ไหปีศาจ - บทที่ 1067 ช่วยชีวิตคน
บทที่ 1067 ช่วยชีวิตคน
ลั่วอู๋เอาตัวนักโทษออกจากคฤหาสน์ตระกูลหนิง
ตอนนี้เขาได้สัญญากับหนิงเจี่ยหยู่แล้วว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ ลั่วอู๋จึงไม่รอช้า
เขาต้องจัดการทั้งเรื่องส่วนรวมและเรื่องส่วนตัว
เขากลับไปที่สำนักเฉียนหลงทันที
เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวแซคก็ต้องเกี่ยวกับคนคนหนึ่งด้วย
นั่นคือลูกศิษย์ของลั่วอู๋ นารุนั่นเอง
นับตั้งแต่การปรากฏตัวของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง นารุก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสำนักเฉียนหลง แม้ว่าเขาจะถูกส่งตัวไปทำภารกิจในครั้งที่แล้วก็ตาม เขาก็ไม่หวั่นไหว
แต่ครั้งล่าสุดเขาพา “คนรักตัวน้อย” กลับมาด้วย ซึ่งอย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
เมื่อลั่วอู๋มาถึงสำนักเฉียนหลง
นารุก็รู้สึกถึงเจตจำนงแห่งดาบ เขานั่งอยู่บนยอดเขา มองดูพื้นโลก สัมผัสพลังปราณระหว่างสวรรค์กับโลก และสัมผัสความลึกลับของดาบ
ดาบใหญ่และหยาบพุ่งขึ้นและตกลงไปในความว่างเปล่า และความรู้สึกเป็นเจ้าโลกก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ระหว่างการหายใจแต่ล่ะครั้ง เกลียวดาบบริสุทธิ์ไหลเวียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย
แม้ว่ามันจะยังด้านและหยาบเล็กน้อย แต่ความรู้สึกของความน่าเกรงขามที่พลุ่งพล่านมีความเป็นของจักรพรรดิดาบอยู่แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป อนาคตก็ไร้ขีดจำกัด
แม้ว่าความชำนาญของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ดูเหมือนว่าภูมิปัญญาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเขาและโอกาสที่ลั่วอู๋มอบให้ยังคงผลักดันเขาไปสู่จุดสูงสุดของดาบทีละนิด
อย่างไรก็ตาม ในระดับทองเขาก็มีบรรยากาศที่ทรงพลังและพลังวิญญาณสูงส่งแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ฉูหนิงซวงกำลังนั่งอยู่บนแท่นหินราบที่อยู่ไกลออกไป นางก็ฝึกฝนอยู่เช่นกัน นางไม่ได้แต่งหน้า แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความกล้าหาญ พร้อมด้วยความงามที่น่าสัมผัสและมีเสน่ห์
คิ้วของนางสั่นเล็กน้อย หลังการฝึก นางมักจะมีความสุขเสมอเมื่อได้มองดูหน้าของนารุ
แม้ว่านางจะแก่กว่านารุหลายปี แต่นางก็ดูเหมือนนกน้อยต่อหน้านารุเสมอ
แม้ว่านารุจะยังเด็ก แต่เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฝึกฝนเป็นจักรพรรดิแห่งดาบ หากเขาปล่อยลมปราณ เขาก็มักจะทำให้ผู้คนมองข้ามอายุของเขาไปโดยไม่รู้ตัว พวกเขายืนอยู่ด้วยกันแล้วดูเข้ากันได้ดีมาก
”อาจารย์?”
นารุรู้สึกได้ถึงลมปราณของลั่วอู๋ นารุจึงลืมตาขึ้น
ดาบหยาบกลายเป็นแสงดาบในทันที และร่างของนารุก็หายไป วินาทีถัดมา เขามาอยู่ตรงหน้าลั่วอู๋แล้ว
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว เจตจำนงดาบตามใจเจ้า ดาบใหญ่ของเจ้าน่าจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นอาวุธมนตราในไม่ช้า”
”เฮะ ๆ” นารุยิ้มและพอใจกับคำชมของลั่วอู๋มาก เขาลูบใบดาบ “ดาบนี้ทำขึ้นโดยลุงของข้า ข้าจะทำตามความคาดหวังของพวกเขา”
ในเวลานี้ฉูหนิงซวงก็สังเกตเห็นลั่วอู๋และบินมาอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ลั่วอู๋” ฉูหนิงซวงทำความเคารพ
”ไม่ต้องสุภาพหรอก”
หลังจากทักทายกลับ ลั่วอู๋ก็หันไปหานารุ “นารุ ข้ามาหาเจ้าเพราะมีธุระ”
”เกิดอะไรขึ้น?”
”คนของเผ่าเจ้าบางคนได้ออกมาจากนรกมนตราแล้ว”
นารุตกใจในทันที จากนั้นก็ดีใจ “จริงรึ?”
“จริง แต่อย่าเพิ่งดีใจมากไป ข้าเกรงว่าสถานการณ์นั้นไม่ค่อยดีนัก” ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เจ้ามากับข้า”
นารุพยักหน้าและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันไปหาฉูหนิงซวงและพูดว่า “หนิงซวงมากับข้าสิ”
“ข้า… ข้าไปได้หรือ?” ฉูหนิงซวงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ไม่เห็นเป็นไรเลย บางทีเจ้าควรจะรู้อะไรบางอย่าง”
นารุจับมือนาง
ฉูหนิงซวงพยักหน้าอย่างเขินอาย
ลั่วอู๋ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยการโบกมือของเขา เขาก็นำพวกเขาทั้งหมดเข้าสู่โลกไห
”มากับข้า” ลั่วอู๋กล่าว
นารุเคยไปที่โลกไหแล้วก็เลยสงบมาก
ฉูหนิงซวงก็ไม่แปลกใจและรีบตามไป
ในไม่ช้าลั่วอู๋ก็พาพวกเขาไปที่ห้องที่มีนักโทษเจ็ดคนจากของตระกูลหนิง เห็นบอกว่าตอนแรกมีอยู่สิบคน แต่สามคนไม่สามารถทนต่อการทรมานและตายไปแล้ว
เมื่อเขาเห็นทั้งเจ็ดคน นารุก็ตัวสั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ท่านลุง มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?”
แม้ว่าฉูหนิงซวงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่นางก็รู้สึกถึงความสูญเสียและความเศร้าในใจของนารุ
นางจับมือนารุอย่างแรง พยายามแบ่งปันความเจ็บปวดของนารุ
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉูหนิงซวง
ดูเหมือนว่าเด็กหญิงคนนี้จะชอบนารุจริง ๆ
”อาจารย์” นารุมองลั่วอู๋อย่างหมดหนทาง
ลั่วอู๋เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นารุฟัง “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเผ่าแซค ไม่ต้องกังวล เราจะรักษาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
การรักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับลั่วอู๋
”แสงแห่งพระโพธิสัตว์! ปลดปล่อยพระโพธิสัตว์”
ด้วยการโบกมือของลั่วอู๋ แสงแห่งพระโพธิสัตว์ก็เบ่งบานอยู่ข้างหลังเขา ภาพเสมือนของพระโพธิสัตว์สีขาวปรากฏขึ้น พระองค์ทรงมีพระเมตตา ถือกิ่งไม้สายฝน และพลังที่ช่วยเหลือทุกคน
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดแสดงความช่วยเหลือของพวกเขาต่อโลก ฝนกลายเป็นหยาดน้ำฝนตกใส่คนทั้งเจ็ด
อาการบาดเจ็บของคนทั้งเจ็ดฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
นารุรีบกระตุ้น “ลุงกูระ เป็นยังไงบ้าง?”
ใครจะไปรู้ว่า แม้ว่าอาการบาดเจ็บของทั้งเจ็ดจะหายดีแล้ว แต่ดวงตาของพวกเขากลับว่างเปล่าราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
เป็นไปได้อย่างไร
มันเป็นอาการป่วยทางจิตจากการทรมานรึ?
มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
เพียงไม่กี่วันมันไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้ อย่างที่รู้กันว่าคนเหล่านี้เป็นนักรบของเผ่าแซค พวกเขาสามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของนรกมนตราได้ด้วยซ้ำ
”มีบางอย่างผิดปกติ” ลึกเข้าไปในรูม่านตาของลั่วอู๋ ม่านสีทองบานสะพรั่ง และแสงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น เหมือนกับแสงสูงตระหง่านที่ทะลุผ่านเมฆ “นัยน์ตาปีศาจ!”
นัยน์ตาปีศาจ
ไม่มีสิ่งใดหนีรอดจากสายตานี้
ลั่วอู๋เห็นควันสีดำพันกันอยู่ในทะเลแห่งความรู้
“ปราณปีศาจ?! ไม่ มันไม่ใช่แค่ปราณปีศาจเท่านั้น” ใบหน้าของลั่วอู๋ทรุดลง “ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง เขาโหดร้ายขนาดใช้กำลังบังคับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อื่นเลยรึ?”
เห็นได้ชัดว่าเหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาถูกปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงควบคุม
ไม่น่าแปลกใจที่หนิงเจี่ยหยู่กล่าวว่าคนเหล่านี้เหมือนไม่มีวิญญาณ
ทักษะประเภทนี้จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อผู้ถูกควบคุม ตั้งแต่การสูญเสียทะเลความรู้ สูญเสียแก่นวิญญาณจนกลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ความคิด
นารุถามอย่างเร่งรีบ “อาจารย์ มีวิธีไหนที่จะช่วยพวกเขาได้บ้าง?”
“ต้องบอกเลยว่าเราโชคดี” ลั่วอู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ “เรามีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์”
น้ำพุศักดิ์สิทธิ์สามารถชำระล้างมลทินในวิญญาณ ซ่อมแซมจิตใจ และมีผลวิเศษไร้สิ้นสุด
หากไม่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ลั่วอู๋ไม่มีทางที่จะรักษาอาการเหล่านี้ได้เลย และคาดว่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงคงคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีวิธีนี้
ลั่วอู๋หยิบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ออกมาและช่วยป้อนให้คนทั้งเจ็ดโดยตรง ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ไหลรินเข้าสู่ทั้งเจ็ดคนอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาค่อย ๆ ลืมตา ดวงตาหายจากความสับสนและค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
“นะ…นารุ?” กูระ นักรบอันดับหนึ่งเป็นคนแรกที่ฟื้นตัว บางคนลืมตาขึ้นอย่างสับสน
นารุตื่นเต้น “ลุงกูระ!”
”เกิดอะไรขึ้น?”
เพราะเพิ่งตื่น สติของกูระก็ยังเลือนราง เขาอยู่ในภาวะสับสนและจำอะไรไม่ได้
ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้าอยากจะถามเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่าน!”
ทั้งเจ็ดคนตื่นขึ้นในทันใด