรือเปล่า?” เธอพึมพํา
“โอ้ ทรงซากปรักหักพังมีการเคลื่อนไหว เพราะแมวแผ่นดินไหวอย่างนั้นเหรอ? ทรงพลังมาก” เธอเห็นแมวแผ่นดินไหวออกมาพลางโก่งหลังโค้ง เธอตกใจกับภาพที่เห็น
“ฉันจะได้กินข้าวที่โมงเนี่ย?” แมวสีตาที่อยู่ตรงเท้าของเธอถาม
แต่สายตาของอิซาเบลล่ากําลังจับจ้องกับเหตุการณ์ตรงหน้า “พวกนั้นกลัวจะตกเป็นที่สนใจหรือไง? ถึงว่าทําไมส่งมาแต่อะพอสเซิล”
อิซาเบลล่ามองตามอะพอสเซิลที่กําลังอุ้มแมวในอ้อมแขน “อะพอสเซิ่ล 2 คนถึงมือเกินไป ต่อให้ขนทหารมาทั้งกองทัพก็ยังไม่รู้เอาตัวแมวมาจากพวกนั้นได้หรือเปล่า” เธอคิด เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของอะพอสเซิลเพียงคนเดียวเท่านั้น หากรวมพลังของทั้ง 2 คนจะต้องมากมายมหาศาล
แต่ละคนต่างมีพละกําลังเหนือมนุษย์ธรรมดามาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนของรัฐบาล พวกนั้นต้องได้รับการฝึกฝนฝีมือและการทํางานร่วมกันเป็นอย่างดี
พลังทําให้พวกนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และตอบสนองได้อย่างว่องไว กระทั่งหลบพายุกระสุนยังได้
ขณะที่เธอกําลังจมอยู่กับความคิด เหล่าชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้น
“บ้าหรือเปล่า? มากันแค่ 3 คนจะมาจัดการอะพอสเซิล 2 คนน่ะนะ?” ชายสวมหน้ากากใช้ทักษะการต่อสู้ขั้นสูงขณะที่อิซาเบลล่ากําลังตกอยู่ในห้วงความคิด
ขายสวมหน้ากากต่างมีชีวิตรอดจากกลุ่มคนที่สามารถฆ่าคนอื่นได้อย่างง่ายดาย รวมถึงเป็นอะพอสเซิลด้วย ทําให้เธอตกใจเกินบรรยาย
“คนๆ นั้นแข็งแกร่งมาก” อิซาเบลล่าเป็นพยานการสังหารอะพอสเซิลที่เกิดขึ้นจากคนๆ เดียว ชายสวมหน้ากากอุ้มแมวขึ้นมาในอ้อมแขน
“ฉิ*บหายแล้ว ทําไมแมวต้องตกไปอยู่ในมือพวกนั้น” อิซาเบลล่ากัดฟัน ดวงตาแข็งกร้าวด้วยความโกรธ
หากทีมหลินเฉินเป็นทีมเดียวที่ถูกส่งมาจับแมวตัวนั้น อิซาเบลล่าอาจหาโอกาสลักพาตัวแมวมาจากเจ้าพวกนั้นได้ แต่ชายสวมหน้ากากที่โผล่มาทีหลังนั้นเป็นเครื่องจักรสังหารชัดๆ เธอจะกล้ำเข้าไปยุ่มย่ามได้ยังไง
และในขณะนั้น ตัวแปรใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามรบ