แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 440 ช่างน่าตีจริง ๆ
“ไม่เจอเจ้านานแล้ว ช่วงนี้เจ้ายุ่งหรือเปล่า ?” เผิงไฉ่เสียพาเจียงป่ าวชิงเข้ามา ในบ้านโดยไม่มองถูซีว่างแม้แต่น้อย
ถูซีว่างหน้าดําราวกับก้นหม้อ
“อืม ช่วงนี้มีเรืองยุ่ง ๆ นิดหน่อยแต่เพิงเบาลงได้ไม่นาน” เนืองจากเจียงป่ าวชิง ยังมีเรืองทีต้องขอให้ถูซีว่างช่วยจึงไม่สามารถทําให้อีกฝ่ ายรําคาญจนโมโหได้ นางหยุดชะงักเล็กน้อย ในทีสุดก็พูดแทนถูซีว่าง “อากาศหนาวขนาดนี้ ข้าเห็นว่า ฟื นมีเพียงพอแล้ว เจ้าให้เขาหยุดและเข้ามาพักก่อนเถอะ”
แก้มของเผิงไฉ่เสียแดงเรือ นางพูดพึมพํา “ใช่ว่าข้าสังให้เขาตัด ท่านลุงต้องการ เห็นความจริงใจของเขา เขาจึงโบกขวานอยู่ทีนันมาครึ งค่ อนวัน ตอนนี้ลุงข้าก็ ออกไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตัดฟื นให้ใครดู…” นางพยายามปกปิ ดความ เขินไว้ก่อนจะลุกขึ้นตะโกนไปในลานบ้าน “พีถู พีเองก็เข้ามาพักสักหน่อย เถอะ”
เมือสักครู่ถูซีว่างยังทําสีหน้าอึมครึมอยู่ พอเผิงไฉ่เสียเรียกเขาเท่านั้นแหละ ใบหน้าทีอึมครึมเปลียนกลายเป็ นสดใสทันที เขาก้าวเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้ายิม้ แย้มแล้วยกนํ้าชาทีอยู่ข้างมือกระดกจนหมดเกลี้ยง
“พีถู ชานันเย็นแล้วนะ …” เผิงไฉ่เสียมองอย่างตกตะลึง นางยังไม่ทันได้รินชา ใหม่เลยด้วยซํ้า
ถูซีว่างเช็ดปากแล้วยิมอย่ ้ างซือบื้อ “ไม่เป็ นไร ข้าชอบกินชาทีเย็นแล้ว! อะไรก็ อร่อยทั้งนั้นถ้าหากว่าเจ้าเป็ นคนรินให้”
เผิงไฉ่เสียหน้าแดงกํา นางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “แม่นางเจียงก็อยู่นีด้วย พีพูด เหลวไหลอะไรน่ะพีถู”
ถูซีว่างอดถลึงตาใส่เจียงป่ าวชิงไม่ได้
เจียงป่ าวชิงยิมแห้ง ๆ ถ้าไม่ ้ ใช่เพราะมีธุระจริง ๆ นางเองก็ไม่อยากมาเป็ นก้าง ขวางคอไร้สีหน้าแบบนี้หรอก นางจึงรีบบอกธุระกับอีกฝ่ าย “ทีข้ามานั้น อันที จริงมาหาถูซีว่างเพราะมีเรืองรบกวนเขานิดหน่อยน่ะ”
ถูซีว่างเบะปากขมวดคิ้ว “ข้าจําได้ว่ายังติดค้างเจ้าอยู่ มีธุระอะไรก็รีบพูดมาสิ”
เจียงป่ าวชิงหยิบเงินออกมาวางลงบนโต๊ะเบา ๆ จากนั้นก็พูดขึ้น “เจ้าช่วยสืบให้ ข้าหน่อยว่าช่วงนี้พวกอันธพาลในเมืองหลวงคนไหนมีใครรวยขึ้นมาอย่าง กะทันหันหรือเปล่า… เงินนี้ถือว่าเป็ นค่าเหนือยของพวกพีน้องของเจ้า”
ถูซีว่างเหลือบมองเงิน มันมีมูลค่าประมาณห้าสิบตําลึงซึงไม่ใช่เงินจํานวนน้อย ๆ เลย จากนั้นเขาก็มองเจียงป่ าวชิงอย่างลึกซึ้ ง “นีสืบได้ไม่ง่าย ต้องรู้ก่อนว่าคนที
เป็ นอันธพาลอาจมังคั งขึ ้นมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ทุกเมือ นอกจากนี้ยังเป็ นเรืองปกติ ทีพวกเขาจะใช้เงินตามอําเภอใจอย่างไม่บันยะบันยัง ธุระทีเจ้าฝากให้ข้าทํานั้นสืบ ไม่ง่ายเลย”
เจียงป่ าวชิงใจเย็นมาก “มีคนไปขโมยเงินกับทองอย่างละกล่องทีบ้านของข้า ถ้า รวมกันก็เป็ นทรัพย์สินประมาณพันตําลึงขึ้นไป นันมันต่ างจากความมังคั งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างทีเจ้าบอก”
ถูซีว่างตกตะลึงเมือได้ฟังจนเขาเผลอนังยืดตัวตรงโดยไม่ รู้ตัว …เงินกว่าพันตําลึง นีเป็ นการทําการค้าทียิงใหญ่ เลยทีเดียว!
เผิงไฉ่เสียเองก็รู้สึกงุนงงเมือได้ฟัง ทีแท้ครอบครัวของแม่นางเจียงนั้นรํารวยถึง ขนาดนี้เลยเชียว
“แต่แปลก” ถูซีว่างอยู่ในกลุ่มอันธพาลท้องถินมาเป็ นเวลานาน เขาเองก็รู้ถึง กฎเกณฑ์บางประการของการเป็ นอันธพาลจึงขมวดคิ้ว “จํานวนเงินเยอะขนาด นั้น ถ้าไม่ใช่เป็ นการยอมเสียค่าตอบแทนทีสูง ยิงไม่ ต้องพูดถึงเลยว่าใครจะกล้า ไปแตะต้อง ข้าจําได้ว่าทีตั้งของบ้านเจ้าเป็นเขตพื้นทีทีมีการตรวจตราเข้มงวด ตราบใดทีพวกอันธพาลอย่างเรารู้ว่าอะไรดีไม่ดี โดยทัวไปแล้วจะไม่ ไปทีแบบ นั้นเลย นีเจ้าหาผิดทางหรือเปล่า ?”
เจียงป่ าวชิงส่ายหน้า “บางทีอาจหาผิดทางก็ได้ แต่ข้าก็มีคิด ๆ อยู่ว่า…” สายตา ของนางเป็ นประกายเล็กน้อย “อันธพาลพวกนั้นมีพวกมีอํานาจคอยหนุนหลังอยู่ พวกเขาถึงได้กําเริบเสิบสานกล้ามาหาเรืองข้าถึงบ้านเช่นนี้”
สีหน้าของถูซีว่างเคร่งขรึมเล็กน้อยเช่นกัน เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะ กัดฟันแล้วตบขาดังฉาด “ได้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกพีน้องของข้าไปช่วยสืบถาม เรืองนี้ เงินทองกว่าพันตําลึงเป็ นจํานวนเงินมหาศาล ยังไงซะมันต้องแสดงให้เห็น ถึงร่องรอยของการกระทํานี้อย่างแน่นอน”
แต่เจียงป่ าวชิงกลับพูดขึ้น “ตอนทีสืบเรืองนี้จนลึกแล้วต้องระวังหน่อย เพราะคน เหล่านั้นมีทีพึง เมือดูจากท่าทางในบ้านข้าวันนี้ ไม่แน่บนมือของฝ่ ายนั้นอาจมี ชีวิตคนมาเกียวด้วยก็ได้… ถ้าสืบไม่ได้ความอะไรจริง ๆ ก็ช่างมันเถอะ มันจะ อันตรายต่อตัวเจ้าไปด้วยเปล่า ๆ”
ถูซีว่างมองเจียงป่ าวชิงอย่างแปลกใจ และมีแสงแปลก ๆ ฉายวาบอยู่ในแววตา ของเขา “โย! คนอย่างเจ้าสนใจความเป็ นความตายของอันธพาลท้องถินอย่างข้า ด้วยรึ ?” เขาพูดเช่นนี้ฟังดูเหมือนเป็ นการหยอกล้อ แต่กําปั้ นของเขากลับกําเข้า หากันอยู่ภายใต้หัวเข่า
“พีถู…” เผิงไฉ่เสียส่งเสียงเรียกอย่างไม่สบายใจ นางมองเจียงป่ าวชิงด้วยสายตา แปลก ๆ “แม่นางเจียง พีถูก็แค่เคืองแค้นต่อความไม่เป็ นธรรมเท่านั้น แต่เขา ไม่ได้มุ่งเป้าไปทีเจ้า เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
เจียงป่ าวชิงไม่ได้นําเรืองนี้มาใส่ใจจริง ๆ ตอนนี้นางกําลังหาคนให้ช่วยทําธุระให้ ไม่มีจุดยืนให้เล่นเนื้อเล่นตัวอะไรขนาดนั้น นางพยักหน้าให้กับเผิงไฉ่เสียแล้ว พูดกับถูซีว่างอย่างตั้งใจอีกครั้ง “ข้าพูดจริงนะ พวกพีน้องของเจ้าไม่ได้ติดค้าง อะไรข้า เป็นเรืองดีทีสุดถ้าหากว่าสามารถสืบได้ก็จริง แต่ถ้าสืบไม่ได้ก็ไม่เป็ นไร เพราะการรักษาชีวิตเป็ นสิงสําคัญทีสุดอยู่แล้ว”
ถูซีว่างเงียบไปสักครู่ ทว่าจู่ ๆ เขาก็ฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เยินเย้ออยู่ ได้ ช่างน่ารําคาญจริง ๆ! เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ ข้ารู้จักบ้านเจ้าและถ้าหา กว่าได้ข้อมูลอะไรข้าจะส่งคนไปบอกต่อ รีบกลับไปซะ!”
แต่เผิงไฉ่เสียกลับดึงเจียงป่ าวชิงไว้แล้วเบ้ปาก “พีถูช่างน่าเกรงขามจริง ๆ พีลืม ไปแล้วรึว่านีคือบ้านข้า พีมีสิทธิ< อะไรมาไล่แม่นางเจียงกลับบ้าน ?”
“…” ถูซีว่างรีบระงับไฟโกรธในใจ
แต่เจียงป่ าวชิงกลับพูดขึ้นเพือเป็ นการบอกลาเผิงไฉ่เสีย “ช่วงนี้ข้ามีธุระทีต้องทํา เยอะจริง ๆ ข้ากลับก่อนก็ดีเหมือนกัน เมือว่างแล้วข้าค่อยมาหาเจ้าอีกนะ”
เมือเจียงป่ าวชิงออกมาจากบ้านตระกูลเผิงก็เห็นรถม้าเล็ก ๆ สองคันจอดอยู่นอก ประตูบ้าน แม้เป็ นเช่นนี้แต่ก็กินพื้นทีทางเดินในซอยแคบ ๆ ไปมากกว่าครึ ง ม่าน รถบนรถม้าคันนั้นเลิกออกจากข้างในเผยให้เห็นคางทีขาวผ่องครึ งหนึง รวมถึง คําพูดสุดแสนเย็นชาของใครบางคน
“ขึ้นรถ” เจียงป่ าวชิงตกตะลึงเล็กน้อย นางไม่คิดว่ากงจี้จะมารับเช่นนี้จึงก้าวเข้าไปในรถม้า
รถม้าคันนี้เล็กกว่ารถม้าของจวนองค์ชายหย่งชินหนึงขนาด แต่คนบังคับรถม้า บังคับม้าได้ดีสุด ๆ บนถนนหินในซอยไม่เรียบเลย แต่แรงสันสะเทือนในห้อง โดยสารบนรถม้าเบามากจริง ๆ แทบไม่รู้สึกโคลงเคลงอะไรเลย
กงจี้มองเจียงป่ าวชิงอย่างเย็นชาเพือรอให้นางพูดก่อน แต่นางไม่รู้ว่าตัวเองไปยุ แหย่คุณชายเอาแต่ใจท่านนี้ตรงไหนอีกจึงมองกลับไปอย่างผู้บริสุทธิ<
กงจี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์ขุ่นมัว ท่าทางทีไม่รู้อะไรทั้งสิ้นของนางทํา ให้เขาอึดอัดใจอย่างมากเมือเห็น
ตีก็ตีไม่ได้ จะด่าก็ไม่ได้อีก! ช่างน่าตีจริง ๆ เฮ้อ!
สุดท้ายเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ตัดสินใจเป็นฝ่ ายเริมโจมตีก่อน “ป่ าวชิง เจ้านี ยอดเยียมจริง ๆ! เกิดเรืองใหญ่ขนาดนี้กลับไปหาเจ้าหน้าทีกับหัวหน้าอันธพาลแต่ ไม่มาหาข้า!”
กงจี้คํ้ามือไว้ตรงผนังห้องโดยสารบนรถม้าแล้วขยับเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้น ไฟ โกรธในแววตาของเขาแตกปะทุ ทําให้เจียงป่ าวชิงใจฝ่ ออย่างน่าประหลาด นาง ก้าวถอยหลังช้า ๆ จนแผ่นหลังชนกับผนังห้องในรถม้าเสียแล้ว
แรงกดดันของกงจี้นั้นมากเกินไป ประกอบกับสีหน้าเย็นชาของเขาเหมือนกับ ต้องการกลืนกินนางทั้งตัว
เจียงป่ าวชิงอดกลืนนํ้าลายไม่ได้ สุดท้ายต้องพูดแก้ตัวอย่างอ่อนแอด้วยนํ้าเสียง แผ่วเบาว่า “เจ้าจัดองครักษ์ให้คอยดูแลข้าแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากรบกวนเจ้าไปเสีย ทุกเรืองหรอกนะ ถ้าหากว่าพึงพาเจ้ามากเกินไป ถ้าในอนาคตเราต้องห่างกัน ขึ้นมาข้าก็กลายเป็ นคนไร้นํ้ายาน่ะสิ”