โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 640 - ให้ความช่วยเหลือ
สีหน้าของฉินเฟิงเขียวคล้ำ มนุษย์พวกนี้ ใครจะรู้ว่าพันธมิตรองค์กรมืดลักพาตัวมาจากที่ไหน บางทีอาจเป็นคนจากอาณาเขตของพวกมัน หรือเป็นคนที่กวาดต้อนมาจากหมู่บ้านโดยรอบก็ได้
อันที่จริงแล้ว ก่อนเกิดใหม่ ช่วงเวลาที่ปีศาจโทรลลาวาเดือดปรากฏตัว เหตุการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
ทางพันธมิตรมนุษย์ได้ประณามการกระทำของพันธมิตรองค์กรมืด เลเวล B กว่าสิบคนที่เกี่ยวข้องถูกออกหมายจับทันที โดนไล่ล่าไปสุดขอบโลก มีกระทั่งถูกขับออกจากพันธมิตรหัวเซี่ย สำหรับเลเวล B ของทางพันธมิตรมนุษย์ที่มาเยือนที่นี่ ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ โดนตำหนิเช่นกัน
ว่าทำไมถึงอยู่เฉย ไม่คิดเข้าไปห้ามปราม แต่ดันรอให้พวกองค์กรมืดบูชายัญจนเสร็จสิ้นก่อนถึงค่อยออกหน้า แต่อย่างไรทุกท่านคงพอคาดเดาเจตนาของพวกเขาออก เพราะการล่าปีศาจโทรลแต่ละตัว จะมากจะน้อยก็ถือว่าได้กินเนื้อ และเนื้อเหล่านั้นช่างหอมหวาน ต่อให้เป็นคนของพันธมิตรมนุษย์ ก็ยังสูญเสียบรรทัดฐานของพวกเขา
แต่ในชีวิตนี้ ฉินเฟิงทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า ดังนั้นการออกล่าปีศาจโทรลลาวาเดือดในชีวิตนี้ย่อมมีหลายสิ่งแปรเปลี่ยนไปจากเดิม ถึงผลลัพธ์ที่ตามมา เหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้น แต่มนุษย์ที่ถูกผลักไสบูชายัญกลับลดน้อยลง เพราะในความทรงจำเดิมของฉินเฟิง ในชีวิตก่อนพวกองค์กรมืดได้เตรียมมนุษย์ไว้มากถึง 5,000 คน
นั่นเพราะฉินเฟิงไม่ยอมปล่อยให้พวกมันมีเวลาทำสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นอีกฝ่ายจำเป็นต้องตระเตรียมการอย่างเร่งรีบ
หากไม่ใช่เป็นฉินเฟิงที่ออกหน้าจัดการองค์กรมืด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าในชีวิตนี้คนบริสุทธิ์จะถูกโยนลงไปเท่าไหร่
คนของพันธมิตรองค์กรมืดเพิ่งลงมือ ฉินเฟิงก็มาถึงแล้ว ปัจจุบันพวกมันโยนมนุษย์ลงไปได้แค่ 1/10 ของที่นำมา แต่นั่นคือจำนวนมากถึง 50 คน ทันทีที่คนเหล่านี้ถูกโยนเข้าไปในต้นไม้เพลิง พวกเขาถูกแผดเผา ย่างจนสุก แล้วดูดซับพลังงานไป เปลวเพลิงส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะอีกครั้ง ไม่นานนัก สะเก็ดเชื้อไฟก็ผลิดอก ให้กำเนิดลูกโทรลระลอกใหม่ออกมา
พริบตานั้นเอง กว่า 60 ลูกโทรลถือกำเนิดขึ้น เลเวล B จากองค์กรมืดสีหน้าแสดงออกถึงความสุข เพราะสำหรับพวกเขาแล้วชีวิตมนุษย์นับเป็นสิ่งใด? มันคือสิ่งที่ไร้ค่าที่สุด ทว่าปัจจุบัน หนึ่งชีวิตกลับให้กำเนิดผลึกมูลค่ากว่า 5,000 ล้านอย่างกะทันหัน เป็นธุรกิจทำกำไรก้อนโต
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด ปีกเพลิงฟ้าผุดงอก ทะยานขึ้นไปในอากาศ
กลุ่มเลเวล B เหล่านั้นย่อมรู้จักฉินเฟิง เมื่อพบเห็นอีกฝ่ายสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“เร็วเข้า รีบหยุดเขา!”
“จะปล่อยให้เขาทำลายแผนของพวกเราไม่ได้!”
“มาก็ดีเลย ทำไมพวกเราไม่ช่วยกันฆ่าเขาซะล่ะ? ได้ยินว่าเขาเป็นผู้การรัฐทะลเหนือ ทั้งยังเพิ่งสร้างเมืองใหม่ไว้ใกล้ๆที่นี่ ถ้าฆ่าเขา พวกเราจะสามารถจับชาวเมืองทั้งหมดมาบูชายัญ ทั้งยังได้ยึดครองพื้นที่แถบนี้เป็นของตัวเอง ถึงเวลานั้นคงนอนบนกองเงินกองทองแล้ว!”
ทุกคนต่างทราบดี ว่าอีกไม่นานจะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และทางพันธมิตรมนุษย์ไม่ได้มีกำลังพลมากมายอะไร ดังนั้นเพื่อรักษากฏหมายและความสงบเรียบร้อยอย่างทั่วถึง พันธมิตรมนุษย์เลเวล B ที่ประจำการในเมืองลาวาเดือดสมควรมีบางส่วนถอนตัว ไปปฏิบัติภารกิจที่อื่น และถึงต่อให้ไม่ถอนตัว ทางองค์กรมืดก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือโทรเรียกพรรคพวกมาช่วยเหลือกดดันได้ เพราะทางฝ่ายพวกมันว่างอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีภารกิจอะไรอยู่แล้ว
“ถูกต้อง ฆ่าเขาซะ!”
“คาวนี้เขาโผล่หัวมาคนเดียว นี่ถือเป็นโอกาสทอง!”
“แส่เข้ามาวุ่นวายกับธุระของคนอื่น ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสมแบบนี้แหละ!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่าพูดว่าแส่เข้ามาวุ่นวายเลย เพราะนั่นเป็นหน้าที่เขา”
“หน้าที่งั้นหรือ? อย่ามาไร้สาระดีกว่า เข้ามาขัดขวางเงินก้อนโตแบบนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะทำ”
องค์กรมืดกว่า 16 คน ต่างพากันกระโจนเข้ามาปิดล้อมฉินเฟิง
“ตายซะเถอะ!”
ผู้ใช้วรยุทธโบราณหลายคนย่ำเท้า ดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ทะยานสูงขึ้น ตรงเข้าหาฉินเฟิง
“หยุดพวกมันเอาไว้!” ฉินเฟิงตะโกน
ร่างของไป๋หลีกระพริบไหวในอากาศ สาดแสงสีเงินสดใส
“เทคนิคเคลื่อนย้ายมิติ!”
วูซซ วูซซ วูซซ
เลเวล B กว่าสี่คนถูกรังสีแสงสีเงินโถมเข้าปกคลุม หายวับไปจากสถานที่เดิมอย่างไม่คาดฝัน ปรากฏตัวขึ้นอีกทีในระยะที่ห่างออกไปกว่า 5,000 เมตร หากวิ่งกลับมาที่นี่อีกครั้ง จำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง
ไป๋หลีไม่รั้งอยู่เฉย เหยียดแขนชี้นิ้วไปอีกทิศทางหนึ่ง กล่องสีเงินใบใหญ่ผุดออกมา ดักจับผู้ใช้พลังอีก 3 คนเอาไว้ทันที
จากนั้น เธอขยับวูบไปทางซ้าย ปาดไปทางขวา เข้าพัวพันกับเลเวล B ที่เหลือ แม้เธอจะไม่สามารถรับมือทุกคนได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยก็สามารถซื้อเวลาให้แก่ฉินเฟิง
ปีกเพลิงฟ้าลุกไหม้ ฉินเฟิงกระโจนออกไป พริบตาเดียวเข้าประชิดหนึ่งในยานบินบรรทุกมนุษย์
กระสุนปืนใหญ่ยิงต้อนรับเขาทันที
แต่ก่อนกระสุนจะเข้าถึงตัว ร่างของฉินเฟิงกลับหายวับไป
“หายไปแล้ว? อยู่ตรงไหนกัน!?”
ผู้ใช้พลังเลเวล C ที่คอยควบคุมยานบินขนาดใหญ่ รีดเร้นพลังสมาธิให้ตื่นตัวถึงขีดสุด เหงื่อเย็นผุดพรายจากหน้าผากเขา
ชายคนนี้เคยมาเยือนที่นี่แล้วเมื่อหลายวันก่อน ฉะนั้นเป็นธรรมดาที่จะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของฉินเฟิง
ตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจผู้การในรัฐที่ล้าหลังแบบนี้หรอก แต่หลังจากคนขององค์กรมืดออกอาละวาดครั้งแล้วครั้งเล่า คนเหล่านั้นกลับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ไม่ต้อบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
ไหนจะเรื่องที่เคยได้ยินมาว่าฉินเฟิงสามารถต่อกรกับเลเวล B ได้ ส่วนไป๋หลีเคยมีเลเวล B กว่า 2 คนตกตายมาแล้วภายใต้เงื้อมมือของเธอ !
ศัตรูเช่นนี้ เขาไม่กล้าประมาท
ทว่าฉินเฟิงตัวอันตราย จู่ๆกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน เมื่อเป็นแบบนี้ จะไม่ให้มือปืนเลเวล C อย่างเขาตื่นตระหนกได้อย่างไร?
ยังไงก็ตาม ในเวลานั้นเอง บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเบื้องหน้าเขา ห่างออกไปไม่เกินสามเมตร
บรึ้ม!
เบื้องหน้าเขา กระจกแก้วที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในวัสดุที่ทนทานที่สุดของเครื่องบินบรรทุกคนขนาดใหญ่ กลับแหลกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ
พร้อมกับร่างหนึ่งโถมเข้ามาในห้องคนขับ –เป็นฉินเฟิง!
“อ๊าาาา”
เลเวล C กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว จากนั้นแสงสีทองก็สะท้อนเข้ามาในแววตาเขา เป็นแสงที่บ่งบอกถึงอุปกรณ์รูนระดับจักรพรรดิ
ใบมีดสีทองกระพริบผ่าน ตัดเป็นแนวขวาง ศีรษะของมือปืนคนขับกลิ้งลงกับพื้นทันที
ฉินเฟิงไม่สนใจ หันหน้ากลับมายังแผงควบคุมที่เต็มไปด้วยปุ่มสั่งการ ก่อนกระแทกสองปุ่มอย่างแรง ยานบรรทุกมนุษย์เริ่มทำการลงจอดอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงเปิดประตูห้องคนขับ พลังสมาธิกวาดไปทั่วห้องโดยสาร
และพบว่ามีเลเวล C อยู่บนเครื่องนี้ทั้งสิ้น 5 คน แต่หากไม่นับคนขับ ปัจจุบันเหลือแค่ 4 คนเท่านั้น!
ฉัวะ!
ร่างของฉินเฟิงวูบไหวเป็นเงาดั่งภูติพราย ผลุบกายขึ้นจากเงาเบื้องหลังหนึ่งในเลเวล C อุปกรณ์รูนสีทองในมือเขาสะท้อนแสงไสว แทงทะลุหัวใจของอีกฝ่ายทันที ก่อนใช้มือบิดด้ามมีด หันคมแหลมสะบั้นผ่านหัวใจ ทะลุเนื้อหนังไปอีกทาง ฟันเข้าใส่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C อีกคน
เพล้ง!
โล่ปราณกำลังภายในของศัตรูพังทลายลงในคราวเดียว รับประทานคมมีดของฉินเฟิงไปอีกคน
“อ๊า! ฉินเฟิงแก!” เลเวล C ที่ยังเหลือร้องตะโกน อบิลิตี้ปะทุโหม ปรากฏเถาวัลย์ผุดออกมาจากกายเขา พยายามโอบรัด พันธนาการฉินเฟิง
ฉินเฟิงขับเคลื่อนพลังสมาธิ ปลดปล่อยเปลวเพลิง แผดเผาเถาวัลย์เหล่านั้นทันที
แม้อยู่ท่ามกลางเปลวไฟ แต่ฉินเฟิงมิได้หยุดฝีเท้า กระโจนออกไปข้างหน้า อาศัยเปลวไฟที่ลุกไหม้บดบังสายตาศัตรู หรืออาจจะพูดว่า ฉินเฟิงว่องไวเกินไป ศัตรูเลยไม่ทันมีปฏิกริยาตอบสนองมากกว่า
พรวดดด!
มีดสีทองสะท้อนประกายเย็นเยียบ เฉือนผ่านลำคอผู้ใช้อบิลิตี้
ทั้งสามคนราวกับขนมหวาน ถูกกัดกลืนโดยฉินเฟิงอย่างมิอาจต้านทาน
เลเวล C คนสุดท้ายเห็นผิดท่า และบังเอิญเขายืนอยู่ตรงประตูพอดี ดังนั้นตัดสินใจกระโดดหนีลงไป ไม่คิดต่อสู้กับฉินเฟิง
ฉินเฟิงไม่สนใจเขาเช่นกัน รังสีแสงสีดำสาดประกายวูบไหว ปกคลุมลงบนกายเขา ปกปิดตัวตนอีกครั้งและออกจากยานบินลำนี้ไป
นับตั้งแต่เริ่มจนจบ ทำลายกระจก สังหารคนขับ ใช้มีดเฉือนขนมหวานสามคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงเวลาที่ฉินเฟิงใช้ มันไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ
กระทั่งยานบินลำนั้นยังแทบไม่ทันได้ตอบสนอง มันลอยห่างออกจากจุดเดิมไปได้ไกลแค่ 10 เมตร ฉินเฟิงก็ก้าวมาถึงประตูโดยสาร เร่งเร้ากำลังภายในสู่สองเท้าของเขา ย่ำกระโจนออกไป พริบตาเดียวมาถึงยานบินอีกลำ!
ฉินเฟิงริเริ่มกระบวนการเดิม ทุกการกระทำผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ภายในยานบินลำที่สอง สาม และสี่ ศัตรูทั้งหมดถูกสังหารโดยฉินเฟิง และถูกบังคับเปลี่ยนเส้นทาง
“ฉินเฟิง! แกอยากช่วยชีวิตผู้คนนักใช่ไหม? งั้นคราวนี้มาดูกันว่าแกจะช่วยเหลือพวกเขาได้ยังไง!”
ผู้ใช้วรยุทธโบราณคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล ทว่ามิได้ตรงเข้าหาฉินเฟิง เพียงใช้หนึ่งฝ่ามือสับลงกลางลำของยานบิน
เคร้ง!
ยานบินลำสุดท้ายที่บรรทุกมนุษย์ ถูกผ่าแยกเป็นสองซีก!