ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 44 ตอนที่ 4 จะเช่นไรก็อายาเมะรึคาคิสึบาตะ
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 44 ตอนที่ 4 จะเช่นไรก็อายาเมะรึคาคิสึบาตะ
ตอนที่ 4 จะเช่นไรก็อายาเมะรึคาคิสึบาตะ(ความงดงามที่เท่าเทียมจนมิอาจเลือก)
(いずれ菖蒲か杜若 สำนวนเปรียมเทียมความงดงามของสองคนสองสิ่งขึ้นไปที่เท่าเทียมกัน)
“อืม…….”
ในขณะที่ตั้งใจลบตัวตนของเจ้าหญิงที่นั่งอยู่ถัดไปออกจากการรับรู้ ฉันก็อ่านข้อสอบอย่างสิ้นหวัง
บางทีอาจจะมีความเอาใจใส่ให้กับฉันและเจ้าหญิงเป็นพิเศษ ประโยคข้อสอบจึงอธิบายเป็นวลีที่ค่อนข้างเรียบง่าย ยังไงก็ตามก็ยังเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะเข้าใจได้ช้าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ฉันเดาประโยคที่ไม่เข้าใจจากคำที่ฉันพอจะเข้าใจแล้วและพอจะแก้ปัญหามาได้ไกลจนถึงตอนนี้ ว่ากันตามตรงจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ
ตัวอย่างเช่นระบุส่วนต่างๆของร่างกายที่พลังเวทย์มนตร์มีผลตั้งแต่กำเนิด คำตอบควรเป็นเส้นผม ทั้งหมดได้รับการสอนโดยเบลล์ซัง
“หืม”
ฉันคิดว่าเจ้าหญิงคงได้รับการศึกษาตั้งแต่อายุยังน้อยเลยขยับปากกาเขียนลงบนกระดาษได้อย่างรวดเร็ว ข้อสอบอาจจะง่ายเกินไปสำหรับเจ้าหญิงเพราะแม้แต่ฉันก็ทำได้ เธอคงพ่นลมออกจมูกด้วยความเบื่อหน่าย
ฉันไม่ควรไปกวนใจเจ้าหญิง ฉันยังมีเวลาเหลืออีกห้าสิบนาที ส่วนข้อสอบที่เหลือเห็นได้ชัดยังเหลืออีกประมาณสองในสาม ถ้าความยากเปลี่ยนไปอย่างมาก ก็จะต้องใช้เวลาในการทำที่มากขึ้น
สำหรับตอนนี้ ข้อต่อไป เอ๊ะโตะ
“ชุดเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบเวทมนตร์คืออะไร”
อ่า ฉันรู้ข้อนี้ ฉันทำได้จริงๆ คลอริน่าซังเคยอธิบายให้ฟังแล้ว
คันชั่งและน้ำแห่งการรู้แจ้ง ฉันตอบอย่างเชื่องช้าด้วยปากกาที่ไม่คุ้นเคย เชื่อมั่นและยกโทษให้ฉันที่เขีบนตัวอักษรสั่นๆและอ่านยากด้วยเถอะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนประโยคเรียบร้อยแบบนี้
ฉันฝึกเขียนตัวอักษรและประโยคในขณะที่คุณเบลล์เฝ้าดูอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเขียนได้คล่องเหมือนกับเจ้าหญิง
คำถามอื่นๆ ยังสามารถตอบได้อย่างง่ายดาย และปัญหาต่อไป
“อะ…..หืม?”
