ไหปีศาจ - บทที่ 1075 ท่านหม่าเฉิน
บทที่ 1075 ท่านหม่าเฉิน?
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
แต่ดวงดาวสีดำทั้งเก้าดวงนั้นสว่างไสวและเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ และพลังวิญญาณปีศาจก็แผ่กระจาย นำมาซึ่งฝันร้ายชั่วนิรันดร์
ส่วนลึกของป่าหวงชา มีพลังงานสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว
ชายคนหนึ่งที่มีเปลวเพลิงสีทองลอยอยู่อย่างเฉยเมยในอากาศ เหมือนกับผู้มีอำนาจเหนือกว่ากำลังมองดูมดบนพื้น
”แค่นี้งั้นรึ” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตรงหน้าเขามีผู้บัญชาการหลิงหลง หลงเซี่ย เล่ยเซิ้นและผู้อาวุโสตระกูลเจียง ทุกคนได้รับบาดเจ็บทั้งหมด แต่พวกเขาพยายามกระตุ้นแก่นวิญญาณและปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมา
หลงเซี่ยกัดฟัน ช่วงชิงสวรรค์และดึงพลังงานเข้าสู่ร่างกายของเขา และลมปราณของเขาก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง
”มันน่าขันที่มดปลวกจะพยายามดิ้นรน”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงดูถูก
พลังงานระหว่างสวรรค์และโลกที่หลงเซี่ยช่วงชิงมาก็สลายไปทันที ตามด้วยแรงกดดันมหาศาลที่กดร่างของหลงเซี่ยลงกับพื้นโดยตรง
“ให้ตายเถอะ มันเป็นแค่จักรพรรดิเทียมแท้ ๆ”
ผู้บัญชาการหลิงหลงถือดาบพยัคฆ์ขาว เกราะโลหิตเต็มไปด้วยรอยร้าว ราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ และพลังวิญญาณพยัคฆ์ขาวที่อยู่บนร่างกายของนางก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง
พวกเขาต่อกรกับปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
ทำได้ถึงขนาดนี้ก็น่าภาคภูมิใจแล้ว
แต่มันยังไม่เพียงพอ มันไม่เพียงพอเลย
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้บัญชาการหลิงหลง สีหน้าที่เย็นชาของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็เปลี่ยนเป็นโกรธมาก ราวกับว่าเขาถูกอะไรทิ่มแทงจนเจ็บปวด “มดตุ่นต่ำต้อย บังอาจยั่วโมโหข้า!”
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก
“เพลิงสวรรค์!”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงสั่นสะเทือน และเปลวเพลิงสีทองบนร่างของเขากลายเป็นฝนเพลิงกระจายไปทั่วท้องฟ้า และทันใดนั้นก็ตกลงมาราวกับอุกกาบาตที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เกิดความพินาศราวกับวันโลกาวินาศ
“พยัคฆ์ขาว!” ผู้บัญชาการหลิงหลงใช้ดาบพยัคฆ์ขาวแทงที่ท้องของนาง และจิตสังหารขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกมาในทันที
นางกลายเป็นเงาของพยัคฆ์ขาวขนาดใหญ่ที่มีลวดลายสีดำบนตัวสีขาว มันคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า กังวานไปทั่วแผ่นดิน และต่อต้านลูกไฟบนท้องฟ้า
ผู้บัญชาการหลิงหลงบังคับพยัคฆ์ขาวในร่างกายของนางให้แสดงพลังด้วยการทำร้ายตนเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกผนึกมาเป็นเวลานานมาก และพลังของพยัคฆ์ขาวรวมเข้ากับวิญญาณของนาง ก็เกรงว่าผนึกจะถูกทำลายทันที แล้วนางก็จะตาย
พลังของระดับจักรพรรดิต้องใช้พลังระดับจักรพรรดิต่อกรเท่านั้น
“ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง เจ้ารีบหน่อยได้ไหม? เจ้าต้องใช้เวลาจัดการกับระดับกึ่งจักรพรรดิหลายคนนานขนาดนี้เลยรึ?” คราวนี้ก็มีเสียงนุ่มนวลดังมา
เป็นของจิ้งจอกเหนือสวรรค์
“หรือจะให้เราช่วย” ปีศาจแห่งวิญญาณพูด
สีหน้าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงทรุดลงและหัวใจก็ร้อนรุ่มด้วยความโกรธ
คนที่จะเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
คิดว่าจะจัดการได้ง่ายจริงหรือ
แต่เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขาต้องการให้ช่วยฆ่ากึ่งจักรพรรดิพวกนี้ นั่นจะทำให้เขาดูไร้ความสามารถไม่ใช่หรือ?
”ไม่หรอก คอยดูเถอะ” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงหันมามองเงาพยัคฆ์ขาว “พยัคฆ์ขาว เจ้ายังไม่ตายสินะ แต่วันนี้ ต่อให้พยัคฆ์ขาวจะฟื้นคืนชีพ มันก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอก!”
ปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้าออกมาแล้ว
แม้แต่พยัคฆ์ขาวก็พลิกสถานการณ์ไม่ได้
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงประสานมือและกลายร่างเป็นเสือ เปลวไฟบนร่างกายของเขาเริ่มเดือดทันที วินาทีถัดมา วิญญาณเสือนั้นก็เต็มไปด้วยลมปราณ และเงาพยัคฆ์ขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
มันยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก และมีเปลวไฟสีทองอร่ามอยู่รอบ ๆ ตระหง่านเหนือท้องฟ้า
นัยน์ตาของผู้บัญชาการหลิงหลงสั่น “เป็นไปได้ยังไง? นี่มันพลังของพยัคฆ์ขาว”
นางนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้พลังของพยัคฆ์ขาวได้ด้วย
“ข้าสามารถใช้พลังแห่งสวรรค์และโลกได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังของพยัคฆ์ขาว” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่ดวงตาของเขาสงบลง “พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง พลังแห่งความชั่วร้ายของเสือก็สาดลงมา
เล่ยเซิ้นส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
พลังของจักรพรรดินั้นหาที่เปรียบมิได้จริง ๆ
ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงก็ถอนหายใจเช่นกัน เขารวบรวมกำลังในร่างกายของเขาและพร้อมที่จะทุ่มกำลังสุดท้ายของเขา
มีร่องรอยของความหดหู่ใจในดวงตาของหลงเซี่ย เขาเชื่อในความไร้เทียมทานของตัวเองมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีข้อสงสัยในเส้นทางของตัวเอง
การช่วงชิงสวรรค์เป็นทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณอันดับหนึ่งในทุกยุคทุกสมัย
และเป็นคนแรกที่บรรลุถึงมิติวิญญาณกึ่งจักรพรรดิด้วยการฝึกและช่วงชิงสวรรค์ในรอบหมื่นปี
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่กล่าวได้ว่าฝึกฝนหมัดแห่งความโกลาหลไปถึงขั้นสูงสุดได้
มันยากมากสำหรับเขาที่จะบรรลุสองจุดนี้ ทั้งความสามารถ โอกาส ความอุตสาหะ และความเข้าใจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อรวมทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว เขาคิดว่าเขาน่าจะสามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทียมได้
แต่ในขณะนี้มันไม่ใช่เลย
เขารู้สึกว่าเขาอาจจะคิดผิด
เขาไม่ควรเดินบนเส้นทางของศิลปะการต่อสู้โบราณตั้งแต่แรก หากเขาสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ บางทีเขาอาจจะกลายเป็นระดับจักรพรรดิไปแล้ว ไม่ใช่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถปกป้องแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองได้เช่นตอนนี้
ผู้บัญชาการหลิงหลงรับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหลงเซี่ย นางจับมือแน่น เสียงที่เปลี่ยนไปเพราะการต่อสู้และกลายเป็นเสียงแหบมากขึ้น “มาตายด้วยกันเถอะ”
“ก็ได้ มาตายด้วยกัน!” หลงเซี่ยมองขึ้นไปที่พยัคฆ์ขาวที่น่ากลัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
ตู้ม!
ตู้ม!
มิติขนาดใหญ่พังทลายลงเพราะพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้
ดูเหมือนว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงจริง ๆ
แต่ในตอนนั้นเอง ลำแสงพุ่งผ่านมาจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง และขวานแห่งความโกลาหลซึ่งเกิดจากการควบแน่นของปราณและเลือดก็ปรากฏขึ้นระหว่างสวรรค์และโลก แสงสีรุ้งกะพริบและมีพลังอยู่ทุกที่
ทันใดนั้นเงาเสมือนที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้น
มันเหมือนอสูรที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในป่าหวงชา เขาเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ เขายืนเหนือสวรรค์และโลก เขายื่นขวานแห่งความโกลาหลด้วยมือข้างเดียว เลือดของเขาพุ่งออกมา ลมและเมฆก็ปั่นป่วน
ตู้ม!
ความโกลาหลพุ่งออกมา
พยัคฆ์ขาวถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที และกลายเป็นพลังงานทำลายล้างทั่วท้องฟ้า
ภูเขาแห้งแล้งสั่นสะเทือน
ชาวอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยืนอยู่หน้าประตูของเผ่าเทียนหวู่จ้องมองไปที่หลุมขนาดใหญ่และอ้าปากค้าง
แต่ครู่ต่อมา ด้วยความปีติยินดี พวกเขาคุกเข่าลงทีละคนและคารวะอย่างศรัทธาต่อหลุมนั้น
“พระเจ้าอวยพรอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง!”
”ท่านหม่าเฉินเป็นนิรันดร์!”
หยู่เฮายืนอยู่บนกำแพงของเผ่าเทียนหวู่ เขาคุกเข่าและร้องไห้เมื่อเขาเห็นฉากนี้
ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วป่าหวงชา
ถึงวิสัยทัศน์จะไม่ชัด แต่เจตจำนงที่หยิ่งทะนงอันน่ากลัวนั้นไม่ผิดแน่นอน
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงคำราม “หม่าเฉิน!”
อีกแปดตนก็ตกใจเช่นกัน
มันเป็นไปได้ยังไง? เขายังไม่ตายได้ยังไง
ทว่า ร่างนั้นทำเพียงกำขวานเปื้อนเลือดในมือแน่นและไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสีหน้าของเขา แต่จิตต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะพลิกฟ้าทั้งหมดได้
คนคนนี้จะเป็นใครได้อีกในตอนนี้? แน่นอนว่ามันน่าทึ่งมาก
แต่ในไม่ช้า ปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้าก็สังเกตสิ่งผิดปกติ
“ไม่ เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่” ในความมืด มีหัวมังกรที่น่ากลัว กล่าวออกมาช้า ๆ “มันเป็นแค่เงาเสมือนของเจตจำนงวิญญาณ”
พวกผู้บัญชาการหลิงหลงก็รู้สึกเช่นกัน
ท่านหม่าเฉินที่อยู่เบื้องหน้าเราไม่ใช่ท่านหม่าเฉิน
เขา… ไม่มีความแปรปรวนทางวิญญาณอย่างที่สิ่งมีชีวิตควรมี
มีเพียงลั่วอู๋ที่ถูกโยนออกไปไกลที่สุดเท่านั้น มือทั้งสองข้างของเขาสั่นสะท้านและน้ำตาของเขาเอ่อล้น “ท่านหม่าเฉิน สุดท้ายท่านก็ยังไม่เต็มใจที่จะจากไปเลย”
อาจมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้
นี่ตัวตนของเจตจำนงอันแน่วแน่ของท่านหม่าเฉินและพลังความเชื่อของชาวอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง
ในตอนแรกท่านหม่าเฉินใช้ทักษะนี้เพื่อเผาตัวเอง และต่อสู้เป็นเวลาหกปีเพื่อลั่วอู๋ เพื่อที่เขาจะได้ซ่อมแซมเสาผนึกมนตรา
ตอนนี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์เขาก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
น่าเสียดายที่เขาสูญเสียความนึกคิดไปโดยสมบูรณ์ เป็นเพียงตัวแทนของพลังที่เรียบง่าย