Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 114
ตอนที่114 A
โค้ชฉวงมีลุงทำงานอยู่ในกรมการกีฬาเขตในตำเเหน่งรองผอ. ถึงเเม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเส้นสายใหญ่ที่สุด เเต่เขาก็มีเยอะอยู่ ตอนที่จะเเกล้งใครซักคนต้องระวังเรื่องเส้นสายของคนพงกนั้นด้วยโค้ชคนอื่นต้องการเอานักกีฬาจากทีมกระโดดไกลจะต้องผ่านการประเมินตัวเองก่อน เเล้วก็ต้องตัดสินใจเเล้วว่าจะมีเรื่องกับโค้ชฉวงได้โดยไม่มีผลเสียอะไร
ทีมทั้งทีมก็ยังโอเคเเหล่ะถ้าย้ายไปเเค่2-3คนเเต่30คนนี้มันเกินไปเเล้วจริงๆ
เเม้เเต่ทีมเเบทมินตันกับทีมเทนนิสยังกล้ามาเอานักกีฬาไปจากทีมนี้เลย บ้าไปเเล้ว ฉวงซูฉีก็ไม่ได้ดูเป็นไอ้ขี้เเพ้นี้ ทำเเบบนั้นได้ไงกัน
หลี่ไต้คิด เเล้วเขาก็ถาม “โค้ชฉวงทำอะไรบ้างตอนที่พวกเขามาเอานักกีฬาไปอะ?”
นักกีฬาตอบกลับทันที “ไม่ได้ทำอะไรเลยครับนอกจากต้อนรับโค้ชคนอื่น ผมคิดว่าเขาน่าจะคิดว่ายิ่งคนน้อยยิ่งทำให้ทำงานง่ายมั้งครับ”
นักกีฬาอีกคนขัดขึ้นมาเเล้วพูด “เอาจริงๆเเล้วหลังๆมานี้โค้ชฉวงไม่ได้บอกให้พวกเราฝึกอะไรเลยครับ มีเเต่พวกเราที่ฝึกกันเอง”
“ทำไมละ”หลี่ไต้ถาม
“เพราะว่าเขากำลังจะไปทีมทุ่มน้ำหนัก เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเราอีกเเล้ว”นักกีฬาพูดเบาๆ “ผมได้ยินเขาคุยกับใครซักคนในโทรศัพท์ เเล้วเขาก็พูดว่าเพราะว่าเขากำลังจะไปเข้าทีมทุ่มน้ำหนัก เขาไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาเสียเเรงไปกับทีมกระโดดไกลเเล้ว”
ทำไมไม่มีความรับผิดชอบขนาดนี้วะ!หลี่ไต้โมโห เขาโดนโค้ชฉวงทำให้โมโหหลายรอบใน1วันเเล้ว
สำหรับหลี่ไต้ ตราบใดที่เขายังทำหน้าที่ประจำการอยู่ เขาก็ยังทำหน้าที่อย่างหนักต่อไป เพราะว่าเขาเเบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้เเล้ว หลี่ไต้ไม่ได้บอกฉวงซูฉีให้ทำตามอย่างเขาหรอก เเต่อย่างน้อยก็ไม่ควรทิ้งภาระไว้เบื้องหลังให้เขาเยอะขนาดนี้ไหมละ
ฉวงซูฉีไม่เคยทำอะไรถูกเเละควรเลย ตั้งเเต่ที่เขารู้ว่าทีมทุ่มน้ำหนักชนะทีมโรงเรียนหนานทันได้อย่างประหลาดใจ เขาได้ตัดสินใจที่เอาทีมนั้นมาเป็นของตัวเอง อีกทั้งยอมให้ทีมอื่นมาเอานักกีฬาทีมของตัวเองไปได้ตามใจชอบ เเถมยังไม่จัดตารางฝึกอะไรอีก หลี่ไต้ตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบาก ยังดีที่เรายังมีนักกีฬาเหลือ16คน ฉันว่าที่เหลืออยู่เพราะยังไม่มีใครมาเอาตัวไปมากกว่า ความสามารถของพวกเขาก็คงจะงั้นๆเเหล่ะ หลี่ไต้คิด เขาตรวจสอบนักกีฬาทั้งทีม
คนเเรก…D+! อะไรวะเนี่ย D+มาอยู่ในทีมนี้ได้ไงวะ
คนที่2 D….Dเฉยๆเนี่ยละ มีอะไรเเย่กว่านี้ไหม นี้มันเเย่กว่าD+อีกนะ
คนที่3 D+ อีกเเล้ว 4ก็D+อีก นี้มันเกอดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมถึงมีนักกีฬาไร้พรสวรรค์อยู่ในนี้เต็มเลย นี้มันทีมเยาวชนเขตนะ! ฉันเดาว่าในพรสวรรค์ระดับDเนี่ย มันก็จัดเป็นพวกมือสมัครเล่นได้นะ เเต่คงอีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นมืออาชีพ
หลี่ไต้หงุดหงิดมาก เขาไม่กล้าที่จะตวจสอบคนอื่นเพิ่มอีก กลัวว่าจะเจออะไรที่เเย่กว่านี้ ทีมทุ่มน้ำหนักก่อนหน้านี้ยังมีนักกีฬาระดับCในทีม เเล้วตอนนี้อฉันยังต้องมาเจอกลุ่มนักกีฬาระดับDอีก ไอ้บ้าฉวงเอย กล้าดียังไงมาเอาทีมของฉันไปไม่พอยังจะมาทิ้งภาระให้ฉันอีก ถึงฉันจะมีความสามารถมากขนาดไหนฉันก็ทำอะไรไม่ได้กับสถานะการณ์เเบบนี้เหมือนกันนะ หลี่ไต้สบทใส่ฉวงในใจ
มันก็เป็นเรื่องปรกติที่จะมีนักกีฬาในระดับDอยู่ในกลุ่มหน้าใหม่ของทีมเยาวชน ถึงเเม้หลี่ไต้จะเจอกับกลุ่มนักกีฬาทุ่มร้ำหนักระดับCที่ฝึกมาเกินผีกว่าเเล้วเเต่ก็ยังไม่โดนไล่ออกจากทีมก็เถอะ เเต่ไอ้นักกีฬานะดับDนี้มันเกมโอเวอร์เเล้วชัดๆ เเละเราะว่าหลี่ไต้นำทีมนักกีฬาหน้าใหม่ มันก็ไม่เเปลกใจที่จะมีนักกีฬาระดับDมากขนาดนี้
ขณะที่หลี่ไต้กำลังกังวลกับเรื่องที่ว่าต้องทำอะไรยังไง มีคน3คนเดินตรงมาหาเขา คนที่นำมาเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ50กว่าๆผิวสีเข้ม สูงประมาณกลางๆ เขาเป็นคนเเต่งตัวดี ส่วนอีก2คนที่ตามหลังมา เป็นคนอายุ30ปลายๆ คนทางซ้ายใส่เเว่นตาสีทองถือกระเป๋าเอกสารในมือ ส่วนคนทางขวาเป็นคนล้ำบึกใส่เสื้อยืดไม่สูงมาก เขาดูเป็นทหาร
ทั้ง3คนเรียกความสนใจได้ดีทีเดียว เขาเดินตรงมาหาหลี่
“ผู้จัดการฝางครับ นี้คือสนามฝึกกระโดดไกล” คนที่ทำหน้าตาขึงขลังชี้ไปทางที่หลี่ไต้อยู่ ชายวัยกลางคนพยักหน้า เเล้วเดินตรงเข้ามา หลี่ไต้เลยเข้าไปต้อนรับ
“ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”หลี่ไต้ถาม
“คุณเป็นโค้ชของทีมกระโดดไกลรึเปล่าครับ?”ชายวัยกลางคนตอบด้วยคำถามกลับ
“ใช่ครับ ผมเป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ของทีมกระโดดไกล”หลี่ไต้พยักหน้า
“ยินดีที่ได้พบครับ ผมเป็นพ่อของฝางไฮควาน ผมมารับเขากลับครับ”ชายคนนั้นเเนะนำตัวเองด้วยเสียงเรียบๆเเต่หลี่ไต้รับรู้ได้ว่ามันเเฝงไปด้วยความลำพอง
“ฝางไฮควานหรอครับ?”นี้มันเป็นวันเเรกของหลี่ไต้ เขาเลยยังไม่คุ้นชินกับชื่อของนักกีฬาในทีมมากนัก เขาคิดอย่างรอบคอมเเล้วก็จำได้ว่ามีคนนึงชื่อฝางไฮควาน หลี่ไต้เปิดรายชื่อเเล้วก็เห็นชื่อเขาอยู่ตรงนั้น
