ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 85 ตอนที่ 5 หยาดหิมะ
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 85 ตอนที่ 5 หยาดหิมะ
ตอนที่ 5 หยาดหิมะ
“อ้า คุณหนู………..”
“กะ กลับมาแล้ว?”
หลังจากคาลเมียร์ซังมาแจ้งข่าวได้ไม่นาน คลอริน่าซังที่มาขอเยี่ยมก็มาถึงห้อง ทันทีที่เธอเห็นฉันเต็มตาก็เข้ามาทรุดตัวนั่งกุมมือฉันทันที เป็นท่าทางซึ่งอารี ส่วนเบลล์ซังตอนนี้ไม่อยู่ที่ห้อง
ยังไงก็ตาม ดูเธอจะกังวลมากทีเดียว ไม่สิ เรื่องการประท้วงที่โรงเรียน ลาบริกซ์ซังกับคุณตาได้เข้าควบคุมข้อมูลในทันที และเหนืออื่นใดคือเป็นเรื่องที่เกิดกับผู้ที่อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงถึงจะรั่วไหลออกมาก็ไม่ควรจะมาถึงที่มาเรียน่าได้เร็วนัก มีเพียงคุณพ่อที่ได้รับม้าเร็ว และคาลเมียร์ซังกับเหล่าข้ารับใช้เท่านั้นที่ได้รู้ ชาวเมืองคนอื่น ๆ ไม่มีทางรู้ได้ ถ้าใช่ ฉันคิดว่าเธอคงจะเยี่ยมด้วยความสงสัยว่าฉันไปได้ดีกับโรงเรียนไหม
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ …….ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ สำหรับการที่มาเยี่ยมกะทันหันเช่นนี้ แต่ในตอนที่ฉันได้ยินว่ามีรถม้าที่มีอัศวินคุ้มกันได้เดินทางเข้ามาที่คฤหาสน์ ฉันก็ไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้ จึงรีบมาเพื่อยืนยันให้แน่ใจค่ะ”
“อืออึ ขอบกุณ”
อ้า สาเหตุที่ทำให้รู้ว่าฉันกลับมาแล้วเป็นเพราะเรื่องนั้นเองสินะ ฉันสงสัยมาตั้งแต่ที่ได้ยินว่าคลอริน่าซังมาหาแล้ว สงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกลับมา แต่ถ้าคิดให้ดีแล้วก็ควรต้องเป็นแบบนั้น การนั่งรถม้าที่มีการคุ้มกันกลับบ้านก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว ยิ่งถ้ารู้ว่าฉันไปเรียนอยู่ที่โรงเรียนก็ยิ่งเดาได้อย่างง่ายดายว่าเป็นฉันที่กลับมาแล้ว
“เช่นนั้นแล้ว เกิด…..เรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นหรือคะ”
คลอริน่าซังดูลังเลอย่างมาก แต่เสียงที่ได้ยินหลังจากนั้นดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว
แน่นอนว่าคนเรามีความอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงว่าฉันไปโรงเรียนแล้วกลับมาในลักษณะนี้ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ตั้งแต่แรกแล้วโรงเรียนในเมืองหลวงดูเหมือนจะมีระบบที่เรียกว่าวันหยุดยาวอยู่ แต่เรื่องในคราวนี้ จะรู้เรื่องระบบอยู่แล้วหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่รู้อยู่แล้วยิ่งสงสัยกว่าเดิม เพราะไม่มีทางเลยที่จะหยุดตั้งแต่ในช่วงแรก ๆ ของเวลาเข้าเรียนแบบนี้ อันที่จริงไม่ว่าจะมองทางไหนก็ดูเหมือนจะมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้คลอริน่าซังสงสัยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉันตอนที่อยู่ที่โรงเรียน
หลังเห็นท่าทางที่นิ่งเงียบของฉัน คลอริน่าซังน่าจะเข้าใจไปเองว่ากำลังถามคำถามที่เสียมารยาทจึงส่ายหน้าจนผมสีม่วงแกว่งไหวถอนคำถามอย่างรีบร้อน ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เข้าใจแบบนั้น…..แต่เป็นเพราะคำถามที่ตอบยาก อันที่จริง เป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถตอบออกไปได้อย่างง่าย ๆ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ต้องถูกควบคุม …..ไม่สิ ม๊า คิดว่าถึงคลอริน่าซังจะรู้เรื่องการประท้วงไปก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก ยังไงซะเดี๋ยวข่าวลือก็คงมาถึงที่นี่ตามเส้นทางเดินทาง แต่ทั้งชื่อและสถานะของลูน่ากับสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ถูกซ่อนไว้…..กล่าวอีกนัย มีการปล่อยข่าวลือที่มีการดัดแปลงเนื้อหาเล็กน้อยเพื่อให้น่าจดจำยิ่งขึ้นออกไปแทนเรื่องที่เกิดกับฉันจริง ๆ ฉันได้ยินว่าที่ทำแบบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ นอกจากนี้คลอริน่าซังดูจะเป็นคนที่มีวิจารณญาณส่วนตัวที่ลึกซึ้ง และยังปากแข็งด้วย รู้ได้จากการที่จนถึงตอนนี้เรื่องเวทมนตร์แห่งน้ำแข็งของฉันยังไม่รั่วไหลออกไป ยังคงเป็นความลับที่แบ่งปันกันเฉพาะในหมู่พวกเราที่อยู่ในช่วงเวลาที่ทำการทดสอบพลังเวทมนตร์นั้น ฉันรู้ว่าเธอมีเจตนาดีค่อนข้างมาก และฉันยังเชื่อใจคลอริน่าซังด้วย
ยังไงก็ตาม เรื่องนี้แตกต่างออกไป เป็นเรื่องของทัศนคติของฉัน และปัญหาของความจริงใจ ฉันสาบานว่าจะทำการปฏิวัติกับลาบริกซ์ซัง และคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่น เป็นการตัดสินใจที่จะก้าวเดินเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรที่จะทำให้ก้าวเดินนั้นต้องยุ่งเหยิง อย่างน้อยก็ไม่ใช่โดยเจตนา ถ้าลาบริกซ์ซังและคนอื่น ๆ ตัดสินใจปิดบังการประท้วงและเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีการดัดแปลงออกไป แน่นอนว่าฉันควรต้องปฏิบัติตามด้วย ดูเป็นเรื่องยากที่จะพูดคุยถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม ……ที่จริงแล้วฉันอยากคุย คลอริน่าซังค่อยถามถึงฉันมากมายขนาดนี้ ฉันไม่ต้องการที่จะซ่อนเอาไว้ แต่การปฏิวัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าฉันพูดโดยเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง “ฉันก็ไม่ควรมีส่วนร่วม” หากแผนการล้มเหลวก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงจุดจบของผู้บงการ(พวกเรา)เลย ฉันดึงคนที่สำคัญเข้ามามีส่วนร่วมมากพอแล้ว ฉันเสียใจ(ดูแลระยะยาว)กับสิ่งที่ทำลงไปจนกลายเป็นสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้อีก ยังไงก็ตามฉันไม่อยากลากคลอริน่าซังดำดิ่งลงในความมืด นอกจากนี้เธอยังมีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ต้องดูแล
ท้ายที่สุดฉันก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถ้าหากคลอริน่าซังรู้ด้วยตัวเองและปรารถนาที่จะเข้าร่วมด้วยตัวเอง หากมีอะไรแบบนั้นก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
……ที่จริงฉันหวังว่าสถานภาพของประชาชนทั่วไปจะได้รับการปรับปรุงโดยปราศจากการปฏิวัติ และทุกคนมีความสุข
ขณะที่ถูกเผาด้วยความปรารถนาที่ไม่สมหวังเช่นนั้น ฉันก็มีรอยยิ้มที่คลุมเครือบนใบหน้าของตัวเอง เป็นการปฏิเสธที่ชัดเจน
ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจความเจ็บปวดในหน้าอก
“……คุณหนู”
“อะไรเหรอ”
สายตาที่จ้องมองมาที่ฉันไม่ว่ามองตรงไหนก็มีแต่ความอ่อนโยน และเพราะแบบนั้นเลยยิ่งทำให้หน้าอกของฉันเจ็บมากเป็นพิเศษ ทำไมการโกหกถึงเจ็บปวดมากขนาดนี้กัน ทั้งที่เคยทำเพื่อซ่อนความทรงจำของชาติก่อนมาแล้วยังไม่รู้สึกมากเท่านี้ ทำไม อะไรคือความแตกต่าง
เมื่อตระหนักได้ว่าความคิดที่กำลังจมดิ่งของตัวเองกำลังจะกลายเป็นความเกลียดชังในตนเอง ฉันก็รีบหยุดคิดไว้แค่นั้นทันที ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาสำหรับเรื่องนั้น เอาไว้ค่อยคิดตอนที่มุดอยู่บนเตียงตอนนอนก็ได้ แล้วก็จะได้ไม่คิดไปไกลเกินไปถ้าหลับไปทั้ง ๆ อย่างนั้นเลย
“…..ไม่มีอะไรค่ะ ทำไมพวกเราไม่มาคุยเรื่องสนุก ๆ แทนล่ะคะ”
“สานุก?”
“ค่ะ เรื่องสนุก”
“อืม”
และฉันพยายามพยักหน้าทันที เรื่องสนุก เรื่องสนุกสินะ กลายเป็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะคุยอีกครั้ง มีเรื่องไหนที่ฟังน่าสนุกบ้างนะ อื~ม อื~ม
“……แมเรียน?”
ไม่ ไม่ไม่ นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย คลอริน่าซังน่าจะไม่สนุกถ้าฉันเอาแต่พูดถึงแมเรียน แล้วสุดท้ายก็คงจบลงด้วยการฝืนหัวเราะคิ้วขมวด เรื่องอื่น ๆ ล่ะ เรื่องอื่น อื~ม อื~ม
“อะ ใช่แล้ว อาโนเน๊ะอาโนเน๊ะ!”
“คะ คะ”
“งานเทศกาลโรงเรียน แสดงละคร”
“การแสดงงั้นเหรอคะ”
“อืม”
ใช่แล้ว แสดงละคร อาจเป็นเรื่องสนุกที่ผิดจุดประสงค์ไปสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าที่จู่ ๆ จะเอาแต่พูดถึงแมเรียน การแสดงละครนั้นเป็นความทรงจำที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของชีวิตในรั้วโรงเรียนของฉัน แน่นอนว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่นึกขึ้นได้ แต่นี่คือเรื่องแรกที่ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ ควบคู่ไปกับวันที่ฝึกซ้อมอย่างสิ้นหวังกับลูน่า การแสดงได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความพยายามอย่างเต็มที่จนผ่านไปได้ด้วยดี อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการยกย่องจากการแสดงบางอย่างต่อหน้าผู้คนมากมาย
“อึง เปสุ・แนฌมูร์”
“อ้า ตำนาน(Perce)ดอก(Neige )หยาด(Mur)หิมะสินะคะ ฉันเองก็เคยอ่านเหมือนกันค่ะ”
“อืม แล้วก็นะ หนูได้แสดงบทลำดับที่หกกับลูน่า……กับเพื่อนที่โรงเรียนคนแรกของหนูล่ะ”
“เช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง หากเป็นเพื่อนของคุณหนู ฉันแน่ใจว่าเขาต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน ฉันเองถ้ามีเวลาเพียงพอก็อยากจะไปดูด้วยเช่นกัน…….”
คลอริน่าซังพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย ถึงด้านความรู้สึกจะมีความสุขมาก แต่คลอริน่าซังอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งตำแหน่งหัวหน้านักบวช และผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คงเป็นเรื่องยากที่จะเดินทางไปที่เมืองหลวงเพื่อชมงานเทศกาลโรงเรียน และสุดท้าย แม้จะเดินทางด้วยม้า แต่ก็ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์สำหรับการเดินทางไปกลับ ร่วมถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเดินทาง ถ้าหากเธอไปจริง ๆ ก็จะเสียทั้งเวลาและเงินไปเป็นจำนวนมาก แต่การที่เธอพูดว่าอยากเห็นอยากดูก็ทำให้ฉันพอใจอย่างเต็มที่แล้ว อย่างน้อยก็มีคุณตา เบลล์ซัง มิร่าซังที่ได้ดูอย่างใกล้ชิด และเพื่อนร่วมชั้นร่วมถึงหลาย ๆ คนก็บอกเหมือนกันว่าออกมาดี หากมีโอกาสไปแสดงที่ไหนสักแห่งอีกครั้ง ครั้งนั้นต้องขอให้ได้เป็นคุณพ่อ คาลเมียร์ซัง คลอริน่าซัง และคนในมาเรียน่าได้เป็นคนดู
…..ฉันประหม่ามากจนถึงขั้นเรียกว่ากลัวเลยก็ได้ในเวลาที่ต้องแสดงในที่สาธารณะ แต่เมื่อได้สัมผัสสักครั้งแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ว่าแล้ว ฉันคิดว่ายิ่งใหญ่มากที่ได้ยืนบนเวทีด้วยกันกับลูน่า ในแง่นั้นฉันเทียบลูน่าไม่ได้เลย หากไม่ได้รับประสบการณ์เช่นนั้นมา ฉันคงไม่สามารถกระโดดออกไปยืนต่อหน้าประชาชนในระหว่างการประท้วงได้
ฉันนึกถึงความทรงจำที่รู้สึกถึงห่างไกลอย่างแปลกประหลาด แม้จะเพิ่งผ่านมาไม่นานก็ตาม ไม่สิ ไม่สิ เมื่อฉันคืนสติกลับมาที่ห้องได้ ก็เห็นคลอริน่าซังมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ
“ดูท่าจะสนุกจริง ๆ นะคะ”
“อืม ….สานุก ถึงคำพูดจะยังไม่ดี แต่”
“…..เช่นนั้นหรือคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ทราบว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่แน่ใจว่าวันเหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนค่ะ”
“……อืม”
กลายเป็นบรรยากาศที่จริงจังอีกครั้ง แต่ไม่เหมือนครั้งก่อน หน้าอกของฉันไม่เจ็บ ฉันเองก็แน่ใจเหมือนกันว่าวันเหล่านั้นจะกลับมา กลับมาแน่นอน คำพูดเชิงบวกของคลอริน่าซังช่วยให้กำลังใจกับหัวใจของฉัน ไม่ใช่ความคิดที่ไร้ความผิดชอบที่จู่ ๆ ก็โผล่มาก เพราะฉันรู้ดีว่าคลอริน่าซังปรารถนาเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายแต่เป็นเชื่อในผู้คนด้วย ฉันพยักหน้าอย่างลึกซึ้ง รู้สึกถึงบทเรียนชีวิตที่พึ่งได้เรียนรู้
“เช่นนั้น ฉันจะเล่าเรื่องสนุกให้ฟังบ้างนะคะ อยากฟังเรื่องอะไรดีคะ”
คลอริน่าซังกระตุ้นต่อว่ามีเรื่องที่อยากฟังไหม ยังไงดี ฉันคิดว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยฉันราวกับไม่อยากให้ฉันคิดมาก แน่นอนว่ามีหลายเรื่องที่อยากถาม เป็นเหมือนการปลอมใจฉันที่รู้สึกหดหู่นิดหน่อยจากเรื่องที่ฉันถอยไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความกรุณานั้น
ซ้า แล้วเรื่องไหนนะที่ฉันอยากฟัง ฉันยังไม่รู้จักโลกใบนี้ดีพอ หากมองหาก็จะพบสิ่งที่อยากฟังมากมาย ยังไงก็ตามฉันอยากฟังไล่ตามลำดับความสำคัญ ไม่สิ มีเรื่องที่ฉันต้องถามก่อน ……..สถานการณ์ปัจจุบันของมาเรียน่า แน่นอนว่าถ้าถามคุณพ่อหรือคาลเมียร์ก็จะได้คำตอบเช่นกัน แต่นั่นจะมีเพียงข้อมูลปัจจุบันที่พวกเขาได้รับมาเท่านั้น ไม่รวมมุมมองและความคิดของประชาชนา โดยทั่วไปแล้วคนที่รู้เรื่องของประชาชนดีที่สุดก็คือตัวประชาชนเอง ถึงคลอริน่าซังจะแตกต่างจากประชาชนทั่วไปเล็กน้อย แต่จากการเป็นซิสเตอร์ของศาสนจักรค่อนข้างมีโอกาสมากมายที่จะได้ยินคำพูดโดยตรง ยิ่งกว่านั้นคลอริน่าซังยังเปิดร้านขายเสื้อผ้าในตลาดอีกด้วย และจากมุมมองของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันคิดว่าพวกเธอจะไวต่อบรรยากาศไหลอยู่ในหมู่ประชาชนทั่วไป
…..เพราะพูดกันตรง ๆ แล้ว โดยทั่วไปเด็กกำพร้าจะเป็นที่รังเกียจ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหางานได้อย่างถูกต้องจึงมักลงเอ่ยด้วยการก่ออาชญากรรม การที่คลอริน่าซังแอบรับงานตามแบบให้พวกเขาได้ทำงานช่วนร้านขายเสื้อผ้าที่เธอดำเนินการอยู่ก็ทำให้เธอสามารถเลี้ยงดูพวกเขาให้มีที่อยู่ได้ จึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่รู้จักการอ่านบรรยากาศและทิศทางลม
“คือ……มาเรียน่า ตอนนี้ เป็นไง”
แม้ว่าฉันจะไม่สามารถถามอย่างเปิดเผยได้ว่า “ชาวมาเรียน่ามีแรงกระตุ้นที่อยากปฏิวัติหรือไม่” แต่ที่จริงก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น หากถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ก็จะได้รับคำตอบที่เป็นธรรมชาติ หากคลอริน่าอยู่ฝ่ายประชาชนก็อาจจะคิดมากเกี่ยวกับการให้ข้อมูลกับฉันที่เป็นขุนนาง แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ฉันและคลอริน่าซัง ก่อนหน้าที่จะเป็นขุนนางกับสามัญชน พวกเราเป็นเด็กผู้หญิงกับซิสเตอร์ เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ความวิตกกังวลเช่นนั้นถือว่าเสียมารยาท คลอริน่าซังอ้าปากออกครึ่งทางราวกับแปลกใจเล็กน้อย แต่เหมือนตอนท้ายเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงเปิดริมฝีปปากพูดอีกครั้ง
“แม้ว่าจะยังได้รับผลกระทบจากความหิวโหยอยู่บ้าง แต่แฟร์มีลซามะ……ท่านพ่อของคุณหนู ได้จัดการให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ บางครัวเรือนได้รับการยกเว้นภาษี หลังจากที่ท่านไปเยี่ยมเยือนทีละหลังทีละหลังจนถูกตัดสินว่าเป็นไปได้ไม่”
“…..งั้นเหรอ”
“ค่ะ ทุกคนรู้สึกขอบคุณตระกูลแฟร์มีลเป็นอย่างมากค่ะ และไม่มีความกลัวแบบที่คุณหนูกำลังกังวลอยู่หรอกนะคะ”
“เอ๊ะ”
ถูกจับได้แล้ว ….ม๊า ถ้าถามด้วยหน้าตาจริงจังทันทีที่กลับมาถึงก็เป็นธรรมดาที่จะรู้ตัวว่าฉันกำลังกังวลอะไรอยู่ หรือก็คือคลอริน่ามีความสนิทสนมระดับนั้นนั่นเอง ยังไงก็ตามก็ยังไม่หลุดจากแผนอย่างที่คาดไว้ ต่างจากเบลล์ซังที่สัมผัสได้ถึงจุดที่ละเอียดอ่อนที่สุดในใจของฉันอย่างละเอียด คลอริน่าซังไม่ใช่เอสเปอร์ ถ้าขนาดนี้แล้วยังโดนจับได้ ฉันว่าฉันควรยอมแพ้ที่จะซ่อนอะไรบางอย่างจากพวกเธอ ฉันตระหนักได้ว่าความสามารถตัวเองเข้าขั้นสิ้นหวัง
ยังไงก็ตาม มาเรียน่าดูเหมือนจะค่อนข้างปลอดภัยเนื่องจากการทำงานอย่างหนักของคุณพ่อ ถึงจะมีความขัดสนอยู่ แต่ดูเหมือนประชาชนทั่วไปจะยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อพวกเราดำเนินการตามแผนการประกาศการปฏิรูประบบ พวกเขาจะเข้าร่วมกับพวกเราแน่นอน ถึงจะยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่ฉันก็สามารถลูบอกโล่งใจได้ชั่วขณะ หลังจากนี้ฉันก็ยังอยากได้ยินเสียงของประชาชนอีกคนหนึ่งโดยตรง …….ใช่แล้ว
“อายาเมะ”
“…..มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“อึอ….มะ ไม่มี”
ฉันเผลอส่งเสียงโดยไม่ตั้งใจ แต่ใช่แล้ว ว่ากันตามตรงฉันนึกได้สด ๆ ร้อน ๆ แฮงค์ล็อตเต้ซัง ท่านอาจารย์ และเพื่อนหมาป่าสีทองน่ารักที่ฉันได้พบครั้งแรกก่อนไปโรงเรียน เรื่องของอายาเมะ ฉันจะขอให้คุณพ่อหรือเบลล์ซังช่วยพาฉันไปหาในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ และเพราะเขาทำสวนจึงควรจะได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ความหิวโหยมาโดยละเอียดด้วยความรู้สึกจริง …….อ้า ตอนนี้ฉันยังคิดถึงการโมฟุโมฟุด้วย
“ขอบคุณ ที่บอก”
“ไม่หรอกค่ะ นอกจากนี้ยังให้ความสนกับดินแดน…….ไม่สิ กับประชาชนทันทีที่กลับมาถึง”
“ฟุเอ๊ะๆ”
คลอริน่าซังดวงตาชุ่มชื่นแสดงแต่ท่าทางประทับใจ แขนขาดูสั่นสะท้านไปหมด
ยังไงดี มีบางอย่างที่ดูไม่ดี ฉันหมายถึงฉันจำได้ว่าเคยสัมผัสสถานการณ์นี้มาหลายครั้ง
“เดจาวู”
“อ้า คุณหนู…….. ! ท่านหญิง ท่านช่าง――――!”
“กู๊ว…….. !?”
อ้า ว่าแล้วเชียว
….กิ๊ว ฉันหายใจไม่ออก