โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 643 - ตัวตนทรงพลังลึกลับ
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศน่าเศร้าเช่นนี้ เพียงระยะเวลาสั้นๆก็จางหายไป เพราะลูกน้องที่ติดตามฉินเฟิงมาตั้งแต่ก่อนก่อตั้งเมืองลาวาเดือด กลับยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย
“พวกคุณพูดเรื่องอะไรกัน? ทำไมทำท่าทีเหมือนกับว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉินเฟิงงั้นแหละ?” โจวฮ่าวเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิลุง คุณเพิ่งติดตามท่านประธานได้ไม่นานจะไปรู้เรื่องอะไร” จิ่นเฟยพยักหน้า เอ่ยสนับสนุน
ตัวเขาได้ติดตามฉินเฟิงออกจากเมืองหวัง ได้เห็นความองอาจของฉินเฟิงกับตาตนเอง เลยรู้ซึ้งว่าฉินเฟิงทรงพลังเพียงใด
อีกทั้งต่อมาในเมืองหลวงมังกร จิ่นเฟยยังได้เห็นอีกว่า ฉินเฟิงคนเดียวสามารถเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของลูกรักของพระเจ้าทุกคนที่ฝึกฝนอยู่ในเมืองหลวงมังกร ดังนั้นบังเกิดความรู้สึกเคารพเทิดทูนอย่างถึงที่สุด
สรุปก็คือเขาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับฉินเฟิง
“พวกคุณวางใจเถอะ ท่านผู้การรัฐจะต้องปลอดภัย”
“ใช่ จะไม่มีใครเป็นอะไร ท่านเจ้าเมืองก็เช่นกัน”
“ตอนนี้ผู้การรัฐยังไม่ออกคำสั่งให้ขอกำลังเสริมเลเวล A บ่งบอกว่ายังมั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้”
ด้วยการปลอบประโลมของสมาชิกระดับสูงหลายคน สมาชิกใหม่ถึงค่อนผ่อนคลายลง จากนั้นก็เร่งความเร็วเรือเหาะไล่ตามฉินเฟิง ภาพการต่อสู้ปรากฏขึ้นบนจออีกครั้ง
แต่เมื่อภาพอันน่าหวาดกลัวของต้นไม้เพลิงกลับมาอีกครา บรรยากาศผ่อนคลายก็เริ่มตึงเครียด แม้พวกเขาจะไว้วางใจ บังเกิดความเชื่อมั่นในตัวฉินเฟิงมากขึ้นกว่าเดิม แต่พอเห็นต้นไม้เพลิง ความหวาดกลัวก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ
เพราะเจ้าสิ่งนี้ … มันน่าขนพองสยองเกล้าเกินไป!
วกกลับมาทางฝั่งฉินเฟิง ช่วงเวลานี้เขายังคงวิ่งหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง โดยมีต้นไม้เพลิงคอยไล่ตามจากเบื้องหลัง ทุบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ภายในอาณาเขตของรัฐทะเลเหนือ สัตว์ร้ายค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ต้นไม้เพลิงอาละวาดอย่างอิสระเสรี ทุบทำลายทุกสิ่งดั่งใจต้องการ สัตว์ร้ายที่พบเผชิญมันต่างหดหางหลบหนีด้วยความหวั่นกลัว ทว่าต้นไม้เพลิงกลับไม่สนใจพวกมัน คล้ายมีเป้าหมายเดียวคือฉินเฟิง
“เจ้าสิ่งมีชีวิตนี่ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ ก่อนฉันจะเกิดใหม่ ได้ยินว่ามีชายลึกลับออกตามล่าและสังหารต้นไม้เพลิง แต่คนๆนั้นเป็นใครกัน?” ฉินเฟิงอดคิดในใจไม่ได้
แต่ที่แน่ๆคนที่ทำลายต้นไม้เพลิง ไม่ใช่ซางฮัน และได้ยินมาว่าช่วงเวลานั้นไม่มีเลเวล A คนใดเข้ามาสนับสนุนเช่นกัน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงกลายเป็นความลับ ความลับที่ในชีวิตก่อนฉินเฟิงไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ และกว่าเขาจะไปถึงเลเวล A เรื่องนี้ก็ถูกลืมเลือนไปนานแล้ว
“แต่ฉันจะมัวคิดพึ่งพาคนอื่นได้อย่างไร? ทำไมไม่ลองลงมือทำด้วยตัวเองดูก่อนล่ะ? ถึงฉันจะฆ่ามันไม่ได้ แต่ถ้าเมืองลอยฟ้ามาถึงล่ะก็ สถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลายเอง!”
ฉินเฟิงได้ข้อสรุปนี้ในใจ ดังนั้นไม่ตื่นตระหนก ทุกย่างก้าวที่หลบหนีช่างสงบ เป็นไปอย่างมีจังหวะ–
–แต่แล้วเขาก็หยุดลงฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน!
“บอกเรือเหาะให้หยุดเผยแพร่สัญญาณ! ห้ามถ่ายวิดีโอ” เสียงของฉินเฟิงส่งผ่านพลังสมาธิ ผู้คนบนเรือเหาะผงะไปชั่วขณะ พอได้สติเร่งรับคำ “รับทราบท่านประธาน!”
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ฝากย้ำเตือนเจ้าหน้าที่ทุกคนด้วย!”
“ห้ามแอบดูโดยพลการ!”
“ทิ้งระยะห่างออกไปพันเมตร!”
เนื่องจากพุ่มดกหนาชนิดบดบังผืนฟ้าของต้นไม้เพลิง ทำให้แม้คุณจะถอยร่นออกไปแค่พันเมตร แต่ก็มากพอให้วิสัยทัศน์ของคนเหล่านี้เห็นแค่เพียงต้นไม้ใหญ่ ส่วนฉินเฟิงกลายเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ เว้นแต่ว่าจะใช้พลังสมาธิหรือกำลังภายในควบรวมไปยังดวงตาทั้งสอง จึงจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
แต่เมื่อฉินเฟิงออกคำสั่งไปแบบนี้ ความหมายย่อมชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ผู้คนรับชม
ผนังมีหูประตูมีช่อง ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง จะเป็นการดีกว่าหากไม่เปิดเผยมันออกมาจนเกินไป
ถึงตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้เสร็จสรรพแล้ว ฉินเฟิงถอดปืนใหญ่ในมือเขา และเรียกมีดกษัตริย์ครามออกมาอีกครั้ง
เนื่องจากก่อนหน้านี้หยุดฝีเท้าไป ทำให้ต้นไม้เพลิงไล่ตามเขาทัน กิ่งก้านของมันสั่นไหว สะบัดสะเก็ดเชื้อไฟ กระจายลุกไหม้ทั่วผืนฟ้า คล้ายกำลังขู่คำราม
สวบ สวบ สวบ!
รากต้นไม้ร่ายระบำ โฉบเข้าพัวพันฉินเฟิง
มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงกวัดแกว่งทันใด
ภายใต้อำนาจที่เลื้อยลดคดเคี้ยว กระทั่งหลิวจื่อยังไม่สามารถหลุดพ้น แต่อาศัยเพียงมีดกษัตริย์ครามที่กวัดแกว่งอย่างไม่ใส่ใจของฉินเฟิง กลับสะบั้นมันได้อย่างง่ายดาย
ฉัวะ!
ใบมีดสะท้อนแสงเรืองรอง แทงทะลุรากของต้นไม้เพลิง สะบั้นรากของมันขาดจากกันทันที ภายใต้การรัดพันของรากไม้ดกหนา พื้นที่พันธนาการถูกทำลายลงทันที
“หลีกทางไป!”
ฉินเฟิงเหยียบย่ำซากรากไม้ มีดกษัตริย์ครามกวัดไกวสำแดงอำนาจ ช่วงเวลานี้ใบมีดลายดำม่วงยิ่งมายิ่งกระพริบไหว สาดประกายไปทุกทิศทาง
ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟฟฟฟ
รากไม้ รากแล้วรากเล่าถูกหั่นโค่นลง
ซ่าาา!
เสียงพุ่มไม้ส่ายไปมา กิ่งก้านของต้นไม้เพลิงสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นสะเก็ดเชื้อไฟก็ร่วงหล่นลงมา
ทว่าเชื้อไฟนี้ หลังหลุดลอยในอากาศ กลับร่วงตกลงไปในทิศทางเดียวกัน ดูไม่ต่างจากดวงอาทิตย์อันร้อนแรงและ–
–ตูม ตูม ตูมมมม!
เชื้อไฟทั้งหมดพุ่งใส่ฉินเฟิงเป็นเป้าเดียว บีบบังคับฉินเฟิงให้จมอยู่ใต้อำนาจแรงระเบิด ปรากฏการณ์นี้รุนแรงชนิดสั่นสะเทือนขุนเขาและผืนดิน คลื่นกระแทกกวาดกระจายรอบทิศทางโดยมีสมรภูมิรบเป็นจุดศูนย์กลาง
เรือเหาะที่อยู่ห่างออกไปนับพันเมตร ยังได้รับผลกระทบจากพลังงานนี้ เสียงไซเรนดังหนวกหู โล่ป้องกันถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลย ว่าในสนามรบ มันเข้มข้นรุนแรงถึงเพียงไหน
ณ ใจกลางจุดระเบิด สภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพัง แต่ในตอนนั้นเอง ท่ามกลางซากปรักหักพัง ร่างในชุดต่อสู้สุดแกร่ง กลับกระโจนออกมา วิ่งฉีกไปอีกทางอย่างสุดกำลัง
ร่างที่ว่ามิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิง!
ถึงจุดนี้ ต่อให้เป็นฉินเฟิงก็ยังหอบหายใจหนักหน่วง พลังงานของเขาถูกสูบออกไปใช้เป็นจำนวนมาก การระเบิดเมื่อครู่ แท้จริงแล้วมันสามารถทำลายโล่ปราณกำลังภายในของเขาได้ หากไม่ใช่เพราะการดำรงอยู่ของเกราะศักดิ์สิทธิ์ สภาพฉินเฟิงตอนนี้ ต่อให้ไม่ตายทั้งตัวคงถูกย่างจนไหม้เกรียม
ฟิ้วววว
เชื้อไฟลูกระลอกแล้ว ระลอกเล่าร่วงตกลงมาจากความสูงกว่า 100 เมตรในอากาศ โถมกลืนกินฉินเฟิงอีกครั้ง
ฉินเฟิงรีดเร้นความเร็ว ฉีกหนีการโจมตีอันน่าสะพรึงนี้ เมื่อแยกตัวออกมาสำเร็จ ก็เร่งติดตั้งปืนใหญ่บนแขนซ้าย เอี้ยวตัวกลับมาและสาดกระสุนปืนใหญ่สวนออกไป และกระสุนปืนใหญ่นับไม่ถ้วนที่ถูกใช้ออก ทั้งหมดล้วนเป็นกระสุนน้ำแข็ง!
ทว่าแช่แข็งต้นไม้เพลิงได้ไม่ถึงลมหายใจ พวกมันก็เกิดการละลาย ฉินเฟิงถูกต้นไม้เพลิงรุกไล่อีกครั้ง
ฉินเฟิงแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งโจมตีทั้งล่าถอยในเวลาเดียวกัน
ช่วงเวลาคล้ายยืดเยื้อยาวนาน เขาต้องถ่วงเวลาให้ได้ครึ่งชั่วโมง ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ เฝ้ารอจนกว่าเมืองลอยฟ้าจะมาถึง
เพราะนั่นคือการดำรงอยู่เดียวที่สามารถสังหารตัวตนทรงอำนาจเลเวล A ที่ฉินเฟิงมี อีกทั้งตอนนี้ยังถูกฉินเฟิงปรับเสริมเติมแต่ง ส่งผลให้อานุภาพของมันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ช่วงเวลานาทีแล้วนาทีเล่าผ่านพ้นไป การต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับต้นไม้เพลิง ยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าฉินเฟิงไม่คิดผ่อนคลาย ไม่ยอมเฝ้ารอการมาถึงของเมืองลอยฟ้าเพียงอย่างเดียว ระหว่างรอคอย เขายังคงต่อสู้อย่างเต็มที่ หวังว่าหากสบโอกาส สามารถทำลายต้นไม้เพลิงได้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี
แต่น่าเสียดาย อาศัยเพียงกำลังเขาคงไม่ไหว เพราะท้ายที่สุดแล้วต้นไม้เพลิงมีขนาดมหึมาเกินไป!
หากเทียบเปรียบกัน ขนาดตัวของฉินเฟิงไม่ต่างจากมดที่พยายามแทะเล็มเปลือกไม้ สามารถทำให้ต้นไม้คันได้ แต่ไม่มีวันโค่นล้ม!
“เมื่อไหร่เมืองลอยฟ้าจะมาถึงซักที?”
“อีกสามนาที อดทนเอาไว้ก่อน!”
“แล้วสถานการณ์ทางฝั่งผู้การรัฐเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้คนนับไม่ถ้วนบังเกิดความวิตกกังวล ทั้งหมดเริ่มใจไม่ได้
ในสนามรบ ฉินเฟิงได้ใช้ออกทุกทักษะ งัดพลังทั้งหมดที่มีออกมาจนสิ้น
เขาสามารถระบุได้แล้วถึงความแข็งแกร่งของต้นไม้เพลิง มันยืนอยู่เหนือจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิเลเวล B ชนิดที่ว่าอีกเพียงก้าวเดียว ก็จะทะยานขึ้นสู่เลเวล A อีกทั้งยามวิวัฒนาการ มันอาจเลื่อนขั้นไปสู่การดำรงอยู่อันน่าหวาดกลัวในระดับเทวะเลยก็ยังได้
ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงจึงไม่สามารถทำร้ายมัน กลายเป็นคนไร้กำลังไปในพริบตา แล้วอีกอย่างขนาดของศัตรู มองยังไงก็ต่างกับเขามากเกินไปจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง แม้เมืองลอยฟ้ายังมาไม่ถึง แต่บุคคลลึกลับคนหนึ่งกลับปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน!
ลักษณะของชายลึกลับเหมือนจะเป็นคนหนุ่ม ร่างกายดูแข็งแรงกำยำ คู่ดวงตาลึกล้ำดั่งห้วงสมุทร ทว่าขณะเดียวกันก็แฝงความบ้าคลั่งชนิดก่อให้เกิดสึนามิได้เช่นกัน
คนผู้นี้ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน โผล่มาจากที่ไหนไม่มีใครทราบ กว่าฉินเฟิงจะสังเกตเห็น อีกฝ่ายก็มายืนอยู่ใกล้เขาในระยะ 100 เมตรแล้ว
เมื่อถึงจุดนี้ ไป๋หลีพลันเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนทันใด หายวับจากเรือเหาะ มาปรากฏขึ้นข้างกายฉินเฟิง จากนั้นทั้งสองก็หายวับอีกครั้ง ไปโผล่อีกทีไกลนับพันเมตร
หากไม่ใช่เพราะมีเรือเหาะอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ไป๋หลีคงหันหลังและวิ่งหนีไปแล้ว
บุคคลในโลกใบนี้ ที่สามารถบังคับให้ไป๋หลีขยาดกลัว มีแทบจะนับนิ้วได้
เมื่อสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน กระทั่งฉินเฟิงก็ยังตะลึงลาน
“เป็นแกได้ยังไงกัน!”
ชายหนุ่มที่ถูกถามกลอกตา กล่าวด้วยรอยยิ้มแย้ม “ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ล่ะ?”
ชายตรงหน้าคือบุคคลที่ฉินเฟิงไม่อยากพบเจอมากที่สุด–
–ปรากฏว่าเป็นแซด !