ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 5 ยามเช้าสีน้ำเงิน และแมเรียนสีเหลือง
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 5 ยามเช้าสีน้ำเงิน และแมเรียนสีเหลือง
ตอนที่ 5 *ยามเช้าสีน้ำเงิน* และ *แมเรียนสีเหลือง*
(TN. แปลในแปล*(ยามเช้าอันหดหู่)** (แมเรียนอันแจ่มใส)*)
แสงยามเช้าสาดส่องลงมาบนเปลือกตา แทรกผ่านเข้ากระทบดวงตา ปลุกสติให้ผ่านพ้นจากกลางคืนสู่รุ่งอรุณ สว่างจ้าไปนิด แต่ก็รู้สึกไม่เลวเลย สมองที่เริ่มแล่นรับรู้ได้ถึงเสียงร้องของนกตัวเล็ก ๆ
“อึก…อืมมมม….”
เช้าแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นวันที่วุ่นวายเลยละ
การได้พบคุณพ่อเป็นครั้งแรก ทำให้ฉันรับรู้ถึงความอ่อนแอในจิตใจที่มีมาตั้งแต่ชาติก่อน
ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะสร้างภาระหนักให้กับร่างกายมาก ๆ ฉันจำได้แค่ว่า คุณพ่อออกไปหลังทานอาหารเย็น แล้วเบลล์ซังก็ช่วยเช็ดร่างกายให้ด้วยผ้าขนหนูเปียก แล้วจากนั้นฉันก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ปกติฉันจะได้ฟังเพลงกล่อมเด็กระหว่างอ่านหนังสือภาะอยู่เสมอ แต่เมื่อวานระหว่างที่นอนบนเตียงรอเบลล์ซังกลับมาจากการเก็บกวาดได้สักประมาณสิบนาที ฉันก็ผล็อยหลับไป
ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะตื่นเช้ากว่าปกติ แต่อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฉันเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ได้ ฉันตื่นด้วยตัวเองก่อนที่จะถูกปลุกโดยเบลล์ซัง ถือเป็นเรื่องผิดปกตินิดหน่อย
ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียงนกร้องแท้ ๆ แต่กลับมาฝนตกงั้นเหรอ ถึงได้รู้สึกเปียก ๆ….หืมมม? เปียก?
“อะ…… !?”
ความรู้สึกดีที่ได้จากการนอนปลิวกระเด็นไปในทันที ฉันรีบลุกขึ้นดึงฟูกให้เปิดออกอย่างแรงด้วยความรู้สึกไม่สบายใจทันที ฉันรีบตรวจเข้าไปใต้ชุดเดรสน่ารัก ๆ ผ่านกางเกงในฟักทองเข้าไปยังผ้าหนาข้างใต้ ฉันก็ได้พบกับฝันร้ายข้างล่างนั้นทันที
“……โกหก…..”
อย่างที่ฉันพูดไป ฉันรู้สึกไม่ดีสุดๆเลย ความชื้นอุ่นๆเปียกไล่ไปจากต้นขาด้านในไปจนถึงปลายกางเกงในฟักทอง
หมายความว่ายังไงกัน เมื่อวานที่ฉันบอกว่าใกล้ที่จะสำเร็จการศึกษาแล้ว นั่นคือฉันหมายถึงฉันจะไม่ฉี่รดที่นอนแล้ว ความอับอายถูกเติมเต็มจนแก้มร้อนซ่า
“โมมมมมมมมมม๊ว”
ฉันทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง กดใบหน้าลงกับหมอนแล้วตีขาไปมา ฉันถูไถกับหมอนอย่างแรงเพื่อไล่ความร้อนที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งใบหน้าอย่างเงียบ ๆ เพื่อหลบหนีจากความเป็นจริง
“….ฉี่รดอีกแล้ว”
ดูเหมือนว่าเมื่อคืนฉันจะหลับไปด้วยไม่ได้ฉี่ ทำให้เขื่อนเล็กๆพังทลายอย่างไร้ประโยชน์ น้ำท่วมโลกของโนอาห์ได้มาเยี่ยมโดยไม่มีความเมตตา
ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่มีอยู่ทั่วไปในโลกก่อนไม่มีอยู่ในโลกนี้ที่อารยธรรมยังคงอยู่ในระดับยุคกลาง
ใช้ผ้าหนามัดปมคลุมจากท้องน้อยลงไปรอบ ๆ ห่อซ้ำด้วยผ้าบาง ๆ ให้แน่น อย่างน้อยก็มีการจัดการไม่ให้อุจจาระรั่วไหลออกมาได้ นี่เป็นภาพของผ้าอ้อมผ้าแบบเรียบง่าย
แต่ยังไงก็ตามดูเหมือนจะรอดตายล่ะ ชุดนอนกับฟูกไม่เปียก ถ้าฉันทำให้มีรอยเปื้อนบนเตียงด้วยสิ่งนี้ ฉันคงไม่มีแรงใจเหลือพอจะลุกขึ้นได้ทั้งวันแน่ ๆ
“ฮ้า….”
ฉันถอนหายใจด้วยความหดหู่หนึ่งครั้ง ก่อนจะคลานออกมาจากใต้ฟูกแล้วไปนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ห้อยเท้าลงไป ที่พื้นใช้พรมราคาแพงมาก ๆ มาปูไว้ เพราะอาจเป็นอันตรายบาดเจ็บได้ถ้าล้ม ฉันวางเท้าลงบนรองเท้าแตะแสนนุ่มนิ่ม แล้วยืนขึ้นยืดตัวยืดแขนขาสูดลมหายใจลึก ๆ
“อึ๊มๆๆ….ฟู่….โยะ โชะ”
ฉันยกชายกระโปรงขึ้นมาจนถึงเอวแล้วเลื่อนมือไปที่กางเกงในฟักทอง ฉังงอเอวลงดึงมันลงไปที่ข้อเท้า แล้วค่อย ๆ ดึงออกจากเท้าทีละข้าง จากนั้นเมื่อฉันวางมือลงบนผ้าอ้อมเพื่อถอดออก ฉันก็จำได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรไว้เช็ดและเปลี่ยน
“แย่แล้ว”
เสียงฝีเท้ากำลังเดินจากทางเดินทำให้ฉันหมดหวัง ถึงจะแน่ใจว่าต้องเป็นเบลล์ซังก็เถอะ แล้วฉันก็โล่งใจที่ได้ยินเสียงเคาะประตูเป็นจังหวะคุ้นเคยก่อนเห็นประตูห้องเปิดออก ฉันต้องลิ้มรสความรู้สึกอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากความอบอ้าวและความเปียกไปอีกสักพัก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ อริซซามะ….โอ๊ะ อาร๊าๆ….”
เบลล์ซังที่ถืออาหารเช้าเข้ามาหันมามองผ้าอ้อมที่เปียก นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกอายยิ่งกว่าทุกทีกัน ฉันดึงชายกระโปรงที่พึ่งดึงขึ้นลงปิด ก่อนหันหน้าหนี
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ ดิฉันจะนำเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนและผ้าขนหนูมาให้เองค่ะ กรุณาสักครู่นะคะ”
เบลล์ซังพูดด้วยเสียงอ่อนโยนขณะเดินเข้ามาวางถาดลงบนโต๊ะและมองมาที่ฉัน ก่อนกลับออกไปที่ทางเดินอีกครั้ง
หลังจากนั้นฉันก็ไม่สามารถนั่งลงได้ เพราะจะทำให้เตียงสกปรก ดังนั้นฉันจึงยืนนิ่งยกชายกระโปรงขึ้นอีกครั้ง ทำไมมันถึงได้น่าอายขนาดนั้นนะเหรอ ก็เพราะถ้าคุณพ่อกับเหล่าเมดคนอื่น ๆ มาเห็นฉันในสถาณการณ์แบบนี้ ฉันจะพูดกับพวกเขายังไงกันล่ะ มันคือรอบแผลตลอดชีวิตไงละ
“ขออภัยที่ให้รอนะคะ อริซซามะ มาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะค่ะ”
เบลล์ซังกลับมาในไม่กี่นาทีพร้อมผ้าขนหนู และตะกร้าที่ใส่ของจำเป็นมา ในตะกร้ามีผ้าอ้อม กางเกงในฟักทอง และชุดวันพีชใหม่อยู่ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเปลี่ยนชุดในห้อง
เบลล์ซังบอกให้ฉันดึงแขนออกจากแขนเสื้อด้านใน โดยเธอจะช่วยดึงจากด้านบน อุณหภูมิค่อนข้างเย็น เมื่อผิวได้สัมผัสอากาศโดยตรงก็จัดว่าหนาวนิดหน่อย
“เปลี่ยนผ้าอ้อมกันเลยนะคะ”
“ก๊า”
เบลล์ซังตรวจดูให้แน่ใจว่าเอาเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากตะกร้าแล้ว ก่อนที่จะวางผ้าอ้อมที่เปียกชื้นลงในตะกร้า จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูเปียกมากางออกด้วยมือขาวใสสว่าง
“จะเย็นนิดหน่อยนะคะ”
“ฮิ๊ว……”
รู้สึกเย็นบนผิว ถึงแม้จะถูกบอกมาก่อน แต่มันก็เย็นกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันส่งเสียงแปลก ๆ ทุกครั้งที่ผ้าสัมผัสตัว หลังจากถู ๆ ขัด ๆ จนพอใจ เบลล์ซังก็พันตัวฉันไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว
ท้อง สะโพก หลัง หน้าอก จากนั้นก็ถูจากแขนเลื่อนขึ้นไปไหล่ และต่อไปที่คอ จบด้วยรักแร้ พอเช็ดข้างบนเสร็จก็เปลี่ยนผ้าขนหนูเป็นผืนที่สอง คราวนี้เช็ดที่ส่วนข้างล่าง เริ่มจากข้อเท้าขึ้นมาที่เอว ไปที่ก้น และจบด้วยที่ท้องน้อย
“ใกล้จะเสร็จแล้วละค่ะ อดทนหน่อยนะคะ แล้ว……ช่วยอ้าขาให้หน่อยได้ไหมคะ?”
“อะ อืม…..”
ฉันอ้าขากว้างกว่าไหล่เล็กน้อยตามที่ถูกขอ ฉันรู้สึกอายสุดๆแบบที่รู้สึกเสมอๆ มานับคราบบนเพดานกันเถอะ หนึ่งคราบ สองคราบ
“ค๊า เรียบร้อยค่ะ ต่อไปก็จะเช็ดด้วยผ้าขนหนูแห้งนะคะ”
“ก๊า”
คราวนี้ร่างกายที่เปียกชื้นของฉันก็ถูกพันด้วยผ้าเช็ดตัวแบบหนานุ่ม สวมผ้าอ้อมใหม่ผ่านเท้า ในขณะที่มองเบลล์ซังที่แสดงความพึงพอใจออกมาผ่านดวงตา จากนั้นก็สวมกางเกงในฟักทอง ตามด้วยชุดวันพีชที่มีการตกแต่งน่ารักๆบนชายเสื้อ พันเอวด้วยริบบิ้นและหุ้มเท้าทั้งสองข้างด้วยผ้า
ถึงจะเรียกว่ากางเกงในฟักทอง แต่มันก็ไม่เหมือนกับของสมัยใหม่ที่มีให้เห็นอยู่ในชาติก่อนหรอกนะ ตรงเป้ากางเกงในไม่ได้เย็บไว้ ทำให้ถ้าไม่ได้ใส่ผ้าอ้อมอยู่ก็มองทะลุเข้าไปเห็นข้างในได้เลย แต่จากชุดของเบลล์ซังและเหล่าเมดที่ฉันเห็นในตอนแรก ดูเหมือนว่าผู้หญิงในโลกนี้จะไม่ค่อยสวมใส่ชุดชั้นในกัน เช่นเดียวกันกับยุโรปยุคกลางในชาติก่อน
(TN. โลกนี้โนแพนกันสินะ)
นั้นเป็นเรื่องที่ฉันได้รู้มาจากหนังสือก่อนตายสักเดือนหนึ่ง ถ้าฉันไม่ได้อ่านเรื่องราวของอัศวินยุคกลางจากหนังสือมือสองที่กองพะเนินอยู่ภายในห้องพักผ่อนที่มีไว้สำหรับหนีจากความเป็นจริงในช่วงพักกลางวันสั้นๆ ฉันคงงงงวยกับชุดพวกนี้แน่ๆ แต่ถึงฉันจะรู้ มันก็ยังรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องใส่อยู่ดี
และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันต้องการให้เบลล์ซังสวมชุดชั้นในซะ เพราะมันไม่ดีต่อหัวใจของฉันสุดๆไปเลย ฉันตัดสินใจแล้วว่าเมื่อไรที่มีโอกาส ฉันจะเอาตุ๊กตามาทำเป็นกางเกงในฟักทองแล้วมอบให้เป็นของขวัญกับเบลล์ซัง
“ตอนนี้มัดริบบิ้นได้เก่งขึ้นมากเลยนะคะ”
“ขอบคุณ”
ทำได้ดีมาก การมัดริบบิ้นไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องชมอย่างจริงจังแบบนี้ ฉะ ฉันไม่ได้รู้สึกอายหรอกนะ แต่ฉันจะไม่พูดออกไปหรอกนะว่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้รับคำชม ยังไงก็ตามมันยุ่งยากนิดหน่อยตอนดันแขนผ่านแขนเสื้อชุดวันพีช แต่ถ้ามองข้ามไปก็ถือว่าสบายมาก
“….ยังไงก็ตาม ผมของอริซซามะ สวยจริงๆเลยค่ะ”
“เหรอก๊ะ?”
“ค่ะ มันดูขาวราวหิมะ ให้สัมผัสที่นุ่มนวลเรียบลื่นจนถึงปลายผม ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ดิฉันก็รู้สึกทั้งหลงใหลทั้งอิจฉานิดหน่อยเลยค่ะ ฟุๆๆ”
“เบลล์ ก็ สวย”
“ม๊า… ! ขอบคุณมากนะคะ อริซซามะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็ต้องมั่นใจให้มากขึ้นแล้ว”
เบลล์ซังพูดไปหวีผมที่ไม่เป็นระเบียบด้วยนิ้วไป พร้อมยิ้มไม่หุบ ภาพที่ได้เห็นทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง มันช่วยไม่ได้นิหน่า หลังจากที่เคลิ้มมาสักพัก ฉันก็นึกได้ถึงอาหารเช้าที่วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ฉันแน่ใจว่าซุปเย็นหมดแล้ว
และในที่สุดดูเหมือนเบลล์ซังที่ลูบผมไปมาจะสังเกตเห็นถึงสายตาของฉัน เธอจึงรีบยกตะกร้าที่ใส่ผ้าขนหนูและเสื้อผ้าชุดเก่าเตรียมออกไป
“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะนำผ้าเหล่านี้ไปทำความสะอาดก่อนนะคะ ต้องการให้เปลี่ยนซุปใหม่ด้วยไหมค่ะ”
“……อืออึ ม๊ายเป็นไร”
“…งั้นเหรอค่ะ แต่จะไม่เย็นชืดไปเหรอค่ะ?”
“ดี นี่ จะทาน”
“….อริซซามะเป็นคนใจดีจริงๆเลยนะคะ ทราบแล้วค่ะ ถ้าเช่นนั้นกรุณารอสักครู่นะคะ”
“อืม”
ดูเหมือนจะโดนเข้าใจไปในทิศทางแปลก ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างนั้นเรียบง่าย ที่ฉันทำลงไปไม่ได้มีเหตุผลลึกซึ้งอะไรเลย และสงสัยว่าเธอจะไม่ยอมให้ฉันกินเองอีกแล้ว อ้า~มกับฉัน มันเป็นความสุขลับ ๆ ที่เบลล์ซังรอคอย ม๊า ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ
เมื่อประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง เบลล์ซังที่กำลังจะออกไปข้างนอกก็เกือบจะชนเข้ากับเมดที่ถือโถโดยบังเอิญ เป็นเมดสาวผมแดงที่โดนเบลล์ซังลงโทษไปเมื่อวานนี้ ใช่ที่โดนห้ามพักเที่ยงรึเปล่านะ
“…โอ๊ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“โตะๆๆๆ….ค่ะๆๆ ค่ะ! ทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นเจ้าค่ะ แมม!!”
“ใครคือแมมงั้นเหรอคะ…อาจจะไม่ดีสักเท่าไร แต่คุณช่วยเอาผ้าในตะกร้านี้ไปซักให้ทีได้ไหม?”
“ตามบัญชาค่ะ แมม!”
“….ไม่ใช่กับดิฉันสิคะ ต้องจงรักภักดีต่อตระกูลแฟร์มิลต่างหาก”
“ตามที่กล่าวค่ะ แมม! ถ้าเช่นนั้นขออนุญาตค่ะ!”
การพูดแบบนั้นกับเบลล์ซัง เป็นเรื่องที่เห็นได้ยากมาก ๆ ปกติเหล่าเมดจะใช้เวลาที่ต้องมารับใช้ฉันหรือพ่อของฉัน ดูเหมือนว่าเมดผมแดงกำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ว่ามันเป็นเรื่องสดใหม่สำหรับฉัน รู้สึกสนุกนิดหน่อยล่ะ
“ต้องขออภัยที่ทำให้ต้องเห็นเรื่องวุ่นวายด้วยนะคะ อริซซามะ ถ้าเช่นนั้นมาทานอาหารกันเถอะค่ะ”
“อืม”
เมดผมแดงชื่อว่าอะไรนะ เมื่อเห็นว่าเธอจากไปแล้ว เบลล์ซังก็กลับเข้ามาข้างใน ฉันนั่งลงบนฟูกและเบลล์ซังนั่งลงที่ปลายเตียงเช่นทุกครั้ง แก้มของฉันผ่อนคลายลงหลังได้กลับมาใช้เวลาตามชีวิตประจำวันสบายๆ
ฝาถาดเปิดออก มีซุปและขนมปังเช่นเคย….ไม่สิ วันนี้ไม่มีแอปเปิ้ล นี่อะไรน่ะ? เมล่อน?
“ของหวานวันนี้คือแมเรียนค่ะ เป็นผลผลิตพิเศษของดินแดนมาเรียนาที่พวกเราอาศัยอยู่ค่ะ”
“มาริ อัน?”
ฉันได้ยินคำพูดครึ่งหลังไม่ดีนัก แต่มาเรียนาเป็นชื่อของสถานที่อย่างแน่นอน แล้วการที่บอกว่าเป็นผลผลิตพิเศษก็ต้องเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงมากแน่ ๆ แต่ว่าแล้วเชียว ฉันยังใช้คำศัพท์ได้ไม่ดี เอาไว้ฉันจะบอกหลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้วกัน
ร่างนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว มันจะเป็นปัญหาสำหรับฉันที่จะสามารถพูดได้เฉพาะคำที่เรียบง่าย หลังจากที่พบกับคุณพ่อเมื่อวานนี้ ฉันก็รู้สึกอึดอัดมากๆที่ไม่สามารถใช้คำพูดได้ตามต้องการ
กลับเข้าเรื่อง ผลไม้สีเขียวที่หั่นเป็นรูปร่างเหมือนเรือลำนี้น่าจะเป็นแมเรียน แต่จากความรู้สึกทั้งหมดดูยังไงก็เหมือนเมล่อน แม้จะมีความรู้จากชาติก่อน ฉันก็ไม่เคยกินจริง ๆ สักครั้ง ฉันตั้งหน้าตั้งรอที่จะได้ลิ้มรสแล้ว มันจะหวานหรือจะเปรี้ยวกันนะ?
“ค่ะ อ้า~ม”
“อ้า~ม”
ฉันเปิดริมฝีปากรับช้อนที่ยื่นมาจากเบลล์ซัง ซุปเย็นหมดแล้วจริง ๆ แต่ยังอร่อยอยู่เลยไม่มีปัญหา ฉันคิดว่าทุกอย่างอร่อยไปหมดเมื่อต้องเทียบกับเยลลี่โภชนาการนรกแตกพวกนั้น
“อย่างที่คิดไว้ ซุปเย็นหมดแล้วสินะคะ?”
“ฟู้ กะ”
ฉันลิ้มรสซุปก่อนกลืนลงคอ แล้วตอบกลับเบลล์ซังอย่างซื่อตรง พร้อมยิ้มแหยๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบขนมปังมากัด ขนมปังรูปวงรีเย็นชืดหรือเกือบจะไม่มีรสชาติเลย แต่น้ำซุปรสชาติค่อนข้างเข้มข้นจึงเข้ากันได้ดี
เมื่อเห็นว่าฉันกินขนมปังเสร็จแล้ว ช้อนก็ยื่นมาอีกครั้ง การดูแลได้อย่างละเอียดอ่อนแบบนี้ ทำให้ฉันคิดว่าสมแล้วที่เบลล์ซังจะโดนยกย่องให้เป็นเมดสาวสมบูรณ์แบบ ถึงบางครั้งการเอาใจใส่ที่มากเกินไปจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดแบบแปลก ๆก็เถอะ แต่นั้นก็เป็นการมอบความรักในรูปแบบหนึ่ง
“อ้า~ม”
“อัม”
และเมื่อเบลล์ซังได้ทำแบบนี้ ก็ดูเหมือนว่าเธอจะมีออร่าความสุขพุ่งทะลุไปที่ไหนสักแห่ง ยังไงก็ตามฉันมีความสุขมากๆกับออร่านั้น
หลังจากกินขนมปังและน้ำซุปสลับกันหลาย ๆ ครั้ง ทั้งคู่ก็หมดลงพร้อมกัน นี่อยู่ในการคาดการณ์ของเบลล์ซังงั้นเหรอ? ถ้าหากคาดการณ์ได้ล่วงหน้าแบบนี้ ก็สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ
และหลังจากทั้งสองหมดลง ดวงตาของฉันก็หันไปจับจ้องของคล้ายเมล่อนที่ถูกเรียกว่าแมเรียน อาหารที่ไม่รู้จักนั้นน่าตื่นเต้นเสมอ
“ฟุๆๆ ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
“อะอู”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตัวฉันถึงได้มีอารมณ์เหมือนคนโลภตั้งแต่ที่ตัวหดเล็กกลับมาเป็นเด็ก ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะมันเป็นเรื่องจริง ฉันอยากรู้อยากเห็นกับของที่ไม่เคยรู้จักจริงๆ มันต้องเป็นเพราะช่วงอายุที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นแน่ ๆ เพราะอย่างงั้นมาลุยกันเถอะ
“ค่ะ เชิญเลย”
“ก๊า”
อั้ม เบลล์ซังตักมันด้วยช้อนขึ้นมาป้อนฉันทันที
“….อาหย่อยยย”
“หวานต่างกับแอปเปิ้ลเลยใช่ไหมล่ะคะ?”
ถ้าแอปเปิ้ลคือความหวานที่สดใหม่ เจ้าสิ่งนี้ก็เป็นรสชาติอันหรูหรา รสหวานที่อ่อนละมุนค่อย ๆแพร่กระจายไปทั่วทั้งลิ้น แต่ในทางกลับกันความหวานก็อยู่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ จนต้องรีบกัดคำต่อไป มันมีเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม
“เอาอีก เอาอีก”
“ฟุๆๆ อ้า~ม”
ในขณะที่เพลิดเพลินกับความหรูหราอย่างเต็มที่จากแมเรียนแสนหวานอร่อยอันแสนสั้นที่เบลล์ซังป้อนมา ก็พูดได้เต็มปากเลยว่า ฉันเกือบจะลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปแล้ว นั้นคือการเรียนภาษา
“เบลล์”
“ค่ะ?”
“ฉัน ต้องการรู้มากกว่านี้ สอนฉันที”
“เอ๊ะโตะ…..”
เบลล์ซังมีรอยยิ้มประทับใจ ในขณะที่ฉันพยายามต่อสู้อย่างยากลำบากเล็กน้อยในการพูดออกเสียงอย่างเชื่องช้าเพื่อขอเรียนรู้
“แน่นอนค่ะ อริซซามะเติบโตขึ้นด้วยตนเองแล้วสินะคะ”
“เหรอ?”
“ค่ะ เด็ก ๆ ที่ยังอายุน้อยเหมือนอริซซามะ ทุกคนมักจะเกลียดการเรียนและวิ่งซนไปรอบ ๆ ละค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ฉันรู้สึกเหมือนเห็นหน้าเบลล์ซังเศร้าๆอยู่ครู่นึง แต่ระหว่างที่ฉันกระพริบตาก็กลับมาเป็นรอยยิ้มปกติอีกครั้ง เมื่อกี้แค่จินตนาการไปงั้นเหรอ
“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะนำหนังสือภาพที่เหมาะสมมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วนะคะ”
“อืม”
ฉันอ่านหนังสือภาพในห้องหลายรอบพอที่จะจำเนื้อหาได้แล้ว ฉันกำลังเบื่อ ดังนั้นการที่ในไม่ช้าจะมีของใหม่ ๆ มา ทำให้ฉันดีใจมาก
ถึงอย่างนั้นการที่ได้รับการดูแลทุกสิ่งทุกอย่างจากเบลล์ซังอยู่ฝ่ายเดียว มันก็น่าหงุดหงิดมากๆที่ฉันไม่สามารถตอบแทนอะไรให้ได้เลย
“เบลล์”
“คะ”
“ขอบคุณ”
ทันใดนั้นเบลล์ซังก็มีสีหน้าอายเล็กน้อย
“…ไม่หรอกค่ะ ดิฉันทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจของดิฉันเองค่ะ!”
ฉันเอียงคอให้กับเสียงของเบลล์ซังที่ดูจะสูงผิดปกติจากทุกที ม๊า เอาเถอะ ฉันร้องขอกินแมเรียนต่อ
“เอาอีก”
“ฟุๆๆ อาหารจานโปรดได้เปลี่ยนไปแล้วสินะคะ?”
ฉันทำแก้มพองอย่างไร้เดียงสากับคำหยอกล้อของเบลล์ซัง ก่อนที่จะเห็นว่าแมเรียนหายไปหมดแล้ว ฉันไหล่ตกทันทีจนเบลล์ซังต้องรีบปลอบ มันกินเวลาอีกเล็กน้อย