Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 134
ทุกคนเคยได้ยินชื่อของติ้งจี่ไฮ โค้ชติ้งเป็นโค้ชของหลินเฟ่ยเหลียง เเล้วยิ่งหลินเฟ่ยเหลียงดังเท่าไร ชื่อของติ้งจี่ไฮก็ยิ่งดังขึ้นมาเท่านั้น ในบริบทของวงการกรีฑาประเทศ โค้ชติ้งอาจจะเป็นคนที่รู้จักกันดีที่สุดคนหนึ่งตามหลังชู่เหล็นฮาวที่เป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติ เเล้วก็ผู้ช่วยโค้ชสูอี้หลี่ โค้ชอย่างโค้ชฮูจินหลงก็ดังเหมือนกัน เเต่ก็เทียบกับโค้ชติ้งไม่ได้
นักกีฬาทุกคนบูชาโค้ชติ้งเหมือนกับว่าเป็นไอดอลในวงการ ทุกคนอยากที่จะเป็นหลินเฟ่ยเหลียงคนต่อไป กลายเป็นว่าการฝึกโดยติ้งจี่ไฮนั้นดีกว่าฮูจินหลงซะอีก
“ตอนที่หลี่ไต้อยู่ทีมชาติ เขาอยู่กับโค้ชติ้งงั้นเหรอ!”
“โค้ชติ้งที่สอนวิ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง110เมตรอะนะ”
“ฉันละอิจฉาหลี่ไต้จริงๆ ถ้าฉันมีโอกาสได้ฝึกกับโค้ชติ้งเเค่นิดเดียวก็เถอะ ฉันคงดีใจตายเลย”
“โค้ชติ้งเขาเป็นมืออาชีพของจริง พวกเราสามารถไปเป็นตัวท๊อปได้เลยหลังจากเรียนรู้กับเขาได้ไม่นานก็เถอะ!”
โค้ชคนอื่นๆเริ่มพูดคุยกันเงียบๆ ทุกคนมองไปที่หลี่ไต้ในทางชื่นชม ยกเว้นฉวงซูฉี ตอนนี้ฉวงรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าหัน2รอบรวด
ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นมัน? ทำไมโค้ชติ้งถึงต้องรับมันด้วย? หลังจากหายใจเข้าลึกๆเเล้วฉวงก็ปรอบใจตัวเองว่า ถึงเเม้หลี่ไต้จะอยู่ภายใต้การนำของติ้งจี่ไฮ เเต่เขาก็คงเป็นเเค่ผู้ช่วย
ทำพวกวิ่งเก็บรั้วหรือไม่ก็เป็นพวกฝึกเด็กใหม่งี้ เขาคงไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอจะไปมีส่วนร่วมในการฝึกตงเท็งหรอก อย่าว่าเเต่หลินเฟ่ยเหลียงเลย!
ในสายตาของฉวงซูฉี เเค่การได้ฝึกกับโค้ชติ้งก็อภิสิทธิ์ชนมากเกินไปเเล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมโค้ชหนุ่มอย่างหลี่ไต้ถึงได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมการฝึกกับนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก
ในตอนนั้นเอง หัวหน้าของกรมการกีฬาเขตก็ถามขึ้น
“เมื่อกี้คุณบอกว่าโค้ชติ้งเป็นหัวหน้าโค้ชของหลินเฟ่ยเหลียงใช่ไหมครับ?”
หัวหน้ากรมการกีฬานั้นเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นฝ่ายบริหารบุคคลในระบบ ดั่งนั้นเขาจึงไม่เคยทำงานเป็นโค้ชหรือนักกีฬามาก่อน เเล้วเขาก็ไม่เห็นว่าทำไมผู้คนถึงชื่นชมโค้ชติ้งกันนักหนา
“ใช่ครับ โค้ชติ้งเป็นหัวหน้าโค้ชของหลินเฟ่ยเหลียง”ฮูจินหลงพูด “อ้อ อีกอย่าง ตอนที่หลี่ไต้อยู่ในทีมชาติ เขาได้มีส่วนร่วมในการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียงด้วยนะ”
หัวหน้ากรมพยักหน้าเเล้วยิ้ม ซึ่งเอาจริงๆเขาไม่รู้เลยว่าที่พูดมาเมื่อกี้มันเรื่องใหญ่ขนาดไหน ในขณะที่โค้ชคนอื่นตกใจกันหนักมาก
“ได้ยินรึเปล่า โค้ชฮูพึ่งจะบอกว้าหลี่ไต้มีส่วนร่วมในการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียงด้วย!”
“ฉันรู้ว่าหลี่ไต้เป็นโค้ชที่เก่ง เเต่ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะยอดเยี่ยมขนาดที่มีส่วนร่วมในการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียงด้วย”
“เหตุผลที่โค้ชติ้งทำเเบบนั้นคงเพราะเห็นความสามารถในตัวหลี่ไต้เเน่ๆ! ดูเหมือนว่าทีมเราจะดีไม่พอสำหรับหลี่ไต้คนนี้ซะเเล้ว ทีมชาติมันคือที่ของเขาจริงๆ”
นักกีฬามืออาชีพทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นยังไงที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียง หลินถูกขนานนามว่าเป็นนักกรีฑาที่เก่งที่สุดในโลก การฝึกของเขาต้องดีที่สุดในทุกๆมุมมอง มันเป็นการเรียนรู้อีกระดับหนึ่งที่ได้มาจากการฝึกของจริง
สำหรับนักกีฬาอย่างหลินเฟ่ยเหลียงเเล้วไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะมาเป็นโค้ชของเขาได้ มีเพียงเเต่โค้ชที่สุดจริงเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติมากพอเเละได้ผลลัพธ์การฝึกที่สุดยอดเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้เป็นโค้ชของเขา เกือบทุกคนมองหน้าหลี่ไต้ อย่าชื่นชมทันทีที่ได้ยินว่าเขามีส่วนช่วยหลินเฟ่ยเหลียงในการฝึก
เเปะ เเผะ เเผละ เเป๊ะ ปั๊บ!!!ฉวงซูฉีรู้สึกเหมือนโดนตบหน้ารัวๆ เขาอายมากจนอยากเอาหน้ามุดดินเดี๋ยวนี้เลย
ในสายตาของเขาถึงเเม้หลี่ไต้จะอยู่กับโค้ชติ้ง เเต่เขาก็ไม่ควรจะมีโอกาสได้เจอกับนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมนี้ ฉวงไม่โอเคเลยด้วยซ้ำถ้าหลี่มีส่วนร่วมในการฝึกตงเท็ง
เเต่พอรู้ว่าหลี่ไต้มีส่วนร่วมในการฝึกหลินเฟ่ยเหลียง ฉวงก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
เป็นไปไม่ได้หน่า ฉวงพยายามจะหลอกตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก เเต่คำพูดนั้นออกมาจากปากฮูจินหลงโดยตรง จะไปเป็นเรื่องโกหกได้ไง
หลี่ไต้ยิ้มเขินๆ เขารู้สึกได้ว่ามีสายตานับ10จ้องมาทางเขา ทำให้เขาเขินนิดหน่อย
โค้ชทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั้นบ้างเเล้วคิดว่าหลี่ไต้เป็นที่โปรดปรานเพราะความสามารถ เเต่เอาจริงๆเเล้ว ที่เขาได้เข้าร่วมการฝึกของหลินเฟ่ยเหลียงนั้น ทุกอย่างมันเป็นเรื่องบังเอิญที่เหมาะเจาะสุดๆ
ถ้าหลี่ไต้ไม่ได้เจอหลินเฟ่ยเหลียงโดยบังเอิญในระหว่างการกินข้าววันนั้นกับหยูเฟ่ยเฟ่ย เขาคงได้ไปอยู่ทีมของโค้ชคนอื่น เเล้วถ้าเขาไม่ได้ช่วยหลินเฟ่ยเหลียงในตอนนั้น โค้ชติ้งก็คงอกเเตกไม่กลับมาหาหลินเฟ่ยเหลียง เเล้วทุกอย่างมันก็คงไม่ดีเหมือนตอนนี้
…
หลังจากที่พวกเขาประเมินความสามารถของฝางไฮควานเเล้วโดยปรกติก็จะเริ่มจากการเเนะนำพื้นฐานชีวิตก่อน เช่นวันเกิด บ้านเกิด ครอบครัว เคยฝึกที่ไหนตอนไหนมาก่อนบ้าง ใครเป็นโค้ชมาบ้าง เเละอื่นๆ ของพวกนี้สามารถไปหาได้ในเอกสารของไฮควาน เเต่พวกเขาก็ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากมากมายกว่าจะได้มา
“งั้น ฝางไฮควานก็เป็นลูกชายของประธานบริษัทคอนติเน็นทอลเหรอ? มิน่า ทำไมผมเห็นว่าชื่อเขาคุ้นๆ เมื่อ2ปีก่อนพวกเขาก็ชวนฉันไปสอนนักกีฬาที่เมืองฉิงเฉิง เเต่ตอนนั้นฉันยุ่งอยู่พอดีก็เลยขอให้เพื่อนร่วมงานฉันไปสอนเเทน เเล้วนักกีฬาคนนั้นก็คือฝางไฮควาน”ฮูจินหลงหัวเราะ”ฉันน่าจะไปหาไปดูด้วยตาตัวเองถ้าฉันรู้ว่าเขามีพรสวรรค์เเบบนี้”
“โค้ชฮุครับ ถ้าเขาโดนคุณเจอตัวก่อน ฝางไฮควานก็ต้องโดนพาไปทีมชาติ เเล้วทีมของเราก็ไม่มีบทซิครับ!”บิ่นหลูพูดติดตลก ผู้คนตลกตาม
ต่อมาหลี่ไต้ได้เเนะนำข้อมูลการฝึกขั้นพื้นฐานคร่าวๆของฝางไฮควาน อย่างเช่นนิสัยใจคอเเละสภาพทางจิตใจตอนฝึก ทุกอย่างมีผลต่อการกระโดดไกลทั้งหมด ทั้งสภาพร่างกายเเละจิตใจ หลังจากที่หลี่ไต้ได้เเนะนำไปเเล้ว ฮูจินหลงก็รู้เรื่องเกี่ยวกับไฮควานมากขึ้น
หลังจากนั้น ก็จะเป็นภาคสนามบ้าง รวมไปถึงขั้นตอนของการฝึกเเละการทดสอบกระโดดไกลด้วย
ในช่วงละลายพฤติกรรมนั้น ฮูจินหลงก็เริ่มชอบฝางไฮควานขึ้นมาบ้างเเล้ว พวกเขาเริ่มสอนกันเป็นการส่วนตัวเเล้วด้วย
สำหรับโค้ช ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือช่วงที่พวกเขาเจอนักกีฬาหนุ่มอัจฉริยะก่อนช่วงละลายพฤติกรรมจบ
ฮูจินหลงตัดสินใจที่จะพาฝางไฮควานเข้าทีมชาติเเล้วพาไปฝึกเอง
ส่วนบิ่นหลูนั้นดีใจออกนอกหน้าไปเเล้ว เขาถือว่าโชคดีมากถ้าเขาสามารถส่งนักกีฬาจากทีมเยาวชนไปเขาทีมเยาวชนชาติได้ เเล้วจะโชคดีกว่านั้นถ้าได้ส่งเข้าทีมชาติหลักโดยตรง เเถมยังได้เข้าเป็นสังกัดของฮูจินหลงโดยตรงด้วย บิ่นหลูตอนนี้จินตนาการไปเเล้วว่าคนในทีมของเขาถูกจัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยมของทีมกรีฑาเยาวชนตอนสิ้นปี
…
ในตอนเย็นของวันนั้นทางทีมเยาวชนได้ต้อนรับฮูจินหลงด้วยมื้ออาหารเย็น
หลังจากนั้นซักพัก ในตอนที่หลี่ไต้กำลังจะไปทำขนมปังปิ้ง ฮูจินหลงก็ชวนเขาคุย
“หลี่ไต้ ทีมชาติของเรายืมตัวโค้ชจำนวนมากในทุกๆปี แต่จะมีน้อยคนมากที่จะประสบความสำเร็จเมื่อกลับไป นายเป็นคนเก่ง แล้วฉันก็เชื่อในตัวนายนะ!”ฮูจินหลงพูด แน่นอนว่าเขาเมา หลี่ไต้บอกได้จากกลิ่นเหล้าครุ้งๆ
“ขอบคุณครับโค้ชฮู ผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะงั้น ผมจะพยายามครับ” หลี่ไต้ไม่ได้ดื่มอะไรมากแต่ก็กรึ่มๆ
ฮูจินหลงพูดต่อ “หลี่ไต้ ฉันมีข่าวจะมาบอกนาย โปรแกรมฝึกเยาวชนทีมชาติกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และมันมีที่จำกัดมาก ทางกรมการกีฬาจะประกาศอีกทีไม่ช้านี้ ไปสมัครซะนะ แล้วทำให้ดีที่สุด เราต้องการคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างนายมาเข้าทีมชาติ!”