ในฐานะเพื่อนฉันจะมอบการหลุดพ้นแก่เธอเอง - ตอนที่ 9 ช่วยเหลือ
ฉันรู้สึกบรรยากาศมันตึงเครียด
เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมจองฮารังถึงมานั่งอยู่ตรงข้างๆ ฉัน
เอาจริงๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเนื้อเรื่องมันถึงเปลี่ยนไป
สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
ฉันยังไม่รู้และสมองของฉันยังประมวลผลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ไม่สั่งอะไรกันหรอ?”
จองฮารังพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ
เธอยื่นเมนูมาให้ฉัน
“อ่า.. จะ..จะสั่งเดี๋ยวนี้แหละ”
ฉันรับใบเมนูจากเธอ
หลังจากที่เห็นว่าฉันรับใบเมนูไปแล้ว
เธอก็ยกมือเรียกพนักงาน
ฉันใช้เวลาเลือกเมนูไม่นาน
เพราะฉันไม่อยากใช้เงินไปมากกว่านี้แล้ว
ฉันเลยเลือกอันที่ถูกที่สุดมาแทน
ส่วนจองฮารังและคิมจีฮุนก็สั่งมาแค่กาแฟ
“ว่าแต่ซอยอนหายดีแล้วงั้นหรอ?”
เธอหันมาถามฉันหลังจากที่พนักงานรับออเดอร์ไปแล้ว
“ก็… ดีขึ้นมั้งนะ”
“ซอยอน ยังไม่หายดี”
คิมจีฮุนพูดขัดฉัน
เขามองหน้าของจองฮารังไม่วางตา
ให้ตายสิ… เขาจะมองหน้าจองฮารังอะไรขนาดนั้น
ฉันเริ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแล้วนะ
“งั้นหรอ? ถ้างั้นจีฮุนจะไม่สนใจข้อเสนอของฉันจริงๆ งั้นหรอ?”
“……”
คิมจีฮุนไม่ได้ตอบกลับอะไรไป
ส่วนฉันก็นั่งฟังเงียบๆ พยายามจะรวบรวมข้อมูลว่าทำไมจองฮารังและคิมจีฮุนถึงรู้จักกัน
ข้อเสนองั้นหรอ…?
ฉันไม่รู้เลยว่าเนื้อเรื่องตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
เกิดอะไรขึ้นทำไมจองฮารังกับคิมจีฮุนถึงยื่นข้อเสนออะไรก็ไม่รู้
“ไม่”
หลังใช้เวลาไปนานคิมจีฮุนก็ตอบกลับคำตอบของจองฮารัง
จองฮารังหยักไหล่ของเธอราวกับว่าคำปฏิเสธของคิมจีฮุนนั้นเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบแบบนั้น
ฉันอยากรู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแต่ก็ไม่กล้าพูดถามเจ้าตัว
ฉันเลยส่งสายตาไปที่คิมจีฮุน
เราสบตากันเล็กน้อยแต่เขาก็เบือนหน้าหนี
คิมจีฮุน
จองฮารังยื่นข้อเสนออะไรให้กับนายกันแน่
ฉันอยากรู้จริงๆ นะ
ฉันไม่อยากให้เนื้อเรื่องมันเปลี่ยนมากเกินไป
ถ้าหากเนื้อเรื่องเปลี่ยนมากเกินไป
แล้วการเติบโตและเนื้อเรื่องหลังจากนี้ล่ะ?
มันจะผิดเพี้ยนไปได้มากแค่ไหนกัน?
ฉันทนความอยากรู้ในใจไม่ไหว
“ข้อเสนออะไรหรอ?”
ฉันพูดน้ำเสียงนิ่งเรียบ
อาจจะเป็นเพราะฉันรู้สึกหงุดหงิดอยู่
น้ำเสียงของฉันเลยนิ่งจนทำให้คิมจีฮุนหันมามองฉัน
“อ๋า.. ซอยอนยังไม่รู้นี่นะ”
จองฮารังดึงแขนของฉันไปกอด
“ฉันอยากได้คิมจีฮุนมาอยู่ภายใต้การครอบครองของฉันน่ะ”
จองฮารังยิ้มพร้อมกับพ่นคำพูดที่ทำให้ฉันประหลาดใจ
ฉันไม่คิดเลยว่าจองฮารังจะต้องการตัวของคิมจีฮุน
แต่ว่า… ภายใต้การครอบครองของเธอหรอ
หมายความว่ายังไง?
เธออยากได้คิมจีฮุนไปเป็นลูกน้องหรอ?
เธออยากได้คิมจีฮุนไปเป็นสมาชิกในกิลด์ของเธอ?
หรือว่า… เธออยากได้คิมจีฮุนเป็นคนรักของเธอ?
คำถามของฉันพร้อมกับความไม่สบายใจผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
โดยเฉพาะอันสุดท้าย
ฉันรู้สึกบีบรัดที่หน้าอก
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะตอบรับข้อเสนอเธอเลยนะ”
คิมจีฮุนพูดออกมาพร้อมมองหน้าจองฮารังก่อนที่เขาจะเบือนหน้ามามองฉัน
และดึงมือของฉันไปกุมไว้
“แต่ว่า… กิลด์ของนายกับกิลด์ของฉันน่ะ ระดับมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ”
“แถม… ฉันเองก็มีข้อเสนอที่จะช่วยดูแล ‘คนสำคัญ’ ของนายให้ดีกว่ากิลด์นายอีก”
จองฮารังเหล่สายตามามองที่ฉัน
‘คนสำคัญ’ ที่จองฮารังพูดคงหมายถึงฉันเอง
แต่ว่าฉันจะสำคัญกับเขาขนาดนั้นเลยหรอ?
ฉันเป็นเพียงแค่ ‘เพื่อน’ ของเขา
ไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
แต่ว่าข้อเสนอถ้าหากจองฮารังต้องการดึงตัวคิมจีฮุนไปเป็นสมาชิกของกิลด์เธอแล้ว…
นั่นไม่แย่เลย… มันเป็นเพราะว่ากิลด์แสงตะวันในตอนนี้
มันเป็นเพียงแค่กิลด์ระดับกลาง
ก็จริงที่ว่าในอนาคตกิลด์แสงตะวันจะกลายเป็นกิลด์อันดับต้นๆ ของในเนื้อเรื่อง
แต่ว่านั่นก็เป็นเพราะอิทธิพลจากคิมจีฮุนที่ทำให้กิลด์แสงตะวันมีผลงานและเติบโตอย่างก้าวกระโดด
หากไม่มีคิมจีฮุนกิลด์แสงตะวันก็คงไม่เติบโตและกลายเป็นกิลด์อันดับต้นๆ ของประเทศ
ซึ่งการที่คิมจีฮุนไปอยู่ในกิลด์ของจองฮารัง
ทรัพยากรที่เข้าถึงได้จำนวนมากและโอกาสมากมายที่คิมจีฮุนจะได้รับ
มันมากพอที่จะทำให้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
แต่ถึงอย่างนั้น… หากคิมจีฮุนไม่อยู่ในกิลด์แสงตะวัน
สถานการณ์ต่างๆ ที่จะทำให้เขามีประสบการณ์และเติบโตด้วยตัวของเขาเอง
มันจะคอยฉุดรั้งเขาในอนาคต
นั่นรวมถึงเนื้อเรื่องหลายๆ อย่างจะถูกเปลี่ยน
การช่วยเหลือเหล่าตัวเอกของคิมจีฮุน ซึ่งบางคนจะตายหากคิมจีฮุนไม่ช่วยไว้และพวกสถานการณ์พบเจอกับองค์กรลับต่างๆ ที่จะเป็นอุปสรรคให้กับเขา
เขาจะขาดทั้งพวกพ้องที่เชื่อถือได้และข้อมูลของพวกองค์กรลับต่างๆ
“ซอยอน คิดอะไรอยู่หรอ?”
จองฮารังพูดพร้อมรอยยิ้มมองมาที่ฉัน
ฉันนิ่งไปสักพัก
“ก็แค่… คิดว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรอ?”
ฉันพูดออกไปเพราะฉันไม่รู้เลยว่าพวกเรารู้จักกันได้ยังไง
ภายในความทรงจำของฮันซอยอนเองก็ไม่มีความจำเกี่ยวการพบเจอกับจองฮารังเลยด้วย
“อ๋ออ… กังวลเรื่องนั้นเองหรอ?”
จองฮารังเขยิบเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น
คิมจีฮุนส่งสายตาห้ามไปที่จองฮารัง
ทว่าจองฮารังไม่สนใจสายตาของเขาเลยสักนิด
“ในวันนั้นที่เธอหมดสติไปแล้วในวันนั้นฉันบังเอิญมีธุระที่กิลด์แสงตะวันพอดีน่ะ”
“ถ้างั้นเธอก็เป็นคน…”
“ใช่แล้ว… ฉันถึงขั้นยอมใช้ยารักษาระดับสูงเลยนะ”
คิมจีฮุนถอนหายใจ
“ด้วยความสามารถของกิลด์แสงตะวัน ไม่มากพอที่จะรักษาให้เธอได้สติในสามวันหรอกนะ”
“ฉันหมดสติไปนานขนาดนั้นเลยหรอ?”
ฉันถามออกไปด้วยความตกใจ
ฉันไม่คิดเลยว่าในวันที่ฉันหมดสติไป มันจะนานมากขนาดนั้น
ฉันคิดว่าอย่างมาก ฉันคงสลบไปแค่วันเดียว
เหมือนตอนที่ฉันมักจะเป็นลมในตอนที่ทำงานหรือใช้ยามากเกินไป
“แน่นอนสิ… ใครใช้ให้เธอใช้ยาเส‒”
“…!”
คิมจีฮุนรีบปิดปากของจองฮารังอย่างกระทันหัน
ฉันได้ยินไม่ชัดเลยได้แต่เอียงคอสงสัย
จองฮารังมองค้อนไปที่คิมจีฮุนก่อนที่เธอจะปัดมือของเขาออก
“…เธอแค่ใช้ยาเกินขนาดแต่ยาค่อนข้างแรงเธอเลยหมดสติไปนาน”
จองฮารังพูดออกมาพร้อมกับเล่นปลายผมของเธอ
“…หรอ”
ฉันตอบกลับไป
ฉันรู้ว่านิสัยของจองฮารังเป็นยังไง
การที่เธอเล่นปลายผมของเธอ
นั่นหมายความว่าเธอกำลังโกหกอยู่
เธอกำลังปิดบังอะไรไว้
ที่เธอจะพูดเมื่อกี้ เธอจะพูดอะไรกันแน่
ฉันเก็บมันไว้ในใจก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่… ทำไมจีฮุนกับเธอถึงดูสนิทกันจัง”
“ฉันไม่เคยเห็นจีฮุนเรียกใครด้วยชื่อย่อสั้นๆ เลยนะ”
ฉันถามออกไปอีกคำถามหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
ถึงในใจของฉันจะกระวนกระวายตอนที่ถามออกไปก็เถอะ
จองฮารังยิ้มออกมา
“ก็เพราะว่า… ฉันรู้สึก ‘ชอบ’ เขาน่ะสิ”
จองฮารังมองไปที่คิมจีฮุน
สายตาของพวกเขาประสบกัน
ในขณะที่สายตาของพวกเขาประสบกันนั้นเอง
หัวใจของฉันก็บีบรัดแน่นจนปวดร้าว
ฉันหยุดหายใจไปแว๊บหนึ่งเลย
“……”
ตอนนี้นางเอกของเรื่องกำลังสนใจคิมจีฮุน
แล้วเธอยัง ‘ชอบ’ เขาแล้วด้วยในตอนนี้
ให้ตายสิ… ตัวฉัน
เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรอที่เพื่อนคนเดียวของเธอ
กำลังเจอกับคนดีดีในชีวิตของเขาน่ะ
แถมจองฮารังยังเป็นนางเอกของเรื่อง
พวกเขาในเนื้อเรื่องก็รักกันและแสดงความเป็นห่วงใยกัน
เป็นคู่รักที่เหมาะสมไม่ใช่หรือไง?
ยิ่งคิดหัวใจของฉันก็ยิ่งเจ็บ
“ขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ”
ฉันพูดแค่นั้นแล้วก็วิ่งออกไปทันที
ฉันไม่ได้มองกลับไปเลยสักนิดเดียว
พอถึงห้องน้ำ ฉันก็กุมหน้าอกของตัวเอง
หัวใจของฉันมันสั่นและบีบแน่น
ตอนนี้ภายในอกของฉันมันเจ็บราวกับว่ามีอะไรสักอย่างมาบีบมัน
บีบมันราวกับว่าอยากจะทำให้มันแหลกสลาย
ฉันพยายามข่มความรู้สึกและลืมทุกอย่าง
แต่ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกมันมากเกินไป
ฉันรู้สึกปวดหัว
ฉันรู้สึกคลื่นไส้
ฉันอยากจะระบายมันออกมา
ใช่.. ฉันอยากระบายมันออกมา
จะแบบไหนก็ได้
ฉันมองที่หน้ากระจก
กระจกที่สะท้านใบหน้าของฉัน
ฮันซอยอน
“เธอควรจะดีใจกับเพื่อนของเธอไม่ใช่หรอ?”
ราวกับกระจกมันพูดกับฉัน
“เพื่อนคนเดียวที่เธอมี เพื่อนคนเดียวที่เป็นห่วงเธอ เพื่อนคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเธอ”
“เธอกำลังพยายามจะขัดขวางเขาไม่ให้มีชีวิตที่ดีงั้นหรอ?”
หัวใจของฉันเจ็บยิ่งกว่าเดิม
เสียงมันดังก้องอยู่ภายในหัวของฉัน
ฉันพยายามเบือนหน้าหนีไม่มองไปที่กระจก
แต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
ฉันก็ถูกฉุดรั้งไว้
มันคือ ‘ตัวฉันเองในกระจก’
มันหลุดออกมาจากกระจก
ฉุดรั้งฉันไว้
“เธอมันเห็นแก่ตัว”
“เธอมันยัยโลภมาก”
“เธอมันน่าขยะแขยงสิ้นดี”
“คนอย่างเธอ มันน่าจะตายๆ ไปซะก็ดีไม่ใช่หรอ?”
“เศษเดนมนุษย์ที่ไม่รู้จักแม้แต่การยินดีกับเพื่อนของตัวเอง”
“เศษเดนมนุษย์ที่อิจฉาเพื่อนตัวเอง”
“เศษเดนมนุษย์ที่โลภมากและเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา”
“อย่างเธอ ตายไปก็ดีไม่ใช่หรอ?”
“หยุดนะ…”
ฉันไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว
“ขอร้อง…”
ฉันได้แต่กุมหัวของตัวเอง
น้ำตาของฉันไหลออกมา
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
“ฉันรู้สึกยินดีกับเขาอยู่แล้วสิ”
ฉันพยายามพูดปลอบตัวเอง
“จริงงั้นหรอ?”
“แล้วไอ้ความรู้สึกตรงนี้ล่ะ?”
ร่างของฉันอีกคนหนึ่งเดินมาหยุดลงตรงหน้าฉัน
มันชี้นิ้วไปที่หน้าอกของฉัน
“เธอจะหลอกตัวเองงั้นหรอ?”
“ช่างน่าสมเพชจริงๆ นะ”
ร่างของฉันอีกคนหนึ่ง
มันหัวเราะออกมาเสียงดัง
พอแล้ว… ได้โปรด…
ใครก็ได้… หยุดมันสักที…
ขอร้องล่ะ…
“แหม่~ สภาพดูไม่จืดเลยนะครับ”
เสียงที่ฉันคุ้นเคย
เสียงที่เคยช่วยเหลือฉัน
เสียงที่เคยปลอบประโลมฉัน
มันดังขึ้นมา
ฉันเงยหน้ามองไปที่ต้นทางของเสียง
ฉันเห็นเขา
‘คุณหมอ’ ที่ดูแลฉันมาโดยตลอด
เขาเดินผ่านประตูที่มันไม่เคยมีอยู่ในห้องน้ำ
เดินมาหาฉัน
“ถ้าอยากให้ช่วยขนาดนั้น… งั้นผมจะช่วยเอง”