「จงเลือกคาถาที่นำมาใช้ร่วมกันกับเวทมนตร์ธาตุไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ」
เป็นคำถามเลือกคาถาแบบช้อยส์ ถึงเรียกว่าคาถา แต่ก็ไม่เหมือนคาถาที่ฉันรู้จัก เป็นภาพ”วงเวทย์”สี่ภาพเรียงกัน นั่นคือคุณจะสามารถใช้เวทมนต์ธาตุไฟได้หลังจากใส่พลังเวทมนตร์ลงไปแล้วก็จะมีไฟพุ่งออกมาสินะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ค่อนข้างอันตรายเลย
…..ไม่ว่าจะพยายามหลีกหนีจากความเป็นจริงมากแค่ไหน ข้อสอบก็ยังคงเหมือนเดิม เป็นคำถามที่ต้องแก้ให้ได้ ยังไงก็ตาม
“ฉันไม่รู้……”
ฉันเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา เป็นเสียงเบาๆที่มีเพียงฉันเท่านั้นที่ได้ยิน
ใช่ ฉันไม่รู้ ฉันไม่สามารถรู้ได้เพราะไม่ได้การสอนเรื่องวงเวทย์มา แต่มาที่นี่เพื่อเรียนรู้เรื่องนั้น
ม๊า หากเป็นข้อสอบช้อยส์ก็ยังมีความหวังอยู่ เรามาพักกันก่อนด้วยการไปข้อต่อไปกันดีกว่า
「จงเลือกคาถาที่นำมาใช้ร่วมกันกับเวทมนตร์ธาตุน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ」
“…..เอ๊ะ”
ฉันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นรอบๆกระดูกสันหลังจนสั่น ฉันเปิดดูข้อต่อไป และข้อในหน้าต่อไป
「――――ใช้ร่วมกันกับความแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ」
「――――ใช้ร่วมกันกับความเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ」
―――― สิ้นหวังแล้ว
มีคำถามแบบเดียวกันอีกสองสามข้อต่อไป ไม่สิ ข้อสอบเรื่องคาถาเวทมนตร์พวกนี้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ต้องมีคนที่ได้เปรียบจากคุณสมบัติเวทมนตร์ของตัวเอง คนที่เกิดมาพร้อมเวทมนตร์ธาตุไฟ ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับการสอนเรื่องคาถาเวทมนตร์ธาตุไฟจากพ่อแม่แน่นอน
จากการไล่ดูคร่าวๆมีความคิดที่พยายามกลบช่วงว่างด้วยการใช้เวทมนตร์ทุกแบบมาตั้งคำถาม ฉันไม่รู้ได้…..แต่ฉันกำลังสิ้นหวัง เพราะฉันไม่รู้แม้แต่ข้อเดียวเลย ฉันควรทำยังไงดี
“อู๊”
เจ้าหญิงชำเลืองมองฉันที่ส่งเสียงน่าเวทนาออกไป น่ารำคาญรึเปล่านะ ไม่สิ ต้องน่ารำคาญอยู่แล้วที่ต้องมานั่งฟังเสียงคร่พครวญของคนที่นั่งข้างๆระหว่างการสอบ ฉันขอโทษด้วยสายตาในขณะที่ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มคิดต่อ
ข้อสอบเรื่องคาถาวงเวทย์นี้ดูเหมือนจะมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของข้อสอบที่เหลืออยู่ เพียงแค่ลองคิดว่าลองปล่อยวางทั้งหมดนี้ดู ถ้าแบบนั้นก็จะเป็นการตัดคะแนนอย่างมาก ยังไงก็ตามด้วยความสัตย์จริงก็เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะทำได้ เพราะฉันไม่รู้อะไรเลย
…..ไม่สิ รอก่อน บางที――――
“…..ว่าแล้ว นี่ แบบนั้น”
ฉันเปรียบเทียบภาพวาดของวงเวทย์ทั้งหมดอย่างรวดเร็วและสร้างความกล้าเล็กๆ
บางทีนี่อาจจะ……. !
ภาพของวงเวทย์ในคำถามแรกจนถึงสุดท้ายส่วนใหญ่ซ้ำกัน ถ้าแบบนั้นแล้ว ไม่รวมหนึ่งในคำตอบที่ถูกต้อง อีกสามคาถาที่เหลือก็ไม่เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ถาม ดังนั้นน่าจะไม่ใช่คาถาวงเวทย์ที่ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง แต่น่าจะเป็นคาถาเวทมนตร์ของข้ออื่นๆ ซึ่งนั้นหมายความว่าหากดูรูปแบบที่ซ้ำๆกันในลักษณะเดียวกัน คำตอบที่ถูกต้องก็สามารถจำกัดให้แคบลงได้มากขึ้นโดยการกำจัด
“ฟุๆๆ…….. !”
แสงในความสิ้นหวัง นี่คงเป็นความผิดพลาดของคนตั้งคำถาม ฉันอยากจะยกย่องตัวเองด้วยซ้ำที่สังเกตเห็นเคล็ดลับวิธีแก้คำถามแบบนี้
ก่อนอื่นมองหาภาพที่「ไม่ได้อยู่ในช้อยส์」ของคำถามเวทมนตร์ธาตุไฟ เนื่องจากตัวเลือกต้องมีคำตอบที่ถูกต้องเสมอ หมายความว่าอย่างน้อยก็ต้องมีวงเวทย์เวทมนตร์ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ธาตุไฟอยู่
ทำซ้ำเพื่อจำกัดคาถาที่ถูกต้องให้แคบลง
“นี่และนี่”
หากทำซ้ำกับข้อสอบทั้งหมด คำตอบข้อที่มีคุณสมบัติจะปรากฎออกมาด้วยตัวเอง
ส่วนใหญ่ถูกจำกัดให้แคบลงเหลือสามทางเลือกหรือน้อยกว่าและบางส่วนได้รับการยืนยันแล้ว ขั้นแรกให้ตอบคำถามที่ได้รับการยืนยัน และทิ้งข้อที่เหลือมากกว่าสองทางเลือกขึ้นไปไว้กับการเดา
….ดีจัง อย่างน้อยก็ยังมีคำตอบที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เปอร์เซ็นต์ของคำตอบที่ถูกต้องควรสูงกว่าการเลือกสุ่มตอบจากสี่ช้อยส์เต็มๆเดิมๆ
“ฟู๊…..”
และเมื่อฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซิ้ง เจ้าหญิงจ้องมาที่ฉันอีกครั้งด้วยสายตาแหลมคมจนเหมือนมีเสียงดังออกมา ขอโทษก่ะ แต่เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ เพราะครั้งนี้ฉันวิกฤตจริง
ฉันขอโทษให้กับคำพูดในสายตาที่ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ เธอยกโทษให้ฉัน หรือว่าตะลึง เจ้าหญิงพ่นลมหายใจอีกครั้งก่อนถอนสายตาที่จ้องมาที่มือของฉันกลับไป เธอหมุนปากกาไปรอบๆและดูท่าทางว่างๆ บางทีเธอคงทำข้อสอบเสร็จแล้ว
“อะ”
ยังไงซะฉันก็ยังเหลือข้อสอบอีกหลายข้อ เมื่อฉันมองนาฬิกาอย่างเร่งรีบเวลาที่เหลือคือสิบห้านาที แย่แล้วดูเหมือนว่าฉันใช้เวลาไปมากแล้ว
ฉันรีบอ่านคำถามข้อต่อไป ใต้ประโยคคำถามสั้นๆ มีคอลัมน์คำตอบที่ค่อนข้างใหญ่ เป็นคำถามที่ให้อธิบายรึเปล่า
「จงอธิบายที่มาของเวทมนตร์」
อ้า โชคดีจัง ฉันรู้เรื่องนี้ เรื่องนี้เองเบลล์ซังก็เป็นคนสอน
นี่คือช่วงเวลาที่「แมวสีทอง」กลายเป็นหนังสือภาพเล่มโปรดมากขึ้นกว่าเดิม
“เอาล่ะ”
ต่อไป เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำถามข้อสุดท้าย เหลือเวลาอีกประมาณเจ็ดนาที จะทันเวลาหรือเปล่าน่ะ
ไม่สิ ต้องทำให้ทันเวลา
「เวทมนตร์คืออะไร」
“เอ๊ะ”
คำถามอะไรกัน …..ไม่สิ คำถามอะไรกัน
ด้วยความสับสนทำให้ฉันคิดอย่างนั้นถึงสองรอบ คำถามคลุมเครือเกินไป มีหลายอย่างอยู่ในนั้นและฉันไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไร อยากได้ยินคำตอบแบบไหนกัน
ฉันไม่คิดว่าฉันเคยได้ยินความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเวทมนตร์มาก่อนและคอลัมน์คำตอบมีขนาดเล็กเกินไปที่จะตอบอะไรแบบนั้น
อะไรดี อะไรดี…….ฉันควรตอบอะไรดี?
แล้วอืม อืม ฉันกังวลจนหัวหมุนไปหมด ติ๊ก ติ๊ก และเวลาก็ผ่านไปอย่างไร้ความปราณี เหลืออีกห้านาที เหลืออีกสี่นาที แย่แล้ว ฉันไม่มีเวลาแล้ว แบบนี้ยิ่งไม่มีความคืบหน้า ยังก็ตอบๆอะไรไปหน่อย
“เวทมนตร์…….”
เวทมนตร์คืออะไร
อย่าคิดให้ยาก เพียงแค่ใช้ความรู้สึกจากใจจริงที่ฉันรู้สึกในตอนที่ถูกถามแบบนั้น ลองเขียนไปเป็นคำตอบทั้งๆแบบนั้นเลยก็แล้วกัน ยังดีกว่าไม่ได้ตอบอะไรเลย บางทีอาจจะทำให้มีคะแนนพิเศษก็ได้
แล้วเวทมนตร์สำหรับฉันคืออะไร?
“…..อืมมมม ใช่แล้ว”
ถ้าฉันถูกบังคับให้พูดอะไรบางอย่าง ฉันจะไม่ต่อต้านและจะตอบกลับไปว่า “สิ่งที่ลอยได้” ด้วยรอยยิ้ม
ฉันเพิ่งทำข้อสอบเสร็จโดยการตอบคำถามทั้งหมด
“ถ้าเช่นนั้นจะเริ่มทำการเก็บกระดาษข้อสอบ โปรดรอสักครู่”
ฉันมองผู้คุมสอบไล่เก็บกระดาษข้อสอบทีละโต๊ะ ฉันเพิ่งตรวจคำตอบเพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดที่ไม่ระวังหรือไม่เสร็จไป แต่ตอนนี้คงแก้ใหม่ไม่ได้อีกแล้ว สายตาของฉันถูกตรึงไว้กับกระดาษข้อสอบจนลับสายตาหายไปในที่สุด ก่อนสอบฉันกังวลว่าจะไม่มีสมาธิ เพราะความคิดที่ฟุ้งซ่านไปเรื่อย แต่เมื่อฉันทำเสร็จ ฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถมีสมาธิและแก้ปัญหาได้อย่างไม่คาดคิด
บางครั้งฉันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวกับสายตาของเจ้าหญิง คงต้องแก้นิสัยพูดคนเดียวให้ได้แล้ว ในบางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงก็ได้ อย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจในการสอบวันนี้ แต่ในความเป็นจริงเจ้าหญิงเองก็ดูอารมณ์แปรปรวนเหมือนกัน ยังไงก็ต้องขอโทษให้ถูกต้อง
“อาโน้…..”
“มีอะไรเช่นนั้นรึ”
ร่างกายของฉันสั่นอีกครั้งจากความตกใจที่เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วและจับผิด ไม่ๆความคิดแบบนั้นเป็นการหยาบคาย ฉันแน่ใจว่าเธอคงรู้สึกไม่ดีที่มีแต่คนทำท่าทางกลัวเธอ
ฉันหายใจเข้าลึกๆ และมองตาเธอตรงๆ
“หนูขอโทษก่ะ หนวกหู…..สินะกะ?”
“หืม?”
เจ้าทำหน้าครุ่นคิดแล้วทันใดนั้นก็ส่งเสียง อ้า และจับมือฉันทันที การแสดงออกของเธอดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะพ่นลมหายใจอีกครั้ง บางทีนั้นอาจเป็นนิสัยส่วนตัวของเธอ
“ไม่นี่ ฉันแค่สงสัยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเธอจะทำข้อสอบได้หรือเปล่า”
“งะ งั้น….เหรอกะ”
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงไม่ได้หงุดหงิดกับเสียงของฉัน ดูเหมือนจะไม่มีอะไร โล่งอกจัง เพราะถึงแม้จะทำข้อสอบได้ แต่ถ้าเกิดเจ้าหญิงไม่ชอบหน้าขึ้นมาแล้ว อนาคตคงจะไม่ปลอดภัยแน่ๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันก็สบายใจ เจ้าหญิงมองมาที่ฉันอย่างโล่งอกและทำปากอู้อี้ ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง ฉันกลั้นใจภาวนาอย่าให้เป็นคำวิจารณ์หรือคำเยาะเย้ยที่ออกมาจากริมฝีปากที่แหลมคมของเธอเลย
“แล้ว เป็นยังไงบ้าง”
“……เอ่อ?”
“ก็การสอบไง ทำได้ไหม?”
“เอ๊ะ”
เอ๊ะ
เป็นคำที่คาดไม่ถึงที่พูดออกมา ซึ่งหากตีความในแง่ดีอาจถือได้ว่าเป็นความห่วงใย ฉันรู้สึกสับสนเพราะค่อนข้างแตกต่างจากที่ฉันคิดไว้ แน่นอนว่าจะเป็นการหยาบคายหากไม่ตอบกลับ ดังนั้นฉันจึงรีบตอบกลับทันที
“อะ อืม…..ไม่ ก่ะ ทำได้ ทั้งหมดก่ะ”
“ห๊ะ?”
จากนั้นเจ้าหญิงก็กลอกตาและครุ่นคิดอีกครั้ง
และเธอก็ถามอีกครั้งในขณะที่หมุนปากกาในมือไปด้วย
“ข้อสอบคาถาวงเวทย์ก็ด้วย? ฉันไม่คิดหรอกนะว่าจะมีนักเรียนใหม่คนไหนนอกจากฉันที่จะแก้ได้”
“เอ๊ะ”
“นั่นน่ะ เป็นสิ่งที่เธอจะได้เรียนหลังจากได้เรียนพื้นฐานที่โรงเรียนไปแล้ว ไม่ใช่ข้อสอบที่จะเอามาใช้สอบในช่วงเริ่มต้นของการรับเข้าเรียนหรอกนะ ใช่ไหมล่ะ?”
ใช่ไหมล่ะ แม้เจ้าหญิงจะพูดแบบนั้น แต่ฉันก็ตอบกลับไม่ได้
เจ้าหญิงใช้คางชี้รอบๆ ซึ่งหากตั้งใจฟังจะได้ยินแต่การพูดคุยเรื่องข้อสอบคาถาเวทมนตร์
“เน่ๆเธอน่ะ ทำข้อสอบได้ไหม? ผมไม่รู้เรื่องเลย ตอบเดามั่วๆไปเกือบทุกข้อ…….”
“อ้า ดีใจจัง ฉันเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ท่านพ่อแทบไม่ได้สอนอะไรฉันเลยด้วยซ้ำ”
“…..ฟู๊ว ใช่ๆ บางทีอาจมีคนทำได้ แต่ผมไม่รู้สักข้อ กังวลจัง”
“ใช่ ฉันก็ด้วย ……ว่าไปแล้ว คุณคือ?”
“ขออภัยที่แนะนำตัวช้า ผมคือ ――――”
แล้วฉันก็ไม่ได้ฟังต่อ เพราะดูเหมือนต่อจากนั้นจะเป็นการแนะนำตัวแบบไร้เดียงสา ฉันมองย้อนกลับไปที่เจ้าหญิง เน๊ะ? ฉันพยักหน้าพงกๆให้กับสายตาที่ส่งเสียงแบบนั้น
อะไรกัน โชคดีจัง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่ไม่เข้าใจข้อสอบ ถ้าฟังทุกคนรอบตัว ใครๆต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังมีเด็กหลายคนไม่พอใจกับการออกข้อสอบแบบนี้ ไม่รู้ว่าผู้คุมสอบกลัวการประท้วงหรือไม่ยังไง เขาออกจากห้องสอบไปด้วยความเร่งรีบ จึงเหลือแค่การประกาศผลสอบในวันพรุ่งนี้เพียงเท่านั้น
“ขอยืนยันให้แน่ใจ แฟล์มีล…..พ่อของเธอไม่น่าจะใช้เวทมนตร์ได้ เพราะงั้นเธอได้รับการศึกษาเรื่องเวทมนตร์มาจากที่ไหนกัน”
อย่างที่คาดไว้ ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะได้ข้อมูลบางอย่างมาจากเพียงแค่รู้ชื่อตระกูลโดยที่ยังไม่ได้คุยกับฉัน
ยังไงก็ตามเจ้าหญิงกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่ได้รับการศึกษาเรื่องรูปแบบคาถาเวทมนตร์ใดๆมาเลย และฉันไม่ใช่อัจฉริยะที่จะสามารถบอกได้ว่าคาถาวงเวทย์ใดเป็นของเวทมนตร์ใดจากเพียงแค่การมอง
ถ้าเกิดว่ามีการประเมินฉันเกินจริง ฉันสาบานว่าจะปฏิเสธอย่างจริงจัง เพราะถ้าถูกประเมินให้ดูดีแบบนั้นจะต้องส่งผลเสียใจภายหลังแน่นอน
“อือึอ หนูไม่รู้ว่าคาถาเวทมนตร์คืออะไร”
“ฮะ?”
เจ้าหญิงอ้าปากพะงาบๆไม่สมภาพลักษณ์คุณหนูสูงศักดิ์
ใช้เวลาสักพักกว่าที่เธอจะหยุดและกลับมาจ้องฉันอีกครั้ง
“….ไม่มีทาง ทุจริต――――”
“มะ ไม่ใช่ก่ะ!”
ฉันถูกสงสัยว่าติดสินบนหรือฉ้อโกง เวลารอบตัวฉันราวกับจะหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่ฉันจะรีบส่ายหัวปฏิเสธ ชีวิตในรัวโรงเรียนของฉันเกือบสิ้นสุดลงด้วยความเข้าใจผิด ฉันขอร้องว่าอย่ารีบตัดสินแบบนั้น
“ถ้าอย่างงั้นเธอหมายความว่ายังไง ถ้าเธอไม่รู้ก็เหลือแค่การใช้สัญชาตญาณในการเดาแก้ปัญหาเท่านั้น”
“เอ๊ะโตะ…..”
ด้วยความรู้สึกผิดนิดหน่อย ฉันจึงบอกเธอว่าฉันใช้วิธีไหนในการแก้โจทย์ข้อสอบ ในตอนแรกเจ้าหญิงเอียงหัวของเธอฟัง แต่เมื่อฟังคำอธิบายของฉันไปเรื่อยๆ การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าประหลาดใจ มาถึงขั้นนี้แล้วเธอคงไม่คิดว่าฉันจะมีพฤติกรรมทุจริตจริงๆใช่ไหม
เจ้าหญิงที่ถูกแช่แข็งมาระยะหนึ่งเริ่มหัวเราะด้วยเหตุผลบางอย่างจนทำให้ฉันกลัว บางทีฉันอาจต้องเริ่มคิดแผนการลาออกจากโรงเรียนเอาไว้แล้ว ดวงตาของฉันชุ่มไปด้วยน้ำตาอย่างห้ามไม่อยู่
อา ขอโทษด้วยนะทุกคน…..ดูเหมือนฉันจะล้มเหลว ――――
“คุฟุ อะฮาๆๆ……. ! ไม่มีทางมีช่องโหว่แบบนั้นแน่ๆ ไม่สิ ไม่ใช่ช่วงโหว่ ไม่สิบางทีอาจเป็นปัญหาที่ลองสังเกตให้ดีหน่อยก็อาจเห็นได้ ทำเอาการแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมาดูงี่เง่าไปเลย ฮ่าๆๆ”
“จะ จ้าวหญิง…..?”
บรรยากาศที่ดูสง่างามและแหลมคมที่มีมาจนถึงตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหนแล้วกัน เจ้าหญิงที่หัวเราะอย่างมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฉันรู้สึกประทับใจอย่างมากกับใบหน้าสวยนั่น เพราะมีรอยยิ้มสวยเบ่งบานและความน่ารักที่นุ่มนวลอยู่ร่วมกัน ชั่วพริบตาเดียวฉันก็รู้สึกว่าตัวเองหลงเสน่ห์ใบหน้านั่นไปแล้ว
“เอาสิ ดีมาก ดูเหมือนฉันจะคิดผิด ไม่ใช่เพื่อหน้าตาของพ่อแม่ แต่เธอมีพรสวรรค์พอที่จะเข้าโรงเรียนในวัยนี้จริง”
“เอ๊ะ”
ฉันหลงใหลในดวงตาของเจ้าหญิงที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ความฉลาดลึกลับที่อยู่ในนั้น ดูเหมือนกับกำลังพยายามมองเข้ามาในส่วนลึกของฉัน จากนั้นสักครู่ฉันก็รู้สึกเหมือนไหล่ได้ผ่อนคลาย
“ฟุมุ ฉันขอบอกว่าฉันยอมรับในตัวเธอ เธอช่างแตกต่างจากพวกโง่เขลาทั่วไปที่ชอบอยู่รอบตัวฉัน”
“พะ พวกโง้เคลา….?”
“…..คำศัพท์ที่เหมาะสมกับวัย ช่างขัดแย้งจริงๆ ม๊า เอาเถอะ”
เจ้าหญิงยืนขึ้นและหันหลังทำให้กระโปรงชุดยาวสั่นไหวอย่างแผ่วเบา
จากนั้นเหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังห้องก็เดินออกมา เบลล์ซังและมิร่าซังเดินตามหลังมาหนึ่งก้าว
แล้วในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ประตูห้อง เจ้าหญิงก็หันมาเพียงคอของเธอ ริมฝีปากที่ผูกเป็นปมแห่งความเบื่อตั้งแต่พิธีเปิดภาคการศึกษา เผลอแป๊ปเดียวก็คลี่ออกวาดเป็นเส้นโค้งอหังการ
“อริซ ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันจะรอคอยที่จะได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกันกับเธอ”
วันแรกของชีวิตในโรงเรียน ในการสอบคัดแยก เกิดอะไรขึ้นกัน หัวของฉันตามไม่ทันแล้ว
――――แต่ดูเหมือนเห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงจะชอบใจเอามากๆ