Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 112
ตอนที่112 กินฟรี
หลี่ไต้งงอย่างสมบูรณ์แบบ เขาจ้องไปที่จ่าหน้าซองข้างใต้จดหมาย ทำให้รู้ว่าไอ้นี้มันของจริงนี้หว่า
หลี่ไต้มองไปที่โค้ชหลูเพื่อขอคำอธิบาย ส่วนโค้ชหลูยิ้มเขินๆแล้วพูด “อย่ามามองฉันแบบนั้นซิ จดหมายนั้นถูกหมดแล้ว นายเป็นหัวหน้าโค้ชทีมกระโดดไกลแล้วนะ”
“โค้ชหลูครับ อยากให้ผมไปเป็นโค้ชกระโดดไกลเหรอครับ?”หลี่ไต้แซะ
“นี้ไม่ใช่ความคิดของฉันซักหน่อย”หลูส่ายหัว “ในรายงานของฉัน ฉันเขียนไว้ว่า ทีมทุ่มน้ำหนัก แต่เหมือนพวกเขาจะตัดสินใจให้นายไปเป็นโค้ชกระโดดไกลแทน มันเป็นการตัดสินใจของเบื้องบนเขา”
“แล้วโค้ชฉวงละครับ โค้ชประจำของทีมนั้นอะ”หลี่ไต้อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขั้นกับโค้ชดั่งเดิมของทีมกระโดดไกล
ทีมกระโดดไกลเอาจริงๆมีหัวหน้าโค้ชอยู่แล้วคือ ฉวงซูฉี ถ้าหลี่ไต้เข้าไปในทีมกระโดดไกลด้วย ก็จะมีหัวหน้าโค้ช2คน แล้วเขาก็ต้องไปตกลงกันเองอีกว่าใครเป็นหัวหน้าโค้ชหลักหัวหน้าโค้ชรอง
โค้ชฉวงเป็นคนที่มีเส้นสาย ลุงของเขาเป็นรองผอ.ของกรมการกีฬาเขต ถ้าหลี่ไต้ได้ไปเป็นเพื่อนร่วมงานของฉวงจริงๆ เขาอาจจะได้กลายไปเป็นลูกน้องแทนมากกว่า
“ฉวงไม่อยู่แล้ว เขาไปเป็นโค้ชทีมทุ่มน้ำหนักแทน”โค้ชหลูพูด
“เอ้า นี้มันแลกงานกันทำชัดๆ” หลี่ไต้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เขาไม่อยากจะทำงานกับคนที่มีเส้นสายอย่างฉวง ไม่งั้นเขาเองเนี่ยละ จะเป็นคนที่ทำงานหนักอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนจะนั่งสบายจิบชายามบ่าย
โค้ชหลูเบาเสียงลงแล้วพูด “นายรู้ใช่ไหมว่าฉวงซูฉีเป็นหลานของรองผอ.อะ นายคิดว่ารองผอ.จะไม่ดูแลเขาบ้างเหรอ เขาคงจะได้เลื่อนขั้นรัวๆแน่ๆ เขามาที่ทีมเยาวชนเพื่อใช้เป็นบันไดที่จะไปต่อ เขาวางแผนไว้ว่าจะออกจากนี้หลังจากได้ความสำเร็จไปบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็อยู่นี้มา2ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้กระดิกไปไหนเลย ไม่มีนักกีฬาคนไหนของเขาที่สำเร็จเลย โค้ชอย่างพวกเราวัดกันที่ความสามารถ ถ้าเราไม่ได้คะแนนดี เราก็เลื่อนขั้นไม่ได้ แม้แต่รองผอ.ก็ยากที่จะเลื่อนขั้นหลานชายตัวเอง แล้วเขาก็ไม่กล้าแหกกฏด้วย”
หลี่ไต้พยักหน้า ถ้าโค้ชกีฬาเก่งจริง เขาสามารถไปทำงานในหน่วยงานของรัฐได้ง่ายๆ อย่างเช่น เป็นรองผอ.ในกรมการกีฬาก็ต้องเคยเป็นโค้ชชื่อดังมาก่อน
