โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 633 - ทำลายล้าง
เพลิงลาวาหลอมละลายโล่ปราณกำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างรวดเร็ว เพราะสุดท้าย คนเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งแค่เลเวล D หากคิดต้านทานอำนาจของปีศาจโทรลเลเวล C เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ที่โชคดีก็คือ หลังเกิดการปะทุตัวของแอ่งลาวา พวกมันหลอมเหลวแค่บนพื้นดิน จากนั้นก็ไม่มีการโจมตีใดๆอีก
“รีบลุกขึ้นมาเร็ว!”
โหวหมิงใช้พลองยาว งัดร่างของผู้ใช้พลังที่กำลังจมอยู่ในแอ่งลาวา เหวี่ยงพวกเขาลอยไกลออกไปยังที่ปลอดภัย
ทว่าแม้จะถูกช่วยขึ้นมาได้ แต่ตามร่างคนของคนเหล่านั้นได้ถูกแผดเผาไปหลายส่วนแล้ว หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามาถร่วมต่อสู้ได้อีกต่อไป
สถานการณ์พลิกผัน เหตุการณ์ฉุกละหุกนี้ ไม่มีใครทันคาดคิด
โหวหมิงกับตี๋หยวนจิวเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งให้คิด
“ทำไมหลังจากสังหารปีศาจโทรลลาวาลงได้ ทุกส่วนของศพมันถึงกลายเป็นลาวาล่ะ? แล้วแบบนี้จะเอาวัตถุดิบจากมันมายังไง?”
“นั่นสิ ถ้าเป็นแบบนี้สู้ไปมันจะคุ้มหรือ?”
โชคดีอีกอย่างนึงก็คือ มือปืนคนหนึ่งในหมู่พวกเขามีความฉลาดหลักแหลม เร่งกล่าวขึ้นทันที “ท่านบรรพชน ไม่ใช่ว่ากก่อนที่พวกเราจะมาถึง พวกเราพูดคุยกันเรื่องกระสุนน้ำแข็งของบนเรือเหาะของฉินเฟิงหรอกหรือ บางทีนั่นอาจไม่มีไว้ใช้โจมตีปีศาจโทรล แต่ใช้ยิงใส่แอ่งลาวาก็ได้ บางทีข้างในนั้นอาจมีอะไรอยู่”
“งั้นเรามาลองดูกัน”
ฝูงชนพากันก้าวถอยหลัง ปล่อยให้มือปืนหลายคนบรรจุกระสุนและยิงลงไปในแอ่งลาวา พื้นเยือกแข็งขนาดใหญ่เริ่มลุกลาม ร้อนเย็นปะทะขัดแย้งกันและกัน เกิดเป็นหมอกลอยคลุ้ง
ไม่นานนัก ฝั่งไอเย็นก็เป็นฝ่ายชนะ แอ่งลาวาเหือดแห้ง พื้นดินกลายเป็นสีส้มอย่างกะทันหัน และท่ามกลางดินเหล่านั้น ปรากฏผลึกขนาดเท่าไข่ไก่ สะท้อนแสงทรงเสน่ห์อันน่าหลงใหลออกมา
อีกทั้งมันยังแผ่อุณหภูมิร้อนลวกตลอดเวลา แผดเผาพื้นน้ำแข็งโดยรอบจนสลายเป็นไอไปอย่างรวดเร็ว
โหวหมิงก้าวไปข้างหน้า ยื่นฝ่ามือ ดึงดูดผลึกสะท้อนแสงนี้มาไว้ในกำมือ
ชั่ววินาทีที่เขาเพ่งมองผลึกชิ้นนี้แบบชัดถนัดตา ทั้งคนทั้งร่างพลันสั่นสะท้าน
“นี่มัน!!!”
เวลานี้ ตี๋หยวนจิวก็เดินมาดูด้วย จดจ้องผลึกตาค้าง
“เป็นไปได้ยังไงกัน!”
“มิน่า .. มิน่าเล่า” โหวหมิงพูดซ้ำๆ “มิน่าเจ้าเด็กฉินเฟิงคนนี้ ถึงไม่ขอความช่วยเหลือ เก็บความลับเอาไว้ซะดิบดี”
ตี๋หยวนจิวเห็นด้วยกับโหวหมิง เพราะพลังงานที่ฝังอยู่ในผลึกชิ้นนี้ เทียบเท่าได้กับแก่นอบิลิตี้ธาตุไฟระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C มูลค่าอย่างต่ำก็ 30,000 ล้านเหรียญ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หากนับตั้งแต่ต้นจนถึงสิ้นสุดการล่า พวกเขาใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นเองในการสังหารปีศาจโทรล แม้จะมีผู้ใช้พลังเลเวล D บางส่วนได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่เข้าใจรูปแบบการโจมตีของปีศาจโทรล
หากกล่าวโดยรวมแล้ว ปีศาจโทรลถือว่าล่าได้ค่อนข้างง่ายมาก และที่สำคัญก็คือ ผลประโยชน์ที่ได้จากมัน คุ้มค่าแก่การลงมือเป็นร้อยเท่า!
ชั่ววินาทีนี้ ประกายความโลภวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของทั้งสอง แต่มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
เพราะอย่างไรเสีย ตรงดินแดนลาวาแห่งนี้ มีเผ่าพันธุ์โทรลลาวาให้ล่าอีกมากมาย ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องแย่งกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ การแสดงออกจากใจจริงของทั้งสองจึงถูกเก็บงำเอาไว้ แต่ในสมองหมุนวนไปด้วยความคิดไปในทำนองเดียวกัน
‘แทนที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ เราชิงลงมือด้วยตัวเองจะดีกว่า’
อย่างไรก็ตาม สินสงครามชิ้นแรกจากปีศาจโทรลตัวนี้อยู่ในมือของโหวหมิงไปแล้ว แต่ตี๋หยวนจิวยังไม่อยากยอมแพ้
“ผู้การฉินคงรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราก็ล่วงรู้ถึงความลับนี้เหมือนกัน ฉะนั้นอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ไปออกล่าต่อกันดีกว่า แต่สินสงครามในครั้งนี้ เป็นส่วนแบ่งของฉัน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน แน่นอน” โหวหมิงรับปากเป็นมั่นเหมาะ เพราะเขาเข้าใจดีว่าตี๋หยวนจิวไม่ยอมแน่ๆ ดังนั้นเอาไว้หลังจากร่วมมือกันสังหารอีกตัว ก็ค่อยแยกกัน ทางใครทางมัน
จากนั้น พวกเขาก็ส่งมือปืนออกไปล่อเหยื่ออีกครั้ง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในคราวนี้ มือปืนจะล่อปีศาจโทรลมาได้ถึงสามตัว ทั้งสามมีหนึ่งตัวใหญ่ อีกสองเป็นตัวเล็ก
ตัวเล็กทั้งสองอยู่ในเลเวล D5 สำหรับผู้ใช้พลังกลุ่มใหญ่อย่างพวกเขา ขอแค่ปิดล้อมมันดีๆ ก็สังหารลูกโทรลทั้งสองตัวได้แล้ว ถึงเวลานั้นสินสงครามจะได้รับการแบ่งปันอย่างเท่าเทียม
“พวกแกสกัดเจ้าตัวใหญ่ไว้” โหวหมิงสั่งการโหวหยางเจียวกับคนอื่นๆให้หยุดศัตรู โชคดีก็คือปีศาจโทรลค่อนข้างเชื่องช้า คนเหล่านี้เลยไม่ต้องออกแรงก็คุมสถานการณ์ได้
ส่วนโหวหมิงกับตี๋หยวนจิวมุ่งสมาธิไปกับการกำจัดลูกโทรลสองตัว และคราวนี้สบายกว่าเดิมมาก เพราะพวกเขาได้ล่วงรู้จุดอ่อนของปีศาจโทรลแล้ว ตราบใดที่ถูกเด็ดหัว ปีศาจโทรลย่อมตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย
จากนั้น ลูกโทรลก็ถูกทั้งสองคนสังหารลงแทบจะพร้อมๆกัน
โผล๊ะ โผล๊ะ!
สองลูกโทรลตัวระเบิด แหลกเหลวกลายเป็นลาวา หยดย้อยลงกับพื้น เกิดเป็นแอ่งลาวาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร เนื่องจากทั้งสองได้เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นสามารถปัดป้องแรงระเบิด ใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาลอยขึ้นไปในอากาศ
ทุกกระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น จะมีก็เพียงขอบแอ่งลาวา ที่ไหลไกลไปจนเกือบถึงตำแหน่งที่ปีศาจโทรลเลเวล C ถูกปิดล้อมเอาไว้ ส่งผลให้พวกโหวหยางเจียวและคนอื่นๆต้องดีดตัวถอยฉากออกมา
เมื่อเห็นลูกโทรลทั้งสองตัวจบชีวิตลง ปีศาจโทรลาวาร้องคำรามด้วยความโกรธ
ตึง ตึง ตึง!
มันย่ำเท้าลงบนพื้นดิน ก่อนสาวเท้ายาวๆลงไปจุ่มลงในแอ่วลาวา
ตูม!
เปลวเพลิงขนาดใหญ่ จู่ๆก็ลุกโชนขึ้นมาจากร่างของปีศาจโทรลตัวนี้ มันเหยียดสองแขนที่ลุกไหม้ ลากแขนยืดยาวออกมา ยาวขึ้น ยาวขึ้นไปบนท้องฟ้าคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งสามารถจับตัวโหวหมิงและตี๋หยวนจิวได้
และมือใหญ่ที่ลุกไหม้นี้ แท้จริงแล้วข้างในของมันเป็นหินลาวา ทั้งยังปลดปล่อยบรรยากาศอันร้อนแรง แผดเผาโล่ปราณกำลังภายในของทั้งสอง
เปรี๊ยะ!
บังเกิดเสียงแตกร้าวอันคมชัด ไม่ต่างจากกระจกแก้วที่ถูกเจาะด้วยกระสุนปืน มันแตกระแหงเป็นใยแมงมุม
เพล้ง!
โล่ปราณกำลังภายในของทั้งสองถูกทำลายลงในพริบตา
สถานการณ์พลิกผันกลับกลายรวดเร็วเกินไป แม้แต่ทั้งสองก็ไม่ทันตอบสนอง กว่าจะรู้สึกตัว ก็พบว่าเพลิงร้อนลวกเข้าถึงตัวแล้ว
มือแต่ละข้างของปีศาจโทรล กุมเอวของทั้งสองคนเข้าไว้
“อ๊ากกกก” โหวหมิงร้องโวยวายน่าสังเวช
ซี่ ซี่ ซี่ ซี่!
เสียงแผดเผาของเปลวเพลิง ไม่ต่างจากเนื้อถูกจี่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ชุดเกราะในระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C บนร่างของโหวหมิง ยิ่งนานยิ่งอ่อนกำลัง แต่เนื่องจากมันไม่พังทลายในทันที เลยช่วยให้โหวหมิงพอมีเวลาดิ้นรนอยู่บ้าง
“ปล่อยฉัน!”
โหวหมิงเหวี่ยงไม้พลองของเขา อัดฉีดกำลังภายในลงไปอย่างบ้าคลั่ง ทุบเข้าใส่ข้อมือของปีศาจโทรล
แต่ทว่า ร่างของปีศาจโทรลเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ดังนั้นอำนาจของกำลังภายใน เลยถูกเปลวเพลิงชำระล้างออกไปจนหมดสิ้น
อีกด้านหนึ่ง ตี๋หยวนจิวคำรามเกรี้ยวกราด ใช้สองมือคว้าจับมือใหญ่ปีศาจโทรล พยายามที่จะแหวกมัน
เรียกง่ายๆว่านี่กลายเป็นการต่อสู้ชักเย่อ ยื้อกันไปกันมา
ขณะเดียวกัน เลเวล D ที่อยู่รอบๆ ต่างสับสนกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ยืนอึ้งไม่ทราบจะทำอย่างไรดี
“เร็วเข้า มัวยืนบื้ออะไรอยู่ รีบยิงกระสุนน้ำแข็งสิ! ช่วยท่านผู้นำตระกูลเร็ว” ตี๋เล่ยร้องตะโกน
คนอื่นๆพลันได้สติ ในตอนนี้พวกเขาไม่สนแล้วว่าผลพวงจากกระสุนจะทำร้ายตี๋หยวนจิวกับโหวหมิงหรือไม่ ระเบิดยิงกระสุนน้ำแข็งออกไปอย่างเมามัน
“ก๊าซซซ”
ปีศาจโทรลยิ่งมายิ่งดุร้าย บอลไฟยักษ์ปรากฏขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า ยิงออกไปสกัดกั้นกระสุนน้ำแข็งเหล่านั้น ยังไม่พอ มันได้ใช้สองมือ กระชากเอาผู้ใช้พลังเลเวล C ทั้งสองที่ลอยอยู่กลางอากาศ เหวี่ยงลงไปในแอ่งลาวาโดยตรง
บรึ้ม!
ฟองอากาศร้อนลวกของลาวาผุดพรายขึ้น มองคล้ายเป็นลมหายใจห้วงสุดท้ายของผู้ใช้พลังเลเวล C ทั้งสอง
“ท่านบรรพชน!”
“ท่านผู้นำตระกูล!”
คนที่เหลืออยู่ดวงตาพร่ามัวแทบมืดบอด
ครืนนน
สองมือที่ลุกไหม้ของปีศาจโทรลค่อยคลายออก ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่ามันสามารถบดขยี้เลเวล C ทั้งสองคนได้ในคราวเดียว จากนั้น ปีศาจโทรลก็หันไปมองกลุ่มเลเวล D ที่โจมตีมัน อ้าปากคำรามอีกครั้ง
เมื่อเทียบกับปีศาจโทรลลาวาเดือดที่ตัวใหญ่โต แต่เงอะงะก่อนหน้านี้ ปีศาจโทรลในปัจจุบัน ช่างน่าสะพรึงจนขนลุกขนชัน!
ฟุ่ม!
ยามเมื่อเสียงร้องคำรามสิ้นสุดลง ลาวามหาศาลภายในแอ่ง ก็ม้วนเป็นเกลียวคลื่น โถมทับเข้าหาผู้ใช้พลังเลเวล D ที่ยังเหลือรอด