แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 418 ป่วยปลอม
เห็นได้ชัดว่าหลินยู่หยุนหรือองค์หญิงเล็กไม่อยากพูดอะไรมากมาย นางพูดอย่างคลุมเครือ “อาจเป็นเพราะเรียนมาตรงสายกว่ากระมัง… กล่าวโดยสรุป เพ่ยโหลว ถ้าหากว่าเจ้าเห็นแก่หน้าข้า เจ้าก็อย่าได้โกรธแม่นางเจียงอีกเลย”
ชิวเพ่ยโหลวพ่นลมทางจมูกโดยไม่ได้พูดอะไร แต่เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “…ข้าเห็นว่าจวนของเจ้ามีดอกเหมยงดงามจำนวนหนึ่ง อีกประเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ตัดกลับไปใส่แจกันสักสองสามดอก”
องค์หญิงเล็กรู้สึกโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด นางคิดว่าชิวเพ่ยโหลวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรแล้วจริง ๆ จึงพูดขึ้นอย่างดีใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เห็นเป็นไรเลย ข้าจะให้สาวใช้ในจวนไปตัดให้มากกว่านี้ ถ้าทุกคนชอบก็หยิบเองได้เลยจ้ะ”
ถึงอย่างไรก็เป็นองค์หญิง พวกคุณหนูที่อยู่ที่นั่นจึงยกยอปอปั้นให้หน้าองค์หญิงเสมอ คนนั้นคนนี้พูดชมจนทำให้หลินยู่หยุนหน้าแดงก่ำแก้มแดงเรื่อไปหมดแล้ว
ยังมีแขกคนอื่น ๆ อยู่ที่ศาลาในส่วนลึกของป่าดอกเหมย หลินยู่หยุนทักทายสองสามคำก่อนจะเชิญชิวเพ่ยโหลวไปทานขนมในศาลา แต่ชิวเพ่ยโหลวกลับปฏิเสธอย่างเกียจคร้าน “เจ้าไปทำธุระเถอะ ทิวทัศน์ที่นี่ดีไม่น้อยเลย ข้ายังอยากชื่นชมอีกสักประเดี๋ยวน่ะ”
ในเมื่อชิวเพ่ยโหลวพูดเช่นนี้ พวกคุณหนูคนอื่น ๆ ที่พึ่งพาอาศัยชิวเพ่ยโหลวจึงต้องพูดว่าจะชมทิวทัศน์อยู่ที่นี่อย่างคล้อยตาม หลินยู่หยุนเห็นดังนั้นก็พยักหน้าให้กับชิวเพ่ยโหลวและพวกคุณหนูคนอื่น ๆ “อืม ข้าอยู่ในศาลาเล็ก ๆ นั่น ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรก็ให้สาวใช้ไปหาข้านะ”
หลังจากที่หลินยู่หยุนจากไป ชิวเพ่ยโหลวก็หัวเราะเสียงเยียบเย็น “หึ ๆ ๆ ไม่ใช่ว่าเกิดจากบ้านรองแล้วถูกเลี้ยงดูมาใต้เข่าของพระชายาหรอกรึ คิดว่าตัวเองเป็นองค์หญิงที่เกิดจากบ้านหลักอย่างนั้นสิ ที่นางมาพูดกับข้าที่นี่ว่าให้เห็นแก่หน้านางนั้นช่างน่าขำจริง ๆ”
ชิวเพ่ยโหลวรู้ดีว่าไม่มีใครกล้านำเรื่องนี้ไปบอกกับองค์หญิงเล็ก ต่อให้มีคนบอกอีกฝ่ายจริง ๆ นางก็จะไม่ยอมรับและจะบอกว่าฝ่ายนั้นจงใจใส่ร้ายนาง
นี่คือความมั่นใจที่ภูมิหลังครอบครัวและ “เบื้องหลัง” ของนางมอบให้แก่นาง ทว่าคนอื่นกลับไม่มีความกล้าที่จะแขวะองค์หญิงเล็กเช่นนี้
ชิวเพ่ยโหลวกล้าพูด แต่พวกคุณหนูที่อยู่ที่นี่กลับเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครกล้าพูดเออออคล้อยตามแม้แต่คนเดียว
ชิวเพ่ยโหลวกวาดตามองพวกคุณหนูที่ปิดปากแน่นสนิทเหล่านั้นแล้วหัวเราะอย่างเหยียดหยามในใจพร้อมเรียกชื่อหนึ่งในนั้น “เสี่ยวฝู”
“เสี่ยวฝู” ที่ถูกเรียกชื่อเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางที่ทำหน้าที่ดูแลยามเมื่อมีงานพิธีการ นางมีชื่อเต็มว่าจั่วไต้ฝู เมื่อถูกชิวเพ่ยโหลวเรียกชื่อตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเช่นนี้ นางตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาให้เห็น “มีอะไรหรือ ?”
ชิวเพ่ยโหลวพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ข้าจำได้ว่าสุขภาพร่างกายของเจ้าเหมือนไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่หนิ ?”
สีหน้าของจั่วไต้ฝูขาวซีด นางพูดปฏิเสธ “ไม่… ไม่ใช่สักหน่อย…” ตอนนี้นางกำลังอยู่ในช่วงเจรจาเรื่องการแต่งงาน ถ้าหากว่าข่าวลือเรื่องสุขภาพไม่ดีของนางถูกเปิดเผยออกไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เกรงว่าการแต่งงานที่ยอดเยี่ยมของนางอาจเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
ใบหน้าของชิวเพ่ยโหลวเคร่งขรึมขึ้นทันที “อ้อ เจ้าหมายความว่าข้ากำลังพูดเหลวไหลอย่างนั้นสิ ?”
จั่วไต้ฝูแทบร้องไห้ นางได้ยินดังนั้นใบหน้าพลันแข็งทื่อ “ไม่… ไม่ใช่นะ…”
สีหน้าของชิวเพ่ยโหลวสดใสขึ้นมาหน่อย นางพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “เจ้าไม่ต้องห่วง ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กสาวจะร่างกายอ่อนแอ ไม่มีใครพูดออกไปหรอก”
‘นี่มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ?’ จั่วไต้ฝูครุ่นคิดอย่างสิ้นหวัง แต่นางยังคงต้องก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “…ใช่จ้ะ”
ชิวเพ่ยโหลวพยักหน้าพึงพอใจ “ในเมื่อสุขภาพของเจ้าไม่ค่อยดี บังเอิญว่าที่จวนองค์ชายหย่งชินมีหมออยู่พอดี ให้สาวใช้ไปเรียกหมอคนนั้นมาตรวจอาการให้เสี่ยวฝูสิ ดีไหม ?”
พูดจบนางก็พูดกับสาวใช้ข้างกาย “เจ้าไปบอกองค์หญิงเล็กหน่อยว่าเสี่ยวฝูรู้สึกไม่สบายตัว ที่นี่ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งนั้นจึงไม่สะดวกที่จะไปเรียกหมอในจวนให้มาดูอาการ ให้นางเรียกหมอคนนั้นมาจับชีพจรให้เสี่ยวฝูหน่อย”
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จั่วไต้ฝูล้มเลิกความคิดที่จะขัดขืน ถึงอย่างไรความเห็นของนางก็ไม่สำคัญเพราะชิวเพ่ยโหลวคนนี้ตัดสินใจใช้นางเป็นเครื่องมือไปแล้ว
หลังจากที่สาวใช้ไปทำตามคำสั่ง ชิวเพ่ยโหลวก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางยกชาขึ้นจิบเบา ๆ ด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ “ไม่พูดถึงอย่างอื่น ชาหมอกซ่อนเร้นของภูเขาหลูรสเยี่ยมจริง ๆ”
กงหย่าหรูกลัวที่ตัวเองล่วงเกินชิวเพ่ยโหลวเมื่อสักครู่ นางจึงรีบพูดคล้อยตามอีกฝ่าย “ใช่ ได้ยินมาว่าชานี้ให้ผลผลิตเพียงปีละหนึ่งชั่งเท่านั้นและนำมาถวายที่วังโดยเฉพาะ แต่ความโปรดปรานของฮ่องเต้ที่มีต่อจวนองค์ชายหย่งชินนั้นมีมาก ทางเราถึงได้มานิดหน่อยยังไงล่ะ”
ชิวเพ่ยโหลวมองกงหย่าหรูด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ “เสี่ยวหรูช่างรู้เยอะจริง ๆ งั้นเจ้าก็ต้องดื่มให้มาก ๆ นะ”
พวกคุณหนูคนอื่น ๆ ต่างก็เม้มปากขำ
กงหย่าหรูหน้าแดงก่ำ นางไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินชิวเพ่ยโหลวตรงไหนอีก
ชิวเพ่ยโหลวถอนหายใจแรง สีหน้าของนางก็ค่อย ๆ อึมครึมขึ้นเช่นกัน แม้ว่าวงศ์ตระกูลของนางจะปีนสูงแค่ไหนแต่ก็ยังตามหลังตระกูลหลินที่อยู่จุดสูงสุดอยู่ดี… แต่ไม่เป็นไร ต่อไปนางเองก็จะปีนขึ้นไปให้สูง ๆ เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่หลินยู่หยุนเลย แม้แต่จวนองค์ชายหย่งชินก็ต้องคุกเข่าอยู่แทบเท้านางกันทั้งจวน
……
เจียงป่าวชิงกลับมาที่ห้องของตัวเอง นางยังดื่มชาไม่ทันเสร็จก็เห็นสาวใช้ที่ดูสะดุดตามาเยี่ยม
มี่หลิวรีบพูดขึ้นเสียงเบา “แม่นางเจียง นั่นคือสาวใช้ข้างกายองค์หญิงเล็กเจ้าค่ะ”
สาวใช้คนนั้นถอนสายบัวให้เจียงป่าวชิง นางเหมือนพยายามทำให้ลมหายใจสม่ำเสมอสักครู่ แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเต็มที่ “องค์หญิงให้ข้าน้อยมาส่งข้อความถึงแม่นางเจียงว่าท่านบอกกับแม่นางชิวเกี่ยวกับเรื่องของแม่นางชิวแล้วเจ้าค่ะ แม่นางเจียงไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
เมื่อเจียงป่าวชิงได้ฟังคำพูดนี้ นางก็รู้แล้วว่าองค์หญิงเล็กหมายถึงเรื่องที่นางข่มขู่ชิวเพ่ยโหลว
แม้เจียงป่าวชิงจะไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องชิวเพ่ยโหลว แต่องค์หญิงเล็กตั้งใจให้คนมาบอกโดยเฉพาะจึงต้องรับน้ำใจนี้ไว้ นางพยักหน้ายิ้ม ๆ “อื้ม รู้แล้วจ้ะ รบกวนเจ้าช่วยข้ากล่าวขอบคุณองค์หญิงเล็กด้วยนะจ๊ะ”
แต่สาวใช้คนนี้เพิ่งออกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีสาวใช้อีกคนมาที่นี่ด้วยสีหน้าเร่งรีบ มี่หลิวจึงพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “นี่คือสาวใช้ข้างกายองค์หญิงเล็กเช่นกันเจ้าค่ะ แต่ทำไมถึงแบ่งกันมาส่งข้อความสองครั้งล่ะ ?”
เห็นได้ชัดว่าสาวใช้คนนั้นแลดูร้อนรนเพราะนางยังคงหอบหายใจอยู่ “แม่นางเจียง คุณหนูจั่วของตระกูลขุนนางฝ่ายพิธีการรู้สึกไม่สบายตัว แต่บอกว่าไม่สะดวกที่จะตามหมอมาดูอาการ แม่นางโปรดช่วยไปตรวจอาการให้นางหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ?”
“ไม่สะดวกที่จะตามหมอมาดูอาการอย่างนั้นรึ ?” ‘คงไม่ใช่ประเภทที่ปวดประจำเดือนหรอกใช่ไหม ?’
อันที่จริงในสายตาของหมออย่างพวกเขานั้นไม่มีการแบ่งผู้ป่วยชายหญิง แต่การให้ความสนใจแบบแยกเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละเพศก็สำคัญ เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่ในใจทว่าไม่ได้ต้องการไม่ใส่ใจแต่อย่างใด หลังจากที่ลุกขึ้นนางก็เอ่ยออกมา “ได้สิ เจ้านำทางเถอะ”
แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องก็เห็นสาวใช้อีกคนวิ่งมาทางนี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า และเกือบจะชนกับเจียงป่าวชิงอยู่แล้ว
เจียงป่าวชิงรู้สึกแปลกใจเมื่อได้มอง นี่คือสาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ในห้องของพระนางเจียฮุ่ยซึ่งท่าทางนางในยามปกติสุขุมมาโดยตลอด เหตุใดวันนี้นางถึงใจร้อนได้ขนาดนี้
หลังจากที่ความคิดในใจนางจางหายไป ก็เห็นสาวใช้คนนั้นพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจน้ำตาคลอหน่วยโดยไม่สนใจทำความเคารพ “หมอเทวดาเจียงเจ้าคะ พระนาง… พระนางเจียฮุ่ยฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก!
เจียงป่าวชิงตัดสินใจพูดกับสาวใช้คนก่อน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าขอตัวไปดูพระนางเจียฮุ่ยก่อน ถ้าหากว่าแม่นางจั่วรีบมากก็ให้หมอคนอื่นในจวนไปดูนาง แต่ถ้าหากว่าไม่รีบก็รอข้าสักครู่”
สาวใช้ลังเลแต่ก็รีบพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด “แม่นางเจียงรีบไปตรวจอาการพระนางเจียฮุ่ยก่อนเถอะเจ้าค่ะ นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ส่วนข้าน้อยจะไปบอกกับองค์หญิงเองเจ้าค่ะ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าเล็กน้อย นางถือกล่องยาตรงไปที่ห้องของพระนางเจียฮุ่ยอย่างไม่รอช้า
.