ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 73 ตอนที่ 13 ความเชื่อใจ
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 73 ตอนที่ 13 ความเชื่อใจ
ตอนที่ 13 ความเชื่อใจ
“ฮิเม๊ะ! ปลอยภัยดีไหมค๊ะ!?”
“อะ อืม ม๊ายเป็นร๊าย”
มิร่าซังที่เห็นได้ชัดว่าพึ่งกลับมาจากการซื้อของเปิดประตูเข้ามา และทันทีที่เห็นฉัน สีหน้าดีใจก็กระจายออกมา เธอโยนถุงปอกระเจา(ถุงผ้าป่าน)ที่บรรจุของที่ซื้อมาทิ้งไว้ข้างชั้นวางของแล้วรีบวิ่งมาอยู่ที่ข้าง ๆ ฉัน มิร่าซังคุกเข่าลงข้างเตียงและพูดคำที่ดูหลุด ๆ ไปหน่อยก้องไปทั่วห้อง อาจเป็นเพราะเธอเป็นกังวลมากจริง ๆ เบลล์ซังที่อยู่ด้วยได้แต่ฝืนยิ้ม
“อ้า ในตอนที่ฮิเมะหมดสติไป ข้ารู้สึกเหมือนโลกกำลังจะสิ้นสูญลง…..”
“ขะ ขอโทษกะ?”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่เช่นนั้น! เพราะท่านได้ตื่นขึ้นมาแล้ว”
“อืม ขอบกุณสำหรับความเหนื่อยยากก่ะ”
ดีจังเลย ดีจังเลย มิร่าซังพึมพำออกมาด้วยดวงตาที่ดูชื้นขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน ฉันรู้สึกขอโทษกับความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ที่เธอมอบให้ฉันอีกครั้ง แม้จะชอบเคลื่อนไหวแบบหุนหันพลันแล่น แต่ถ้ามองจากอีกมุมแล้วความกระวนกระวายที่ช่วยไม่ได้นี้ก็เหมือนกับเบลล์ซัง ฉันคิดว่าตัวเองต้องละเว้นจากความไร้เหตุผลให้มากที่สุดในอนาคต แต่ผลที่ได้คือทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ถือว่าครั้งนี้ทำได้ดีทีเดียว แค่มีเวทมนตร์ที่ไม่รู้จักได้เบ่งบานโดยบังเอิญ
“…..หืม ซื้ออะไรมาเหรอ?”
“นั่นเหรอคะ?”
หลังจากบอกมิร่าซังไปว่าฉันไม่มีอาการที่ผิดปกติอะไรเป็นพิเศษ นอกไปจากสภาพร่างกายที่ดูอ่อนล้าเนื่องจากความเหนื่อยล้าทางร่างกายเท่านั้น และรอให้เธอสงบลง ฉันก็เปลี่ยนเรื่องคุย เป็นเรื่องของการคำนวณ แต่ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับอาการบวมของถุงปอกระเจาและกลิ่นหวานจาง ๆ ที่ลอยออกมา ถ้าประสาทรับกลิ่นของฉันยังไม่เพี้ยน ใช่ ต้องเป็นสิ่งนั้นแน่นอน
“ค่ะ ข้าหวังว่าจะช่วยเป็นพลังให้ฮิเมะหายดีได้แม้เพียงจะน้อยนิด ดังนั้นจึง――――”
“แมเรียน!”
“แมเรียน…..อะฮะๆๆ ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องบอก ก็สังเกตเห็นได้สินะคะ”
คำพูดของเธอยืนยันความเชื่อมั่นที่กระชับกระเชงของฉัน สิ่งที่นูนกลมอยู่ในถุงนั่นคือ แมเรียน ไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อโดนฉันพูดขัดจังหวะด้วยเสียงอันดัง มิร่าซังก็มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยให้ฉัน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน และเดินไปหยิบผลไม้ทรงกลมชิ้นใหญ่ออกจากถุงปอกระเจา และเริ่มปอกเปลือกแมเรียน ก่อนหั่นเป็นชิ้นให้ฉัน มิร่าซังถือแมเรียนโดยมีความภาคภูมิใจอยู่ที่ไหนสักแห่งยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ สายตาตอกตึ่งไปที่แมเรียนที่ค่อนข้างจะใหญ่เป็นพิเศษ
“ข้าได้ค้นดูทั่วตลาดของเมืองหลวง แต่ก็หาไม่ได้ง่าย ๆ เลยค่ะ แต่พบว่าเหลือเพียงแห่งเดียวจึงรีบซื้อมาทันทีค่ะ!”
“ว๊า~~ย!”
ฉันคิดว่าเธอคงค้นหาไปทั่วตามที่ต่าง ๆ จริง ๆ ถึงแม้ข้างนอกจะท้องฟ้าจะมีเมฆมากจนครึ้ม ๆ แต่ก็ยังมีเหงื่ออาบท่วมผิวสุขภาพดีของมิร่าซัง เพราะฉะนั้น แมเรียนที่ซื้อมา ไม่มีทางที่จะไม่อร่อย นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าฉันเริ่มที่จะหิวแล้ว หลังจากที่ตื่นมาได้สักพัก
“จะกินทันทีเลยไหมคะ?”
“อืม กินกับเบลล์กับมิร่า!”
“ค่ะ แน่นอน!”
“เช่นนั้น จะขอรับไว้เช่นกันค่ะ…….”
จากนั้นเบลล์ซังก็เช็ดโต๊ะด้วยผ้าสะอาด และมิร่าซังก็วางแมเรียนลงไว้บนนั่น ลักษณะที่ดูแล้วรู้สึกได้ถึงน้ำหนัก ทำให้คาดหวังได้ว่าแมเรียนกองนี้ค่อนข้างสุกและผลแน่น
“ทำได้แล้วน๊า คู่หู”
ฉันพยายามลุกขึ้นพร้อมกับกอดและแบ่งปันความสุขกับคู่หู ในขณะเดียวกันมิร่าซังทำความสะอาดมีดคาดเอวด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ โดยใช้น้ำเล็กน้อยจากกระบอกน้ำ ก่อนส่งให้เบลล์ซัง ฉันกอดคู่หูลุกขึ้นจากเตียงไปหยุดข้างโต๊ะโดยลืมความเมื่อยล้าไปเลย
“เช่นนั้น……”
“ขอความกรุณาด้วย”
“คิระคิระ”
จากนี้เริ่มต้นด้วยการลงมีดแมเรียน เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับชาวแมเรียนนิสต์ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนรู้สึกแรงแรงกดดันจากสายตาที่คาดหวังของฉันรึเปล่าถึงได้มีสีหน้าอ่อนโยน ในไม่ช้าเบลล์ซังที่ถือแมเรียนลูกกลมซ้ายด้วยมือซ้ายเพื่อไม่ให้กลิ้ง แล้ววาดมีดบนมือขวาลงตรงกลาง หลังจากนั้นฉันก็หายใจเข้า ซู๊ด ด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ
“มาริมาริ แมเรียน…… !”
“กะ กรุณาใจเย็น ๆ นะคะ ฮิเมะ”
ความตึงเครียดสูงเกินไปจนฉันเริ่มร้องเพลงน่าขนลุกพร้อมกับแรงพลักดันที่ทำให้เต้นเล็ก ๆ ไปด้วย มิร่าซังรีบทำให้ฉันสงบลง มองอีกด้านก็ดูเป็นพิธีกรรมที่ชั่วร้ายบางอย่าง ….ลัทธิมาร? หยาบคาย
“ฮิเม๊ะ?”
“ก่ะ”
มิร่าซังมองมาที่ฉันด้วยสายตากังวลที่เริ่มพูดคนเดียว ต้องควบคุมตัวเองอย่างที่คิดไว้ นานแล้วที่ได้กินแมเรียน ความกังวลที่เหมือนถูกห่อด้วยแผ่นเวเฟอร์อาจมีอิทธิพลต่อร่างกาย และเบลล์ซังอาจจะไม่มีสมาธิเหมือนกันหากฉันทำเสียงดังข้าง ๆ ฉันจ้องมองมีดที่จมลงไปในแมเรียนอย่างเงียบ ๆ
“เป็นผลที่ดูนุ่มมากเลยนะคะ”
“ดูเหมือนคงจะอยู่ที่แผงขายมานานพอสมควรเลยค่ะ บางทีอาจจะสุกระหว่างนั้นก็ได้”
“มีโชคมากเกินไป”
“มากเกินไป…..อะไรนะคะ?”
“ม๊ายมีอาร๊าย”
ฉันส่ายหน้าให้บกับเบลล์ซังที่มีสีหน้าสงสัย แล้วเอาปากกดลงกับคู่หูทันทีเป็นการรูดซิปเพื่อไม่ให้พูดอะไรออกมาเพิ่มเติม เบลล์ซังยิ้มให้ฉันและปอกเปลือกแมเรียนในมืออย่างคล่องแคล่ว ทองคำรูปพระจันทร์เสี้ยวมีความสวยงามมาก ช่างดูเหมือนพระจันทร์จริง ๆ ฉันชอบที่เบลล์ซังทำการตัดแต่งให้สวยแบบนี้ นอกจากรูปร่างที่ดูดีแล้ว ยังทำให้มีประโยชน์ตรงที่ง่ายต่อการถือในขณะกินอีกด้วย ว่าแล้วเชียวว่าเป็นสุดยอดเมด
“สะสุเบลล์” (สะสุกะไอนซ์ซามะ)
“ใครเหรอคะ”
ย่อมาจากสมแล้วที่เป็นเบลล์ซัง(สะสุกะเบลล์) ฉันรีบดึงกลับกลืนลงไปในคอ หลังจากนั้นมิร่าซังก็ทำความสะอาดแผ่นไม้ด้วยผ้าเปียกเมื่อกี้แล้วจัดวางลงบนโต๊ะ เบลล์ซังวางแมเรียนที่ปอกแล้วลงไป ฉันคลานขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แน่นอนว่าฉันรู้ดีว่าทั้งสองคนกำลังเฝ้าดูฉันอยู่ข้าง ๆ เพื่อไม่ให้ล้ม ม๊ายเป็นร๊ายหรอก ฉันนั่งคนเดียวได้สำเร็จ!
“ทำได้ดีมากเลยค่ะ”
“เฮะเฮ๊ะ”
เบลล์ซังชื่นชมทำให้ฉันเขินนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มใสซื่อกลับไป และแกว่งเท้าไปมาอยู่ข้างใต้ ฉันให้คู่หูนั่งลงบนตัก ฉันอยากกินกับคู่หูด้วยกัน ต่อหน้าสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกทางนี้ ช่างโหดร้ายเหลือเกินที่พูดไม่ได้
“พวกเราทานส่วนที่เหลือหลังอาหารเย็นกันดีไหมคะ”
“อืม”
พูดอีกอย่าง บางทีฉันอาจจะได้กินอาหารทุกมื้อทั้งหมดในห้อง เมื่อพิจารณาจากในถุงปอกระเจาที่มิร่าซังหยิบแมเรียนออกมา ดูเหมือนจะมีของอีกหลายอย่างมากมายที่สามารถกินได้ เช่น เนื้อแห้ง และขนมปัง ฉันแน่ใจเมื่อพิจารณาจากสภาพร่างกายของฉันแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปกินอาหารที่ห้องอาหารที่มีคนเต็มไปหมดด้วยสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้า จึงเป็นการดีที่จะซื้อมากินที่ห้องเพื่อให้ได้พักผ่อนไปด้วย ความรักของทั้งสองที่เชื่อมต่อกันทำให้ฉันอบอุ่นใจ
“…..อะ จริงด้วยสิ ฮิเมะ”
“อุ?”
ขณะที่ฉันกำลังแช่อยู่ในอุณหภูมิที่อ่อนโยน มิร่าซังที่เหมือนนึกบางอย่างได้จึงรีบพูดออกมา เบลล์ซังเงยหน้าขึ้นมาฟังเช่นกันขณะเทน้ำลงในถ้วย เมื่อเห็นฉันเอียงหัว มิร่าซังก็ดูเหมือนจะต้องมนต์เสน่ห์อยู่ครู่หนึ่ง ยังไงก็ตามไม่นานเธอก็กลับมามีท่าทีอ่อนโยนตามเดิม เป็นที่จิตใจของฉันเองหรือเปล่า
“ข้าบังเอิญพบสเตลล่าซังระหว่างทางที่กำลังซื้อของอยู่ค่ะ ดูเหมือนเจ้าฟ้าหญิงต้องการที่จะมาเยี่ยมน่ะค่ะ”
“……ลูน่า”
ฉันเข้าใจว่าเธอน่ากำลังจะคิดเรืองนั้นอยู่แต่พอได้ยินอีกครั้งก็สัมผัสได้ถึงหัวใจโดยไม่รู้สาเหตุ อาจเป็นเพราะฉันอยู่กับเธอแทบทุกวัน ทำให้อยู่ดี ๆ ก็ทำให้คิดถึงลูน่า เหมือนไม่ได้เจอกันมานาน แม้ความจริงจะไม่ได้เจอกันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่หลับไปเท่านั้น ถ้าเธอมาเพื่อเจอฉัน ฉันก็ยินดีอย่างมาก แต่ฉันอยากไปหาเธอมากกว่า
“อืม อยากให้มา”
“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าจะออกไปทำธุระนิดหน่อยหลังจากนี้ ดังนั้นข้าจะใช้เวลานั้นในการไปแจ้งเองค่ะ!”
“ขอบกุณ!”
ฉันกล่าวขอบคุณมิร่าซังอีกครั้งที่เต็มใจรับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ฟู๊ว ขณะพ่นลมหายใจก็นึกภาพใบหน้าของลูน่าซึ่งทำให้ฉันมีความสุขที่ไหนสักแห่ง ซ้า มากินแมเรียนกันเถอะ มาเพลิดเพลินไปกับเนื้อชุ่มฉ่ำและน้ำที่หยดออกมา ฉันมองย้อนกลับไปที่แมเรียนสีทองอร่าม และเอามือประสานกันเบา ๆ
“จะทานแล้วนะกะ”
หลังจากภาวนาด้วยกันสามคน ฉันก็หยิบพระจันทร์เสี้ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เปิดปากออกกว้างและคำแรก กัดเข้าไป คู๊ว ผลที่สุกทำให้เนื้อละลายอย่างง่ายดาย และกลิ้งไปมาบนลิ้นของฉัน และกลิ่นที่หอมหวานและกลมกล่อมแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย อ้า อร่อยจัง รสหวาน นิ่มนวล คือความสุข
“อามู๊ว”
เริ่มเคี้ยวเพื่อลิ้มรสเหล่านั้นทั้งหมด เนื้อสัมผัสร่วนเหมือนก้อนเมฆจนเหมือนไม่ต้องเคี้ยว แมเรียนที่สุกเต็มที่ช่างเข้มข้นเหลือเกินน๊า ถึงจะกินมาแล้วหลายครั้ง แต่ฉันพูดได้เลยว่าทุกครั้งที่กินให้ความรู้สึกเหมือนครั้งแรกเสมอ ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไรจางหายไป ในทางกลับกันยิ่งรู้จักรสชาติมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนสามารถค้นพบรสชาติอันละเอียดอ่อนที่ซ่อนอยู่ข้างหลังได้เท่านั้น แมเรียนยอดเยี่ยมเหลือเกิน มีอาหารที่ดีกว่าอยู่อีกไหมน๊า
“ฮาฟู๊ว…….”
“ฟุๆๆ ข้ามีความสุขมากจริง ๆ ที่ได้เห็นสีหน้าพอใจเช่นนั้น”
“อริซซามะอาจจะรักแมเรียนมากกว่าใครในโลกนี้แล้วแน่นอนค่ะ”
“ถูกจ้อง!”
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกอยากขอบคุณชาวสวนที่ปลูกผลไม้นี้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับแมเรียนสำหรับฉัน ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ทุกคนชื่นชอบไม่ใช่แค่อาหาร และสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคนที่มีความเอาใจใส่และความรักอันยิ่งใหญ่ คุณจะรู้สึกขอบคุณอะไรได้หากไม่ใช่ขอบคุณคนเหล่านั้น กล่าวคือ ผู้คนเหล่าคนงานนั้นกำลังสร้างความสุข นั่นช่างสูงส่งแค่ไหน
“คิดไว้แล้ว ต้องเปลี่ยน”
ในราชอาณาจักรปัจจุบันที่คุณค่าของบุคคลถูกกำหนดโดยสถานะทางสายเลือดโดยกำเนิด ทำให้ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้รับความเคาระและต้องอยู่อย่างต่ำต้อย ว่าแล้วเชียวว่าแปลกไปแล้ว ประการแรกความมั่งคั่งของขุนนางเกือบทั้งหมดก็มาจากพวกเขา แม้ว่าจะมีเวทมนตร์ แต่ถ้าใช้เพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น นั้นก็ไม่ใช่”เวทมนตร์”ที่แท้จริง แน่นอนว่าฉันไม่ได้บอกว่าไม่ควรใช้เพื่อตัวเอง แต่เวทมนตร์ที่ฉันรู้คือสิ่งที่สร้างความฝันให้กับผู้คนเป็นจริง
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”
“อือึอ แมเรียน อร่อยมาก!”
“ค่ะ อร่อยมากจริง ๆ”
เบลล์ซังที่เพิ่งจะกินคำสุดท้ายเสร็จกำลังเช็ดปากอย่างสง่างาม ดูเหมือนมิร่าซังก็กำลังจะกินเสร็จเหมือนกัน ถ้ากินอีกสองสามคำ ส่วนฉันยังเหลืออยู่อีกครึ่ง แม้จังหวะการกินจะเหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วขนาดของปากระหว่างฉันกับทั้งสองคนก็แตกต่างกัน แต่แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ได้เร่งฉัน ทำแค่ยิ้มและเฝ้าดูการกินของฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันสามารถเคี้ยวแมเรียนได้ตามต้องการโดยไม่ต้องกังวลใจ ในการเข้าสังคมของชนชั้นสูงสามารถเห็นได้ชัดว่าอาหารมีส่วนสำคัญ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ความไว้วางใจ และเป็นการแสดงถึงว่าคิดถึงและสนิทกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน
“…..นั่นสินะ ไหน ๆ อริซซามะกับมิแรนด้าซังก็รู้แล้ว”
เบลล์ซังพูดราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง มีสีหน้านิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย ในขณะที่แสดงท่าทางนุ่มนวล ฉันเอียงหัวสงสัย อ้า คิดว่าคงเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ เบลล์ซังบางที อาจจะตัดสินใจพยายามเล่าถึงหน่วยข่าวกรอง มาเรียน่า・ไอริส แต่มิร่าซังก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ….ม๊า แต่ฉันก็คิดว่าไม่น่าแปลกใจ มิร่าซังไปที่คฤหาสน์ที่มาเรียน่าในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์ นอกจากนี้ยังมาตามคำสั่งของลาบริกซ์ซังที่เป็นผู้ก่อตั้งอีกด้วย นอกจากนี้พวกเธอเป็นข้ารับใช้ของฉันมีโอกาสมากที่จะพูดคุยกันกับเบลล์ซังเพื่อความสะดวก ถ้าจะรู้เรื่องมาเรียน่า・ไอริสก็คงไม่แปลกอะไร
“ดิฉันต้องขอโทษที่ซ่อนไว้จนถึงตอนนี้ ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ดิฉันเป็นหัวหน้าข้ารับใช้ของตระกูลแฟร์มีล และเป็นหัวหน้าหน่วยรวบรวมข้อมูลตามที่ทั้งสองท่านรับรู้ค่ะ”
“อืม”
“…..ฮิเมะ ก็รู้แล้วเหรอคะ?”
ฉันพยักหน้าให้เบลล์ซังที่บอกออกมาอีกครั้ง ดวงตาของมิร่าซังที่มองมาที่ฉันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แน่นอน บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ฉันไม่ควรจะรู้ ต่อให้อยู่ใกล้ชิดกับเบลล์ซังมากแค่ไหน เนื่องจากไม่ใช่ข้อมูลประเภทที่จะรั่วไหลให้เด็กรู้ การประหลาดใจจึงไม่แปลก
…..และเพื่อความปลอดภัย แม้เบลล์ซังจะกล้าเล่าออกมาแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ ได้ จึงเล่าออกมาแบบอ้อมค้อมที่ไม่อาจไม่เข้าใจหากไม่รู้มาตั้งแต่แรก ถึงจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจากห้องข้าง ๆ แต่ยังไงก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นแม้ตอนนี้จะมีเพียงฉันกับมิร่าซังเท่านั้นที่ได้ฟังแบบประจันหน้า แต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่มีคนที่บังเอิญเดินผ่านหน้าประตูมาแล้วได้ยิน อาจกำลังทำสิ่งที่ค่อนข้างเสี่ยงอยู่ แม้กระนั้นเธอก็อยากคุย ฉันแน่ใจว่าเธอไม่ต้องการทำลายความไว้วางใจที่มีให้ต่อกัน หากมัวแต่รอจังหวะที่จะพูดในสภาพแวดล้อมที่สามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ บางทีคงมีเพียงห้องส่วนตัวที่มาเรียน่าเท่านั้นที่ตรงตามข้อกำหนดนั้น
“ค่ะ อริซซามะเป็นคนที่เฉียบแหลมและเฉลียวฉลาดในทุก ๆ เรื่อง ดูเหมือนว่าจะสามารถสังเกตเห็นได้ก่อนที่ดิฉันจะรู้ตัว”
“ข้าควรจะพูดว่าสมแล้วที่เป็นฮิเมะสินะคะ……..”
มิร่าซังมองมาที่ฉันอย่างประทับใจ ส่วนเบลล์ซังก็ยิ้มอย่างขมขื่น ฉันได้แต่หันหน้าหนี เข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็อย่าทำ เบลล์ซังเริ่มอธิบายว่าหลังจากออกจากคฤหาสน์ก็รับฟังพฤติกรรมของเหล่าอัศวิน และสถานะของข้ารับใช้ที่ได้ยินจากเรื่องราวของขุนนางคนอื่น ๆ จากปัจจัยอื่น ๆ หลาย ๆ อย่างมากมาย ฉันสังเกตเห็นความรู้สึกที่ไม่ลงรอยของเหล่าเมดในคฤหาสน์ พวกเธอทำได้ดีเกินไปในทุก ๆ ด้าน นอกจากนี้ยังมีท่าทางที่เก็บความลับบางอย่างไม่บอกฉัน ในตอนนั้นฉันไม่รู้แม้แต่ชื่อมาเรียน่า・ไอริส แต่บางทีพวกเธอทั้งหมดอาจจะเป็นคนที่อยู่ในองค์กรจัดการข่าวกรอง ในเวลาเดียวกันเบลล์ซังที่เป็นหัวหน้าข้ารับใช้ก็พอจะทำให้คาดการณ์ได้ว่าอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่คล้ายคลึงกันในองค์กร …..เรื่องเป็นอะไรแบบนั้น เป็นเด็กแบบไหนกัน เหมือนในนิยายที่มีนักสืบเด็กชุดสีน้ำเงินเข้มยังไงยังงั้น
“เรื่องของสถานที่บางอย่างดิฉันยังบอกรายละเอียดไม่ได้ แต่ดิฉันแค่อยากจะชี้ให้เห็นว่าตามนิสัยของทั้งสองท่านตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ดิฉันคงบอกไม่ได้ว่าเรื่องที่ทำนั้นดี”
เบลล์ซังดูไม่ค่อยจะสบายใจ จากมุมมองของมิร่าซังดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ฉันพยักหน้าครั้งหนึ่ง แล้วยิ้มให้เบลล์ซัง ไม่ต้องกังวลอะไร
“ม๊ายเป็นร๊าย หนูยังคงรักเบลล์”
“ข้าก็รู้สึกเหมือนกันกับฮิเมะค่ะ ถึงข้าจะรู้สึกประหลาดใจจนมีหลายเรื่องให้คิด แต่ยังไงก็ตาม ความเคารพและความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้น็อกซ์เบลซังก็ไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะเข้าใจว่าธรรมชาติของหน่วยข่าวกรองไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเปิดเผยตัวเองได้ แต่ถ้านี่เป็นเรื่องโกหก แล้วเธอเป็นสมาชิกขององค์กรอันตรายจริง ๆ และมือนั้นก็ถูกย้อมเป็นสีแดง ….ฉันก็ยังคงชอบเบลล์ซัง รักมาก ความรู้สึกนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ว่าทุกอย่างที่ผ่านมาจะเป็นเรื่องโกหก ฉันก็ยังคิดว่าเบลล์ซังเป็นคนสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากฉันถูกขอให้ต้องทำมีส่วนร่วมในการทำเรื่องไม่ดี ฉันก็จะร่วมมือกับเบลล์ซังไม่ว่าจะทุกข์ทรมานแค่ไหน ฉันไม่สงสัยในคำพูดของเบลล์ซัง และไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเบลล์ซังอยู่เหนือความดีความชั่วและจริยธรรมใด ๆ และเบลล์ซังก็คิดกับฉันแบบนั้นเช่นกัน ฉันเชื่ออย่างนั้น เช่นนั้นแล้ว ถึงตอนนี้เบลล์ซังจะทำงานดังกล่าวโดยที่ฉันไม่รู้ตัวก็ไม่ทำให้ฉันสงสัยในตัวเธอ ดีแล้วใช่ไหมที่ฉันจะโอบกอดไว้แบบนี้? เป็นเรื่องของความรู้สึกกังวล มิร่าซังอาจคิดแตกต่างจากฉัน แต่ความปรารถนาดียังคงเหมือนเดิม ฉันเข้าใจและเชื่ออย่างงั้น
“อริซซามะ มิแรนด้าซัง…….”
สำหรับเบลล์ซังนั่นคงเป็นเรื่องที่กังวลมากที่สุด พูดได้เลยว่าเธอหลอกลวงพวกเรามาจนถึงตอนนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ท้ายที่สุดฉันเองก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ฉันซ่อนเร้นเอาไว้ ทั้งเรื่องชีวิตชาติก่อน ทั้งเรื่องของความทรงจำที่ฉันได้รับจากคุณแม่ ความไว้วางใจไม่ใช่การรู้จักเรื่องของกันและกันทั้งหมด การพยายามเปิดโปงสิ่งที่อีกฝ่ายซ่อนเอาไว้อยู่ ฉันคิดว่าเป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะได้ผลตรงกันข้าม นั่นเป็นเหตุผลที่หากเบลล์ซังพูดเช่นนั้น ก็ต้องยอมรับในคำเดียว และหากเธอซ่อนอะไรไว้ก็ยอมรับได้ ไม่เป็นไรไม่ต้องกังวลไป ฉันเอื้อมมือไปที่หัวของเบลล์ซังอย่างที่เธอทำมาตลอด――――
“……..ไม่ถึง”
ไม่ถึง หากเอนไปข้างหน้าอีก ฉันจะตกเก้าอี้ ฉันตัวแข็งเขินไปทั้ง ๆ อย่างงั้น บรรยากาศทำให้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เบลล์ซังขยับเข้ามาหาฉันอย่างอ่อนโยนโดยไม่พูดอะไร ฉันยังคงลูบหัวของเบลล์ซังเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง