ในฐานะเพื่อนฉันจะมอบการหลุดพ้นแก่เธอเอง - ตอนที่ 2 คุณหมอ
ระยะทางตอนกลับบ้านของฉัน
มันใช้เวลาไปพักใหญ่เลย
ระหว่างทางเดินกลับฉันแอบนินทาถึงคิมจีฮุนในใจไปหลายรอบเหมือนกัน
ฉันเข้าใจเขาว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้ฉันยืมเงินมากขนาดนั้น
แต่ฉันก็อยากให้เขาเชื่อใจฉัน
ความรู้สึกที่ฉันรู้สึกมันคงเรียกว่า ‘น้อยใจ’ ล่ะมั้ง?
ช่างเถอะ… สิ่งที่ฉันต้องให้ความสนใจเป็นหลักน่ะ
มันคือ ‘วิธีหาเงิน’ ต่างหาก
ในตอนนี้คิมจีฮุนไม่ให้ฉันยืมเงินแล้ว
แถมเขาพึ่งจะพูดออกมาว่า ‘หากจะเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นเราจบกัน’
ฉันไม่อยากเสียความสัมพันธ์ของพวกเราไปเพราะมันเป็นความสัมพันธ์เดียวของฉัน
หากฉันยังกล้าบากหน้าไปขอยืมเขาอีกในเร็วๆ นี้
ความสัมพันธ์ของพวกเราได้จบกันจริงๆ แน่
ถ้าหากถามว่า ทำไมฉันถึงไม่ไปขอยืมคนอื่น
ที่จริงแล้ว… ในนิยาย ฮันซอยอน เองก็ไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก
เธอมีเพื่อนคนแรกก็คือ คิมจีฮุน
ซึ่งเพื่อนคนแรกของเธอจนถึงปัจจุบันก็คือ คิมจีฮุน
ไม่มีคนอื่นมาเพิ่มเติม
สาเหตุของมันเป็นเพราะว่า เธอเกิดและโตมาในสลัม
ในสลัมนั้นไม่ได้มีเด็กมากมายขนาดนั้นในพื้นที่ที่เธออยู่
มันเป็นพื้นที่ที่เมื่อก่อนก็เคยเจริญรุ่งเรืองอยู่หรอก
แต่ภายหลังมันถูกสั่งปิดไปเพราะพบว่ามีเชื้อโรคระบาด
หลังจากเหตุการณ์เชื้อโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว
ผู้คนที่เคยอยู่อาศัยที่นี่แต่ก่อนก็กลัวและไม่กล้าที่จะกลับมายังที่นี่อีกครั้ง
พื้นที่ดังกล่าวเลยกลายเป็นแหล่งบ้านร้างนับสิบหลัง
ต้องขอบคุณเหตุการณ์เชื้อโรคระบาดนั่นเลยเพราะมันคือเหตุผลที่ทำให้ฮันซอยอนมีที่อยู่อาศัย
อ่อ.. หากถามถึงพ่อแม่ของฮันซอยอน
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ก็ในนิยายมันไม่ได้บอกไว้นี่นา
“อา… เจ็บเท้าจัง”
ฉันมองเท้าของตัวเองที่ตอนนี้บวมแดง
บ้านของฉันมันไกลมากจริงๆ ฉันเดินจนเท้าของฉันก็แดงไปหมด
ดูเหมือนฉันต้องพึ่งยาอีกแล้วสิ
เพราะว่ายาที่ฉันใช้อยู่ มันช่วยลดความเจ็บปวดได้
แต่การใช้กำลังหรือการทำกิจกรรมอะไรต่างๆ มันก็ดันทำให้ฤทธิ์ยาหมดเร็ว
ตอนแรกฉันคาดว่า ฤทธิ์ยาน่าจะส่งผลได้อีกหนึ่งวันครึ่ง
แต่ตอนนี้อาการเจ็บแสบเริ่มกลับมาแล้ว
ให้ตายสิ… ฉันต้องใช้ยาอีกแล้วงั้นหรอ?
อา..
ฉันไม่อยากรู้สึกเจ็บแสบด้วยสิ
แถมยามันยังทำให้ฉันมีความสุขเพราะงั้น…
ถ้าหากฉันหลวมตัวใช้สักครั้งมันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
แต่ว่า… จำนวนเงินที่ฉันมี
หากฉันใช้มันเงินฉันจะหมดทันทีเลย
แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของกินได้
แต่แบบว่าฉันไม่อยากรู้สึกเจ็บจริงๆ นะ
หากให้เลือกระหว่างความสุขและความรู้สึกเจ็บปวด
คงไม่มีมนุษย์คนไหนเลือกความเจ็บปวดหรอกใช่ไหมล่ะ?
เพราะงั้นฉันตัดสินใจแล้ว
เรื่องอาหารน่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตัวฉันในอนาคตแล้วกัน
ฉันขอมีความสุขและไม่รู้สึกเจ็บปวดดีกว่า
ไม่นานฉันก็มาถึงบ้านของฉัน
มันเป็นบ้านร้างที่ตัวอาคารนั้นทำด้วยปูน
มีช่องสี่เหลี่ยมกลางกำแพงแต่ไม่มีบานกระจก
มีทางเข้าแต่ไม่มีประตู
นี่แหละคือที่ที่ฉันอาศัยอยู่
ฉันเดินเข้าไปข้างในและฮัมเพลงในลำคอด้วยความสุข
มันเป็นเพราะว่าฉันจะได้ใช้ยาที่ฉันต้องการแล้วน่ะสิ
ฉันอยากรู้สึกมีความสุข
ฉันไม่อยากรู้สึกเจ็บปวด
ฉันแค่อยากมีความสุขเท่านั้นเอง
คิมจีฮุน ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจฉันเลยนะ
ฉันแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติและมีความสุข
เพราะอาการป่วย ฉันเลยต้องพึ่งยาอยู่แบบนี้
เขารู้ดีว่าฉันป่วยแบบนี้แต่ก็ยังไม่ช่วยฉันเลย
เขามันตระหนี่และใจดำจริงๆ
ฉันเลื่อนลิ้นชักของโต๊ะกระจกซึ่งฉันใช้ส่องหน้าของตัวเองอยู่ทุกวัน
ภายในลิ้นชักมีกล่องสีขาวเล็กๆ กล่องหนึ่ง
ฉันหยิบกล่องนั้นออกมาและเปิดมันออก
ภายในเป็นขวดแก้วเล็กๆ ที่มีบรรจุของเหลวสีฟ้าใสไว้
พอเห็นยาของฉันแล้ว
สมองของฉันมันกำลังสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความยินดี
ฉันฮัมเพลงไปด้วยความสุขขณะที่แกะผ้าพันแผลออก
กร๊อบแกร๊บ~
ทว่าก่อนที่ฉันจะแกะผ้าพันแผลออกทั้งหมด
ฉันก็ได้ยินเสียงกระจกที่ถูกเหยียบจากด้านหลัง
ฉันรีบหันไป
ฉันยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”
ต่อหน้าฉัน คือ คุณหมอ ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าที่คอยดูแลการรักษาฉันอยู่
เขาเป็นหมอเพียงคนเดียวที่บอกกับฉันว่าจะรักษาฉันในขณะที่หมอคนอื่นปฏิเสธที่จะรักษาฉัน
เพราะว่าฉันไม่มีเงิน
เพราะว่าฉันมาจากสลัม
เพราะว่าฉันสกปรก
เพราะว่าฉันน่ารังเกียจ
หมอคนนี้เป็นคนแรกและคนเดียวที่ยื่นมือมาให้ ฮันซอยอน
ฉันเลยไว้ใจหมอคนนี้เหมือนกับที่ฮันซอยอนไว้ใจหมอคนนี้
“สวัสดี ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“วันนี้จะมาดูอาการหรอคะ?”
ฉันถามคุณหมอออกไป
ฉันไม่รู้ชื่อคุณหมอหรอกแต่ความจริงที่ว่าฉันเชื่อใจเขาได้
ฉันเลยไม่ได้สนใจตรงนั้นเลย
คุณหมอใช้มือลูบคางของเขาที่มีเคราไปมา
“ใช่, แล้วก็วันนี้เอายาตัวใหม่มาให้ลองน่ะ, เป็นยาตัวพิเศษพึ่งพัฒนามาเลยล่ะ”
“เอ๊! จริงหรอคะ?”
“ใช่แล้ว, ยาตัวนี้จะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าตัวเดิมที่ใช้อยู่มากเลยล่ะ, นอกจากนั้นมันจะช่วยทำให้ประสาทสัมผัสของเธอถูกกระตุ้นแต่อาการเจ็บปวดทุกอย่างจะหายไปนอกจากนั้นมันยังช่วยทำให้สมองโล่งมากๆ”
“อ่า.. ฉันอยาก..”
“อยากลองใช้งั้นหรอ? แต่ว่าแพงอยู่นะ”
“เอ่อ.. ไม่ดีกว่าค่ะ”
ฉันปฏิเสธออกไป
ฉันอยากใช้ยาตัวใหม่ที่คุณหมอพูดถึงมากๆ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่มีเงินน่ะสิ
ถ้าหากฉันมีเงินฉันจะขอคุณหมอซื้อใช้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
“หื้ม? ปกติเธอไม่เคยปฏิเสธนี่”
“เอ่อ.. ช่วงนี้ไม่มีเงินแล้วค่ะ”
ฉันหัวเราะแห้ง
การพูดถึงสถานภาพการเงินของฉันในตอนนี้ที่ไม่มีเงินเนี่ย มันน่าอายจะตาย
ถึงในตอนนี้ฉันจะยังมีเงินอยู่ล้านวอนที่คิมจีฮุนให้มาก็เถอะ
แต่จิตใจของฉันมันแยกออกเป็นสองทางระหว่างจะใช้มันหรือเก็บไว้ดี
คุณหมอเขาเลิกคิ้วสูงด้วยความสนใจ
“เงินที่เพื่อนเธอให้มาหมดไปแล้วงั้นหรอ? ชื่ออะไรนะ? อา… คิมจีฮุนน่ะ”
“อ่า..ค่ะ.. คิมจีฮุน, เพื่อนฉันเขาจะส่งเงินให้ฉันทุกเดือนแต่ว่าช่วงนี้ฉันทะเลาะกับเขา..”
ฉันเงียบไปพักหนึ่ง
ฉันนึกถึงหน้าของคิมจีฮุน
ตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะ
เขาจะหายโกรธฉันหรือเปล่า?
หากฉันติดต่อเขาไป เขาจะตอบกลับข้อความฉันหรือเปล่า?
ไม่สิ เขาคงไม่มีทางหายโกรธเร็วขนาดนั้นหรอก
ฉันอยากไปเจอเขาจัง
ฉันอยากให้เขารับรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก
ฉันใช้ยาตัวใหม่รักษาอยู่จริงๆ
แถมตัวยาที่ใช้มันก็ดีมากๆ เลยไม่เหมือนยาตัวเก่าราคาถูกที่ราคาไม่กี่พันวอน
ยาตัวเก่าที่ฉันใช้แค่อาการไข้ของฉันมันยังรักษาไม่ได้เลย
แต่ยาตัวใหม่มันรักษาฉันได้ทุกอย่าง
อาการไอ ไข้หรือปวดหัว ทุกอย่างมันรักษาได้หมดจริงๆ
แม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวดอะไรก็ตามแถมยังทำให้สมองฉันโล่งอีก
ชิ.. พอพูดแล้วฉันอยากจะซัดหมัดเข้าที่ท้องเขาสักหมัดจริงๆ
ข้อหาที่เขาไม่เชื่อใจฉัน
“หื้ม~ เอาอย่างงี้เป็นไง, ฉันจะให้เธอลองใช้ยาฟรีๆ, ถึงฉันจะขาดทุนไปสักหน่อยก็เถอะ”
“จะ..จริงหรอคะ!?”
ฉันตกใจและพูดออกไปเสียงดัง
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหมอเขาจะให้ฉันลองยาฟรีๆ
คุณหมอเขาใจดีมากจริงๆ
“จริงสิ”
คุณหมอเอามือของเขาปิดปากไว้
อา.. สงสัยฉันจะดีใจออกหน้าออกตาไปหน่อย
ก็เพราะว่าเขารีบเอามือปิดปากของตัวเองไว้
เวลาคุณหมอยิ้มกับท่าทางของฉันเขามักจะทำแบบนี้อยู่เสมอ
อาจจะเพราะว่าคุณหมอเป็นคนขี้อายก็ได้
เขาเลยไม่ค่อยโชว์รอยยิ้มของตัวเอง
ซึ่งมันก็มีจริงๆ คนที่เป็นแบบนี้น่ะ
“ถ้างั้นตกลงค่ะ! ฉันอยากลองยาตัวใหม่เร็วๆ”
ฉันยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความสุขก่อนที่จะเดินไปหาคุณหมอพร้อมกับฮัมเพลง
ตอนนี้ฉันมีความสุขมากจริงๆ
คุณหมอหยิบกล่องสีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
ฉันมองกล่องในมือของคุณหมอตาเป็นประกาย
คุณหมอเดินมาอยู่ข้างๆ ฉันก่อนที่เขาจะดึงกางเกงที่ฉันใส่อยู่ลงเล็กน้อย
“อ๊ะ..”
ฉันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย
มันเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยให้ใครเห็นเรือนร่างของฉันเลยน่ะสิ
“ยาตัวนี้ต้องฉีดที่สะโพก”
“ขะ..เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉันยอมให้คุณหมอดึงกางเกงลงระดับหนึ่ง
ฉันเข้าใจที่ว่าการฉีดยานั้นมีหลายจุดซึ่งจะเปลี่ยนไปตามปริมาณยาหรือสาเหตุอื่น
ฉันเลยยอมให้คุณหมอเขาดึงกางเกงลงเผยให้เห็นสะโพกสีขาวนวลของฉัน
คุณหมอคุกเข่าลงแล้วก็หยิบเข็มฉีดยาออกมา
เขาเปิดกล่องสีดำเผยให้เห็นขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีแดงเลือด
เขาค่อยๆ บรรจงดูดของเหลวสีแดงในขวดแก้ว
เขาทดสอบเข็มฉีดยาด้วยการกดให้ของเหลวนั้นไหลออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะแทงมันเข้ามาที่สะโพกของฉัน
ฉันมองคุณหมอด้วยหัวใจที่สั่นระรัว
จากสรรพคุณที่คุณหมอบอก
มันจะทำให้ฉันรู้สึกดีมาก, สมองของฉันจะโล่ง, อาการเจ็บแสบที่ฉันรู้สึกจะหายไป
แค่คิดถึงสรรพคุณของยาตัวใหม่ที่คุณหมอกำลังฉีดอยู่นั้นฉันก็หลุดหัวเราะออกมา
“เรียบร้อย”
คุณหมอใช้ผ้าสีขาวเช็ดเข็มฉีดยาก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“อา.. แต่ฉันยังไม่รู้สึกอะ…”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค
ฉันก็รู้สึกทุกอย่างมันช้าผิดปกติ
ฉันรับรู้ได้ถึงหัวใจของฉันที่เต็มระรัว
มันราวกับกลองที่ดังอยู่ข้างในร่างกายของฉัน
สมองของฉันโล่งอย่างน่าประหลาด
มันปลอดโปร่งมากทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่บนเมฆ
นอกจากนั้นแล้ว
“อ๊า~”
ฉันส่งเสียงน่าอายออกมา
มันเป็นเสียงที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะส่งเสียงที่ลามกขนาดนี้ออกมา
แต่มันช่วยไม่ได้!
ทุกๆ การขยับของฉัน
มันเสียวสะท้านไปหมดเลย
สัมผัสของเสื้อผ้าบนตัวของฉัน
สัมผัสของสายลมที่พัดเข้ามาแม้จะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม
สัมผัสของเท้าของฉันที่กำลังสัมผัสกับรองเท้า
ทุกอย่างมันเสียวไปหมด
มันทรมาณ!
แต่มันก็รู้สึกดี!
ไม่นะ!
มันรู้สึกดีมากเกินไป!
“คะ.. คุณหมอ~ อ๊า~”
ฉันพยายามเรียกคุณหมอแต่ว่าขาของฉันไร้เรี่ยวแรง
ฉันล้มลงอยู่ตรงนั้น
ขนาดขาฉันที่ล้มลงกับพื้น
ฉันยังเสียวเลย
มันรู้สึกดีเกินไปจริงๆ
สมองของฉันตอนนี้มันเริ่มรู้สึกเสียวสะท้านแล้ว
มันราวกับว่ามีไฟฟ้าช็อตเข้ามาที่หัวของฉัน
มันกระตุ้นให้สมองของฉันตื่นตัวขึ้นไปอีก
ฉันจะไม่ไหวแล้ว!
ความสุขนี้มันมากเกินไปแล้ว
ร่างกายของฉันบิดไปมา
เสียงหอบหายใจและเสียงลามกที่ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะส่งเสียงแบบนี้ออกมาได้
มันหลุดออกมาหมดแล้ว
ต่อหน้าคุณหมอ
อ๊า… ฉันจะไม่ไหวแล้ว
คุณหมอได้โปรด
ฉันอยากเสียวมากกว่านี้
ฉันอยากรู้สึกดีมากกว่านี้
ฉันอยากรู้สึกมันให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก
ฉันอยากจะบอกคุณหมอออกไปถึงสิ่งที่ฉันคิด
แต่ว่าความสุขและความรู้สึกดีที่ฉันมีในตอนนี้
มันมากเกินไปจนถึงขนาดที่ว่าฉันพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย
ราวกับว่าลิ้นของฉันมันอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถควบคุมเสียงอะไรได้อีก
ฉันได้แต่ส่งสายตาไปยังคุณหมอ
ราวกับว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการ
ฉันเห็นคุณหมอที่เดินเข้ามาหาฉัน
อ๊า~
จะอะไรก็ได้… ให้ฉันได้รู้สึกดีมากขึ้นยิ่งกว่านี้เถอะ