ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 70 ตอนที่ 10 เวทมนตร์ที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 70 ตอนที่ 10 เวทมนตร์ที่แท้จริง
ตอนที่ 10 “เวทมนตร์ที่แท้จริง”
“อ้า อริซซามะ……”
กี่ครั้งแล้วที่ต้องรู้สึกเป็นกังวล ขณะเฝ้ามองอริซซามะที่หลับใหลอยู่แบบนี้ ไม่สิ หากนับวันกันจริง ๆ แบบง่าย ๆ ก็คงเป็นเกือบทุกวัน แต่ถ้าให้ถูกต้องที่สุดก็ควรต้องเพิ่มการล้มป่วยเนื่องจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์บางอย่างเข้าไปด้วย ดิฉันถูมือเล็ก ๆ ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่สูงของตนเอง ในขณะที่รู้สึกเหมือนกำลังหลบหนีจากความเป็นจริง นอกจากนี้ดิฉันไม่ได้แสดงความรู้สึกและความคิดเห็นกับใครเป็นพิเศษ
“อึก……..”
กำลังฝันถึงเรื่องแบบไหนอยู่กันคะ สีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีแบบนั้นหรือว่าจะเป็นฝันร้ายงั้นเหรอคะ ดิฉันพัวพันนิ้วของตัวเองลงบนนิ้วเล็ก ๆ ไว้แน่นพยายามเชื่อมต่อกันราวกับกำลังเอาแต่ใจ อริซซามะชอบวิธีการเชื่อมต่อกันแบบนี้ และยามที่มิแรนด้าซังและคนอื่น ๆ ชี้ชวนกันว่าเป็นเหมือนคู่รัก ดิฉันจะพยายามปล่อยมืออย่างรวดเร็ว แต่อริซซามะจะจับมือไว้แน่นและยื่นมืออกแสดงให้เห็นว่าเธอต้องการที่จะเชื่อมต่อไปทั้ง ๆ แบบนั้น ดิฉันแน่ใจว่าจะสามารถทำให้รู้สึกอุ่นใจเมื่อรู้สึกถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างกัน
…..โล่งใจ ใช่ โล่งใจ แม้ดิฉันจะยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้ แต่อย่างน้อยอริซซามะก็สามารถคืนดีกับเด็กสาวที่รู้สึกอิจฉาในตัวอริซซามะได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งในแง่ความปลอดภัยส่วนตัว และความสงบในจิตใจของอริซซามะ เมื่อมองแวบแรก อริซซามะจะดูสงบนิ่งและบางครั้งก็ดูเหมือนผู้ใหญ่ แต่ทว่าที่ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ดิฉันแน่ใจว่าก็เพราะอริซซามะต้องการให้เห็นเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแค่ดิฉัน แต่ทั้งฮัททีเรียซามะ คาลเมียร์ มิแรนด้าซัง และแน่นอนว่าแม้แต่เจ้าฟ้าหญิงเองก็ด้วยเช่นกัน ทุกคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอริซซามะต่างตระหนักดีถึงเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย อันที่จริง จิตใจของอริซซามะก็มีแง่มุมที่เหมาะสมกับวัยอย่างมาก ทั้งเจ็บปวดและแตกสลายได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าอริซซามะไม่คิดที่จะแสดงให้พวกเราได้เห็น การที่พยายามซ่อนเอาไว้ทำให้ดิฉันเป็นกังวล นั่นเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักอริซซามะเป็นการส่วนตัวต่างคิดว่าเธอเป็นคนแข็งแกร่งเอามาก ๆ
……แน่ว่านั่นไม่ใช่ความเข้าใจผิดพลาด อริซซามะเป็นคนที่เข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เปราะบางยิ่งกว่าผู้ใด นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ดิฉันมีปัญหา ความกังวลที่มีมานานนั้นครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าก่อน ดิฉันควรบอกอริซซามะดีหรือไม่ หรือควรที่จะเงียบต่อไป ดิฉันไม่สามารถตัดสินใจได้
“อริซซามะ”
―――― สำหรับท่านแล้ว คุณค่าของตัวท่านเองมีค่าแค่ไหนกันคะ…….?
