แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 420 จั่วไต้ฝู
ดูเหมือนพระชายานำหินก้อนใหญ่ออกจากในใจแล้ว ทั้งตัวนางถึงได้ดูผ่อนคลายลงเช่นนั้น อีกทั้งนางยังเผยรอยยิ้มนุ่มนวลออกมาให้เห็นด้วย นางตบไหล่หลินยู่หยุนองค์หญิงเล็กที่กำลังคลอเคลียเหมือนเด็กเบา ๆ “หยุนเอ๋อร์ ในเมื่อทางฝั่งของท่านย่าเจ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เจ้าก็ไปรับแขกที่ป่าดอกเหมยต่อเถอะ เจ้าเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงชมดอกเหมยในวันนี้ ไม่เหมาะที่จะอยู่นอกงานนานนัก”
หลินยู่หยุนเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นางกลับกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม “ท่านแม่ หยุนเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
นางไม่สามารถหลบอยู่ใต้ปีกของพระชายาไปได้ตลอด นางเป็นองค์หญิงเล็กของจวนองค์ชายหย่งชินที่อยู่ในวงศ์ตระกูลของราชวงศ์ นางเป็นตัวแทนของจวนองค์ชายหย่งชินและนางต้องยืนหยัดด้วยตัวนางเอง!
หลินยู่หยุนแอบกำหมัดเพื่อให้กำลังใจตัวเองอย่างลับ ๆ
จังหวะนั้นเอง เจียงป่าวชิงนึกถึงเรื่องที่หลินยู่หยุนใช้ให้คนมาเชิญนางไปตรวจอาการเมื่อสักครู่ขึ้นมาได้ “เอ้อ… องค์หญิงเจ้าคะ แม่นางที่รู้สึกไม่สบายตัวคนนั้นเชิญหมอให้ไปตรวจอาการในภายหลังแล้วหรือยังเจ้าคะ ให้ข้าไปดูอีกไหมเจ้าคะ ?”
พระชายายังไม่รู้เรื่องของทางฝั่งป่าดอกเหมย นางงุนงงเมื่อได้ฟัง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณหนูจากตระกูลไหนที่รู้สึกไม่สบายรึ ?”
หลินยู่หยุนจึงรีบตอบ “พี่ไต้ฝูจากตระกูลจั่วที่เป็นขุนนางฝ่ายพิธีการเจ้าค่ะท่านแม่ เห็นบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและยังไม่อยากให้หมอไปดูอาการ พี่ไต้ฝูได้ยินว่าแม่นางเจียงเป็นหมอจึงอยากเชิญแม่นางเจียงไปช่วยตรวจอาการให้นางหน่อยเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อครู่นี้สาวใช้ไปบอกนางว่าแม่นางเจียงกำลังตรวจอาการท่านย่า ยังไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ ข้าจึงบอกว่าจะเชิญหมอหลวงในจวนไปตรวจอาการให้กับพี่ไต้ฝูแทน แต่พี่ไต้ฝูกลับปฏิเสธอย่างร้อนรนแล้วขอตัวกลับไปพักผ่อนที่จวนของนางเจ้าค่ะ”
พระชายาคิดเยอะกว่าหลินยู่หยุนที่ยังเด็ก คำพูดไม่กี่คำทำให้เกิดความคิดขึ้นในใจของนางมากมาย สีหน้าของนางค่อนข้างแลดูระมัดระวังเล็กน้อย “อื้ม แต่ข้าเกรงว่าเรื่องมันจะไม่ได้ง่ายเช่นนั้น” นางชะงักพลางมองเจียงป่าวชิงที่ไม่พูดไม่จา คิดจะละทิ้งภูมิหลังอันลึกลับของเด็กสาวคนนี้ แต่เด็กสาวพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้พระนางเจียฮุ่ยฟื้น เพียงเท่านี้ จวนองค์ชายหย่งชินของพวกนางต่างก็ต้องยอมรับความกรุณาของอีกฝ่ายแล้ว
นางจำเป็นต้องพูดบางอย่างสักเล็กน้อย
“ไห่เหลียน” ในฐานะพระชายา ไม่เหมาะสมที่จะพูดนินทาเรื่องของบ้านอื่น นางจึงเรียกสาวใช้ของนาง “เจ้าเล่าให้แม่นางเจียงฟังเกี่ยวกับเรื่องของจั่วไต้ฝูจากตระกูลจั่วหน่อยสิ”