แต่การเป็นข้าราชการหมายความว่าพวกเขาต้องทำตามกฎ มันก็เหมือนกับการทำงานในเอกชน พวกเขาต้องเคร่งครัดในคำสั่งของหัวหน้า ถ้าหัวหน้าบอกให้ไปเป็นผู้จัดการ เราจะไปเป็นผู้ตรวจสอบไม่ได้ เมื่อทำงานให้กับรัฐบาล ยิ่งตำแหน่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องเคร่งในกฏมากแค่นั้น โดยเฉพาะการมอบหมายหน้าที่ เบื้องบนต้องระวังอย่างมาก พวกเขาไม่ทำอะไรส่งเดช
และเพราะว่าฉวงไม่ได้เลื่อนขั้นมา2ปีแล้ว เพราะว่าเขายังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ถ้าเขาได้ความคืบหน้ามาซักนิดนึง เขาคงไม่อยู่ที่นี้แล้ว ลุงเขาคงเลื่อนตำแหน่งเขาไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่าแล้วละ
“โค้ชหลูพูดต่อ “เอาตรงๆนะ นายก็ควรจะนำทีมทุ่มน้ำหนักต่อไปแหล่ะแต่ ฉวงอยากได้นักกีฬาของนาย เจียนกังเฉินที่ทุ่มได้17.11เมตร กับบิ่นหวางที่ทุ่มได้17เมตร ใช่ไหม สำหรับวัยรุ่น นั้นถือว่ายอดมากเลยนะ”
“เขาอยากแลกกันเพราะว่าคะแนนเหรอ”หลี่ไต้นึกถึงเรื่องนี้ทันที
ด้วยความสนับสนุนของลุงเขา เขาเปลี่ยนตำแหน่งกับหลี่ไต้ได้ง่ายๆ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่ไต้ถึงโดนเด้งไปเป็นหัวหน้าโค้ชทีมกระโดดไกลได้
โค้ชหลี่ไต้ยืนยันการสงสัยของหลี่ไต้แล้ว พูดว่า “ในปลายเดือนสิงหานี้ จะมีการแข่งกีฬาเยาวชนเขตขึ้น การแข่งนี้จะเป็นช่วงคัดเลือกตัวของทีมเยาวชนเราด้วย ถ้าใครมีความสามารถดีก็สามารถเป็นตัวแทนของเขตเราไปแข่งในระดับชาติได้ ฉวงต้องการโอกาสนี้ เขาวางแผนที่จะนำทีมทุ่มน้ำหนักแล้วทำให้ได้คะแนนดีๆในการแข่ง เขาจะได้เลื่อนขั้นได้ซักทีไง”
“กำลังจะบอกว่าฉวงซูฉีเป็นพวกกินฟรีเหรอครับ?”หลี่ไต้เข้าใจที่โค้ชหลูจะสื่อ
“กินฟรีเหรอ? จะบอกอย่างนั้นก็ได้นะ ขอโทษทีนะที่ทำให้ยุ่งยาก นายทุ่มทั้งแรงทั้งเวลาฝึกให้กับนักกีฬาพวกนั้น นายควรจะได้รางวัล แต่กลับกัน มีใครบางคนกำลังได้ไปแทน”โค้ชหลูถอนหายใจอย่างสงสาร เขาพยายามที่จะปลอบใจหลี่ไต้ “แต่เราก็ทำอะไรเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ ไม่ต้องกังวลนะ นายยังมีโอกาสอีกเยอะ
หลี่ไต้หัวเสียทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาฝึกหนักมาก แล้วก็เห็นเด็กทั้ง5คนเจริญเติบโตด้วยมือของเขา แล้วตอนนี้ มีใครบางคนกำลังชุบมือเปิบเอาของๆเขาที่เขาทุ่มเทไปจากเขา มันไม่แฟร์สุดๆเลย
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทีมเยาวชนขึ้นตรงกับกรมการกีฬาเขต และเพราะว่าลุงของฉวงซูฉีเป็นรองประธานของกรม ฉวงเลยมีคนคุ้มกะลาหัวดี หลี่ไต้ไม่กล้าไปฟ้องอะไร เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีเส้นสาย ไม่มีใครสนับสนุนเขา
อีกอย่าง มันก็ไม่ได้มีอะไรผิดขั้นตอนด้วย รองผอ.ไต้ให้หลี่ไต้ไปอยู่ทีมกระโดดไกล มันก็สมเหตุผลแล้ว ในฐานะตัวแทนโค้ช การโดนย้ายไปทีมใหม่ในฐานะหัวหน้าโค้ชประจำก็เหมือนกับการเลื่อนขั้นนั้นละ ทุกอย่างดูดีไปหมดถ้าดูจากเปลือกหน้า
หลังจากออกจากออฟฟิศของโค้ชหลูพร้อมเอกสารแต่งตั้ง หลี่ไต้ก็รู้สึกหดหู่ เขารู้สึกเหมือนชาวนาที่ดูแลพืชผักดีมากและทำงานอย่างหนักมาทั้งเดือน แล้วพอถึงเวลาที่เขาจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มีใครบางคนฉกฉวยทุกอย่างไปจากเขาแล้วก็เสวยสุข
“คว*”หลี่ไต้ด่าอย่างลับๆ การนำนักกีฬาไปสู้เพื่อศักดิ์ศรี เป็นอะไรที่หลี่ไต้อยากทำมากที่สุด และเขาควรสมควรจะได้ทำ แต่กลับกัน มีใครบางคนแทนที่เขาไปแล้ว
วินาทีต่อมา หลี่ไต้นึกขึ้นได้ว่าเหตุผลที่เจียนกังเฉินสามารถทุ่มได้17.11เมตรนั้นเป็นผลมาจากวงแหวนระเบิดพลังกับหนังสือเพิ่มแรงใจ
ถ้าตามความสามารถจริงๆของเจียนกังเฉิน เขาไม่สามารถทำคะแนนแบบนั้นได้หรอกถ้าไม่มีของช่วย อย่าว่าแต่ชนะซูเสียนเลย
ถ้าเขาออกจากทีมทุ่มน้ำหนัก หลังจากที่นักกีฬาพวกนั้นถูกลบออกจากรายการฝึกแล้ว พวกเขาก็จะไม่ได้รับผลของวงแหวนระเบิดพลังอีกต่อไป นั้นหมายความว่าถ้าโค้ชฉวงนำทีม นักกีฬาก็จะไม่ได้ดีขนาดนี้ แล้วถ้าพวกเขาไปแข่ง พวกเขาก็จะไม่ได้ผลงานที่โดดเด่นแบบที่เขาทำแน่นอน หลี่ไต้คิด
ฉวง ถึงแกจะเอาที่ของฉันไปได้ แล้วไงวะ? ฉันยังมีระบบโค้ชโว้ย แล้วแกก็ไม่มีวงแหวนระเบิดพลังด้วย ทีมของฉันไม่ได้พิเศษหรอกถ้าแกนำอะ! พวกเขาจะกลับไปเป็นคนธรรมดาอีกครั้งถ้าไม่มีฉัน! แกอยากได้ชื่อเสียงเหรอ เหอะ! ฝันไปเหอะ!
แต่หลี่ไต้ก็กลับมาหดหู่อีก เขาฝึกเด็กพวกนั้นมาตั้งนาน เขาหวังว่าพวกนั้นจะทำได้ดีที่สุด
ทางหนึ่งคือ ไอ้โค้ชกินฟรีอย่างฉวงพยายามจะแย่งสิ่งที่เขาลงมือลงแรงไป ส่วนอีกทางนึงคือนักเรียนของเขาที่พึ่งจะตื่นเต้นกับความสำเร็จที่ได้พิสูจน์ตัวเอง หลี่ไต้กำลังเจอกับความกินไม่เข้าคายไม่ออก