ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 66 ตอนที่ 6 มาเรียนา ไอริส
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 66 ตอนที่ 6 มาเรียนา ไอริส
ตอนที่ 6 “มาเรียนา ไอริส”
“มีสัญญาณของการจลาจลครั้งใหญ่ในกลุ่มต่อต้านหรือไม่……”
“…..เนื่องจากจำนวนคนที่เคลื่อนไหวได้มีจำกัด เลย….. เราควรทำอย่างไรดีครับ ลาบริกซ์ซามะ”
ข้าครุ่นคิดถึงรายงานจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอีกครั้ง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำงาน ข้อมูลจากลูกน้องที่ถูกส่งให้ลอบเข้าไปในกองกำลังต่าง ๆ โดยรอบมีแต่เรื่องที่รู้มาแล้วทำให้ปวดหัว แม้ตอนนี้เหล่าอัศวินจะทำงานจนล้นมือแล้ว แต่การจัดหากำลังคนเพื่อการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ห่างไกล และการรักษาการขนส่งขั้นต่ำสุดก็ยังไม่เพียงพอ แล้วนี่ก็ยังจะมีการจลาจลของกลุ่มต่อต้านอีก…..สิ่งที่กวนใจเหล่านี้ทำให้ข้าต้องคิดอย่างหนัก หากคิดจากมุมมองของกลุ่มต่อต้าน ก็ดูจะได้เวลาแล้ว แต่นี่ออกจะดูชัดเจนเกินไป ว่าแล้วพวกนั้นเป็น”ศัตรู”ของราชอาณาจักร……..ไม่สิ ของประชาชนต่างหาก การเร่งให้เกิดความสับสนในสภาวะเช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนในตัวเองแล้วว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ชีวิตของสามัญชนได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่าเดิม คราวนี้จะมีคนที่ต้องตาย
….สำหรับข้า ข้าเข้าใจ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผู้คนจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความอดอยากและอดตาย ยังไงก็ตามก็เป็นเรื่องที่ผิดอย่างยิ่งที่หันคมดาบมายังที่นี่ มีขุนนาง นักเวทย์ และอัศวินจำนวนไม่น้อยที่มีความเกลียดชังต่อศูนย์กลางของราชอาณาจักรในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มต่อต้านก็ตาม แต่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยได้ และมีความรู้สึกหงุดหงิดในสิ่งที่เป็นอยู่ หากกลุ่มต่อต้านเป็นกลุ่มที่ยืนหยัดเพื่อประชาชนจริง ๆ ก็มีวิธีอื่นที่จะเอาชนะสถานการณ์นี้ เช่น การติดต่อทางลับกับกลุ่มผู้ไม่พอใจ และแอบส่งอาหารให้ประชาชน การก่อสงครามกลางเมืองดูไม่สมเหตุสมผลในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะราชอาณาจักรจะล่มสลายก่อนระบบ เป็นหมัดเด็ดสำหรับการกลืนกินที่จักรวรรดิชอบใช้ยามมองเห็นโอกาส
กลุ่มต่อต้าน ยามแรกพวกเขาคือ กลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาเพื่อแก้ไขราชอาณาจักรที่เน่าเฟะ แต่ในตอนนี้พวกเขากลายเป็นตัวตนยุ่งยากที่รู้จักแต่การใช้กำลังตอบโต้ทุกคน
“เอาล่ะ ข้าควรจะทำยังไงดี”
ถึงอย่างไรข้าก็ต้องหยุดพวกเขา เป็นการยากที่จะเอาชนะพวกเขาทั้งหมด แต่อย่างน้อยถ้าพวกเรามีเวลาในการรวบรวมกำลังอัศวินจากทุกแห่งให้มากพอที่สามารถตอบสนอง และส่งไปประจำการยังจุดสำคัญได้ คำถามคือจะทำยังไงให้ได้เวลานั้นมา ตอนนี้ข้าเป็นแม่ทัพแห่งกองทัพราชอาณาจักร
――――ในเวลาเช่นนี้หัวหน้าหน่วยข่าวกรองอิสระ”มาเรียน่า・ไอริส”จะมีแผนอะไรบ้าง
“ลอบสังหาร? ไม่สิ นั่น…..”
แน่นอนว่าถ้าคนที่เป็นแก่นแท้ของแผนนี้ถูกลบออกไป การเคลื่อนไหวของกลุ่มก็จะช้าลง แต่การทำเช่นนั้นก็ไม่ได้แก้ไขอะไร …..ไม่สิ สถานการณ์เลยจุดนั้นไปแล้ว ช้าไปแล้ว ยังไงก็ตาม ณ จุดนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่ทั้งราชอาณาจักรและกลุ่มต่อต้านยังไม่มีคนตาย ถ้ามีข่าวคนตายออกมา นั้นจะกลายเป็นสัญญาณของสงครามกลางเมือง เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด
……มีวิกฤตที่เกือบจะเกิดมาก่อนหน้านี้ นั่นคือกรณีในมาเรียนา เหตุการณ์รุนแรงนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากความกลัวที่ว่าความเกลียดชังที่ประชาชนมีต่อขุนนางจะบรรเทาลง เพราะชื่อเสียงของฮัททีเรียแห่งมาเรียนาที่แพร่กระจายไปในหมู่ประชาชน เมื่อยังมีขุนนางบางคนปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม แม้จะเพียงผู้เดียว แต่ก็เป็นจุดยับยั้งชั่งใจอันยิ่งใหญ่ของประชาชน หากยังมีความหวัง ผู้คนก็พร้อมรอคอยอีกนิด ความจริงก็คือไม่มีใครต้องการหลั่งเลือด
นอกจากนี้ ถึงความอดทนของประชาชนจะเกินขีดจำกัดจนลุกอือขึ้นมา โอกาสที่ตระกูลแฟร์มีลจะถูกโจมตีนั้นก็ต่ำมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นกลุ่มต่อต้านจึงเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ตามชื่อเรียกของกลุ่มพวกเขา จุดประสงค์ร่วมกันคือเพื่อล้างแค้นโครงสร้างปัจจุบันของราชอาณาจักร และดึงชนชั้นราชวงศ์และขุนนางให้ร่วงหล่นลงมาด้วยตัวเอง ดังนั้นการมีอยู่ของตระกูลแฟร์มีลที่ซึ่งค่อนข้างได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจึงสร้างความขัดแย้ง และความผันผวนของจุดยืนการเรียกร้องที่มักกลายเป็นที่มาของการแบ่งข้างในองค์กร แท้จริงแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นผลพ่วงมาจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายหลักที่ว่าหากทำอะไรลงไปจะไม่สามารถได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป และฝ่ายหัวรุนแรงที่ต้องการลงมือโดยสนแต่ผลลัพท์ในปัจจุบัน แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจรายละเอียดแรงจูงใจในการเล็งเป้าไปที่อริซ ผู้เป็นลูกสาวแทนที่จะเป็นตัวฮัททีเลียเอง แต่บางทีอาจมีการหันเหในช่วงเวลาสุดท้ายและคิดว่ายากเกินไปที่จะเข้าถึงฮัททีเลียที่มีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษ
“กะแล้วว่าการเคลื่อนไหวโดยตรงนั้นไร้ประโยชน์ แม้ว่าจะป้องกันครั้งนี้ไว้ได้ด้วยวิธีการรุนแรง แต่ความขัดแย้งก็มีแต่จะรุนแรงขึ้น และถึงแม้กลุ่มต่อต้านจะมีผู้นำที่ไม่เห็นด้วย แต่เดิมทีพวกเขาก็เป็นแค่คนธรรมดา หากถูกฆ่าแล้วมีการกล่าวหาว่าฝีมือของราชอาณาจักร จะเกิดอะไรขึ้น”
แต่ทว่า หากหยุดยั้งเอาไว้ไม่ได้ ผลสุดท้ายก็ไม่ต่างกัน คุณสมบัติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาคือการเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ต่อให้พยายามแค่ไหน หากมีการป่าวประกาศออกไปว่าราชอาณาจักรทำร้ายประชาชน แค่นั้นก็จบกัน ท้ายที่สุดก็ยากเกินไปสำหรับพวกเราที่จะรับมือกันเอง พวกเราต้องการผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ใช่ทั้งขุนนางหรืออัศวิน ที่จริงก็ไม่เชิงว่าจะไม่มีซะทีเดียว แต่พวกเขาเป็นเพียงผู้ที่ถูกรู้จักทั่วไปไปในฐานะผู้จัดหาข้อมูล จะเห็นได้ว่าน้อยคนนักที่จะเคลื่อนไหวหากพวกเขารู้ว่าพวกเขาได้รับคำสั่งในภารกิจที่อันตรายเช่นนี้
“…..ต้องบอกว่ายากที่จะป้องกันได้หมด”
เมื่อข้าผงกหัวที่หนักอึ้งขึ้นมอง ผู้ใต้บังคับบัญชาก็พยักหน้าอย่างลึกลับ อ้า ข้าควรทำยังไงดี ข้าควรทำยังไงถึงจะออกมาดี ถ้าอลิเซียอยู่ด้วยในเวลานี้ ข้าแน่ใจว่าเธอต้องมีความคิดที่ดีแน่นอน เธอมักจะแสดงความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดในกิจกรรมงานรูปแบบนี้ สุดยอดเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมาเรียนา・ไอริสส่วนใหญ่ถูกฝึกมาด้วยความสามารถของอลิเซียเพียงผู้เดียว
“ไม่สิ หวังจะพึ่งพาคนที่ไม่อยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์”
ฟู๊ว ขณะที่ถอนหายใจอีกครั้ง ข้าก็เตือนตัวเองว่ากำลังวิ่งหนีจากความเป็นจริง ในเวลาแบบนี้ต่อให้ครุ่นคิดในหัวต่อไปเท่าไรก็คงไม่มีความคิดดี ๆ ออกมา แต่หากลองเปลี่ยนมุมมองดูสักเล็กน้อยอาจเห็นความแตกต่าง อาจได้พบในสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้
“……คนที่ไม่อยู่รึครับ หากขุนนางทุกคนในราชอาณาจักรเป็นขุนนางที่ทำตัวเหมาะสมเหมือนกับท่านทั้งสองในข่าวลือ「ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง(โนเบลส・คลาร่า*)」เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
ลูกน้องของข้าดูเหมือนจะเดาใจข้าออกจึงช่วยเปลี่ยนเรื่องให้อย่างอ้อม ๆ อ้า ข้าขอรับความหวังดีนั้น
…..”ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง”สินะ แน่นอนว่าข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนั้นเหมือนกัน เร็ว ๆ นี้ข่าวลือส่วนใหญ่แพร่กระจายอยู่ในหมู่นักเวทย์และขุนนาง ไม่สิ เป็นคำชมมากกว่าข่าวลือให้กับสาวน้อยสองคนที่ได้เข้าเรียนยังโรงเรียนหลวงคุณหนูผมสีเงินที่ดูเหมือนสตรีศักดิ์สิทธิ์ และ องค์เจ้าฟ้าหญิง ใช่ หรือก็คือ อริซนั่นเอง ทั้งสองได้รับเข้าเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย ได้เข้าไอริสคลาส ซ้ำยังแสดงถึงความสนิทสนมกันอยู่เสมอ นอกจากนี้ทั้งสองยังเคียงข้างกันในแง่ของการศึกษาและด้านอื่น ๆ ทั้งหมดและว่ากันว่าไม่มีใครสามารถเรียนตามได้ทันในชั้นปีเดียวกัน งานเทศกาลโรงเรียนเมื่อวันก่อน ข้าไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากต้องรับมือกับเรื่องความไม่สงบภายในราชอาณาจักร แต่ข้าได้ยินมาว่าพวกเธอได้แสดงละครแนวใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนด้วย แม้จะเต็มไปด้วยพรสวรรค์อันมากมายเช่นนี้ พวกเธอก็มีความเชื่อมั่นในตนเอง แต่ไม่มีความลำพองตนว่าอยู่เหนือผู้ใด ยังไงก็ตามพวกเธอแสดงคุณธรรมส่วนตัวที่เหมือนการเต้นรำ ส่งเสริม ดูแล ช่วยเหลือซึ่งกันและอย่างจริงจัง มีความสัมพันธ์ที่ดีของความไว้วางใจซึ่งกันและกันกับข้ารับใช้ และดูเหมือนว่าชื่อ”ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง”จะได้รับแรงบันดาลใจจากการสนทนาระหว่างพวกเธอกับข้ารับใช้
“มีความเป็นขุนนางอย่างไม่ต้องสงสัยสินะ”
ทันใดนั้น คำพูดของลูกน้องก็ทำให้ข้านึกถึงวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่ข้าแนะนำมิแรนดาให้รู้จักกับอริซ ในระหว่างที่ข้า ฮัททีเรีย มิแรนด้า และอริซกำลังเล่นดิสต็องส์กันอยู่ เด็กคนนั้นประกาศไพ่บนมือที่ราวกับอ่านความรู้สึกของข้าได้ ข้าไม่มีวันลืมความตกใจในครั้งนั้นเลย อาจจะ ไม่ แน่นอนว่าเด็กคนนั้นต้องเข้าใจอยู่แล้วถึงทำเช่นนั้น
“เข้าใจ”อยู่แล้ว……?
――――ตึกตัก หัวใจของข้าเต้นแรง
“ไม่มีทาง”
ไร้สาระน่า เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งที่ปฏิเสธตัวเองหลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ลง แต่ข้ากลับเริ่มสำรวจเข้าไปในความทรงจำ คำพูดและการกระทำของเด็กคนนั้น และไพ่ที่อยู่บนมือ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
――――『ปะติวัด! 』
ใช่แล้ว ในเวลานั้น เด็กคนนั้น อริซได้กล่าวว่า”การปฏิวัติ”อย่างแน่นอน
และบทบาทที่ตีเข้ามาจนพวกเราประหลาดใจ คือ การวางแผนการ
“……ราชินี”
――――”ราชินีทั้งสี่ที่โบยบินอยู่เหนือดินแดน”
“จะบอกว่าเฝ้ามองมาตั้งแต่ช่วงเวลานั้นแล้วอย่างงั้นรึ”
“…..ลาบริกซ์ซามะ”
ราชินีแห่งไพ่ทาโรต์จูวี่หมายถึงสิ่งใด ใช่ หมายถึงราชินี(แรน-เน่อะ*)ตามลวดลาย ยังไงก็ตามมีการเปลี่ยนแปลงจากที่มาดั้งเดิม กล่าวกันว่าเดิมทีมีความหมายว่า”กุลสตรี(ดาม*)” และในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างแน่นอนก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก”ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง”ที่บ่งบอกถึงวิถีความเป็นกุลสตรีอย่างแท้จริง
(*คำที่กำกับให้อ่านออกเสียงด้วยภาษาฝรั่งเศส)
“อลิเซีย ดูเหมือนลูกสาวของเจ้าอาจจะเก่งกว่าพวกเราไปแล้ว”
ข้อมูลเชื่อมต่อกันในหัวของข้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าฟ้าหญิงทรงพิโรธเป็นอย่างมากต่อสถานะในปัจจุบันของราชอาณาจักร ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีทางของราชวงศ์และขุนนางที่เลวทรามของราขอาณาจักรในปัจจุบัน นั้นรวมทั้งพระบิดามารดา องค์กษัตริย์ และองค์ราชินี ก่อนหน้านี้ข้ายังได้รับรายงานที่มีการคาดเดาว่านี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์ทรงเป็นเพื่อนกับคุณหนูอริซได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผู้ที่เขียนรายงานคือ มิแรนดาที่อยู่ข้างกาย แต่ข้าก็ยังได้รับรายงานโดยละเอียดจากบุคคลอื่นเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้ ดูเหมือนจะไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ นั่นเพราะ”เธอ”ในฐานะลูกศิษย์คนแรกของอลิเซียนับตั้งแต่ก่อตั้งมาเรียนา・ไอริส และมีมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเป็นคนพูดเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คำว่า”ปะติวัด”ที่เด็กคนนั้นหมายถึง มีความหมายอย่างที่อยากจะบอกข้าในเวลานั้นจริง ๆ
“ขุนนางที่แท้จริงยังคงมีอยู่”
ด้วยเหตุนั้น ฉันจะยืนหยัดขึ้นด้วยพันธะแห่ง noblesse oblige และปฏิวัติด้วยอำนาจอันสูงส่ง เด็กคนนั้นได้ตัดสินใจแน่วแน่เอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงวัยสี่ขวบแท้ ๆ
เช่นนั้นแล้วข้าล่ะ ข้ากำลังเดินตามเส้นทางอัศวินอย่างที่ควรจะเป็นเฉกเช่นเดียวกับที่เด็กคนนั้นซื่อสัตย์ต่อความเป็นขุนนางหรือไม่
“คุ อ้า…..น่าสมเพชจริง ให้ตายเถอะ”
อ้า อ้า ใช่แล้ว ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าข้าจำได้แล้วมากกว่า
ที่ข้าเลือกมิแรนดาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ของอริซ เพราะความสามารถและบุคลิกของเธอ ตลอดจนถึงมิตรภาพที่ลึกซึ้งของเธอกับลูกสาวของข้า คาลเมียร์ที่ได้รับมอบหน้าที่ไปก่อนแล้ว ข้าตั้งใจให้พวกเธอได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้าเคยคิดเช่นนั้น แต่ทว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้นเลย
ข้าแน่ใจว่าข้าเห็นตัวเองเมื่อครั้งยังเยาว์ซ้อนทับอยู่บนตัวตนของมิแรนด้าที่พยายามจะเป็น “อัศวิน” ในอุดมคติ
“นั่นสินะ ข้าเป็นอัศวิน ก่อนที่จะเป็นแม่ทัพ ก่อนที่จะเป็นหัวหน้าของพวกเธอ ข้าคือลาบริกซ์ ชายผู้หลงใหลใฝ่ฝันอัศวิน และตั้งเป้าที่จะเป็นอัศวิน”
ขณะที่รู้สึกขอโทษกับลูกน้องที่มีสีหน้าสับสน ที่ไหนสักแห่งในตัวข้ากลับเต็มไปด้วยอารมณ์สดชื่นราวกับว่าบางสิ่งที่เหมือนหมอกหนาในตัวข้าถูกปัดเป่าหายไป ไม่ว่าจะยื่นมือไปทางไหน สงครามกลางเมืองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่สิ ตัวข้าเองในปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นขุนนางข้ารับใช้หลักที่ได้รับการไว้วางใจจากศูนย์กลางของราชอาณาจักร แต่ทว่า ยังก่อน ข้ายืดเวลาออกไปได้มากกว่านี้ จำเป็นต้องยืดเวลาที่กำลังจะมาถึงออกไปให้ได้ก่อน หากสามารถทำได้ ในช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้น ศูนย์กลางและกลุ่มชนชั้นสูงในปัจจุบันจะได้รับการทำความสะอาดอย่างหมดจด
เช่นนั้นแล้ว ข้าจะเป็นผู้ขอแบกรับตราบาปทั้งหมดเอาไว้เอง เพื่อฮิเมะที่ตัดสินใจทำ”ปะติวัด”มาฟันอุปสรรคทั้งหมดไปยังเส้นทางนั้นกันเถอะ เด็กคนนั้นจะแสดงให้เห็นเส้นทางที่ถูกเปิดออก ณ สุดปลายถนนได้อย่างแน่นอน ราชอาณาจักรในยุควันเวลาเก่าอันรุนเรือง(ยุคต่อไป) ขุนนางและสามัญชน และทุกคนอยู่ร่วมกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน หลังจากจบบทบาท ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากผ่อนคลายไปกับเด็กพวกนั้น และใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเฝ้าดูคาลเมียร์
“หนูอริซ ดังนั้นแล้ว ข้าขอเดิมพันกับหนู ไม่สิ กับท่านหญิง ตามโชคชะตา(ดิส-ต็องส์*)”
(*คำที่กำกับให้อ่านออกเสียงด้วยภาษาฝรั่งเศส)
ถ้าเป็นเช่นนั้นก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มขึ้น สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการทำยังไงก็ได้ให้เมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วจะมีการหลั่งเลือดให้น้อยที่สุด หลังจากนั้นต้องยุติการลุกฮือในวงกว้างของกลุ่มต่อต้านในครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ แต่มีเพียง “ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง” ที่เป็นแก่นของ “ปะติวัด” เท่านั้นที่ต้องได้รับการคุ้มครองในทุกกรณี
“เพื่อการนั้นแล้ว คงต้องไปโรงเรียนหลวงสักครั้ง”
“ฮะ…..? โรงเรียนหลวงงั้นเหรอครับ”
“อ้า เจ้าคิดว่าองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักรอยู่ที่ไหนกันล่ะ หากมีกำลังคนไม่เพียงพอ ก็แค่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่อื่นซะสิ”
“นั่น…..แต่ แต่ว่า”
ลูกน้องหนุ่มที่นิ่งเงียบฟังเสียงพึมพำของข้ามานาน ในที่สุดก็ส่งเสียงแห่งความสงสัยออกมา ก็สมควรที่จะเป็นเช่นนั้น ยังไงซะเขาก็คือคนที่แอบแฝงตัวทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองอิสระมาอย่างยาวนาน ทันใดนั้นข้าก็บอกที่จะไปขอความร่วมมือโดยตรงจากโรงเรียนหลวง…..ที่ที่”ผู้อำนวยการของหน่วยข่าวกรองแห่งราชอาณาจักร”กำลังทำงานเพื่อหลอกลวงและรวบรวมข้อมูลจากผู้คนโดยรอบอยู่ จากมุมมองของเขาอาจคิดว่าข้าบ้าไปแล้ว ยังไงก็ตาม
“ไม่ต้องกังวลไป หน่วยข่าวกรองแห่งราชอาณาจักร……ไม่สิผู้อำนวยการแห่งหน่วยข่าวกรอง บางทีอาจตระหนักถึงการมีอยู่ของพวกเราอยู่แล้วก็ได้”
“เอ๊ะ…..?”
“เจ้ารู้ไหมว่า อลิเซียต้องสัมพันธ์ร้าวฉานกับพ่อของเธอจนหนีออกจากบ้านเพราะเรื่องนั้น?”
“คะ ครับ เกรงว่าจะรู้อยู่บ้างครับ”
“แล้วรู้จักพ่อของเธอไหม?”
“ไม่ ไม่ถึงขั้นนั้น……….”
อ้า ถูกแล้ว การไม่รู้จะดีเสียกว่า จากนี้ไป ทุกคนที่อยู่ในมาเรียนา・ไอริสจะได้รู้ แต่ก่อนพ่อของอลิเซียถูกกำหนดให้เป็นข้อมูลลับที่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาต เช่นข้า และคาลเมียร์เท่านั้น หนึ่งเพราะพวกเราต่างเป็นฝ่ายตรงข้ามของกันและกัน และเหนือสิ่งอื่นใด หน่วยข่าวกรองแห่งราชอาณาจักรกับพวกเราไม่ได้เล่นเกมส์บนกระดานเดียวกัน
ถ้าข้อมูลถูกกลุ่มศัตรูเหล่านั้น…….ที่วางมาดใช้ประโยชน์จาก”ศูนย์กลาง”รับรู้ ความเป็นอิสระของมาเรียนา・ไอริสจะสูญหายไปอย่างง่ายดาย ……แต่ทว่าถึงเวลาแล้ว ตราบใดที่ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าจะสนับสนุนอริซให้ถึงที่สุดด้วยทุกวิถีทาง ท้ายที่สุดยังไงก็ต้องเป็นศัตรูกับศูนย์กลาง ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องลังเลการจู่โจมเข้าใส่ศูนย์กลาง จากนี้ไป พวกเราเราควรร่วมมือกันกับกลุ่มหลักของผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง คำถามก็คือว่าอีกฝ่ายจะยอมรับข้อเสนอการเป็นพันธมิตรหรือไม่ แต่……ข้าก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงโดยตั้งใจจริง ๆ
จากข้อสรุปแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร ในทางกลับกัน พวกเขาจะยินดีต้อนรับพวกเราอย่างกระตือรือร้น
เหตุผลเป็นเพราะผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของราชอาณาจักรคนปัจจุบัน
“ไม่มีทาง”
“อ้า นั่นแหละ”
ใช่ ผู้อำนวยการของโรงเรียนเวทมนตร์หลวง รูเนเรีย ที่อริซเข้าเรียน คือพ่อของอลิเซีย
“นามสกุลเดินของเธอคือ「มัวริสต้า」”
―――― “แม็กพ็อด・มัวริสตา” คนนั้น