แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 409 มิน่าล่ะ
พระชายาขององค์ชายหย่งชินถลึงตาใส่พระชายารองอิงที่สวยเพริศพริ้งเล็กน้อย
พระชายารองอิงเบะปาก “พระชายานี่ก็ช่างโบราณคร่ำครึซะจริงนะ ถึงยังไงน้องก็เป็นแม่น้อยของผู้สืบทอด เหตุใดถึงต้องให้น้องหลบเลี่ยงทุกครั้งด้วย ?” นางพูดไปพลางย้ายไปอยู่ข้างหลังฉากกั้นลมไปพลาง
ตอนนี้พระชายาขององค์ชายหย่งชินถึงจะสั่งให้คนพาหลินยู่ถิงผู้สืบทอดเข้ามา
หลังจากที่อีกฝ่ายเข้ามาแล้ว พระชายาขององค์ชายหย่งชินพบว่าผู้มาใหม่ไม่ได้มีแค่บุตรชายของนางคนเดียว ด้านหลังยังมีสหายบุตรชายของนางด้วย นั่นคือเผยหยู่เจ๋อ ศิษย์ผู้เฒ่าหยุนไห่ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มากความรู้ดีเยี่ยมแห่งเมืองหลวง
พระชายาขององค์ชายหย่งชินไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องการคบเพื่อนของลูกชายตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะการคบเพื่อนที่มีสถานะเดียวกัน เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตบุตรชายของนาง
หลินยู่ถิงทำความเคารพพระชายาขององค์ชายหย่งชิน “ท่านแม่ พี่เผยรู้ว่าท่านย่าประชวรจึงตั้งใจมาคารวะท่านย่าโดยเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายาขององค์ชายหย่งชินมองเผยหยู่เจ๋อ “ทำให้คุณชายเผยลำบากเสียแล้ว พระนางเจียฮุ่ยยังคงไม่ได้สติ ต่อให้เจ้าคารวะท่าน ท่านก็ไม่รู้หรอก”
เผยหยู่เจ๋อมองเห็นเจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของพระนางเจียฮุ่ยตั้งแต่เข้ามาแล้ว เขาค่อนข้างแน่ใจว่านั่นคือเจียงป่าวชิงที่เขาเคยพบ เขาอยากทักทายนางแต่ก่อนอื่นต้องทำความเคารพพระชายาขององค์ชายหย่งชินเสียก่อน
คิดได้ดังนั้นเขาก็เอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นี่เป็นน้ำจิตน้ำใจของข้าน้อย ถ้าไม่ทำตามความคิดก็คงไม่สบายใจ ข้าต่างหากที่สร้างความยุ่งยากให้กับพระชายาแล้ว”
พระชายาขององค์ชายหย่งชินพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าต้องขอบคุณแทนพระนางเจียฮุ่ยสำหรับน้ำใจของคุณชายเผย เชิญคุณชายเผย”
เผยหยู่เจ๋อก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วทำราวกับเพิ่งเห็นเจียงป่าวชิง เขาพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าก็คิดอยู่ว่าใครกันช่างคุ้นหูคุ้นตาเช่นนี้ ที่แท้น้องสาวตระกูลเจียงนี่เอง”
เจียงป่าวชิงถอนสายบัวให้เผยหยู่เจ๋ออย่างสุภาพ “สวัสดีคุณชายเผย”
พระชายาขององค์ชายหย่งชินใจกระตุกเล็กน้อย “หืม พวกเจ้ารู้จักกันหรือ ?”
เผยหยู่เจ๋อหมุนตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและแนะนำกับพระชายาขององค์ชายหย่งชิน “นี่คือน้องสาวของศิษย์น้องข้าน้อยเอง เมื่อวันก่อนนางไปจวนท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ชื่นชอบนางมาก ข้าน้อยเคยพบกับน้องสาวตระกูลเจียงครั้งหนึ่งซึ่งก็คือในวันนั้น”
ที่แท้หมอเทวดาตัวน้อยคนนี้ยังมีสถานะเช่นนี้ด้วย พระชายาขององค์ชายหย่งชินจึงเปลี่ยนความคิดไปบ้าง อันตัวนางนั้นเคยได้ยินเรื่องของลูกศิษย์คนสุดท้ายของผู้เฒ่าหยุนไห่มาเช่นกัน ได้ยินมาว่าผู้เฒ่าหยุนไห่รักศิษย์คนเล็กคนนี้ที่สุด ที่งานประชุมการบรรยายเมื่อวันก่อน ศิษย์อายุน้อยที่สุดคนนั้นแสดงความสามารถจนเปล่งประกายในงาน และเขาก็ถูกผู้คนเรียกขานว่า “ชายผู้มีอนาคตไกล”
ถ้าหากว่าแม่นางเจียงคนนี้เป็นน้องสาวของคุณชายเจียงคนนั้น ความน่าเชื่อถือก็มีมากยิ่งขึ้น
จู่ ๆ พระชายาขององค์ชายหย่งชินก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด ไม่แน่แม่นางเจียงคนนี้อาจสามารถทำให้อาการอัมพาตของพระนางเจียฮุ่ยทุเลาลงก็เป็นได้
“แม่นางเจียง อาการป่วยของพระนางเจียฮุ่ยเป็นเช่นไรบ้าง ?” พระชายาขององค์ชายหย่งชินเอ่ยถาม
เจียงป่าวชิงมองพระนางเจียฮุ่ยที่ยังคงไม่ได้สติ “อาการของพระนางค่อนข้างรุนแรงเจ้าค่ะ คงเป็นเพราะอารมณ์แปรปรวน ในสมองของพระนางจึงเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน นี่ถือว่าเราตรวจพบล่าช้ามาสองสามวันแล้วจึงพลาดเวลาในการรักษาที่ดีที่สุดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้าบอกว่าจะสามารถทำให้พระนางดีขึ้นได้ แต่ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ”
หัวพระขนงของพระชายาองค์ชายหย่งชินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทว่าต่อมานางรู้สึกสบายใจขึ้น “อืม เป็นเช่นนั้นก็ขอรบกวนแม่นางเจียงด้วย ถ้าหากว่าต้องการเครื่องปรุงยาอะไรก็บอกเราได้เลย”
……
ตอนที่เจียงป่าวชิงออกมาจากอันหย่วนย่วนก็พบกับชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบองค์ชายกำลังก้าวเดินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
หลินยู่ถิงที่ออกมาส่งแขกโค้งคำนับชายคนนั้น “คารวะท่านพ่อ”
องค์ชายหย่งชินพยักหน้า “อืม ได้ยินว่าวันนี้พ่อบ้านหยวนพาหมอเทวดามาคนหนึ่ง”
หลินยู่ถิงแนะนำเจียงป่าวชิงกับองค์ชายหย่งชินอย่างกระตือรือร้น “แม่นางน้อยผู้นี้ขอรับ นางคือหมอเทวดาเจียงคนนั้น ฝีมือนางช่างน่าทึ่งนัก ทำเอาเราทุกคนต่างตกใจในตอนแรก…”
องค์ชายหย่งชินปล่อยให้บุตรชายพูดอย่างตื่นเต้นอยู่ตรงนั้น สายตาเขามองสังเกตเจียงป่าวชิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “มิน่าล่ะ”
หลินยู่ถิงหยุดชะงักแล้วถามอย่างสงสัย “หืม เหตุใดท่านพ่อถึงได้พูดว่ามิน่าล่ะ ?”
องค์ชายหย่งชินพ่นลมทางจมูกอย่างไม่พอใจ “เมื่อครู่เจ้าเด็กจากตระกูลกงส่งคนมาส่งข้อความว่าผู้มีพระคุณของเขามาเป็นแขกที่จวนข้า หวังว่าข้าจะต้อนรับเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นเขาจะมาขอคำอธิบายเมื่อถึงเวลา”
เมื่อเจียงป่าวชิงได้ยินคำว่า “กง” นางก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงขององค์ชายหย่งชินตอนช่วงหลังนางก็อดยิ้มไม่ได้
เผยหยู่เจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ เก็บทุกอย่างไว้ในสายตา ลึกในดวงตาของเขาราวกับมีแสงอ่อน ๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลินยู่ถิงตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก สายตาของเขาที่ใช้มองเจียงป่าวชิงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “หมอเทวดาเจียงยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่กงจี้ก็ยังเคยช่วยไว้ เห็นทีว่าท่านย่าต้องอาการดีขึ้นมาในเร็ววันเป็นแน่แท้”
อะไรคือ “แม้แต่กงจี้ก็ยังเคยช่วยไว้” กันล่ะ ?
เจียงป่าวชิงยิ้มอีกครั้ง
……
หลังจากที่เจียงป่าวชิงกลับมาถึงบ้านตระกูลเจียงก็มืดค่ำแล้ว นางลงจากเกี้ยว พวกองครักษ์จากจวนองค์ชายที่พานางมาส่งก็พากันกลับไปหลังจากที่คำนับนางเสร็จแล้ว
แม้เจียงหยุนชานจะได้รับข้อความที่กงจี้ใช้ให้คนมาบอกกับเขาก่อนหน้านี้เพื่อให้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้องสาว แต่ยิ่งเจียงป่าวชิงกลับช้ามากเพียงใด เขาก็เป็นกังวลมากเพียงนั้น ในที่สุดเมื่อเห็นว่านางกลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็รู้สึกโล่งใจเสียที
“อาฉิงกับชุนหยู่ล่ะ ?” เจียงป่าวชิงถอดเสื้อคลุมออกพลางกระทืบเท้าที่ตอนนี้รู้สึกชาเล็กน้อย
เจียงหยุนชานส่งชาร้อน ๆ ให้น้องสาว “นอนกันหมดแล้ว ข้าบอกพวกเขาว่าเจ้าไปตรวจอาการคนป่วยที่บ้านเพื่อน พวกเขาจึงไม่ได้สงสัยอะไร”
เจียงหยุนชานอยากพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายเขาก็ถามด้วยความรู้สึกสับสน “ป่าวชิง คนที่จวนองค์ชายหย่งชินไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใจอะไรใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พี่ไม่รู้อะไร วันนี้พี่ช่วยหนุนหลังให้ข้าด้วยนะ”
เจียงหยุนชานเบิกตากว้าง
เจียงป่าวชิงบอกเรื่องที่เผยหยู่เจ๋อเองก็บังเอิญไปเป็นแขกที่จวนองค์ชายหย่งชินด้วยเช่นกัน สุดท้ายนางพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พอคนที่จวนองค์ชายหย่งชินรู้ว่าข้าเป็นน้องสาวพี่ ท่าทีของพวกเขาที่มีต่อข้าก็เป็นกันเองมากขึ้น เดิมทีพวกเขาอยากให้ข้าอยู่คอยดูอาการในจวนตลอดเวลา แต่ข้าบอกพวกเขาว่าทำเช่นนั้นมันไม่จำเป็น อีกอย่าง ข้ายังต้องกลับมาเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับตรวจอาการของพระชายาลำดับสองเจียฮุ่ยในวันพรุ่งด้วย มิเช่นนั้นการรักษาของวันพรุ่งจะล่าช้าเอาได้… พวกเขาถึงได้ให้ข้ากลับมา ข้าเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นแก่ที่พี่เป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านอาจารย์หยุนไห่ เกรงว่าพวกเขาคงบังคับให้ข้าอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ”
เจียงหยุนชานได้ฟังก็ถอนหายใจยาวและยิ้มน้อย ๆ “เป็นท่านอาจารย์ที่คุ้มครองเราไว้” เขาชะงักไปก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “อื้ม เห็นทีวันพรุ่งข้าต้องไปที่จวนท่านอาจารย์และต้องขอบคุณศิษย์พี่เผยซะหน่อยแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นพอดี จวนองค์ชายก็คงไม่เชื่อในตัวเจ้าง่าย ๆ เช่นนี้”
อันที่จริงเจียงหยุนชานรู้ดีว่าที่คนของจวนองค์ชายหย่งชินให้เจียงป่าวชิงกลับมาได้นั้น ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ผู้เฒ่าหยุนไห่เพียงอย่างเดียว แต่ทำเพราะเกรงบารมีของกงจี้ด้วย ซึ่งนั่นมันก็เข้าข่ายคำพูดที่ว่า “หนีพระพ้นแต่หนีวัดไม่พ้น”
ทั้งสองคนต่างเข้าใจดีแต่ไม่มีใครพูดอะไร
สองพี่น้องสนทนากันต่ออีกสักพัก เจียงป่าวชิงก็บอกกับเจียงหยุนชาน “พี่ ครึ่งเดือนต่อจากนี้เกรงว่าข้าต้องใช้เวลาไปกับการอยู่ที่จวนองค์ชายหย่งชินนะจ๊ะ ยังไงซะข้าต้องรบกวนพี่ช่วยเอาใจใส่เรื่องของอาฉิงกับชุนหยู่ให้มาก ๆ หน่อยนะ”
เจียงหยุนชานพยักหน้า “เจ้าไม่ต้องห่วง” เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดขึ้น “ถ้าไม่ได้จริง ๆ ข้าค่อยไปขอให้ท่านอาจารย์ออกหน้าให้ พวกเขาคงไว้หน้าท่านอาจารย์อยู่บ้าง”
“ท่านอาจารย์หยุนไห่อายุมากแล้ว พี่อย่าทำให้เขาต้องมาลำบากเพราะเรื่องของข้าเลยจ้ะ” เจียงป่าวชิงเม้มปากยิ้ม “ข้ามั่นใจว่าสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ยังมีทางหนีทีไล่อีกทาง”
เมื่อเจียงหยุนชานเห็นน้องสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นนี้เขาก็เข้าใจได้ทันที รอยยิ้มนั้นของนางทำให้เขาทั้งรู้สึกโล่งใจและใจคอเหี่ยวแห้งไปพร้อม ๆ กัน
เฮ้อ… แม้น้องสาวเขายังไม่ออกเรือน แต่เมื่อดูจากสภาพการณ์ก็เห็นได้ชัดว่านางถูกฉกชิงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว