Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 129
ฝางไฮควานออกจากหลุมทราย เเล้วหันหลังกลับไปดูลอยทรายที่เขาทิ้งเอาไว้ เขาพึ่งสังเกตว่าจุดๆนั้นมันเกินกว่าเส้น7.80เมตร เเล้วเขาก็พึ่งรู้ว่าเขาชนะ จุดของหยางกังอยู่ที่7.79เมตร เเล้วถึงเเม้หยางกังจะกระโดดได้เเค่7.80 เขาก็ยังคงชนะหยางกังอยู่ดีเเล้วในส่วนที่เกินจาก7.80เมตร มันคือกำไรที่เขาได้รับ
ฝางไฮควานไม่ได้สนใจกรรมการหรือคะเเนนของตัวเองเลย เขาชูมือขึ้นฟ้า เเล้วกู่ร้องอย่างตื่นเต้น “ฉันชนะ!! ฉัน ชนะ!!!! ฉันทำได้!!”
ความหอมหวานของชัยชนะกระเเทกใส่หน้าเขา นี้เป็นครั้งเเรกที่เขาเข้ามาร่วมเเข่งรายการใหญ่ๆ เเล้วก็เป็นครั้งเเรกที่เขาเจอสถานการณ์หน้าซิ่วหน้าขวาน เเต่เขาก็ชนะมันมาได้ ซึ่งทำให้เขาตระหนักว่า ชัยชนะไม่ได้มาง่ายๆ
“คะแนนออกมาแล้ว 7.84เมตร! เขาเป็นแค่เด็กอายุ16เองนะ! อัจฉริยะจริงๆ! เขาเป็นนักกระโดดไกลที่มีพรสวรรค์จริงๆ!”
“เขาต้องโดนลากเขาทีมชาติแน่ๆจากความสามารถที่โดดเด่นขนาดนี้ มีน้อยคนนักที่จะได้เข้าทีมชาติตั้งแต่อายุ16ปี เขาต้องเป็นหลินเฟ่ยเหลียงคนต่อไปแน่ๆ”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด สถิติของทีมเขตฮั่นเบในรุ่นU18อยู่ที่7.81เมตร เขาพึ่งทำลายสถิติของเขตไปสดๆร้อนๆเลย!”
“เขาทำมากกว่านั้น ในรุ่นU16ของประเทศสถิติอยู่ที่7.80เมตร เขาทำลายสถิตประเทศด้วย นั้นหมายความว่าในช่วงอายุ16ปี เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในประเทศ”
“เขาทำลายทั้งสถิติของU18เขต แล้วก็U16ของประเทศนี้ เขาทำลายมันลงได้ในคราวเดียว
ผู้คนส่วนมากเป็นโค้ชจากทีมเยาวชนต่างๆ พวกนั้นรู้ว่ามีสถิติอะไรบ้าง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมพูดกันได้คล่องนัก
“น่าสงสารเหมือนกันนะที่เขาไม่ได้แข่งอยู่ในระดับชาติ ไม่งั้นเขาคงถูกบรรจุโดยตรงให้เป็นจ้าวนักกีฬาแห่งชาติแล้ว!”เสียงคนๆหนึ่งพูดอย่างสงสาร
มาตรฐานคะแนนของการเป็นนักกีฬาขั้นสูงสุดของชาตินี้ในการกระโดดไกลคือ7.80เมตร ฝางไฮควานก็ทะลุเกณฑ์นั้นไปแลว แต่ขั้นต่ำของการไปถึงจุดนั้นได้ คือนักกีฬาคนนั้นต้องไปแข่งในรายการกรังปรีย์หรือชิงแชมป์ หรือการแข่งที่จัดโดยชาติอย่างเป็นทางการ การแข่งของเขตไม่นับเข้าระบบคะแนน ทำได้แค่ให้ไปเป็นนักกีฬาแห่งชาติลำดับ1
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีนักกีฬาที่มีพรสวรรค์มากขนาดนี้ในเขตฮั่นเบ ตอนแรกฉันคิดว่าเจ้าคนนั้นจากทีมโหยวฮาวจะชนะแล้ว! แต่เขาโดนเฉือนไปในวินาทีสุดท้ายจริงๆ “มีคนพูดแล้วหัวไปมองเฉาเหลียงฮาว
เฉาเหลียงฮาวกำลังช๊อก เขาดูเหมือนคนที่โดนทำลายทุกอย่าง
ฉัน…แพ้ ฉันแพ้ได้ไง! เรากระโดดได้ตั้ง7.79เมตรเลยนะ ! นี้มันเป็นไปไม่ได้
ใจของเฉาเหลียงฮาวตอนนนี้ย้อนกลับไปเมื่อเขาพบเจอเมื่อ2ปีก่อน เขาเคยเป็นโค้ชนักกีฬามืออาชีพที่ไปหาเรื่องเด็กมหาลัย แต่กลับแพ้ไม่เป็นท่าแล้วต้องหนีกลับออกมาอย่างหน้าไม่อาย ในปีนั้นทำให้เขากลายมาเป็นตัวตลก
2ปีผ่านไป เหตุการณ์เดิมๆกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง เฉาเหลียงฮาวพึ่งส่งนักกีฬาอายุ22ปีลงสนามแต่กลับโดนโค่นโดยเด็กอายุ16ปี ซึ่งมันเหมือนกับตอนที่เขาฝึกอยู่ในคลาสฝึกกีฬา2ปีเป๊ะๆ นักเรียนกระโดดไกลที่เก่งที่สุดของเขา กลับมาแพ้ย่อยยับในการประลองกับเด็กที่อ้วนที่สุดของหลี่ไต้
แล้วก็เป็นอีกครั้ง เขาเกือบจะได้การแข่งนี้มาไว้ในมือแล้ว แต่เขาก็ยังกลับพลาดไปก้าวเดียวสู่ความสำเร็จ ซ้ำร้อยคู่ต่อสู้ยังทำลายสถิติไปได้2สถิติในคราวเดียว มันเป็นชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ ฮาวไม่สามารถหาข้ออ้างมาปลอบใจตัวเองได้อีกแล้ว การแข่งครั้งนี้มันทำลายศักดิ์ศรีของเฉาเหลียงฮาวจนหมดสิ้น
แต่ถึงอย่างนั้น โค้ชคนอื่นๆไม่รู้มาก่อนว่าเฉาเหลียงฮาวกลับมาแพ้คนเดิมๆ พวกนั้นคิดแค่ว่าฮาวคงยังยอมรับความพ่อยแพ้ไม่ได้
“โค้ชจากทีมโหยวฮาวดูไม่โอเคเลย ทำไมเขาถึงผิดหวังขนาดนั้นละ?”
“มันเป็นแค่การแข่งธรรมดาเอง ไม่เห็นต้องจริงจังอะไรเลย เขาทำหน้าอย่างกับเห็นผีแหน่ะ”
“โค้ชคนนั้นอายุเกือบๆจะ40แล้วนะ เขาควรจะเป็นโค้ชที่มีประสบการณ์ได้แล้วซิ ทำไมเขายังรับเรื่องแค่นี้ไม่ได้กันนะ”
“เขาน่าจะคิดว่าอย่างน้อยก็ได้เหรียญเงิน ถ้าคนที่ได้ที่2สภาพเป็นแบบนี้ แล้วคนที่ไม่ชนะอะไรเลยควรทำไงดีละ ฆ่าตัวตายดีไหม?”
“เห้ย นักกีฬาของนายอย่างน้อยก็เข้ารอบชิง แต่ของฉันโดนคัดออกตั้งแต่ต้นรอบควอริฟายเลย ถ้านายฆ่าตัวตายแล้วฉันควรทำไง ตายแล้วตายอีกงี้เหรอ!”
แหม มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย กีฬาก็เงี่ย มีแชมเปี้ยนได้แค่คนเดียว มีคนแพ้ก็ต้องมีคนชนะ อีกอย่าง เราแพ้อัจฉริยะนั้น ไม่เห็นต้องอายอะไรเลย
…
7.79เมตรเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของฉันแล้ว แต่ทำไมฉันยังจะแพ้อีกละ! หยางกังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองโดน เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เขายังฉลองกับชัยชนะอยู่เลย วินาทีต่อมา มันก็ได้ถูกช่วงชิงไป มันเหมือนกับว่าเขาร่วงโรยมาจากสวรรค์ตกลงมาในนรกเพียงชั่วพริบตา มันหนักเกินไป แย่ที่สุดคือคนที่ชนะดันมาเป็นเด็กอายุ16!
7.84เมตรแม้แต่ในการแข่งขับระดับผู้ใหญ่ ก็จะมีก็แต่นักกีฬาตัวท๊อปๆของประเทศเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งในระดับมาตรของกีฬาเยาวชนนั้น คะแนนระดบันี้ทำให้หยางกังตกใจมากเหมือนกัน
ถ้าเทียบจากอายุของเขาในการแข่งขันนี้เขาอายุ18ปี แต่เอาจริงๆแล้วเขาอายุ22ปี มันมีความต่างระหว่างอายุอยู่ 22กับ16ปีนั้นมันแตกต่างเหมือนกับเด็กปี4มหาลัยกับเด็กเฟรชชี่น้องใหม่ในม.ปลาย แล้วถ้าเทียบๆกันดูแล้ว การที่เด็กปี4โดนเด็กม.4โค่นอย่างเละเทะแบบนี้มันเป็นยังไงละ? ความมั่นใจของเขาถูกทำลายย่อยยับทันที
“เขาเป็นอัจฉริยะ!”
“เขาเป็นนักกระโดดไกลโดยกำเนิด!”
“เขาเป็นเด็กอายุ16ปีที่มีพรสวรรค์!”
การที่ต้องมาฟังคำสรรเสริญแชมป์คนใหม่ที่ไม่ใช่เขา ทำให้เขาหงุดหงิดมาก
เขานึกถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กตัวน้อย เขาก็ได้รับคำชมว่าเป็นนักกระโดดไกลที่มีพรสวรรค์เช่นกัน ทุกครั้งในคาบพละ เมื่อเด็กๆทุกคนมากระโดดไกลกัน ไม่มีใครกระโดดได้ไกลกว่าเขา นั้นทำให้เขาได้รับคำชมมากมาย
หลังจากนั้น เขาก็เริ่มที่จะฝึกกระโดดไกลอย่างจริงจัง แล้วเขาก็เข้าทีมรุ่นเยาว์ เขาก็เจอเด็กหลายๆคนที่เหมือนกับเขา แล้วก็เจอบางคนที่เหนือกว่าเขา ในทีมรุ่นเยาว์นั้น เขาได้สูญเสียคำว่าอัจฉริยะไป แต่เขาก็ยังอยู่ในอันดับต้นๆอยู่
ในตอนนั้นเอง หยางกังได้เรียนรู้ความสำคัญของคำว่าพรสวรรค์ ในทีมนั้น ทุกคนต่างตั้งใจและมุ่งมั่นในการฝึก แต่ด้วยความต่างของพรสวรรค์ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างนักกีฬา และมันก็ห่างขึ้นไปทุกที
หยางกังรู้ถึงความสำคัญของอายุเหมือนกัน นักกีฬา2คนได้คะแนนเท่ากัน แต่คนนึงอายุ18ส่วนอีกคนอายุ20 แล้วคนไหนที่โค้ชจะให้ความสนใจมากกว่าละ แน่นอนว่าต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าไง
ยิ่งแก่ตัวมากขึ้น หยางกังก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลง นักกีฬารุ่นใหม่ๆมีมากมายเหมือนดอกเห็นหลังฝน พวกนั้นแย่งทั้งโอกาสทั้งทรัพยากรไปจากเขา
จากนั้น หยางกังก็ได้พบกับ เฉาเหลียงฮาว คนที่เปลี่ยนอายุของเขา แล้วทำให้เขาเด็กลง4ปี ฮาวก็เริ่มฝึกเขาให้กลายมาเป็นนักกระโดดไกลอันดับ1ในทีมเยาวชนโหยวฮาว ด้วยร่างกายของคนอายุ20ปี เขากลายมาเป็นตัวท๊อปในกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างง่ายๆ
เขาได้ฉายาว่าอัจฉริยะกลับคืนมา แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เกลียดมันเช่นกัน เขารู้ว่าทุกอย่างที่ได้มามันเป็นของปลอม แล้วเขาก็ไม่อัจฉริยะอะไรเลย เขาก็แค่ไอ้ขี้แพ้ที่เล่นแง่เล่นกลหาทางชนะแค่นั้นเอง จากตอนนั้น เขากังวลมาตลอดว่าวันหนึ่งความลับของเขาจะถูกเปิดโปง แล้วเขาก็จะถูกโยนทิ้งจากสวรรค์ด้วยอัจฉริยะตัวจริง
แล้ววันนี้ มันก็มาถึง เขาพบกับอัจฉริยะตัวจริงที่ทำให้เขากลับไปเป็นคนธรรมดาๆได้ ในขณะที่ตัวเองกำลังดื่มด่ำกับชัยชนะ
นักกีฬาที่อายุ22ปีแล้วกระโดดได้แค่7.79เมตรมันไม่ค่อยมีความสามารถอะไรเหลืออีกแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะปิดบังอายุตัวเองต่อแล้วไปอยู่ในทีมผู้ใหญ่ แต่เขาคงไม่น่าพัฒนาอะไรได้มากแล้ว
นี้ฉันควรจะเอาหัวฝังลงทรายดีไหม? หยางกังมองดูฝางไฮควานฉลองชัยชนะ เขารู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นอัจฉริยะของจริง แล้วก็ควรจะเป็นคนที่เดินต่อในเส้นทางนี้ ไม่ใช่หยางกัง
บางทีนี้อาจจะถึงเวลาที่เขาต้องตื่นแล้วยอมรับความจริงแล้วก็ได้…. หยางกังถอนหายใจ