สาวใช้ที่สวมชุดสีเขียวน้ำทะเลเดินออกมาจากด้านหลังพระชายา ถอนสายบัวให้เจียงป่าวชิงอย่างนอบน้อมแล้วพูดขึ้น “แม่นางฝูจากตระกูลขุนนางฝ่ายพิธีการนั้น ตอนที่แม่ของนางคลอดนางคือคลอดก่อนกำหนดและคลอดยาก ทำการคลอดอยู่ตั้งนานกว่าจะคลอดนางออกมาได้สำเร็จ แต่ได้ยินมาว่าหลังจากที่คลอดออกมาแล้วนางตัวม่วงทั้งตัวและเกือบไม่หายใจ เดิมทีร่างกายแม่ของนางก็ไม่ค่อยดี แม่ของนางเสียชีวิตจากการเสียเลือดมากเกินไป… และดูเหมือนว่าร่างกายของแม่นางฝูไม่ค่อยแข็งแรงด้วยเหตุนี้เช่นกัน เมื่อตอนนางอายุเจ็ดแปดขวบ นางเคยตกน้ำหนึ่งครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคนในตระกูลจั่วจะปิดความลับเกี่ยวกับร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงของแม่นางฝู ถึงยังไงก็เชื่อมโยงกับคุณหญิงคนที่แต่งงานใหม่ในภายหลัง ตระกูลจั่วจึงมีเพียงลูกสาวบ้านหลักอย่างแม่นางจั่วเพียงคนเดียว และถ้าหากว่าได้รับการยืนยันจริง ๆ ว่าแม่นางฝูร่างกายไม่แข็งแรง เกรงว่าเส้นทางหลังการแต่งงานคงไม่ง่ายอีกต่อไปเจ้าค่ะ”
พูดมาถึงตอนนี้ ไห่เหลียนก็หยุดพูดแล้วกลับออกไปหลังจากที่ทำความเคารพเจียงป่าวชิงเสร็จแล้ว
พระชายาพูดขึ้นเสียงเบา “ถ้ามองจากผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล แม่นางไต้ฝูคนนั้นดูเหมือนไม่ใช่คนที่จะเชิญหมอให้มาตรวจอาการตัวเองท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเลย ยิ่งข้าได้ยินมาว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตระกูลจั่วจะแต่งงานกับตระกูลเสี่ยนจุ้นหวัง”
พระชายาหยุดชะงักเล็กน้อยพลางพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “แม่นางเจียง เรื่องนี้มีลับลมคมในมาก อย่างไรเสียเจ้าก็คอยสังเกตอะไร ๆ ให้ดี ๆ นะ”
“ท่านแม่ วันนี้พี่ไต้ฝูอยู่กับเพ่ยโหลวตลอด” หลินยู่หยุนพูดขึ้นเสียงเบา “เพราะเรื่องของสาวใช้ก่อนหน้านี้ เพ่ยโหลวดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจแม่นางเจียงเท่าไหร่นักเจ้าค่ะ”
ในฐานะเจ้านายฝ่ายหญิงของจวนองค์ชาย พระชายาเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ตอนที่นางเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ในตอนนั้น นางยังพูดในใจอยู่เลยว่าเจียงป่าวชิงเป็นคนจิตใจเข้มแข็งในขณะที่ชิวเพ่ยโหลวค่อนข้างไร้เหตุผล การที่หมอเจียงตัวน้อยสามารถพาสาวใช้กลับมาได้อย่างปลอดภัยภายใต้การกดขี่ของคุณหนูชิวเอ้อจอมโอหังก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
ตอนแรกพระชายาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจแต่อย่างใด นางคิดว่าเห็นแก่หน้าของจวนองค์ชายหย่งชินประกอบกับหยุนเอ๋อร์ยังคงไกล่เกลี่ยอยู่ที่นั่น ต่อให้ชิวเพ่ยโหลวจะไม่มีเหตุผลมากเพียงใดนางคงไม่ทำให้เจียงป่าวชิงลำบากใจเท่าไหร่นัก
แต่เมื่อดูจากตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะชิวเพ่ยโหลวมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งกับเจียงป่าวชิง ก็คงเป็นเพราะนางไม่เห็นศักดิ์ศรีของจวนองค์ชายหย่งชินอยู่ในสายตาเลย!
เด็กสาวสองคนที่เพิ่งเจอหน้ากันวันนี้จะเกลียดชังกันอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร เช่นนั้นคงเป็นอย่างหลังเสียแล้วนั่นก็คือชิวเพ่ยโหลวไม่เห็นจวนองค์ชายหย่งชินอยู่ในสายตา
พระชายาคิดได้ดังนั้น สีหน้านางก็ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
เมื่อหลินยู่หยุนเห็นสีหน้าของพระชายาก็เป็นกังวลเล็กน้อย นางส่งชาร้อนให้แม่ของนาง “ท่านแม่คลายความโมโหก่อนนะเจ้าคะ”
พระชายานวดขมับตัวเองพลางเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยล้า “เพ่ยโหลวคนนี้ช่างก่อช่างกวนคนอื่นดีจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของตระกูลที่มีอำนาจเหล่านี้ แต่นางเป็นคนฉลาด แน่นอนว่าเข้าใจได้ในทันทีว่าภายนอกของเรื่องดูเหมือนชิวเพ่ยโหลวจะยืมคนอื่นมาเป็นดาบเพื่อทำให้นางลำบากใจ แต่บังเอิญว่าพระนางเจียฮุ่ยฟื้นขึ้นมาก่อน อย่างไรเสียนางต้องเลือกตรวจอาการพระนางเจียฮุ่ยก่อนอยู่แล้วจึงสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไปได้
ส่วนเรื่องภายในที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ลึกกว่านั้น เจียงป่าวชิงคร้านจะสนใจ นางชัดเจนมากเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันของตนเองว่าตนเป็นเพียงแค่หมอตัวเล็ก ๆ แม้มีกงจี้คอยคุ้มกันอยู่ข้างหลังแต่นางรู้สึกว่าถ้าตัวเองมีทางเลือก อยู่ให้ห่างจากปัญหาจะดีกว่า
เรื่องที่พระนางเจียฮุ่ยฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องน่ายินดีที่หาได้ยากของจวนองค์ชายหย่งชินในช่วงนี้ หลังจากที่องค์ชายหย่งชินกับผู้สืบทอดที่ทำธุระอยู่ข้างนอกได้รับข่าวนี้ พวกเขาเร่งจัดการเรื่องให้เสร็จอย่างรวดเร็วและรีบตรงมาที่อันหย่วนย่วน
เจียงป่าวชิงยังไม่ทันได้กลับห้องก็มีของรางวัลมากมายไปส่งที่ห้องของนางอย่างไม่ขาดสาย แม้ของเหล่านี้จะเยอะจนทำให้ตาของคนบอดได้เลย แต่เจียงป่าวชิงกลับรับมาด้วยท่าทางที่สงบอย่างน่าประหลาดใจ
นางรักษาโรคให้ผู้ป่วย และการที่ครอบครัวของผู้ป่วยจ่ายค่าตรวจรักษาก็เป็นเรื่องที่ปกติมากไม่ใช่รึ เพียงแต่ว่าค่ารักษาพยาบาลนี้ค่อนข้างเยอะไปหน่อยก็เท่านั้น…
เจียงป่าวชิงรื้อของที่องค์ชายหย่งชินกับพระชายามอบให้ หลังจากที่นั่งเลือกอยู่สักพักก็เลือกของออกมาสองสามอย่าง จากนั้นไปเขียนจดหมายที่โต๊ะแล้วส่งให้มี่หลิวโดยสั่งให้ไปหาคนมาช่วยนำของเหล่านี้ไปส่งที่บ้านของนาง นอกจากนั้น นางยังยัดแกนเครื่องปั่นด้ายเงินให้กับมี่หลิวเป็นพิเศษด้วย “นี่คือค่ารถ แน่นอนว่าไม่เหมาะที่จะให้เจ้าต้องเหนื่อยเปล่านะ”
แม้องค์ชายหย่งชินจะเป็นสมาชิกของราชวงศ์สูงศักดิ์แต่เขากลับติดดิน สิ่งของที่มอบให้เป็นรางวัลนั้นมีเงินหนึ่งกล่อง ทองอีกหนึ่งกล่อง เมื่อสักครู่ตอนที่เจียงป่าวชิงรื้อออกดูนั้น นางเกือบประคองดวงตาไม่อยู่เพราะเงินทองในกล่องมันวูบวาบล้อแสงเทียนดีเหลือเกิน
โชคดีที่สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
เจียงป่าวชิงรู้สึกพึงพอใจมาก นางไม่ได้ใจแคบอะไรจึงมอบแกนเครื่องปั่นด้ายเงินอันมีค่าให้กับมี่หลิว
เมื่อมี่หลิวเห็นแกนเครื่องปั่นด้ายเงินนั้นก็ตกใจอย่างมาก ปากก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วลิ้นแทบพันกัน “มิได้นะเจ้าคะ ข้ามารับใช้แม่นาง การแบ่งเบาความทุกข์แทนแม่นางเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่แม่นางยอมเสี่ยงไปช่วยชีวิตสุนถาวในวันนี้เลย นี่เหมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ข้า ข้ายังไม่ได้ตอบแทนอะไรแม่นางเลย จะมาให้แม่นางเสียค่ารถให้ได้ยังไงกันล่ะเจ้าคะ” พูดจบ นางก็ผลักแกนเครื่องปั่นด้ายเงินนั้นออกจากตัว
ทว่าเจียงป่าวชิงยืนกรานที่จะยัดแกนเครื่องปั่นด้ายเงินนั้นใส่ในอ้อมแขนของมี่หลิวเช่นเดิม “เอาไปเถอะ กว่าพวกเจ้าจะได้รับเงินในแต่ละเดือนนั้นก็ไม่ง่าย ตอนนี้สุนถาวได้รับบาดเจ็บจากความหนาวอย่างรุนแรงและยังมีเรื่องที่ต้องใช้เงินอีกมากมายในภายหลัง เจ้าคงไม่อยากไม่มีเงินซื้อยาให้สุนถาวไว้ใช้ในภายหลังหรอกใช่ไหม ?”
.