ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 20 เหตุใดแรงงานทาสเช่นเขาจึงกลายเป็นบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติ
- Home
- All Mangas
- ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 20 เหตุใดแรงงานทาสเช่นเขาจึงกลายเป็นบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติ
ตอนที่ 20 เหตุใดแรงงานทาสเช่นเขาจึงกลายเป็นบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติ
ลูกศรปักยื่นออกมาโดดเด่น
เร็วเกินไป ง่ายเกินไป
เขี้ยวของสัตว์ร้ายเจาะลงบนร่างที่เห็นอยู่ทุกวัน
“――เบลล์!?”
กว่าที่ฉันจะรู้ตัวว่าเบลล์ซังเข้ามากอดปกป้องฉันไว้ มันก็สายไปแล้ว
ตุ๊บ แรงกระแทกส่งผ่านมาทั่วร่างกายของฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ของเหลวอุ่นๆจากร่างกายของเบลล์ซังหยดลงกระทบแก้มของฉันทั้งๆอย่างนั้น
ทำไม ทำไม?
มันเกิดอะไรขึ้นกัน หัวของฉันขาวโพลนไปหมด ฉันไม่สามารถคิดอะไรได้เลย
ใคร ทำแบบนั้น ทำไม
แต่ ตอนนี้ฉันไม่สามารถสนใจเรื่องอะไรได้ทั้งนั้น
มิร่าซังลังเลว่าควรจะวิ่งไล่ตามมือธนูเจ้าของลูกศรนี้ไปดีหรือไม่
แต่ในขณะเดียวกัน ฮูดปีศาจก็กลมกลืนกับฝูงชนหายตัวไปแล้ว
กรอด มิร่าซังกัดฟัน ก่อนดันคลอริน่าซังที่ยังตกตะลึงอยู่ข้างๆฉันออกไป
“ฮิเมะ!น๊อกซ์เบลซัง!”
“ไม่ต้องเป็นห่วง หรอกค่ะ มิแรนด้าซัง……..”
เบลล์ซังไม่ได้เรียกมิร่าซังด้วย “ซามะ” ในฐานะเมดต่ออัศวิน แต่เป็น “ซัง” ในฐานะผู้ติดตามเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าในฐานะเพื่อน จะพูดเช่นนั้นก็ได้
เสียงของเธอดูเจ็บปวดและทรมาน
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่สมควรจะไม่เป็นไรแน่นอน
“คุ อึก…….”
ทันใดนั้นเบลล์ซังก็ทำสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเนี่องจากไหล่ขยับเพราะการหายใจ
จากนั้นเธอก็พยายามเอือมมือไปที่หลังพร้อมพยายามดึงลูกศรที่ปักอยู่ออกด้วยตัวเอง
“……..อะ …….อริซ、ซามะ、ไม่เป็นไร、ใช่ไหมคะ……..?”
“บะ เบล…….?”
และจากนั้น เบลล์ซังก็อ่อนแรงลง ในขณะที่เอนตัวลงมาหาฉัน
“…….โล่งอก、ไปทีค่ะ”
เธอมีรอยยิ้มผสมผสานระหว่างความเศร้าและความโล่งใจ “โล่งอกไปที” เธอพูดแบบนั้น
―――― โล่งอก?
……ผิด ผิดแล้ว มันต้องไม่ใช่แบบนั้นสิ
สิ่งที่ฉันรัก ไม่ใช่ใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบนี้สักหน่อย
ไม่ใช่รอยยิ้มอันขมขื่น ไม่ใช่ความอ่อนโยน ไม่ใช่ความสำราญใจ
ที่ฉันรักคือใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเบลล์ซังที่ทำให้ฉันมีความสุขอยู่ทุกวันต่างหาก
ฉันไม่สนใจว่าพวกเราจะมีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยไหม ฉันขอแค่ได้สนุกกับวันเวลาที่ได้อยู่กับเบลล์ซังก็พอแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าแผลที่ทำให้เบลล์ซังทรมานนั้นเลวร้ายแค่ไหน
แต่นั่นไม่สำคัญ
เบลล์ซังมีเลือดออก กำลังเจ็บปวด มีใบหน้าเหมือนกำลังร้องไห้
นี่น่ะ “โล่งอก” ได้งั้นเหรอ?
เพราะฉันปลอดภัย?
เพราะยังไม่ตาย?
―――― เพราะยอมรับความเคราะห์ร้ายไปแทนฉันงั้นเหรอ?
“ไม่ ดี นี่…..”
“อริซซามะ…….?”
ก่อนที่จะทันรู้ตัว ร่างกายของฉันก็ขยับไปเองแล้ว
” ―――― ไม่ดี!”
ฉันพยายามดึงเบลล์ซังที่ใกล้จะล้มเต็มทีเข้ามากอด
เอามือวางไว้บนแผลที่มีรอยเปื้อนสีแดงเป็นวงกว้าง ฉันนึกถึงคำพูดที่เบลล์ซังบอกไว้ในวันหนึ่ง
――――『บางทีอริซซามะน่าจะสามารถใช้เวทมนตร์รักษาอาการบาดเจ็บ และความเจ็บป่วยได้ก็ได้นะคะ เพราะท่านมีสีผมที่เหมือนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ในเทพนิยายเลย』
ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง
แต่ฉันเชื่อเธอ
บางครั้งฉันก็เข้าใจผิดไปเอง อย่างไรก็ตาม เบลล์ซังเป็นที่เข้าใจฉันดีที่สุด ดังนั้นเมื่อเธอเชื่อเช่นนั้น ฉันก็พร้อมจะเชื่อ
ใช่แล้ว ฉันจะสับสนไม่ได้
ใช่แล้ว ฉันทำได้
“เบลล์ เบลล์……..!”
เพียงแค่เรียกชื่อของเธอมันก็กลับกลายเป็นว่ามีพลังล้นออกมาเต็มเปี่ยม ฉันสัมผัสได้ว่าดวงตาของตัวเองกำลังเปล่างประกายสีทอง
คิดถึงการรักษา รวบรวมพลังเวทมนต์ให้ไหวเวียนอยู่บนมือ
จากนั้นจิตนาการถึงวิธีรักษาแผลให้ปิดครั้งแล้วครั้งเล่า
และค่อยๆปล่อยพลังเวทมนตร์จากฝ่ามือสู่แผล
“อริซซามะ นี่มันอะ……”
“ฮิเมะ……?”
ฉันรับรู้ได้เลยว่าพลังเวทมนตร์ของฉันกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของเบลล์ซังแน่นอน
สิ่งที่ฉันทำไม่ได้คือการควบคุมพลังเวทมนตร์นอกร่างกายตัวเองได้
แต่ แม้จะแค่นั้น
“อุ อู…….”
ไม่ปกติ เริ่มไม่ปกติแล้ว
เป็นวิธีที่ต่างออกไปแน่นอน
รักษา รักษา …..คืนสภาพ คืนสภาพเต็มที่
ไม่ ยังไม่ใช่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเลย ฉันจะล้มเหลวงั้นเหรอ
ถ้าอย่างงั้น ใช่แล้ว “พันธสัญญา”
” ―― เบลล์……. !”
พลังเวทมนตร์ที่จมหายไปในบาดแผลถูกดึงกลับมา และถูกควบคุมด้วยอิมเมจให้รักษาบาดแผล
เมื่อสามารถปล่อยพลังเวทมนต์ให้อย่างอิสระครั้งหนึ่งแล้ว พวกมันก็แล่นกลับสู่ร่างกายของฉันผ่านทางมือ
“อะคู……. !”
เปรี๊ยะ และความเจ็บปวดวิ่งไปทั่วแผ่นหลังของฉัน
ฉันรู้สึกได้ว่า ผิวหนังกำลังปริแตก เหมือนถูกเจาะเป็นหลุมลงไป
ฉันเข้าใจแล้ว ความเจ็บปวดที่กำลังขยายแผลอยู่บนหลังของฉัน ไม่ผิดแน่ มันคือแผลที่หลังของเบลล์ซังที่กำลังปิดลงเรื่อยๆ
…….ฉันทำได้ ฉันสามารถรักษาได้
ฉันช่วบเบลล์ซังได้ ――――!!
“ความเจ็บ กำลังหาย……อริซซามะ !? “
“ฮะ ฮิเมะ!หลังท่าน…….. !?”
“ม๊ายเป็นรัย……..”
หยาดหยดสีแดงไหลรินออกมาจากหลังของฉัน ย้อมชุดที่ใส่อยู่ให้กลายเป็นสีแดง
เบลล์ซังกรีดร้องขอร้องให้ฉันหยุด
แต่
หยดเลือดแต่ละหยดที่ไหลออกจากหลัง คือ ตัวแทนคำพูดของฉัน
ฉันยังไม่เก่งคำศัพท์พอที่จะสามารถบอกเธอได้เอง ฉันรักเบลล์ซังมากๆ
แม้ว่าร่างกายนี้จะต้องตาย ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกใดๆที่มีต่อเธอได้
ความเจ็บ ไม่มากพอที่จะสามารถหยุดฉันได้
เพียงแต่ เพียงแต่ ฉัน
“แต่ อริซซามะ……… !”
“――――เบลล์ เจ็บ อกของฉัน เจ็บกว่า เพราะอย่……”
ความเจ็บจากหลังกระจายไปทั่วตัว ฉันรู้สึกร้าวในหัวจนมึน
บาดแผลของเบลล์ซังกำลังปิดลงเรื่อยๆ
ไม่ใส่ใจเหงื่อเย็นที่หยดลงมา ฉันดึงพลังเวทมนตร์กลับมาเรื่อยๆ
ความเจ็บปวดและเลือดที่เสียไป ได้ลิดรอนพรากทั้งความคิดและกำลังกาย
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ยังคงแจ่มชัดและไม่ลบเลือนหายไป
“เบลล์”
“อริซซามะ………?”
ตรวจจนแน่ใจว่าแผลปิดสนิทแล้ว ก่อนที่จะปล่อยมือออกมา
แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงถูกความง่วงเข้าโจมตีอย่างรุนแรง
ฉันพยายามยิ้มให้ดีที่สุด มอบให้เบลล์ซังที่น้ำตาไหลนองลูบแก้มของฉันฉยู่
แต่ว่า ฉัน เรื่องของเธอ เบลล์ซัง เบลล์ของฉัน
“รักที่สุดเลย”
ฉันไม่ได้ยินว่าเธอตอบกลับมาว่ายังไง แต่ต้องเป็นคำว่ารักกลับมาแน่นอน
และจิตสำนึกของก็ถูกย้อมเป็นสีขาวโพลนก่อนจะวูบหายไป
อริซซามะกำลังหลับ
เธอเอาบาดแผลไปจากฉันด้วยเวทมนตร์ลึกลับ
โชคดีที่มิแรนด้าซังรู้วิธีรับมือกับอาการบาดเจ็บจากอาวุธลักษณะดังกล่าว นอกจากนี้เพราะอยู่ในเมืองจึงสามารถพาตัวไปรักษาได้อย่างทันท่วงที
แต่เดิมแล้ว แม้ว่าบาดแผลจะเจาะลึกแต่ก็ไม่โดนจุดสำคัญ ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงหากได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ถ้านั้นเป็นเรื่องราวของดิฉันเอง
โดยธรรมชาติแล้วเด็กเล็กๆจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานต่อการบาดเจ็บและโรคน้อยอยู่แล้ว แต่ยิ่งกับอริซซามะที่มีความแข็งแรงทางร่างกายน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ยิ่งน้อยไปใหญ่
หมอที่ถูกเรียกมาได้ทำการล้างแผลด้วยไวท์ และพันแผลด้วยผ้า จากนั้นหลังเฝ้าดูอาการระยะหนึ่ง เขาก็บอกว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ ตอนนี้อริซซามะก็หลับมาสามวันแล้ว
แม้มีบางครั้งที่ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะลุกขึ้น ฉันไม่เห็นสัญญาณใดๆเลย
ดิฉันอยากอยู่เคียงข้างท่านตลอดเวลาจริงๆ แต่ดิฉันทนไม่ได้จริงๆ ดิฉันเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นผ้าที่พันไว้บนแผล
“ไม่รู้ว่าใช่ความผิดของพวกกลุ่มต่อต้านรึไม่อย่างงั้นรึ?”
“อ้า เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นแค่ทาส ที่ใช้เส้นสายจัดเตรียมและซื้อมาอย่างระมัดระวัง จนแม้แต่ข้าก็ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้บงการ………แต่ ข้าก็กล้าพูดว่าต้องใช่แน่ๆ”
“งั้นเหรอ”
“…..ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าทำถึงขนาดนี้”
“พวกมันก็ไม่เคยสนหัวใครแบบนี้อยู่แล้ว”
“….อ้า”
ดังนั้นเพื่อเป็นการหาข้ออ้างที่จะหนีออกมา ดิฉันจึงมาอยู่ที่นี่รับฟังการสนทนาอย่างเงียบๆ และค่อยรินน้ำลงในแก้วของฮาร์ททีเรียซามะ และ ลาบริกซ์ซามะ
“………อริซ”
เสียงพึมพำของฮาร์ททีเรียซามะ ลึกและเจ็บปวด มันทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ในที่สุด ดิฉันก็สามารถออกมาข้างนอกได้
ดิฉันแสดงรอยยิ้มได้อย่างเต็มกลืน
เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นบาดแผลภายในจิตใจอย่างแน่นอน บางทีอาจจะทำให้ออกไปข้างนอกไม่ได้อีกแล้ว
ดิฉันสัญญา ดิฉันจะไม่ยอมให้จิตใจแตกสลายไปมากกว่านี้
“อริซ ซามะ……”
“…..เบลล์”
คลื่นอารมณ์กรูกันออกมาไม่หยุด ทั้งเสียง ทั้งน้ำตา ต่างเอ่อล้น
ไม่มีแม้แต่คำตำหนิ มีเพียงแค่เสียงเศร้าๆของฮาร์ททีเรียซามะ หัวใจของท่านช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่เพราะแบบนั้น ฉันจึงทรุดลงคลุกเข่าร้องไห้ ปล่อยออกมาอย่างหยุดไม่ได้
“ทำไม ทำไมถึงต้องเป็นดิฉัน………. !”
ดิฉันไม่ได้พูด แม้แต่คำที่ง่ายที่สุดก็ไม่ได้เปล่งออกไป แบบนั้นแล้ว ดิฉันรู้ว่าแบบนั้นก็ไม่ต่างกับการปฏิเสธความรู้สึกของอริซซามะ
แต่ว่า แต่ว่าเรื่องนั้นมัน ดิฉันไม่ได้ต้องการปฏิเสธเช่นนั้น
ดิฉัน ――――ไม่สิ ดิฉันไม่ได้เอาตัวเข้าปกป้องจนบาดเจ็บเพื่อต้องการสิ่งนั้น
มันอาจจะเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมากๆ แต่ว่า เรื่องนั้นน่ะ
หากไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่เงอะงะนั้นอีกแล้ว โลกใบนี้ก็ไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปแล้ว
“เบลล์ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
“อ…..ค่ะ คะ”
เมื่อฉันเงยหน้า ก็เห็นน้ำตาไหลอาบแก้มของฮาร์ททีเรียซามะ ไม่ใช่มีแค่ดิฉันที่เป็นทุกข์
มันแน่นอนอยู่แล้ว นายท่านเป็นท่านพ่อของอริซซามะ
“…….ข้าจะคุยกับลาบริกซ์ต่ออีกสักหน่อย เจ้าจะช่วยอยู่กับอริซได้รึไม่”
“….ค่ะ”
“เจ้าควรจะรู้ตัวดีว่า เจ้าเป็นคนที่อริซไว้ใจมากที่สุด เพราะงั้นแค่อยู่ใกล้ๆและดูแลเธอซะ”
ดิฉันรู้ดีเป็นตนเองเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด มันเป็นทั้งความภาคภูมิใจและเรื่องที่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย
อริซซามะเชื่อในตัวดิฉันจนยอมตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น …..ดังนั้น ดิฉันมีเพียงต้องอุทิศร่างกายนี้กลับไป
“ถ้าเช่นนั้น ขอตัวก่อนนะคะ”
“…….อ้า”
ดิฉันก้าวเท้าอันหนักอึ้งออกจากห้องทำงานของฮาร์ททีเรียซามะ
“…..คาลเมียร์?”
“อะ …….เอ๊ะโตะ คือว่า”
เมื่อมองไปที่ท่าทางของคาลเมียร์ ดิฉันก็เข้าใจทันที
“ผู้บงการคือเหล่ากลุ่มต่อต้านอย่างแน่นอน แต่ว่า……ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก”
“แต่ แมม……..”
“เพราะดิฉันไม่สามารถขยับได้อย่างทันท่วงทีต่างหาก แค่นั้นแหละเข้าใจไหม”
“ไม่หรอกค่ะ แมมสามารถปกป้องอริซซามะได้อย่างไม่มีผิดพลาดค่ะ”
“……จะบอกว่าอริซซามะทำผิดเช่นนั้นรึ?”
ดิฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังระเบิดความโกรธออกมาอย่างรุนแรงโดยไร้เหตุผล เมื่อรู้สึกตัวเช่นนั้น ดิฉันก็ส่ายหัวของตัวเองเพื่อเรียกความสงบเยือกเย็นกลับมา
“…..ขอโทษด้วย ดิฉันจะไปดูอาการอริซซามะสักหน่อย”
“…..ค่ะ”
อริซซามะยังคงหลับอยู่ ทุกคนรอบตัวดิฉันรู้ดี
มิแรนด้าซังไม่จำเป็นต้องพูดถึงก็เข้าใจได้ คลอริน่าซังรู้สึกผิดบางอย่าง และมาเยี่ยมเกือบทุกวัน
ดิฉันก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ก่อนเคาะประตูห้องเบาๆ
ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“อริซซามะ ขออนุญาตนะคะ”
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นอริซซามะนอนหลับตาอยู่บนเตียง
ดิฉันปิดประตูข้างหลังอย่างเงียบๆ ก่อนไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง
หนังสือภาพที่ปกติจะกระจัดกระจายอยู่บนเตียงเสมอๆ ยังคงวางซ้อนกันอยู่บนชั้นวางอย่างเรียบร้อย ความเหงาที่ไม่ได้ถูกอ่านล้นออกมา
“อริซซามะ…….”
ดิฉันนั่งลงที่ขอบเตียงเช่นทุกวัน
ดึงผ้าคลุมเตียงลงเล็กน้อย แล้วยกไหล่ซ้ายขึ้นเบาๆ มองไปที่ผ้าที่พันแผลอยู่ด้านหลัง
เกือบที่จะไม่มีเลือดออกมาแล้ว จึงยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าใหม่
“เบะ เบล”
ทันใดนั้นดิฉันก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง
แต่ทว่า อริซซามะยังคงหลับตาอยู่ ช่างน่าสงสัยจริงๆว่าเธอกำลังฝันอะไรอยู่กันนะ
ดิฉันหวังว่าอย่างน้อยเธอจะมีความสุขอยู่ในความฝัน
ยังไงก็ตามสีหน้าที่แสดงออกบ่งบอกถึงความเจ็บปวด
เช่นนั้น
“……ภายใต้แสงจันทร์”
ด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ดิฉันในตอนนี้จะทำได้ ใส่ความรู้สึกทั้งหมดลงไป
ร้องเพลงกล่อมเด็ก
“อ้า ที่รักของข้า เอียงหูของเจ้าเข้ามาหน่อยได้ไหม ข้าอยากจะอ่านจดหมายให้เจ้าฟัง”
เล่าเรียงร้อยนิทานอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของเพลงนี้คือการบอกรัก
ดิฉันเชื่อว่าหากอริซซามะได้ฟังเพลงนี้ เธอจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน
“จนกว่าเทียนจะละลายจนสิ้นในยามราตรี จนกว่าแสงนี้จะดับลง”
มีเรื่องราวต่างๆมากมายฉายขึ้นมาในใจดิฉัน
วันแรกที่ลืมตาสะลึมสะลือราวกับลูกสุนัขตัวน้อย
วันแรกที่ฉี่ได้เอง
วันที่เลิกใช้ผ้าอ้อมได้สำเร็จ
ดวงตาขุ่นมัวในวันแรกที่พวกเราได้พบกัน
ดวงตาเปล่งประกายสดใสในวันที่หัวเราะด้วยกันเป็นครั้งแรก
ดิฉันจำได้ทั้งหมด
ทุกคำอวยพรที่มอบให้
แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นหนังสือภาพจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่ยอมให้จบลงเช่นนี้เด็ดขาด
ดังนั้น ดังนั้นแล้วได้โปรด
“ได้โปรด ลืมตาขึ้นมาด้วยเถอะค่ะ………”
รวบรวมความรู้สึกใส่ลงในเสียงสะท้อนกังวานจนหยดสุดท้าย เปิดตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา――――
“……..เบลล์?”
ลืมตาเปิดอยู่
“อริซ ซามะ………?”
ดวงตาสีทองมองตรงมาที่ดิฉัน
ริมฝีปากสีพีชอ่อน เรียกชื่อของดิฉันอย่างแน่นอน
“เพลงนี้ ชอบ”
“……――――อ้า อ้าาาาาา…..อริซซามะ…….. !”
ดิฉันพุ่งตัวเข้ากอดอริซซามะด้วยลืมเรื่องบาดแผลไป ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
เป็นการกระทำที่ทั้งหยาบคาย ทั้งเป็นอันตราย และสร้างภาระต่อร่างกายของอริซซามะ ที่หากเป็นเวลาปกติ ดิฉันจะไม่มีทางอนุญาตให้ตนเองได้กระทำอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ ดิฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้ว และอริซซามะก็ยอมให้ดิฉันกอดอย่างเงียบๆ
“อึก อู”
“อริซซามะ อริซซามะ…..”
“…..ขอโทษนะ เบลล์ ฉัน ต้องช่วยเบลล์ ฉันรู้แค่นั้น”
ดิฉันสะอื้นไห้ปะปนกลับไป ค่ะ ค่ะ
ตอนนี้อริซซามะได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แค่นั้น ก็ดีแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อริซซามะ”
“ฉันเองก็ม๊ายเป็นรัย เบลล์”
จากนั้นดิฉันก็ปล่อยตัวอริซซามะ ก่อนหันหน้าเข้าหากัน สีหน้าของอริซซามะดูราวกับอยู่ห่างไกลออกไป
“ฉัน กำลังคิด”
“……ค่ะ”
“ทำยังไงถึงจะมีความสุข ความสุขคืออะไร”
ผมสีเงินพริ้วไสวอย่างเชื่องช้า
นี่คือเรื่องที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของอริซซามะอย่างแน่นอน
“ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันกับเบลล์ตลอดไปก็พอ ฉันคิดว่านั้นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ”
“อริซซามะ…….”
“แต่ มันไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันต้องทำบางอย่างเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันต่อไป”
ดิฉันเข้าใจคำพูดนับจากจุดนั้นดี
ในตอนเล่นดิสแตน หรือในห้องทำงาน หรือแม้แต่ในตลาด
อริซซามะก็คิดถึง”พวกเขา”เสมอๆ
“ถึงฉันจะไม่สามารถทำทุกอย่างได้ แต่ แต่ถ้าแค่รอบๆตัวของฉันล่ะก็ ต้องเปลี่ยนแปลงได้ แน่นอน”
คำสอนที่เรียกว่า Noblesse oblige
ผู้มีอำนาจมีภาระหน้าที่ในการปกป้องผู้ไม่มีอำนาจ นั้นคือสิ่งที่ราชอาณาจักรในตอนนี้ขาดหายไป เมื่อเป็นเช่นนั้น กลุ่มต่อต้านจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา และทำให้เกิดคดีในครั้งนี้ในทางอ้อม
หากมีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงก็จะทำ แม้จะเป็นการเปลี่ยนได้เพียงแค่รอบๆตัว
ดวงตาของเด็กสาวอายุสี่ขวบ กำลังมองไปยังภาพของอนาคตอันแสนยาวไกล ดวงตาสีตาเปร่งประกายด้วยความมุ่งมั้น
“ทีละนิดๆ ทีละเล็กทีละน้อย …..เบลล์ จะช่วยฉันได้ไหม?”
อริซซามะหลับตาลงชั่วครู่ก่อนเปิดดวงตาขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันสะท้อนดวงตาสีดำที่เปร่งประกายของดิฉัน
คำตอบได้ถูกตัดสินใจไว้แล้ว
“แน่นอนค่ะ อริซซามะ”
จากนั้น อริซซามะก็คลี่ยิ้มอย่างสดใส เป็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“อรุณสวัสดิ์นะ เบลล์”
” ―――― อรุณสวัสดิ์ค่ะ อริซซามะ”
ดิฉันลูบเส้นผมสีเงินที่เรียบลื่นกับด้ายอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าที่ทั้งบอบบาง และน่ารักราวดวงจันทร์ได้สลักลึกลงในจิตใจดิฉันอีกครั้ง ราวกับความรักที่ฝังลึกลงในจิตวิญญาณ
ไม่ว่าอนาคตต่อแต่นี้ไปจะเป็นเช่นไร ดิฉันจะขอมอบความรักทั้งหมดที่มีให้แก่ท่าน
และจะไม่ยอมให้สิ่งใดบนเส้นทางสายนี้ มาทำร้ายหัวใจขององค์ตัวน้อยคนนี้ได้เด็ดขาด
ดิฉัน ไม่สิ พวกเราจะปกป้องเอาไว้ให้ได้
ด้วยจิตใจอันเร่าร้อน ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง แต่มุ่นมั่นอย่างเยือกเย็นอยู่ในอก
ดิฉันห่มผ้าห่มให้ร่างเล็กเพื่อไม่ให้ตัวเย็น ก่อนที่พวกเราทั้งสองจะจ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดดิฉันก็จุมพิตลงบนแก้มข้างหนึ่งของอริซซามะ