แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 411 จงใจมายั่วยวนองค์ชาย
พระชายาเองก็กำลังสำรวจเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นกัน ตอนที่องค์ชายหย่งชินพูดเน้นย้ำนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องปฏิบัติกับสาวน้อยเจียงอย่างแขกผู้มีเกียรติเมื่อคืนนี้ อันที่จริงนางเกิดความรู้สึกซับซ้อนในใจเล็กน้อย สุดท้ายก็ถามออกไปอย่างไม่ค่อยเห็นนักว่าองค์ชายหย่งชินรู้สึกถูกตาต้องใจสาวน้อยคนนี้หรือเปล่า
แต่หลังจากที่ถามออกไป พระชายาก็รู้สึกเสียใจทีหลัง ไม่คิดว่านางจะเกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาต่อเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าลูกชายของนางเช่นนี้ นางไม่ใช่พระชายาที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และนางจะต้องถูกองค์ชายหย่งชินรังเกียจอย่างแน่นอน
แต่ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่ทำให้นางแปลกใจคือองค์ชายหย่งชินตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะออกมายกใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาไม่โกรธและไม่ได้รังเกียจนาง หลังจากที่องค์ชายหย่งชินหยุดหัวเราะแล้วเขาก็บอกกับพระชายาถึงสิ่งที่กงจี้เขียนในกระดาษข้อความ พระชายาถึงค่อยรู้ว่าตนเองเข้าใจองค์ชายหย่งชินผิดไป
ด้วยเหตุนี้ พระชายาแทบกระสับกระส่ายทั้งคืน ตอนที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ก็พบว่าใต้ตาของตนคล้ำเข้มจนต้องใช้แป้งจำนวนหนึ่งถึงสามารถปกปิดมันไว้ได้
เมื่อมองเจียงป่าวชิงที่เปลี่ยนเป็นชุดผู้หญิงและมีรูปลักษณ์โดดเด่นมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ พระชายารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางถึงได้ปฏิบัติต่อเจียงป่าวชิงอย่างเป็นกันเองมากขึ้น
พระชายาเสียกิริยา และต้องการหาที่ชดเชยอื่นเป็นธรรมดา นางครุ่นคิดว่าการแต่งกายของสาวน้อยค่อนข้างเรียบง่ายไปหน่อย ฮืม… เพิ่มเครื่องประดับให้นางเสียหน่อยท่าจะดี
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาของนางจับจ้องไปตรงหยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเจียงป่าวชิงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้น ตัวนางพลันแข็งทื่อทันที
เจียงป่าวชิงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของพระชายาได้อย่างว่องไว “พระชายา มีตรงไหนที่ผิดปกติหรือเจ้าคะ ?”
พระชายาแทบเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้อยู่แล้ว นางโบกมือแก้เก้อและพูดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ไม่มีอะไร…” นางชะงักงัน สีหน้าดูลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป
ตัวนางนั้นแต่งเข้ามาในราชวงศ์หลายปีแล้วและรู้ดีเกี่ยวกับระเบียบข้อหนึ่งนั่นก็คือ——อย่าไปสืบข่าวมากเกินไป
พระชายาเก็บสายตากลับมาแล้วก้มหน้าลง ตราบใดที่นางรู้ว่าหญิงคนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ที่อยู่เบื้องบนคนนั้นก็เป็นอันว่าได้แล้ว จะมีประโยชน์อะไรถ้ารู้เรื่องอื่นเพิ่มอีก
“แม่นางเจียง” พระชายาปรับอารมณ์ของตัวเองแล้วยิ้มอย่างเป็นกันเอง “เจ้าเหนื่อยกับการนั่งเกี้ยว มิเช่นนั้น ไปพักผ่อนสักหน่อยไหม ?”
เจียงป่าวชิงมองเข้าไปในห้อง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอตัวไปดูอาการของพระนางเจียฮุ่ยก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
ไฟถ่านภายในห้องร้อนมาก มีสาวใช้ที่คอยดูแลเรื่องถ่านโดยเฉพาะอยู่คนหนึ่งเพราะกลัวว่าอุณหภูมิภายในห้องจะลดลง เช่นเดียวกับผู้คนอย่างจวนองค์ชายหย่งชิน แน่นอนว่าถ่านที่ใช้จะต้องเป็นถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุด ฃทำให้ไม่มีควันแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นแม้ไฟถ่านจะเผาไหม้อย่างร้อนแรงมากเพียงใดก็สร้างความอึดอัดไม่มากนัก
พระนางเจียฮุ่ยยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโดยที่ยังปากเบี้ยวอยู่อย่างนั้น ข้างเตียงมีสาวใช้คนหนึ่งถือถ้วยกระเบื้องสีเขียวใบเล็ก ๆ ลายปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ระหว่างใบบัวไว้อยู่ในมือและกำลังป้อนน้ำให้กับพระนาง ด้ามช้อนเงินที่นางถืออยู่นั้นทั้งบางและยาว ปากช้อนก็เล็กมากเช่นกัน ดังนั้นริมฝีปากของพระนางเจียฮุ่ยจึงชุ่มชื้นอยู่เสมอแม้จะอยู่ในห้องแห้ง ๆ ก็ตามที แต่ก็ไม่ถึงกับให้น้ำไหลออกมาจากปากของพระนางมากเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำให้หน้าตาของพระนางดูไม่ดีเอาได้ นางทำอย่างละเอียดอ่อนและเหมาะสมมาก
พระชายาเห็นว่าเจียงป่าวชิงหยุดสังเกตอยู่สักครู่จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “การป้อนน้ำแบบนี้มีความไม่เหมาะสมตรงไหนหรือเปล่า ? มันจะส่งผลต่ออาการป่วยของพระนางเจียฮุ่ยหรือเปล่า ?”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พระชายาคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยเพิ่งเคยเห็นการดูแลผู้ป่วยที่ทั้งละเอียดอ่อนและรอบคอบเช่นนี้ จึงหยุดดูนิดหน่อยก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเจียงป่าวชิงพูดเช่นนี้ พระชายารู้สึกโล่งใจ ฃและมีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางอีกครั้ง “เป็นเช่นนี้ก็ดี ข้ายังคิดว่าข้าทำสิ่งที่เกินจำเป็นจนทำให้เสียซะอีก ข้าเห็นว่าริมฝีปากของพระนางเจียฮุ่ยแตกอยู่หน่อย ๆ จึงคิดว่าท่านอาจรู้สึกเป็นทุกข์ พระนางท่านให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาของท่านเสมอ ถ้าหากว่าท่านตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าสภาพของตัวเองเป็นเช่นนี้ ฃคงจะรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ย ๆ ที่ถูกจัดไว้สำหรับให้หมอนั่งข้าง ๆ เพื่อตรวจดูอาการของพระนางและจับชีพจรให้พระนาง
เทียบกับเมื่อวาน ถือว่าอาการทุเลาลงเล็กน้อยแต่ผลที่ตรวจได้นี้ก็ยังไม่ชัดเจนนัก เจียงป่าวชิงคิดว่าพระนางเจียฮุ่ยคงล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลานานทำให้พลาดช่วงเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไป
พระชายาเห็นว่าคิ้วของเจียงป่าวชิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจึงรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบอยู่ในใจ นางรู้สึกร้อนใจเล็กน้อยขณะเอ่ย “อาการป่วยของพระนางเจียฮุ่ยผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า ?”
เจียงป่าวชิงค่อย ๆ วางข้อมือของพระนางเจียฮุ่ยลงแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “เทียบกับเมื่อวานแล้วอาการทุเลาลงเล็กน้อย ถือว่าอาการของพระนางไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ เวลาล่วงเลยนานเกินไปอาจทำให้โรคที่ค้างอยู่ในร่างกายค่อนข้างรุนแรงเรื้อรังได้เจ้าค่ะ…”
ไหนจะการหมดสติอันยาวนานทั้ง ๆ ที่เป็นอัมพาตซึ่งเกิดจากอารมณ์แปรปรวนมากเกินไป และไหนจะเวลาที่ถูกปล่อยให้ล่วงเลยนานเกินไปกว่าจะรักษาอีก ทั้งหมดยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อพระนางเจียฮุ่ย แม้ในตอนนี้คอยรักษาอยู่ตลอด แต่เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นใบรายงานอาการและยาเหล่านั้น รวมถึงพบว่ามีโรคเรื้อรังแทรกซ้อนมากมายที่ช่วยบ่งชี้ข้อเท็จจริงที่ว่าพลาดช่วงเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไปแล้วนั้น ต่อให้ทักษะการรักษาโรคของนางจะยอดเยี่ยมเพียงใด นางก็มิใช่เซียนที่สามารถรักษาผู้ป่วยใกล้ตายให้รอดได้ ทำได้เพียงพูดว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
พระชายายังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากที่ไกล ๆ ซะก่อน “ท่านพี่ พระนางเจียฮุ่ยฟื้นแล้วรึ ?”
พระชายาขมวดคิ้วทันที
ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นพระชายารองอิงคนเมื่อวาน เจียงป่าวชิงจำได้ว่ามีข่าวลือที่ว่าพระนางเจียฮุ่ยถูกพระชายารองอิงคนนี้นี่แหละที่ทำให้โมโหจนเป็นอัมพาต
เหอะ! ทำให้พระนางเจียฮุ่ยเป็นอัมพาตแต่ยังสามารถอยู่ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าพระชายารองอิงคนนี้จะเป็นที่โปรดปรานมากจริง ๆ
คงเป็นเพราะเห็นอะไรบางอย่างได้จากสีหน้าของเจียงป่าวชิง พระชายาจึงอธิบายด้วยเสียงอันเบา “ปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครสามารถหาหลักฐานได้ว่าพระชายารองอิงเป็นคนทำให้พระนางเจียฮุ่ยโกรธจนเป็นอย่างที่เราเห็น อีกอย่าง พระชายารองอิงก็ยืนกรานมาตลอดว่านางเพียงแค่พูดคุยกับพระนางเจียฮุ่ยไม่กี่ประโยคเท่านั้น องค์ชายเองก็ลงโทษนางไม่ได้ ทำได้เพียงตำหนินางเล็กน้อยและรอพูดคุยกันอีกทีตอนที่พระนางเจียฮุ่ยฟื้นขึ้นมาแล้ว”
“ตอนที่เกิดเรื่อง สาวใช้ไม่ได้อยู่ด้วยหรือเจ้าคะ ?” เจียงป่าวชิงถามเสียงเบา
พระชายาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาให้เห็น “พระนางเจียฮุ่ยท่านชอบอยู่อย่างสันโดษตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว และท่านมักจะไปเดินเล่นที่สวนคนเดียวเสมอ…”
เจียงป่าวชิงเข้าใจได้ทันที
“โย! นี่พระชายากำลังกุเรื่องเพื่อเสียดสีอะไรน้องให้น้องสาวคนนั้นฟังอยู่ล่ะ ?” จู่ ๆ พระชายารองอิงก็เดินผ่านฉากกั้นลมเข้ามา แม้นางจะพูดคำแสนจะไม่สุภาพ แต่น้ำเสียงของนางเหมือนกับนกขมิ้นที่จงใจลากเสียงพูดให้ยาวขึ้น ฟังดูแล้วเหมือนนางกำลังร้องเพลง
พระชายาขมวดคิ้วเล็กน้อย “พระชายารองอิง ไม่ใช่ว่าองค์ชายกักบริเวณเจ้าแล้วรึ นี่เจ้าออกมาทำอะไรอีกเล่า ?”
“แน่นอนว่าน้องมาดูว่าพระนางเจียฮุ่ยฟื้นหรือยังก็เท่านั้น น้องมีน้ำใจ องค์ชายไม่สามารถว่าอะไรน้องได้” พูดออกมาเช่นนั้นแล้ว มือเล็ก ๆ ของพระชายารองอิงปิดปากหัวเราะด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน นางเหลือบตามองเจียงป่าวชิง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในทันใด เดิมทีน้ำเสียงที่นุ่มนวลแปรเปลี่ยนกลายเป็นแหลมคมทันที
“พระชายา เจ้านี่มีฝีมือนักนะ ไปขุดนางแพศยานี่มาจากที่ไหน ? โย! นี่เจ้าต้องการใช้จังหวะตอนที่ข้าถูกกักบริเวณเพื่อยกแม่นางคนนี้ใส่พานให้กับองค์ชาย ต้องการช่วงชิงความโปรดปรานไปจากข้าใช่ไหมล่ะ ?”
พระชายาโกรธจนตัวสั่น “พระชายารองอิง! เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ?! หมอเจียงเป็นหมอยาที่มารักษาพระนางเจียฮุ่ย!”
พระชายารองอิงแค่นหัวเราะ “ข้ารู้สึกแปลกใจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ก็เห็นอยู่ว่ารูปโฉมงดงามเต็มรูปแบบสตรีแท้แต่กลับแต่งตัวเป็นชาย พอมาเห็นนางวันนี้ หางจิ้งจอกของนางก็โผล่ออกมาแล้วจริง ๆ ด้วย ที่แต่งตัวสวยเพริศพริ้งมาขนาดนี้คงจงใจมายั่วยวนองค์ชายโดยอาศัยหน้าฉากบังหน้าว่ามาตรวจอาการพระนางเจียฮุ่ยล่ะสิ! พระชายา คนที่เจ้าหามานี่ช่างแผนการดีจริง ๆ!”
เจียงป่าวชิงเพิ่งเปลี่ยนชุดผู้หญิงในวันนี้ซึ่งเอาจริง ๆ นั้นนางแต่งกายมาอย่างเรียบง่ายมากแต่กลับถูกพระชายารองอิงบอกว่าแต่งตัวสวยเพริศพริ้งจงใจยั่วซะอย่างนั้น
ปากที่พูดว่าร้ายคนอื่นและต้องการสาดน้ำสกปรกใส่คนอื่นเช่นนี้ทำให้พระชายาโกรธพระชายารองอิงจนพูดไม่ออก ใบหน้าสวยของนางถึงกับเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโมโหเดือด