โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” - ตอนที่ 181 บทที่ 8 ตอนที่ 38
บทที่ 8 ตอนที่ 38
เพื่อหลบหนีจากอาคาร์ซัม ไทรโฟเลี่ยมได้มายังพื้นที่ทางตอนใต้พร้อมกับซีน่า ประตูทางทิศใต้นั้นเต็มไปด้วยผู้คนและรถม้า
ประตูทิศใต้นั้นเป็นทางเข้าหลักของอาคาร์ซัม ที่ขอบด้านนอกหน้าประตูขนาดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากเขตอื่นๆ มีพื้นที่สำหรับการขนถ่ายสินค้า มีคลังจัดเก็บสินค้า และสำนักงานขนส่งสินค้าประจำเมือง
ณ ด้านนอกและทางใต้ของพื้นที่การค้าได้กลายเป็นฐานขนส่งขนาดใหญ่ ดังนั้นไทรโฟเลี่ยมจึงสวมผ้าคลุมเพื่อปกปิดตัวตนและมองไปยังรอบๆเพื่อมองหารถม้า
「ต้องรีบออกจากเมืองนี้โดยเร็วที่สุด พวกภูติเองก็เริ่มอ่อนล้าเต็มที」
เขาใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ เพราะซีน่านั้นขัดขืนแม้จะถูกควบคุมจิตใจก็ตาม
จิตใจของเธอแม้จะโดนควบคุมด้วยพลังของภูติ แต่หัวใจของเธอยังคงต่อต้านมาจากภายใน
แม้ว่าจะมีความรู้สึกที่ว่าโดนต่อต้าน แต่ไทรโฟเลียมก็หาได้สนใจไม่และเรียกรถม้า
「รถม้านี้พร้อมให้บริการรึเปล่า?」
「หา ? พร้อมสิแต่ว่ามันก็จะแออัดหน่อย」
บางทีอาจจะเพราะรถม้าบรรทุกสินค้าจำนวนมาก มีม้าลากจำนวนสองตัว แต่ก็มีที่ว่างพอที่จะให้ไทรโฟเลียมกับซีน่าขึ้นไป
อาคาร์ซัมนั้นตั้งอยู่ในป่าและวิธีเดียวจะไปเมืองข้างเคียงคือผ่านถนนหลวง
มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นบนถนนหลวง มีรถม้าลากผ่านไปมาอยู่เสมอ และมันก็ง่ายต่อการจะไปเมืองข้างเคียง
แต่ว่าไทรโฟเลี่ยมก็เสียเวลาในการตรวจสอบความปลอดภัยของรถมม้ามากเกินไป
ตัวเขามีท่าทีหยิ่งผยองทำให้เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ และการที่พวกสวมฮู้ดก็ยิ่งทำให้คนรอบข้างสงสัยเข้าไปอีก
(ต้องรีบออกจากเมืองนี้โดยเร็วที่สุดก่อนที่ลอรัสจะรู้ตัว!)
「ช่วยไม่ได้ ถ้างั้นถ้าจ่ายด้วยเจ้านี่ล่ะ?」
เขาหยิบเหรียญทองออกจากกระเป๋าในมือ ใบหน้าที่แสดงความระมัดระวังก็แสดงสีหน้าตกใจ ตามด้วยรอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้า
「ถ้าเท่านี้ก็เกินพอตราบใดที่ไม่ทำเรื่องเสียมารยาท」
「ฮืม……」
เขาแอบบ่นเล็กน้อยต่อชายตรงหน้าที่เห็นทองก็เปลี่ยนท่าที ไทรโฟเลี่ยมพาซีน่าขึ้นไปบนรถม้า
ที่นั่งนั้นเต็มไปด้วยกล่องไม้และกระสอบผ้าใบและไทรโฟเลี่ยมก็ดึงมือของซีน่าให้นั่งลงระหว่างช่องว่างของสัมภาระ
เมื่อเขาแน่ใจว่าอยู่บนรถม้าแล้ว ก็เริ่มกุมบังเหียนและขับรถม้าไปทางทิศใต้
มีถนนสายหลักสองสายถอดยาวจากย่านการค้าไปยังเขตด้านนอกและประตูทิศใต้ แต่ละสายจะเป็นนถนนเส้นเดียวและได้รับการออกแบบมาเพื่อบรรเทาความแออัดของการสัญจร
หากผ่านส่วนขนส่งได้ก็อยู่ไม่ไกลจากประตูทิศใต้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คนขับรถม้ากำลังขับอยู่นั่นเอง
ทหารยามเกือบสิบคนพร้อมหอกประจำการอยู่หน้าประตู
คนขับรถม้ารายงานบางอย่างกับผู้เฝ้าประตูซึ่งเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นเอลฟ์ก็ขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มีมาตรการฉุกเฉิน
「อาคาร์ซัมลงมือเคลื่อนไหวงั้นเหรอ? คงเผื่อไว้ล่ะมั้ง……」
เพื่อเพิ่มพลังเวทย์ลงไปในเวทย์วิญญาณไทรโฟเลี่ยมค่อยๆปล่อยพลังเวทย์ไปยังพื้นที่รอบๆและเรียกเหล่าภูติ
ในขณะนั้นเหล่าทหารยามที่สัมผัสถึงพลังเวทย์ได้ก็มองไปยังทางรถม้าทันที
เพียงแค่พลังเวทย์รั่วไหลเล็กน้อยก็จะถูกจับได้ในทันที และปากของไทรโฟเลี่ยมก็เริ่มบิดเบี้ยว ในมือของพวกทหารยามมีหินก้อนเล็กๆส่องแสงจางๆ
เอลฟ์นั้นไม่รู้ แต่เหล่าทหารยามนั้นมีเครื่องมือเวทย์ ที่เอาไว้รับรู้พลังเวทย์ก็เพื่อต่อกรต่อเหตุการณ์ของเคน
เครื่องมือเวทย์จะไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆยามปกติ แต่ว่าหากมีคนใช้พลังเวทย์มันจะส่องแสงจางๆออกมาตามความเข้มข้นของพลังเวทย์
「เฮ้ย ไอตรงนั้นน่ะ คิดจะทำอะไร!?」
ทหารยามสี่คนหน้าประตูวิ่งขึ้นไปที่ด้านข้างของรถม้าที่ไทรโฟเลี่ยมนั่งอยู่
「ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ก็แค่มีหนูวิ่งในรถม้า」
「อย่ามาทำให้ตกใจสิวะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่………พวกแกกำลังจะไปไหน?」
「ไปเมืองถัดไป……」
ไทรโฟเลี่ยมพยายามคุมน้ำเสียงให้สบายๆแต่ความระมัดระวังของเหล่าทหารยามก็ไม่ได้ลดลง
เดิมทีพวกเขาตื่นตัวเพราะวิโทร่าที่มายังเมืองนี้ โดยปกติแล้วน่าจะไม่ตรวจสอบหาซีน่าเจอได้แน่ๆ
「อ่า เข้าใจแล้ว อย่างน้อยคุยกันทำไมไม่ถอดฮู้ดออกล่ะ? พฤติกรรมแบบนี้มันน่าสงสัยนะรู้ไหม」
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นไทรโฟเลี่ยมก็กัดฟันทันที
หากถอดฮู้ดออก ก็จะโดนจับได้ว่าเป็นเอลฟ์ และทหารยามตรงหน้าก็คงไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่นอน
ดวงตาของทหารยามเริ่มแสดงความสงสัยออกมา
「อะไรกัน? หรือมีเหตุผลที่ทำให้ถอดไม่ได้รึยังไง?」
พวกทหารยามถึงกับทำให้ไทรโฟเลี่ยมต้องหุบปากลง ความระมัดระวังของพวกทหารยามเพิ่มอีกเท่าตัว และเริ่มตรวจสอบรถม้า
ไทรโฟเลี่ยมวางมือบนใบหน้าของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกันก็ให้เหล่าภูติปลอมแปลงใบหน้าของเขา
「อึก! ปฏิกิริยาเวทมนตร์รุนแรงกว่าเดิมอีก หมอนี่มันกำลังใช้เวทมนตร์!」
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าทหารยามก็ตรวจพบได้อย่างง่ายดาย
ทหารยามที่มีเครื่องมือเวทย์ตะโกนเมื่อพบปฏิกิริยาเวทย์ทรงพลัง ทหารยามที่ล้อมรอบรถม้าเริ่มแสดงท่าทีต่อต้านขึ้นมาทันที
「ใช้เวทย์อะไรไปหะ!」
「เงียบๆสิสหาย!」
「โอ้วว……..ภูติแห่งปฐพีเอ๋ย จงผูดมัดคนเหล่านี้ด้วยพันธนาการแห่งปฐพีซะ」
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แทงหอกเข้ามา ไทรโฟเลี่ยมเลือกที่จะสู้และออกคำสั่งเหล่าภูติ
ในวินาทีถัดมา หินปูนก็กลายเป็นสภาพเหมือนดั่งเยลลี่และไล่โจมตีเหล่าทหารยามด้วยโซ่
「ว๊ากกก!」
「อะไรวะเนี่ย!?」
โซ่ดินเข้ายับยั้งเหล่าทหารยามและแข็งสภาพ
「ว๊ากกกกกก!」
「อ๊ากกกก!」
「ทุกคนอพยพ ! มีคนใช้เวทมนตร์ในเมือง!」
ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทันที โดยเริ่มจากเหล่าคนส่วนใหญ่ที่เริ่มทิ้งรถม้าและเริ่มวิ่งออกจากสถานที่แห่งนี้
หลายคนที่มาอาคาร์ซัมจากดินแดนห่างไกลและเข้ามาในฐานะพ่อค้าเร่
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขามักจะถูกโจรและสัตว์อสูรโจมตี และปฏิกิริยาตอบสนองต่ออันตรายของพวกเขานั้นก็รวดเร็วมาก จนทำให้สถานการณ์บานปลายอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเวทย์ที่ไทรโฟเลี่ยมใช้จะผนึกการเคลื่อนไหวของศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่เหล่าพ่อค้าก็เริ่มอพยพออกไป เพราะ “การใช้เวทย์ทรงพลัง”
และเมื่อมีเรื่องราววุ่นวาย มันก็เหมือนกับคนที่กำลังขึ้นเขาละมีหินกลิ้งลงมาจากทางลาดชัน ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด และทหารยามก็เริ่มมาที่เกิดเหตุ
「เฮ้อ กลายเป็นเรื่องยุ่งยากจนได้!」
ไทรโฟเลี่ยมย้ายขึ้นไปนั่งบนที่ว่างคนขับและโบกมืออย่างรวดเร็ว
วิญญาณแห่งวายุและปฐพีเคลียร์รถม้ากว่าสิบคันรอบๆเขา
「ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮี้!」
「ฮะฮี้!」
「ไม่เป็นข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ดังนั้นได้โปรดออกรถได้เลย」
「ฮี้……」「ฮะฮี้……」(TN:ไม่ถนัดแปลเสียงร้องสัตว์เลยวุ้ย)
เมื่อได้ยินคำสั่งของไทรโฟเลี่ยมม้าก็เริ่มกลับมาสงบจิตใจอย่างรวดเร็ว
การสื่อสารกับเหล่าสัตว์เองก็เป็นหนึ่งในความสามารถของเอลฟ์ ม้าสองตัวสงบสติและวิ่งไปทางประตูทิศใต้พร้อมกับรถม้าที่ลากอยู่
「ใครจะยอม!」
ในขณะนั้นรถม้าเร่งความเร็วมุ่งตรงไปยังประตูทิศใต้และใกล้จะออกจากเมือง แต่ว่าด้วยเสียงอันแหบแห้งกระโดดออกมาระหว่างรถม้าและเปิดประตูออกมา ข้างหน้าก็มีชายถือดาบใหญ่ขวางทางเอาไว้
คมดาบที่ตวัดออกมาซัดพื้นดินโดยรอบปลิวไป
「ฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮี้!」
ก้อนหินและกรวดทำให้รถมม้าหยุดกะทันหันพร้อมกับเสียงคร่ำครวญ
「ตามมาทันได้ยังไง」
「ก็แย่หน่อยนะ แถวนี้ห้ามผ่าน」
คนที่ขัดขวางรถม้าของไทรโฟเลี่ยมไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือมาร์นั่นเอง
ตอนนี้ซีน่าที่โดนสะกดจิตก็ต้องหนีออกจากอาคาร์ซัมจากประตูทิศใต้ซึ่งเป็นถนนหลักอยู่แล้ว
เขายิ้มอย่างไม่เกรงกลัวขณะถือดาบใหญ่ด้วยมือซ้ายพร้อมกับมือขวาที่ล้วงกระเป๋า
「เล่นทำเอาซะวุ่นเลยนะไอ้แก่เฮงซวย อย่าคิดว่าชั้นจะปล่อยแกไปง่ายๆล่ะ」
「ไอ้พวกมนุษย์เส็งเคร็ง! คิดจะต่อกรกับเอลฟ์งั้นเรอะ!」
ไทรโฟเลี่ยมเพิ่มพลังเวทย์ในขณะที่สั่งให้ม้าวิ่งผ่านมาร์ นอกจากนี้เหล่าภูติได้ทำโล่ป้องกันรถม้าป้องกันการโจมตีทุกประเภท
จากนั้นเขาก็ช่วยบรรเทาความกลัวของม้าทำให้พวกมันสงบในขณะที่ไทรโฟเลี่ยมยังคงเสริมความสามารถทางกายภาพให้กับม้า
นอกจากนี้ยังสร้างแผงกั้นลมและห่อหุ่มรถม้าทั้งหมดด้วยบาเรีย
จากนั้นด้วยพรของเหล่าภูติรถม้าที่มีความเร็วดุจพายุทอร์นาโดก็เริ่มพุ่งเข้าใส่มาร์ซึ่งปิดถนนอยู่
「ว้าวว ลูกเล่นเยอะนะเรา……」
มาร์ หายใจออกมาอย่างเงียบๆ ขณะที่ลดดาบที่ถือลงและหันมันไปทางด้านหลัง
แม้จะเผชิญหน้ากับรถม้าที่เหมือนกับพายุทอร์นาโดเข้ามา เขาก็ไม่มีท่าทีหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงเขาเผลอยิ้มออกมาด้วยซ้ำ
「ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีที่จะสำแดงพลังใหม่ให้ได้เห็น」
ในวินาทีถัดมาคมดาบวายุขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นปกคลุมรอบดาบใหญ่ คมดาบวายุที่ใหญ่ยิ่งกว่าดาบของเขาประมาณสองสามเท่า ที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือความหนาแน่นของลมที่ถูกบีบอัด
ลมที่รุนแรงยิ่งกว่าไทรโฟเลี่ยมสร้างขึ้นที่ขนาดใช้เหล่าภูติช่วย
「ฮย๊าากกกกกกกกกกกกกกกกก!」
วายุอัสดง
ด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียวคมดายวายุของมาร์ก็เฉือนบาเรียของไทรโฟเลี่ยมได้อย่างง่ายดาย เชือกที่รัดแน่นระหว่างม้าสองตัวนั้นขาดวิ่นและร่วงลงสู่พื้น
แรงกระแทกของวายุนั้นซัดรถม้าของไทรโฟเลี่ยมไกลออกไป เกวียนนั้นลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเอลฟ์เฒ่า
「อ๊ากกกกกกกกกกกก!」
ไทรโฟเลี่ยมพยายามสั่งให้ภูติชะลอแรงลมที่พัดเข้าใส่เขากับซีน่า
ซีน่าได้รับการปกป้องจากเหล่าภูติ แต่เขาก็โดนแรงกระแทกอันรุนแรง
「อั่ก……」
ไทรโฟเลี่ยมคร่ำครวญออกมาลุกขึ้นนั่ง รถม้านั้นคว่ำลงและม้าก็หมดสติไปแล้ว
ม้าตัวอื่นๆก็หนีกันไปหมดแล้ว ซึ่งหมายความว่าอับจนหนทาง
ไทรโฟเลี่ยมกันฟันแน่นต่อความพ่ายแพ้ตรงหน้า แต่ก็พยายามให้เหล่าภูติได้ตอบโต้
ดินและทรายที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมตัวในอากาศเป็นลูกศรหินนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่มาร์
ลูกศรหินที่เจาะทะลวงพุ่งเข้าใส่มาร์ อย่างไรก็ตาม มันเจาะไม่ทะลุร่างเขาแต่สลายไปกลางอากาศ
「พอแค่นั้นแหละครับท่านไทรโฟเลี่ยม」
「ท้ายที่สุดแล้วก็แกงั้นเรอะลอรัส」
มีลอรัสโผล่มาจากด้านข้าง
พลังงานเวทย์ไหลออกมาจากร่างของเขา และอนุภาคของแสงก็หมุนวนรอบร่าง เขาเป็นคนที่คลายเวทย์ลูกศรหินนั่น
「ใช่แล้วครับ ผมไม่สามารถมองข้ามการกระทำของคุณในครั้งนี้ได้ เพื่อประโยชน์ของเพื่อนร่วมเผ่า พวกเราควรจะหยุดนะครับ」
เมื่อลอรัสยืนขวางทางไทรโฟเลี่ยมก็ใช้พลังเวทย์มากขึ้น เวทมนตร์สีเขียวเข้มนั้นเปล่งประกายมากขึ้นและออกคำสั่งแก่เหล่าภูติ
ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเอลฟ์เฒ่า ลอรัสยังยื่นแขนออกไปด้วยพลังเวทย์ที่เอ่อล้น
พลังเวทย์ของลอรัสขัดพลังเวทย์ของไทรโฟเลี่ยมไม่ให้เขาสามารถใช้เวทย์วิญญาณได้
「หนอยยยย!」
「อย่างที่คิด ยังไงก็ไม่สามารถยกเลิกเวทย์ที่ทำพันธสัญญาไปแล้วได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้ออกคำสั่งใหม่ได้ และแค่นี้มันก็เพียงพอที่จะยื้อเวลาแล้ว」
「ว่าไงนะ?」
「ฮั่นแน่ ช่องว่างเปิดโล่งเลยเชียวนะ!」
「คืนซีน่ามาซะ!」
วินาทีถัดมาเงาสองสามเงากระโจนลอยขึ้นนั่นคือมิมูรุกับฟีโอที่โผล่มาเป็นกองหนุน
พวกเขาพุ่งเข้าหาเอลฟ์เฒ่าและจับกดลงกับพื้น
ฟีโอหยิบยันต์ออกมาจากกระเป๋าและแตะมันไว้ที่ไทรโฟเลี่ยม และพลังเวทย์ก็กระจายออกจากร่างของเอลฟ์เฒ่าอย่างรวดเร็ว
「ยันต์ผนึกเวทย์ ตอนนี้ก็ไม่สามารถใช้เวทย์วิญญาณได้อีก」
「ซีน่า!」
「แค่ก แฮ่ก แฮ่ก!」
เดิมทีไทรโฟเลี่ยมนั้นก็มีร่างกายบอบบาง ไม่มีทางที่จะสู้กับเผ่ามนุษย์สัตว์ได้อยู่แล้ว
ในขณะเดียวกันมิมูรุเมินไทรโฟเลี่ยมและเข้าไปหาซีน่า
「ซีน่าไม่เป็นไรนะ ไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม!?」
ปู่ของเธอทำการสะกดจิตเธอ และเธอเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า
เมื่อซีน่าที่ไม่ตอบรับมิมูรุเลย ลอรัสก็พูดออกมาว่า「เดี๋ยวจัดการให้」
「……ยกเลิกให้ซีน่าเร็วเข้า」
ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธมิมูรุมองไปที่ไทรโฟเลี่ยมที่ถูกจับกดบนพื้น
สายตาโกรธเกรี้ยวที่แผดเผาพุ่งตรงไปยังเอลฟ์ตรงหน้า อย่างไรก็ตามแววตาของเขาเองก็ดูน่ากลัวเช่นกัน
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับมิมูรุที่โกรธจัดแต่ไทรโฟเลี่ยมก็ยังคงนิ่งเฉย
「……ข้าไม่ยกเลิกให้หรอกนะ พวกแกต่างหากที่ต้องรีบออกจากเมืองบ้านี่ ในไม่ช้าเมืองนี่ก็จะพังพินาศ ด้วยน้ำมือของดราก้อนสเลเยอร์」
「หนอยยย……!」
「ใจเย็นก่อนลอรัส นายยกเลิกเองไม่ได้เหรอ?」
ขณะที่จับมิมูรุไว้มาร์ก็หันมามองลอรัส แต่เขาส่ายหัว
「เป็นไปไม่ได้เลย ตอนนี้พวกภูติไม่ตอบรับผมเลย พันธสัญญานั่นค่อนข้างแข็งแกร่งพอตัว」
「แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับซีน่า!」
「ตราบใดที่ไทรโฟเลี่ยมไม่คลายเวทย์นี้ เธอก็จะเป็นเหมือนร่างไร้วิญญาณไปอีกหลายทศวรรษ」
「……แล้วจะต้องทำยังไง」
ตอนนี้ซีน่าตกอยู่ในสภาวะไร้ความนึกคิด มาร์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่ามีพันธมิตรเพียงคนเดียวที่สามารถใช้เวทย์วิญญาณได้
ก่อนที่จะรู้ตัวท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหนาเริ่มส่องประกายและหิมะสีขาวเริ่มร่วงหล่น
「หิมะเหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ……」
แน่นอนว่าไม่แปลกใจที่มันจะตกมาตามฤดูกาล แต่ว่ามันยังมีพลังเวทย์ปะปนในหิมะด้วย
ในขณะนั้นดวงตาของมาร์ก็สงสัยทันที และก็เห็นเสาแห่งแสงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากระยะไกล
「นั่นอะไรฟะ……」
「เสาพลังเวทย์ ถึงกระนั้นใครกันที่เป็นคนใช้? และทิศทางที่เสานั่นอยู่……」
เสาเวทมนตร์ที่สามารถมองเห็นได้จากทิศเหนือ เมื่อพวกมาร์เห็นก็รู้ได้ทันทีมันมาจากบ้านฟรานซิส
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ณ ห้องรับแขกของตระกูลฟรานซิส ในห้องที่ตกแต่งไปด้วยหินอ่อนและเฟอร์นิเจอร์หรูหรา หญิงสาวรูปร่างงดงามผมสีเงินนั่งอยู่บนโซฟาหนังและเพลิดเพลินกับไวน์ที่ถูกเสิร์ฟ
ในวันนี้วิโทร่ามาที่บ้านฟรานซิสเพื่อทำข้อตกลง
ด้านนอกอัสดงได้เวียนไปทางทิศใต้และค่อยๆเริ่มไปยังทิศตะวันตก
ฤดูหนาวมาถึงแล้ว อากาศเองก็เย็นมาก แต่ว่าวิโทร่าก็คิดว่ามันไม่ต่างจากเดิม ทำได้แต่แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความพึงพอใจ
ข้างหลังเธอมีลูกาโต้ที่คอยเติมไวน์แดงเข้มอย่างเงียบๆ
ขณะที่วิโทร่ามองออกไปนอกหน้าต่าง ประตูทางเข้าห้องรับแขกก็เปิดออก
「ขอโทษที่ทำให้คอยนะครับท่านวิโทร่า」
คนที่เข้ามาคือวิคเตอร์ซึ่งเป็นคนที่มาเจรจาข้อตกลงในครั้งนี้
และข้างหลังก็มีเมดสาวที่คอยรับใช้เขา
「ไม่ต้องกังวลไปหรอกเน้อ ฉันชอบไวน์ที่นี่มากเลย ถึงกระนั้นบ้านนี้ก็โดดเดี่ยวดีแท้ แล้วคนรับใช้คนอื่นๆหายไปไหนหมด?」
ขณะที่เธอพูดเช่นนั้น วิโทร่าก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมา
ประมาณครึ่งหนึ่งของไวน์ที่ถูกเทไปหายไปแล้ว
「เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญกระผมได้พาพวกเขาออกจากคฤหาสน์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังที่กล่าวไปไวน์นี่สั่งทำพิเศษและพบได้ในแดนบรูพาเท่านั้น หากทางตะวันออกและจักรวรรดิได้สานสัมพันธ์กัน พวกเขาก็จะสามารถส่งมอบไวน์ที่ท่านพึงพอใจได้เป็นแน่แท้」
「เกริ่นยาวน่ารำคาญแท้เด้อ มาเริ่มกันเลยดีกว่า」
โดยไม่สนใจคำพูดของวิคเตอร์ เธอพิงข้อศอกบนโต๊ะและเล่นกับแก้วในมือเธอ เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเงื่อนไขที่นำเสนอก่อนหน้านี้
「สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือสิทธิ์ในการสั่งซื้อมิลธิลที่ยังไม่แปรรูปในเขตของเรา แล้วจะรับประกันสินค้านำเข้าจากประเทศของเรา เจ้าจะเปิดคลังสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ท่าเรือไอเจนและค่าบำรุงรักษาถนนทั้งหมดยังงั้นเหรอ?」
ท่าเรือไอเจน เป็นท่าเรือทางตอนเหนือของฟอร์ซิน่าและปัจจุบันเป็นท่าเรือที่ปราศจากน้ำแข็งทางตอนเหนือสุด
อยู่ใกล้กับพรมแดนของจักรวรรดิดิซาร์ตทำให้เป็นท่าเรือที่เหมาะแก่การขนส่ง
แต่ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรือมีน้อยนิด มันจะกลายเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีสินค้านำเข้ามหาศาล ดังนั้นก็เลยต้องขยายท่าเรือ
การบำรุงรักษาถนนเองก็จำเป็น สิ่งเหล่านี้ทางตระกูลฟรานซิสจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
「สินค้าของตระกูลวาจาร์ต แสวงหาจะถูกรวบรวมโดยทางเราและรวบรวมไว้ที่ท่าเรือไอเจน และทำธุรกรรมผ่านเขตแดน นอกจากนี้ความปลอดภัยของสินค้าที่สั่งตระกูลฟรานซิสจะให้การรับประกันจนกระทั่งขยายท่าเรือ」
ในจักรวรรดินั้นมีเส้นแร่มิลธิลขนาดใหญ่อยู่
ความบริสุทธิ์ของมันนั้นสูงที่สุดในทวีปอาร์คมีล และสิ่งที่ตระกูลฟรานซิสต้องการคือทรัพยากรในเส้นแร่นั่น
ในทางกลับกันตระกูลฟรานซิสจะให้ตระกูลวาจาร์ตช่วยในการขยายท่าเรือไอเจนและบำรุงรักษาถนนตลอดจนคุณภาพและความปลอดภัยของพรมแดน
การรับประกันสินค้านำเข้าและความปลอดภัยทางทะเล
ในกรณีการขนส่งทางทะเลเช่น เรือ ผู้ส่งสินค้ามักจะทำประกันในกรณีที่สูญเสียมูลค่า
เนื่องจากเหมาะสำหรับการขนส่งที่มีความเสี่ยงสูงและความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
นอกจากนี้เมื่อขนส่งสินค้าทางท่าเรือจะมีค่าธรรมเนียมต่างๆที่ท่าเรือ
ค่าธรรมเนียมในการใช้ท่าเรือ ค่าธรรมเนียมในการใช้อุปกรณ์ ค่าธรรมเนียมในการใช้คลังสินค้า สิ่งเหล่านี้ตระกูลฟรานซิสจะให้ความสะดวก
ซึ่งเป็นภาระอันหนักหนาสำหรับตระกูลฟรานซิส
นอกจากนี้ตระกูลวาจาร์ตจะต้องมาช่วยขยายท่าเรือ ทางหลวง และพรมแดน
ในทางกลับกัน ตระกูลวาจาร์ตจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการฑูตของจักรวรรดิดิซาร์ตและอยู่ในตำแหน่งที่จะผูกขาดผลกำไรเพียงฝ่ายเดียว
เนื่องจากที่จักรวรรดิดิซาร์ตไม่มีท่าเรือขนาดใหญ่และเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นท่าเรือทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งในฤดูหนาว ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้
ประเด็นที่สองคืออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน แต่เรื่องนี้ทำการตกลงเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้พรมแดนที่ส่งสินค้าและเงินของตระกูลวาจาร์ตที่หายากจะเข้ามาในฟอร์ซิน่า
แม้ว่าการลงทุนในการเริ่มโครงการจะขาดทุนมหาศาล แต่เพื่ออุปทานที่มั่นคงในการนำเข้ามิลธิล ก็เป็นข้อได้เปรียบทั้งด้านการค้าและการฑูต
แตว่าประเด็นสำคัญคือ “สองประเทศไม่มีความสัมพันธ์การการฑูตที่จะสรุปข้อสนธิสัญญา ดังนั้นมันเลยมีข้อจำกัด”
หากเงินไหลมาผู้คนก็จะไหลตามมิตรภาพจะดีขึ้นและทำให้เป็นพันธมิตรกัน
นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของวิคเตอร์
「ครับ ถ้าท่านไม่รังเกียจ……」
「ดีที่ฉันได้ยินเรื่องจากลูกาโต้มาก่อนหน้านี้จะไม่ได้ต้องต่อความยาวสาวความยืด สำหรับสนธิสัญญาระยะสั้นฉันจะยอมเอาด้วยก็ได้」
「ขอบคุณมากครับ……」
「แต่ว่าฉันมีเงื่อนไขเพิ่มเติม」
วิโทร่าขัดจังหวะคำขอบคุณของวิคเตอร์ เล่นแก้วไวน์ในมือและหันมามองวิคเตอร์
「บุตรของมนุษย์เอ๋ย จงทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วง ทำตามสัญญาที่เจ้าได้ให้กับพวกฉันในอดีตและปฏิบัติตามข้อบังคับ นั่นคือเงื่อนไขของสนธิสัญญานี้」
วิโทร่ามาที่นี่พร้อมหยิบข้อตกลงในอดีตขึ้นมา
ในทางกลับกันวิคเตอร์เองก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว และดูเหมือนจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษและตอบกลับอย่างไม่สนใจ
「ก็รู้อยู่หรอกว่าท่านน่าจะพูดถึงข้อตกลงในอดีต เงินทุนทั้งหมดที่มอบให้ท่านในสนธิสัญญาครั้งนี้ตระกูลฟรานซิสจะเป็นคนจ่ายทั้งหมด ก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหายนี่ครับ?」
「อ่าใช่ ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเราจะเสียเปรียบเน้อ แต่ไม่ล่ะ ต้องเพิ่มการปฏิบัติต่อสัญญาที่ผ่านมา」
วิโทร่าไม่ยอมถอย
เมื่อเผชิญหน้ากับสนธิสัญญาที่เอื้ออำนวยแก่ตัวเองก็พร้อมจะน้อมรับแต่ก็ไม่ได้คิดจะทิ้งข้อตกลงในอดีตไปง่ายๆ
「แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ ตอนนี้สัญญานั่นมลายหายไปแล้วข้อตกลงนี่ก็ถือว่าไม่……」
「ไหงว่าอีกทีสิ」
「นี่อะไรน่ะ?」
「ไม่ใช่เลยมนุษย์เอ๋ย ไม่สำคัญว่าจะต้องมีสนธิสัญญารึเปล่าบรรบุรุษของเจ้าได้ลงนามเอาไว้โดยไม่สนใจว่าจะต้องมีสนธิสัญญาหรือไม่ก็เท่านั้นเอง」
ดื่มไวน์ในแก้วที่เหลือทั้งหมดและให้ลูกาโต้เทให้อีกครั้ง วิโทร่ามองไปนอกหน้าต่าง
ดวงตาของเธอหาได้สนคำพูดของวิคเตอร์
ในตอนแรกตั้งแต่เริ่มการสนทนาเธอก็ไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว
「พูดตรงๆ ฉันไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะพูดอะไรหรือหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะจะมาบอกให้เจ้าฟังเฉยๆ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉันปล่อยให้ลูกาโต้ดำเนินการก็สิ้นเรื่องอยู่แล้ว」
「มาเพราะโนโซมุ เบลาตี้ งั้นเหรอ?」
ทันทีที่ชื่อของโนโซมุถูกกล่าวถึง แววตาของเธอก็สว่างขึ้นทันใด
นอกหน้าต่างดวงตาของเจ้าหญิงแห่งความตายซึ่งสนใจดราก้อนสเลเยอร์ก็ได้หันกลับไปยังวิคเตอร์
「อ่า ใช่แล้ว จงนำตัวเขามาให้ฉัน มิฉะนั้น เจ้าก็ต้องส่งมอบสิ่งที่เจ้าหวงแหนที่สุดในชีวิตของตระกูลฟรานซิสมาให้ฉัน เพื่อรักษาสัญญาในอดีต」
ส่งมอบตัวโนโซมุให้กับเธอ ขณะที่เธอพูดแบบนั้นก็หน้าแดง
บางทีเธออาจจะเริ่มอารมณ์เสียที่ต้องพูดคุยนานๆ พลังเวทย์เริ่มโหมกระหน่ำออกจากร่างของเธอ
แก้วในมือของเธอแตก อากาศเย็นๆปะทุออกจากร่างของเธอแพร่กระจายไปทั่วห้องรับแขก ทั้งห้องส่งเสียงกรีดร้องกับบรรยากาศผิดปกติ
ในที่สุดพลังเวทย์ที่เล็ดลอดออกมามันหนาแน่นขนาดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและเริ่มกลืนกิน ไม่เพียงแค่ห้องแต่ยังรวมถึงคฤหาสน์ฟรานซิส
วิคเตอร์เหลือบไปด้านข้างมองไปข้างนอกหน้าต่างหิมะเริ่มตก อาจเป็นเพราะพลังเวทย์ของวิโทร่า
เธอเป็นจอมเวทย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและหลุดมาจากโลกในนิยาย พลังที่เหนือธรรมชาติแพร่กระจายออกไปราวกับว่านั่นแค่ลมหายใจของเธอ
พยายามอย่างสิ้นหวังที่จะนำดวงใจที่แตกสลายนี้กลับคืนรมา วิคเตอร์พยายามเกลี้ยกล่อม
「……เอ่อเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ปัจจุบันเขาเป็นนักเรียนของสถาบันโซลมินาติ กระผมไม่มีสิทธิ์ในการคุมตัวเขามา」
แม้จะรู้สึกกลัวต่อตัวตนตรงหน้าแต่วิคเตอร์ก็ปฏิเสธ
วิคเตอร์ที่คิดอยู่เสมอว่าจะยกลูกสาวให้โนโซมุ หันไปมองสุภาพบุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
「ถ้าอย่างนั้นก็จงส่งมอบตัวตนอันเป็นที่รักของตระกูลฟรานซิส……」
「นั่นไม่ได้หรอก เพราะผมเสียลูกสาวไปหมดแล้ว」
เสียลูกสาวไปแล้ว วิโทร่าเย้อมุมปากเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นคำโกหก
「เข้าใจแล้วแกไล่พวกเธอออกจากตระกูลสินะ? แน่นอนหากตัดขาดกัน ก็จะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวอะไรได้ ทำให้ฉันต้องถอยใช่ไหม?」
「ไม่หรอก ไม่คิดแบบนั้นเลย แต่มีเรื่องราวดีๆเล็กน้อย อย่างน้อยก็เพื่อทำให้เบี่ยงเบนความสนใจของท่าน เบี่ยงเบนความเบื่อหน่ายของท่านได้……」
พลังเวทย์ของวิโทร่าทรงพลังเกินไป แม้แต่เห่ลาทายาทยังหวาดกลัว ลูกาโต้จึงเป็นข้ารับใช้เพียงหนึ่งเดียว
แม้ว่าพลังเวทย์ของเธอจะถูกใช้ แต่ผู้ชายตรงหน้าก็มองด้วยแววตาที่อยากเอาชนะ
เมื่อเผชิญหน้ากับความกระหายในชัยชนะของวิคเตอร์ ในที่สุดดวงตาของวิโทร่าก็เริ่มมีแสงขึ้นมา
ความสามารถในฐานะปัจเจกบุคคลไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดถึง เธอเริ่มสนใจวิคเตอร์
จากนั้นวิคเตอร์ก็ค่อยๆอ้าปาก
「ท่านวิโทร่า กระผมอยากจะแต่งงานกับท่าน กระผมหลงรักท่านตั้งแต่แรกเห็น」
「……หะ?」
จากนั้นปากของเจ้าหญิงแห่งความตายก็ได้พ่นน้ำเสียงโง่ๆออกมากับสถานการณ์แสนปัญญาอ่อนนี่
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง
ป.ล.พรุ่งนี้ไปหาหมอครับอาจจะไม่ได้ลงพรุ่งนี้หรือมะรืนด้วย