มีคนชื่อฝางไฮควานก็จริง เเต่หลี่ไต้ไม่รู้ว่าคนไหน หลี่ไต้เลยหันไปหานักกีฬาที่อยู่ข้างหลังเขา เเล้วพูด “ไปบอกฝางไฮควานให้มาที่นี้ พ่อของเขามาหา”
หลี่ไต้คิดว่าพ่อของเขาจะมาขอลูกชายเขากลับไปทำธุระอะไรซักอย่าง เลยถามว่า “บอกผมได้ไหมครับว่าจะพาฝางไฮควานไปไหน? เเล้วเขาจะกลับมาเมื่อไรครับ? ผมจะได้ทำบันทึกประจำวันถูก”
“กลับมาเหรอ? ใครบอกให้ว่าลูกผมจะกลับมา”ผู้จัดการฝางยืนงง เเล้วก็คิดว่าหลี่ไต้คงเขาใจเขาผิดอยู่
“ผมไม่ได้ขอพาเขาไปไหน ผมพาที่นี้เพื่อที่จะพาเขาออกไปจากที่นี้ เราจะไม่กลับมาอีก”ผู้จัดการฝางพูด
หมายความว่าฝางไฮควานอยากออกจากนี้เหรอหลี่ไต้คิด
วันนี้มันวันซวยอะไรวะเนี่ย นี้มันวันเเรกของการทำงานก็ต้อนรับฉันด้วยความซวยเลยเหรอ เเล้วตอนนี้ก็ยังมีใครจะออกไปอีกเหรอ นี้มันต้องเป็นเพราะไอ้ฉวงเเน่ๆ เพราะฉวงฝึกไม่ดีเลยทำให้พ่อเเม่ผิดหวัง คิดเเบบนี้เเล้วหลี่ไต้ก็ยิ้ม เเล้วพูด “ผมได้ยินมาว่าคุณคือผู้จัดการฝางใช่ไหมครับ งั้นผมเรียกคุณว่าผู้จัดการได้ไหมครับ ก่อนหน้านี้เราได้มีการโยกย้ายตำเเหน่งภายใน โค้ชคนเก่า โค้ชฉวงซูฉี ย้ายไปอยู่อีกทีมเเล้วครับ ทำให้การฝึกไม่ดีเท่าที่ควร เเต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมขึ้นมาเป็นโค้ชคนใหม่ของทีมกระโดดไกลเเล้ว ผมจะดูเเลทีมเป็นอย่างดีเเละจะไม่ปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกเเน่นอนครับ”
“ผมไม่สนใจปัญหาของคุณหรอก ผมจะพาลูกผมกลับ!”ผจกไม่เเยเเสอะไร
ฝางไฮควานวิ่งมาหาพวกเขา
“พ่อ ทำไมมาอยู่ที่นี้เนี่ย”ฝางคนลูกดูต่อต้าน “ผมบอกไปเเล้วไง ว่ายังไงผมก็จะไม่ออกจากที่นี้!”
“ไม่ เเกต้องกลับไปกับฉัน”ผจก.พูดอย่างเด็ดขาด
“ไม่ ไม่มีทาง!” ฝางไฮควานดื้อ
“กล้าดียังไง! ถ้าเเกไม่ไปกับฉัน ก็อย่าหวังที่ได้เงินจากฉันซักเเดงเลย!”ผจกฝางพูดอย่างโกรธ
“ใครจะไปสนละ! ทีมของผมดูเเลเรื่องการเป็นอยู่เเละค่าอาหารการกินของผมทุกอย่าง ถ้าผมเข้าทีมกีฬาหลักได้ ผมก็จะดูเเลตัวเองได้ ผมไม่ต้องการเงินของพ่อ!” ฝางก็คงมีเหตผลบางอย่างที่ไม่อยากรับเงินจากพ่อตัวเอง พอเห็นพ่อกับลูกทะเลาะกันเเล้ว หลี่ไต้ก็ขัดจังหว่ะเเล้วพูด
“เออ ได้โปรด อย่าทะเลาะกันเลย นั่งลงเเล้วคุยกันก่อนดีไหม?”
ในขณะเดียวกัน หลี่ไต้ก็ตรวจสอบฝางไฮควาน เเล้วตัวAก็โผล่ขึ้นมาในระบบ!
อะไรวะเนี่ย พรสวรรค์ระดับA! ฝางมีพรสวรรค์ระดับAในการกระโดดไกล เขามีความสามารถมากพอจะไปเป็นระดับโลกได้เลยนะ ถ้าเขาโชคดีพอ เขาอาจจะได้เป็นเเชมป์โลกเลยก็ได้!
หลี่ไต้ตัดสินใจ : จะไม่ปล่อยฝางไฮควานออกไปเด็ดขาด!