Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 125
หลี่ไต้ประหลาดใจมาก เขามั่นใจว่าเครื่องตรวจสอบของเขาถูกต้องเสมอ และค่าความสามารถของเขาก็374แต้มจริงๆ แต่สิ่งที่หลี่ไต้ไม่เข้าใจเลยคือถ้าหยางกังมีพรสวรรค์แค่ระดับCทำไมเขาถึงมีความสามารถตั้ง374แต้มในอายุแค่18ปีได้
ภายใต้การนำของหลี่ไต้ ฝางไฮควานตอนนี้ความสามารถอยู่ที่350แต่ฝางมีพรสวรรค์ระดับA ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าเขามีความสามารถที่จะกลายไปเป็นแชมป์โลกได้ พรสวรรค์ระดับCเป็นได้มากที่สุดก็ได้นักกีฬาที่ดี แต่ไม่ถึงขึ้นเป็นนักกีฬาแชมป์ประเทศได้ด้วยซ้ำอย่าว่าแต่จะเป็นแชมป์โลกเลย มันมีความห่างอยู่เยอะนะระหว่างแชมป์โลกกับนักกีฬาระดับต้นๆ
ฝางไฮควานมีพรสวรรค์ระดับAหมายความว่าเขามีพรสวรรค์ที่จะเป็นนักกระโดดไกล ส่วนหยางกังมีพรสวรรค์แค่ระดับC เขาแค่เป็นคนที่ถนัดกระโดดไกลเฉยๆ คนที่ถนัดไม่สามารถไล่ตามคนที่มีพรสวรรค์ได้ถึงแม้ว่าจะเริ่มฝึกก่อน2ปีก็ตาม
นี้มันไม่เข้าท่าเลย แม้แต่โค้ชระดับ2ขั้นสูงอย่างฉันยังไม่สามารถช่วยให้นักกีฬาที่มีพรสวรรค์ระดับCที่อายุ18ให้มีความสามารถที่374ได้เลย ใครเป็นโค้ชของหยางกังกัน ต้องเก่งแน่ๆเลย! หลี่ไต้มองไปที่หยางกังแล้วรอที่จะเห็นโค้ชของเขา
หยางกังออกจากสนามแข่งแล้วเริ่มเดินตรงมาที่พักนักกีฬา มีโค้ชวัยกลางคนเดินเข้ามาหาเขาทันที
งั้นหมอนั้นก็คือโค้ชของหยางกังซินะ เขาดูหน้าคุ้นๆจัง เหมือนฉันจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ? หลี่ไต้จำหน้าคนได้แย่มาก เขาเริ่มนึกหาว่าใครกันที่เขาเคยเจอ แล้วสุดท้ายก็นึกออก
เฉาเหลียงฮาว! เฉาเหลียงฮาวนี้เอง! ทำไมเขามาอยู่ที่นี้ละเนี่ย? หลี่ไต้ตกใจ แล้วตอนนั่นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเฉาเหลียงฮาวเป็นโค้ชกระโดดไกลของทีมเทศบาลเมืองโหยวฮาว มันก็เข้าใจได้อยู่ว่าทำไมเขาถึงมาเป็นโค้ชของทีมเยาวชนได้
แต่เดี๋ยวก่อนนะ เฉาเหลียงฮาวมันฝึกเก่งแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน? ถ้าความสามารถในการฝึกเขาดีขนาดนี้ เขาน่าจะไปเป็นโค้ชในที่ดีๆแล้วซิ เขาไม่น่าจะต้องมาหาเงินพิเศษตามโรงเรียนกวดวิชาพวกนั้นเลย เขาคงได้ตังเยอะมากจากชื่อเสียงของเขาไปแล้วซิ แต่ถ้าเฉาเหลียงฮาวไม่ได้เก่งขนาดนั้น ทำไมหยางกังถึงได้เก่งแบบนั้นได้ละ ฮาวไม่น่ามีระบบโค้ชแบบเขานี้….ใช่ไหม
คิดแบบนี้แล้วหลี่ไต้ก็เรียกระบบขึ้นมา “เห้ย แกอะ บอกหน่อยดิ แกมีพี่น้องหรืออะไรรึเปล่า?”
“อ้ออออ ข้าเข้าใจที่แกจะสื่อนะ”ระบบตอบทันที”ข้าก็บอกตรงๆได้เลยว่ามีแค่ข้า ข้าคนเดียว ไม่มีข้าคนที่2”
“งั้นอธิบายเรื่องนี้มาซิ ทำไมเขาถึงได้เพิ่มความสามารถในการฝึกได้เร็วขนาดนี้?”หลี่ไต้คิดลึกๆ
ในระยะไกลเฉาเหลียงฮาวกำลังเพลิดเพลินกับการชื่นชมของทุกคน
อิจฉาฉันซิ! ชมฉันเข้าไป! 5555 ไม่ต้องบอกก็รู้หน่า แหม แหม เด็กฉันเก่งจนต้องอึ้งเลยละซิ
เฉาเหลียงฮาวมองรอบๆไปที่ฝูงชน แล้วเขาก็เห็นหลี่ไต้
แกอยู่นี้เอง หลี่ไต้ ตกใจละซิท่า! นึกไม่ออกละซิว่าทำไมหยางกังถึงโดดได้ถึง7.63เมตร คิดไปทั้งชีวิตแกก็คิดไม่ออกหรอกโว้ยย ไม่บอกหรอกว่าหยางกังอายุมากกว่า18… เฉาเหลียงฮาวขำกับตัวเอง
หยางกังจริงๆแล้วอายุไม่ใช่18 แต่เป็น22 เฉาเหลียงฮาวแอบเปลี่ยนอายุของเขาอย่างลับๆ เพื่อที่จะได้ผลในกีฬาเยาวชน
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักกีฬามีการเปลี่ยนอายุ นักกีฬาบางคนถึงขั้นมีบัตรประชาชน2ใบ ใบแรกเอาไว้ใช้ปรกติ เป็นอายุจริงๆ ส่วนอีกใบเป็นใบที่ใช้สำหรับการแข่งขัน มีหลายกรณีที่นักกีฬาคิดวางแผนเตรียมตัวตั้งแต่อายุ7-8ปีเพื่อที่จะมีอนาคตที่ดีกว่า พวกเขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนอายุอย่างเดียว แต่เปลี่ยนชื่อด้วยก็มี เพื่อที่จะได้ผ่านรอบควอริฟายไปแล้ว พวกเขาก็จะเลี่ยงปัญหาได้สำเร็จ แม้แต่ในแคมป์ ฝึกของทีมชาติยังมีนักกีฬาหลายๆคนโกงอายุตัวเองอยู่เลย พวกเขาบอกว่า “ยิ่งฝึกนานเท่าไรก็ยิ่งอ่อนวัยลงเท่านั้น”
ในช่วงปี90 เป็นช่วงที่ง่ายต่อการเปลี่ยนอายุ แค่มีบุหรี่ไม่กี่คัตตอน ไวน์หลายขวดหน่อยกับ ซองแดงบรรจุเงินซักหลายพันหยวนหน่อยก็สามารถโกงอายุได้แล้ว ครั้งนึงระบบจัดการบุคคลเคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นสายด้วย ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้มันจะโกงข้อมูลกันได้ยาก แต่มันก็ยังคงมีรูโหว่ในระบบอยู่ หมายความว่าถ้าใครเส้นใหญ่มากพอ เขาก็สามารถโกงได้
หยางกังก็เป็น1ในนักกีฬาพวกนั้น เขาอายุ22ปี แล้วเอาจริงๆเขาต้องถูกโยนไปแข่งในรุ่นU20แล้ว แต่ด้วยการเปลี่ยนอายุนี้ เขายังมีโอกาสที่จะเข้าแข่งในรุ่นU18ในกีฬาเยาวชนได้อยู่ อายุ22กับอายุ18ปีมันเป็นช่วงอายุที่ต่างกันมาก หมายความว่าสภาพทางร่างกายหลายๆอย่างของอายุ22จะดีกว่ามาก แถมหยางกังยังมีเวลาฝึกมามากกว่า4ปีด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกเลยที่จะเก่งกว่าชาวบ้าน
หลี่ไต้คงไม่ตกใจขนาดนี้ถ้าเขารู้เรื่องอายุจริงๆของหยางกัง เรื่องความต่างอายุมันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความห่างของความสามารถได้ ค่าความสามารถของหยางกังนั้นเยอะกว่าฝางไฮควานแต่ก็เพราะว่าอายุเขาห่างกันถึง6ปี หยางกังมีร่างกายที่กำยำมากกว่าแล้วก็ยังได้รับการฝึกมามากกว่าฝางไฮควาน แต่ถึงอย่างนั้นหยางกังก็ยังนำไฮควานได้แค่นิดเดียว ซึ่งความคิดของหลี่ไต้ตอนแรกคิดถูกแล้ว ความต่างระหว่างพรสวรรค์ AกับCมันต่างกันมาก
…
ที่บริษัทคอนติเน็นทอล ณ ห้องทำงานของประธานใหญ่
ฝางต้าหลูกำลังยืดแขนจากนั้นก็ยืนขึ้นจากเก้าอี้เพื่อดูวิวทิวทัศน์จากหน้าต่างในออฟฟิศเขา
ตึกบริษัทคอนติเน็นทอลนั้นตั้งอยู่ติดกับทะเล และออฟฟิศของฝางต้าหลูนั้นอยู่ชั้นบนสุดหันหน้าเข้าหาทะเล วิวของตรงนั้นเลยจัดว่าสวยงามมาก อากาศก็ดีพระอาทิตย์ก็สดใส แสงสีทองของดวงอาทิตย์ทอดยาวลงมาบนพื้นทะเลที่สงบ สะท้อนประกายกับน้ำสีน้ำเงิน แต่ถึงอย่างนั้นฝางต้าหลูไม่ได้มีเวลามาชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามหรอก ใจเขาตอนนี้ไปอยู่ที่สนามกีฬาเยาวชนแล้ว
ฝางไฮควานยังไม่แข่งใช่ไหม? ความรู้สึกหลายๆอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด
จากจุดยืนทางธุรกิจของเขา เขาไม่อยากให้ไฮควานได้คะแนนดีๆถ้าเอาตรงๆเลยเขาอยากให้ลูกชายของเขาได้ที่โหล่ แล้วเขาจะได้ยอมแพ้กับการกระโดดไกลนี้หลังจากที่แพ้แบบย่อยยับ แล้วก็ยอมไปเรียนต่อที่อังกฤษตามที่วางแผนไว้
ส่วนอีกมุมหนึ่ฝางต้าหลูก็อยากให้ลูกชายของเขาชนะที่1แล้วได้เหรียญกลับมา แต่ในฐานะพ่อคนนึง เขาก็หวังว่าลูกชายจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับทางเลือกที่ไฮควานเลือกเดินก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากเห็นลูกชายประสบความสำเร็จอยู่ดี
“ลูกชายคุณคงรอคุณจะมาเชียร์เขานะครับ!”
คำพูดของหลี่ไต้โผล่ขึ้นมาในใจของฝางต้าหลู เขาลังเล และสุดท้ายเขาก็กดโทรศัพท์ในออฟฟิศ
“ไปเอารถมา เราจะไปศูนย์กีฬาประชาชนกัน”ฝางต้าหลูพูด
“ได้ครับผู้จัดการฝาง”ผู้ช่วยตอบรับทันที จากนั้นเขาก็พูด “ผู้จัดการฝางครับ คุณมีประชุมกับฝ่ายขายนะครับ”
“ช่างหัวการประชุม! ยกเลิกไปเลย เอาไว้วันหลัง”