แน่นอนว่าไม่มีคำตอบกลับมาให้ได้ยิน นี่ไม่ใช่เรื่องหยายคายหรือดูหมิ่น เป็นสมมติฐานที่ไม่ค่อยดีราวกับความเอาแต่ใจที่อาศัยความใจดี แต่ถ้าเป็นอริซซามะ เธอจะหัวเราะและยอมรับมากกว่า หลายคนอาจมองด้วยความงุนงง และอาจคิดว่าเป็นการตอบสนองที่เหมือนผิดปกติ แต่ดิฉันก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีคำถามหรือการสนทนาแบบไหนที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้านายและข้ารับใช้ที่จะทำให้เธออารมณ์เสีย แต่ที่ดิฉันลังเลคือ เป็นไปได้ที่ว่าคำถามนี้อาจจะกรีดบาดแผลในใจของอริซซามะ
……แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้เข้าใจทุกเรื่องของอริซซามะ แต่ทว่าดิฉันเข้าใจว่าในใจอริซซามะลำดับความสำคัญของตัวเธอเองค่อนข้างต่ำ แต่ดิฉันไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร นอกจากนี้ดิฉันยังเป็นคนสำคัญสำหรับอริซซามะ ไม่ใช่ความอวดดี แต่เป็นสิ่งที่เข้าใจจากท่าทางที่เธอปฏิบัติต่อดิฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ดิฉันไม่สามารถพูดอะไรที่เหมือนเป็นการกระตุ้นทางอ้อมได้ สิ่งที่ดิฉันถามอาจเป็นการทำร้ายเธออย่างสุดซึ้ง หากการทำสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ดิฉันก็ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าแม้สักก้าว
ยังไงก็ตาม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็สามารถคาดคะเนได้อย่างง่ายดายว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในสักวัน ดังนั้นดิฉันจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเตือน …….แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดครั้งนั้น ทั้งตอนที่ได้พบหมาป่าสีทอง อายาเมะ และอุบัติเหตุในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่หากผิดพลาดไปล่ะก็ดิฉันแน่ใจว่าอริซซามะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส มิแรนด้าซังสามารถรองรับชั้นวางได้อย่างแน่นอน และสามารถนำชั้นวางกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้ และอาจจะพูดไม่ได้ว่าจะไร้รอยขีดข่วน แต่ผู้ใหญ่อย่างดิฉันการโดนหนังสือตกใส่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะนำไปสู่วิกฤตที่คุกคามถึงชีวิต แต่ทว่าอริซซาะก็ยังคงเคลื่อนไหว ดิฉันอยู่ในฐานะที่ถูกคุ้มครอง แต่หากใคร่ครวญให้ดีแล้ว ตามปกติแล้วดิฉันจะต้องเป็นผู้ที่ปกป้องอริซซามะแน่นอน ถึงกระนั้นอริซซามะก็พยายามเอาตัวรอดจากวิกฤตด้วยตัวเธอเอง ดิฉันไม่สามารถคิดเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำเช่นนั้นได้เลย หน้าที่ปกป้องเป็นของดิฉันและมิแรนด้าซัง กล่าวอีกนัยหนึ่ง หมายความว่าในความคิดของอริซซามะการปกป้องพวกเราจากการบาดเจ็บมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของตนเอง ดิฉันไม่สามารถพูดได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องผิดพลาด ไม่สามารถพูดได้จริง ๆ แต่หากดิฉันต้องชั่งน้ำหนักระหว่างวิกฤตของตัวเองกับความปลอดภัยของอริซซามะ ดิฉันก็ต้องเลือกความปลอดภัยของอริซซามะโดยไม่ลังเล แต่ความแตกต่างของน้ำหนักนั้นแตกต่างกันระหว่างดิฉันกับอริซซามะ
แต่ได้โปรด ได้โปรดรักตัวเองให้มากกว่านี้เถอะค่ะ ท้ายที่สุด คำเดียวที่อยู่กับดิฉันมาตลอดคือความเป็นห่วง
…..และ มีความกังวลอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้
“ย้อนเวลา งั้นเหรอคะ”
นั้นคือคำที่สเตลล่าซังกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ ซึ่งดูเหมือนจะถูกต้องทีเดียว ไม่สิ ดิฉันรู้อยู่แล้ว เมื่อนึกถึงเวทมนตร์ของอลิเซียซามะ ดิฉันก็สงสัยมาตลอดว่าอริซซามะอาจจะได้รับสืบทอดเวทมนตร์แบบเดียวกันมาหรือไม่
ในยามที่อริซซามะรักษาบาดแผลของดิฉันที่ตลาด ในเวลานั้นดิฉันก็สงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าจะปรากฎออกมาหรือไม่ แต่เมื่อได้เห็นบาดแผลของตัวเองย้ายไปที่อริซซามะ ดิฉันก็เปลี่ยนความคิดว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ในการทดสอบของคลอริน่าซังที่โบสถ์ เมื่อได้เห็นน้ำแห่งการรู้แจ้งกลายเป็นน้ำแข็ง ดิฉันก็คิดว่าเวทมนตร์เหมือนจะเปลี่ยน และแตกต่างออกไป
…….แต่ก็แตกต่างอีกครั้ง อริซซามะ”ย้อนกลับ”ชั้นวางหนังสือและหนังสืออย่างชัดเจน สิ่งที่ดิฉันแน่ใจคือเวทมนตร์แห่งน้ำแข็งนั้นเป็นเวทมนตร์ที่แท้จริงของอริซซามะอย่างแน่นอน……..แต่นั่นเป็นเพียงความเข้าใจเพียงส่วนเดียว เวทมนตร์ของอลิเซียซามะเองก็ได้รับสืบทอดมาเช่นกัน
ดิฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เวทมนตร์ของอลิเซียซามะดูเหมือนจะมีประวัติเบื้องหลังที่พิเศษและหลากหลาย จากความรู้เรื่องเวทมนตร์ที่ดิฉันพอจะรู้มา “สิ่งนั้น” ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะตื่นขึ้นมาด้วยเวทมนตร์แห่งการกระตุ้นของแม็กพ็อดซามะ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เวทมนตร์ของท่านแม่ของอลิเซียซามะ ท่านยายของอริซซามะน่าจะมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก นี่เป็นความคิดของมือสมัครเล่น แต่อาจจะมีเวทมนตร์ที่สืบทอดมาเช่นนั้นจริง และเวทมนตร์ของอลิเซียซามะน่าจะเป็นผลมาจากการผันแปรจากการสืบทอดเวทมนตร์มรดกทั้งสองนี้ ทั้งหมดนี้เป็นการคาดคะเน เพราะมีเพียงอลิเซียซามะเองเท่านั้นที่รู้รายละเอียดทั้งหมด ลาบริกซ์ซามะ หรือแมกพ็อดซามะ ทั้งคู่ไม่เคยพยายามจะพูดถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่าดิฉันพยายามไม่ตรวจสอบเหมือนคนสอดรู้ เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ควรเก็บเป็นความลับ
…..ทว่ายังไงก็ตาม ดิฉันคาดการณ์ได้แค่ว่าเป็นพลังที่สามารถรบกวนเวลาได้
เหตุผลก็คือ ดอกไอริสหนึ่งดอกที่ยังคงบานสะพรั่งอยู่ในแจกันของคฤหาสน์มาจนถึงทุกวันนี้
―――― เป็นไปไม่ได้เลยที่ดอกไม้ที่ได้รับมาในวันที่อริซซามะเกิดจะสามารถเบ่งบานในลักษณะที่”เหมือนเดิม”ได้ตลอดมา
“กลุ่มต่อต้าน……..”
และไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผู้คนรู้จักเวทมนตร์ดังกล่าวในวงกว้าง แม้จะยังไม่รู้ขอบเขตหรือขีดจำกัด แต่สามารถย้อนเวลาได้อย่างแน่นอน เพียงแค่นั้นก็เป็นประโยชน์และหายากเกินกว่าที่ทุกคนจะปล่อยให้หลุดมือ เวทมนตร์แห่งน้ำแข็งซึ่งดิฉันเชื่อว่าเป็นเวทมนตร์ของอริซซามะจนถึงเมื่อไม่นานนี้ ถ้าถูกพูดถึงรวมกับผมสีเงินที่ทำให้นึกถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายจากกลุ่มต่อต้านหรือกลุ่มคนบางส่วนจากศาสนาเซนต์เนยูมุร์ ยังไงก็ตามครั้งนี้เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป เพราะพลังในตอนนี้สามารถนำไปใช้กับสิ่งต่าง ๆ และกับความคาดหวังอื่น ๆ ได้อีกมากมาย หากจะกล่าวแล้วก็คงเป็นทุกสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ขุนนางที่แก่เฒ่าที่ร้อนรนกับบั้นปลายชีวิตที่ใกล้เข้ามาคงสามารถทำทุกอย่างเพื่อคว้าอริซซามะไปไว้ในมือและใช้งานเธอเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง อาจไม่ใช่ทุกคน แต่บรรดาขุนนางของราชอาณาจักรล้วนเป็นคนเช่นนั้น เหล่าอัศวินจะมองเห็นมูลค่าประโยชน์ทางทหาร เหล่านักเวทย์ผู้อุทิศตนเพื่อการวิจัยเท่านั้นอาจจะบังคับให้ร่วมวิจัยซึ่งเป็นคำกล่าวที่อาจดูดีไปเล็กน้อย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทันทีที่เวทมนตร์นี้ถูกเปิดเผย อริซซามะจะถูกพลักไปสู่สถานการณ์ที่ตกเป็นเป้าหมายของทุกคนที่รู้ข้อมูล ถ้าเกิดเรื่องอย่างที่คิดไว้ ดิฉันและมิแรนด้าซัง ฮัททีเรียซามะ หรือเจ้าฟ้าหญิง แม้ว่าทุกคนจะปรารถนาให้อริซซามะมีความสุขมาร่วมมือกัน ความเสียเปรียบเรื่องจำนวนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
โชคดีที่คนที่เห็นมีแต่คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเด็กสาวคนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นก็สัญญาว่าจะไม่พูด แถมนอกจากจะรู้สึกผิดแล้ว เธอยังดูเหมือนจะหลงใหลในตัวอริซซามะที่ยกโทษให้เธอ ในสถารการณ์เช่นนั้นจึงดูเหมือนค่อนข้างที่จะเชื่อคำของเธอได้ แม้ว่าจะผ่อนคลายไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะเจ้าฟ้าหญิงกล่าวว่าจะจัดการหาวิธีที่ไม่น่าสงสัยในการจับตาเธอเอง แต่ก็ยังเร็วไปที่จะโล่งใจ…..ห้องสมุดแม้จะมีน้อยคนที่จะมาใช้งาน แต่ก็เป็นสถานที่เปิดให้กับนักเรียนและอาจารย์ทุกคนที่อยู่ในโรงเรียนหลวง เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครบางคนที่บังเอิญมายืมหนังสือในเวลานั้นได้รู้เห็น ยังไงก็ตามก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถไปฟังผู้คนคุยกันได้ แต่หากมีข่าวลือรั่วไหลออกไปจริง ๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำให้ข่าวลือเสื่อมลงไปในทันที อย่างไรก็ตามด้วยความร่วมมือของเจ้าฟ้าหญิง สเตลล่าซัง มิแรนด้าซัง ดิฉัน และเด็กสาวผู้นั้น ดิฉันรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปหากพวกเราทำงานร่วมกัน
ปัญหาคือผลกระทบที่มีต่อจิตใจของอริซซามะ เดิมทีอริซซามะก็กังวลเรื่องของราชอาณาจักรในปัจจุบันอยู่แล้ว และดิฉันรู้อยู่แล้วว่าปรารถนาที่จะปฏิวัติระบบ ซึ่งดิฉันทั้งเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุน แต่ก่อนหน้านั้นอริซซามะก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แทนที่จะเดินไปบนเส้นทางที่มีหนาวแหลมคมเช่นนั้น แล้วเอาชีวิตเข้าไปอยู่ในอันตราย ดิฉันหวังให้เธอไขว่คว้าความสุขและความสงบสุขเฉกเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์ที่เก่งรอบด้านมากกว่า แต่ด้วยการตื่นขึ้นของเวทมนต์ ถึงแม้จะไม่ได้ปิดหนทางสู่ชีวิตเช่นนั้น แต่ก็ทำให้อริซซามะมีโอกาสน้อยลงที่จะได้เลือกหนทางนั้น อริซซามะมักคิดว่าตัวเองนั้นมีตัวตนอยู่เพื่อ Noblesse oblige หากพบว่าตัวเองมีเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ และเวทมนตร์นี้สามารถนำพาผู้คนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะคาดเดาว่าความรู้สึกในหน้าที่ดังกล่าวจะมีความเข้มแข็งขึ้นอีก ไม่ว่าพวกเราจะเคลื่อนไหวมากแค่ไหน สิ่งต่าง ๆ ก็ดำเนินต่อไปราวกับว่าโลกต้องการให้อริซซามะขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีนั้น ดิฉันรู้สึกขุ่นเคืองต่อโลกใบนี้เล็กน้อย ทำไมถึงปล่อยเธอไว้เพียงลำพังไม่ได้ นับตั้งแต่ที่เกิดมาก็มีแต่คลื่นรุนแรงโหมกระหน่ำเข้าใส่เด็กสาวที่อ่อนโยนคนนี้
“ดิฉันสัญญาว่าจะปกป้อง และอยู่เคียงข้างท่านตลอดไปค่ะ”
ดิฉันจ้องมองใบหน้าสวยที่ชวนให้หลงใหลที่กำลังหลับอย่างเงียบ ๆ ก่อนวางมือลงบนแก้มขาวใส ใช้นิ้วหยิบเส้นด้ายสีเงินออกจากดวงตาที่หลับสนิทไปวางลงยังข้างหูแล้วลูบแก้มของเธอเบา ๆ ดิฉันรู้สึกว่าการแสดงออกทางสีหน้าของตัวเองคลายลงเล็กน้อยด้วยความอบอุ่นที่ล้นออกจากใจ รอยยิ้มจึงกลับมาเป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ หลังจากลูบผมที่นุ่มสลวยอยู่พักหนึ่ง ประตูก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นมิแรนด้าซัง
“ข้ากลับมาแล้วค่ะ ฮิเมะ……….”
ใช่แล้วยังคงหลับอยู่ ดิฉันเอานิ้วชี้จิ้มที่ริมฝีปาก เสียงก่อนหน้านี้ก็เบาลงสองระดับ มิแรนด้าซังกลับมาจากการไปยังสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน แม็กพ็อดซามะ พร้อมกับเจ้าฟ้าหญิงและเสตลล่าซัง จนถึงตอนนี้อริซซามะแค่นอนเพราะความเหน็ดเหนื่อย และยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ แต่ถึงกระนั้นก็เป็นการใช้เวทมนตร์ที่ไม่เคยมีผู้ใดรู้จักไป เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วอาจจะมีผลกระทบต่อสภาพร่างกายอย่างใหญ่หลวงที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ เมื่ออาจเป็นเรื่องใหญ่เช่นนั้น จึงต้องควรพักผ่อนอย่างน้อยสองวันเพื่อรอดูอาการ นั่นเป็นสิ่งถูกนำไปแจ้งให้ทราบ
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ น็อกซ์เบลซังควรอยู่เคียงข้างฮิเมะถูกแล้ว”
“……ขอบพระคุณมากนะคะ”
ไม่ใช่แค่เรื่องอริซซามะ แม้แต่ความรู้สึกของดิฉันก็ถูกนำมาพิจารณาด้วย ดิฉันก้มหัวอีกครั้ง มิแรนด้าตอบรับอย่างนอบน้อม แล้วในที่สุดเธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องที่ได้คุยกับแม็กพ็อดซามะ ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ และดูเหมือนว่ากับแม็กพ็อดซามะจะแค่แนะนำให้พักผ่อนให้มากกว่านี้เท่านั้น ในระหว่างนี้ดิฉันก็ขอให้พักการเรียนไปสองวันก่อนตามที่พูดไว้ และถ้าเห็นว่าไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ดิฉันก็อยากให้การเรียนต่อเป็นไปตามเจตจำนงของอริซซามะเอง อาจเพราะเป็นหลาน และแม็กพ็อดซามะต้องรู้จักเวทมนตร์ของอลิเซียซามะอยู่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว ท่านก็คงคาดเดาได้หลายอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีความประสงค์ที่จะมาเยี่ยมหลังจากนี้ และให้รายงานสถานการณ์โดยละเอียดในวันพรุ่งนี้
“……น็อกซ์เบลซัง”
“คะ มีอะไรงั้นเหรอคะ”
เมื่อมิแรนด้าซังพูดออกมาก็เงียบไปครู่หนึ่ง และก้มลงราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง ว่าแต่ว่าครั้งนี้เกิดเรื่องอะไรอีกกัน ดวงตาสีฟ้าที่เงยขึ้นอีกครั้งมีประกายที่แข็งแกร่งอยู่
“ระหว่างที่กำลังจะกลับ ข้าก็ถูกแม็กพ็อตซามะหยุดเอาไว้แล้วได้รับการบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างมาค่ะ”
“กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ?”
“…..เกี่ยวกับหน่วยข่าวกรองอิสระที่ซ่อนอยู่ในใจกลางของราชอาณาจักรค่ะ”
คำพูดของดิฉันติดขัด ไม่แปลกใจที่แม็กพ็อดซามะจะรู้อยู่แล้ว ท่านผู้นั้นเป็นผู้ที่สอนสั่งให้ความรู้แก่อลิเซียซามะ เหนือสิ่งอื่นใดคือ การพยายามไล่ตามหาอลิเซียซามะ ลูกสาวที่ทะเลาะกับตนเอง ดิฉันสูญเสียคำพูดทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ท่านบอกมิแรนด้าซังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งเรื่องที่มิแรนด้าซังได้รับรู้
…….แน่นอนว่าแต่เดิมก็เป็นเรื่องของเวลาอยู่แล้ว เดิมทีมิแรนด้าซังก็ได้รับเลือกจากลาบริกซ์ซามะให้เป็นอัศวินผู้พิทักษ์ของอริซซามะด้วยตัวเอง ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องได้ยินชื่อนี้ และรู้ว่าดิฉันเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
“….มาเรียน่า・ไอริส สินะคะ”
“ค่ะ น็อกซ์เบลซัง……ไม่สิ.. ――――”
เช่นนั้นแล้ว แม้จะยังไม่แน่ใจ แต่ดิฉันคิดว่าเธออาจจะตระหนักได้ถึงภารกิจของคาลเมียร์ได้แล้วอย่างแน่นอน ถ้าเธอได้รับการฝึกอบรมด้านเทคนิคข่าวกรองมาอย่างเต็มที่ เธอก็จะพบหลายสิ่งที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
เหล่าเมดที่ทำงานรับใช้ตระกูลแฟร์มีลทั้งหมดทำงานได้อย่างรวดเร็วและรักษาวินัยด้วย”ระดับการขัดเกลาที่เทียบเท่ากัน” ความเป็นเลิศที่มากเกินไปที่เห็นไม่ได้แม้แต่ในราชวงศ์ทำให้รู้สึกไม่กลบกลืน อีกทั้งความคิดที่บวกกับประสบการณ์การเป็นอัศวินอีกส่วนหนึ่งก็ชี้ให้เห็น นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนได้รับการฝึกฝนทักษะการคุ้มกันมาอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก เธอที่ได้รับการฝึกฝนรูปแบบคล้ายกัน และความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ทันทีทุกเวลาที่ถูกสลักเข้าไปในร่างกายจากตั้งแต่ท่าทางการเคลื่อนไหวไปจนถึงวิธีเดิน
ดิฉันบอกได้ว่า มาเรียน่า・ไอริสคือหน่วยข่าวกรองที่ก่อตั้งโดยลาบริกซ์ซามะและอลิเซียซามะ หลังได้ยินชื่อของทั้งสองคนก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าได้ยินมามากน้อยเพียงใด และหลังจากเชื่อมโยงได้แล้วความคิดนั้นก็คงปรากฎออกมา หรือบางทีเธออาจได้ยินจากแม็กพ็อดซามะจนถึงจุดนั้น
……ดิฉันอยู่ในฐานะที่ควบคุมดูแลเหล่าเมดของตระกูลแฟร์มีลที่เป็นส่วนหนึ่งของมาเรียน่า・ไอริสรวมถึงคาลเมียร์เองก็ใช่ เมื่ออยู่ในฐานะนั้นแล้วมีหรือที่ดิฉันจะไม่รับรู้ และท่าทีของคาลเมียร์ที่ปฏิบัติต่อดิฉัน
“――――ท่านหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง มาเรียน่า・ไอริส”
――――แมม เรียกดิฉันเช่นนั้นสินะ