แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 999 ความกังวลของหลินม่าย
ตอนที่ 999 ความกังวลของหลินม่าย
ตอนที่ 999 ความกังวลของหลินม่าย
ซิงกวงพลาซ่าแบ่งออกเป็นสองส่วน นั่นคือส่วนของห้างสรรพสินค้าและส่วนของอาคารสูง
เวลานี้หลินม่ายถามถึงยอดขายของฝั่งอาคารสูง
โม่เจี้ยนอันส่ายศีรษะ “ไม่ค่อยดีครับ ที่อยู่ของพวกเราเป็นบ้านในตึกสูง และราคาขายของเราค่อนข้างสูง ส่วนฉวินกวงพลาซ่าเป็นบ้านนอกโครงการและราคาก็ต่ำกว่ามาก ยอดขายของเราเลยด้อยกว่าฉวินกวงพลาซ่าพอสมควรครับ”
หลินม่ายครุ่นคิดสักครู่หนึ่งก่อนจะหันมาถามโม่เจี้ยนอันเกี่ยวกับลักษณะการขายของเขาโดยละเอียด
โม่เจี้ยนอันกล่าวว่า “มีการโฆษณาอย่างหนักในสื่อ และมีพนักงานขายโทรหาลูกค้าด้วยครับ”
วิธีการส่งเสริมการขายแบบถึงหน้าประตูเป็นสิ่งที่หลินม่ายสอนพวกเขา
สิ่งที่เรียกว่าการขายถึงหน้าประตู คือการค้นหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายแล้วแผนการขายของโม่เจี้ยนอันถูกต้องแล้ว และประสิทธิภาพการขายของของเขาก็ไม่ได้แย่
เธอครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยปากถาม “ตอนนี้ค่าคอมมิชชันสำหรับพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ใช่ไหม?”
โม่เจี้ยนอันพยักหน้ารับ “ใช่ครับ”
หลินม่ายพูดต่อ “ขยับเป็น 1 เปอร์เซ็นต์”
โม่เจี้ยนอันตกตะลึง สุดท้ายแล้วการขายอสังหาริมทรัพย์ต่างจากสินค้าทั่วไปตรงที่มันคือเงินจำนวนมหาศาล
แม้แต่บ้านที่มูลค่า 50,000 หยวน ค่าคอมมิชชัน 0.5 เปอร์เซ็นต์จะเท่ากับ 250 หยวน นี่มันเทียบเท่ากับเงินเดือนพนักงานทั่วไปสองเดือนครึ่งเลยทีเดียว
หากขายบ้านได้หนึ่งหลังต่อเดือนจะได้รับเงิน 500 หยวน นี่ยังไม่รวมเงินเดือนประจำที่พึงมีอีกด้วย นับว่าเป็นรายได้ที่สูงมาก
หลินม่ายพูดต่อ “ต้องมีผู้ที่อยากได้รับค่าคอมมิชชันแน่นอน ราคาขั้นต่ำของการขายห้องบนสำนักงานคือ 200,000 หยวน ถ้าหากขายได้หนึ่งห้องจะได้รับค่าคอมมิชชัน 2,000 หยวน สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นของพนักงานขาย”
โม่เจี้ยนอันฟื้นคืนจากความตื่นตระหนกแล้ว
ในที่สุดหลินม่ายหันไปถามถึงความคืบหน้าของฟาร์มเพาะปลูกและฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์
เจิ้งซวี่ตงบอกกล่าวกับเธอว่าทั้งฟาร์มสัตว์และฟาร์มการเพาะปลูกได้เริ่มดำเนินการแล้ว
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น หลินม่ายขับรถไปที่ฉวินกวงพลาซ่า
บริเวณทางเข้าถนนของที่แถบนี้ไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เลยในรัศมีร้อยลี้
มีเพียงผู้คนในท้องถิ่น อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่จะเดินออกมาช็อปปิ้งที่ฮั่นโขวหรือซือเหมินโข่ว
ปัจจุบันเมื่อฉวินกวงพลาซ่าก่อตั้งขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงแห่กันมาอย่างล้นหลาม
ฉวินกวงพลาซ่าเปิดทำการในวันชาติ เวลานี้ลูกค้าของพวกเขาเยอะมาก และธุรกิจก็ยังเฟื่องฟูถึงขีดสุด
หลินม่ายนั่งมองลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามาภายในอย่างล้นหลามอยู่ตรงทางเข้าของฉวินกวงพลาซ่า เธอเงยหน้าขึ้นมองส่วนของห้องชุดบนตึกสูงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ความจริงแล้วพวกเขายังหวาดกลัวว่ากระเบื้องหรือปูนจะร่วงหล่นลงมาระหว่างการก่อสร้าง เวลานี้ฝ่ายก่อสร้างกางตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อปิดกั้นหินดินทรายเหล่านั้น ทว่ามันก็ยังดูอันตรายมากอยู่ดี
ด้วยเหตุผลนี้ฝ่ายกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจึงไม่สามารถอนุมัติให้เปิดธุรกิจได้ แต่ฉวินกวงพลาซ่ากลับฝ่าฝืน
เห็นชัดว่ากระทรวงนี้ได้รับซองแดงจากฉวินกวงพลาซ่าไม่น้อย ดูเหมือนเจ้าหน้าที่คนนั้นจะมีความกล้าหาญมากแล้ว
หลินม่ายกลับมาที่ปักกิ่ง เธอเริ่มให้จินฉี่คังเริ่มกระบวนการควบคุมความคิดของประชาชน และกำจัดผลกระทบด้านลบของข่าวลือในซิงกวงพลาซ่าของตน
ขณะเดียวกัน จินฉี่คังก็ทำการเปิดแบรนด์ของตัวเองบนชั้นหนึ่งของซิงกวงพลาซ่า ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือต่าง ๆ เช่น ร้านเปาห่าวชือเสี่ยวชือเตี้ยน เหรินเจียนเยียนหั่ว และร้านหลู่ไช่
และด้วยความนิยมของร้านทั้งสามในเครือแห่งนี้ พวกเขาจึงส่งพนักงานขายไปติดต่อกับแบรนด์ดังที่ผู้บริโภคเองก็ชื่นชอบเช่นกัน ทั้งหมดเข้ามาตั้งรกรากภายในซิงกวงพลาซ่าด้วยการฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า
แบรนด์ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นประกอบด้วย แบรนด์ของรัฐ แบรนด์ฮ่องกง และไต้หวัน อีกทั้งยังมีสินค้าจากต่างประเทศด้วย
เจ้าของแบรนด์เหล่านั้นล้วนแต่ตื่นเต้นและรู้สึกแปลกใจมาก พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีนักธุรกิจคนไหนที่จะยินยอมให้เข้าไปใช้พื้นที่ฟรี ๆ
หลินม่ายเคยใช้เคล็ดลับนี้ในการขายสินค้าประเภทเสื้อผ้ามาก่อน เวลานั้นเรียกว่าเป็นการลองเชิงธุรกิจ และหลังจากนั้นมันจะถูกนำมาใช้จริงหลังจากปรับกลยุทธ์
แบรนด์ดังบางแบรนด์พยายามเจรจากับฉวินกวงพลาซ่าเพื่อขอเข้าสู่พื้นที่
แต่เวลานี้ซิงกวงพลาซ่าเริ่มขยายสาขาและไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และแบรนด์ดังส่วนใหญ่จึงถูกล่อลวงด้วยเหตุผลนี้
แม้ว่าในใจจะยังหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยินดีย้ายเข้าทันที
เว้นแต่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่มีชื่อเสียงและทำเลยอดเยี่ยม ทางแบรนด์จึงจะจัดหาและขวนขวายเข้าไปด้วยตัวเอง
ในทางกลับกัน ไม่ต้องกล่าวถึงห้างสรรพสินค้าที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า พวกเขาจะไม่ไปที่นั่นแม้ว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงินให้ก็ตาม เพราะกังวลว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์จะย่ำแย่ลง
ผู้บริหารระดับสูงเหล่านั้นเป็นบุคคลที่ชื่นชอบแผ่นดินใหญ่ และได้มาเยี่ยมชมสถานที่ภายในอาคารซิงกวงพลาซ่าเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการตกแต่งภายนอกก็ดูหรูหรามีระดับมาก
ร้านอาหารทั้งสามแห่งของร้านเปาห่าวชือมีผู้คนหนาแน่น การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ร้านอาหารเก้าในสิบที่ติดต่อไปยินดีที่จะเข้าร่วมด้วย
แม้ว่าซิงกวงพลาซ่าจะเปิดให้บริการแล้ว แต่หนึ่งในสามของพื้นที่แห่งนี้ยังคงว่างเปล่า และรอการจับจ้องทางธุรกิจต่อไป
เมื่อพวกเขาบุกไปพูดคุยกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง แบรนด์ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจึงหยุดพูดคุยกับพวกเขาทันที
คุณหวงจากฉวินกวงพลาซ่าส่งคนมาตรวจสอบ ไม่นานพวกเขาก็ทราบว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่เซ็นสัญญากับซิงกวงพลาซ่าเรียบร้อยแล้ว เขาโกรธมากและถึงกับดุด่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่กล้าบอกกล่าวตั้งแต่แรก
เขาไม่คิดเลยว่าผู้นำของซิงกวงพลาซ่าจะใจกล้าถึงกับยอมปล่อยให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาใช้บริการโดยฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า
สุดท้ายแล้ว คุณหวงก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใจกล้า แต่เพราะพวกเขามีแผนการต่างหาก
การที่มีแบรนด์มากชื่อเสียงมาตั้งรกรากกว่าหนึ่งโหล แน่นอนว่ามันจะดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากได้ง่ายดาย
แบรนด์ใหญ่ ๆ เหล่านั้นเลือกซิงกวงพลาซ่ามากกว่าฉวินกวงพลาซ่า โดยบอกว่าซิงกวงพลาซ่าดีกว่าในทุกด้าน
จากความยากลำบากในช่วงแรกของการดึงดูดนักลงทุน ตอนนี้การจะเข้าร่วมกับซิงกวงพลาซ่าก็กลายเป็นเรื่องยาก และค่าธรรมเนียมแรกเข้าก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย สิ่งนี้จะสามารถชดเชยช่วงที่ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การฟื้นคืนชีพของซิงกวงพลาซ่าทำให้คุณหวงถึงกับหดหู่ใจมาก
เรื่องดีไม่มาคู่ เรื่องเลวไม่มาเดี่ยว
แต่ในระหว่างก่อสร้าง อิฐก้อนหนึ่งได้ร่วงหล่นลงมาจากที่สูง และหล่นใส่แท็กซี่ด้านล่างจนบี้บุบไปทั้งคัน
โชคดีที่เวลานั้นไม่มีใครอยู่ในรถจึงไม่ถือว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถเดินรอบ ๆ ฉวินกวงพลาซ่าได้อีก
ถึงอย่างนั้น คุณหวงเองก็ยังคงประหลาดใจ
เพราะคนขับแท็กซี่ไม่ใช่คนดี เขาคือสิงโตปากกว้างอย่างเห็นได้ชัด เขาขอเงินชดใช้จำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวหลุดไปถึงสื่อ
ไม่อย่างนั้นฉวินกวงพลาซ่าจะต้องถูกปรับมหาศาลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังต้องปิดกิจการเพื่อปรับปรุงสถานที่ให้สมบูรณ์ก่อน และเมื่อถึงเวลานั้นจะเรียกว่าสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
แม้จะรอดมาได้อย่างโชคดี แต่คุณหวงก็ไม่มีความสุขเลย
ยอดขายห้องชุดในสำนักงานของซิงกวงพลาซ่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลานี้เขาแทบจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธา
หลินม่ายอยู่ในเมืองหลวงได้รับข่าวดีจากโม่เจี้ยนอัน
แน่นอนว่าภายใต้รางวัลยิ่งใหญ่จากค่าคอมมิชชันการขายที่ถูกเพิ่มขึ้น ทำให้พนักงานขายทุกคนรีดเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างล้นหลาม ยอดขายของบริษัทจึงพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนที่ไม่เคยมียอดขาย แต่เวลานี้กลับขายห้องชุดได้หนึ่งถึงสองห้อง
ผู้ที่สามารถขายได้หนึ่งถึงสองห้องก่อนหน้า ตอนนี้สามารถขายได้สี่ถึงห้าห้องแล้ว
แน่นอนว่ายังมีพนักงานขายที่ยังไม่สามารถทำยอดได้
ชะตากรรมสุดท้ายของพนักงานขายเหล่านี้จะถูกกำจัดออกจากบริษัท แน่นอนว่าไม่มีบริษัทไหนอยากจะเก็บขยะไว้ภายใน
แม้ยอดขายของห้องสำนักงานภายในซิงกวงพลาซ่าจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลินม่ายก็ยังไม่พอใจนัก
อาคารสำนักงานมีทั้งหมด 18 ชั้น และมีหลายยูนิต หากจะขายให้หมดนี้คงจะต้องใช้เวลาหลายปี
เธอพูดคุยกับโม่เจี้ยนอันเพื่อเสนอแผนการขายแบบผ่อนชำระ
สิ่งนี้ทำให้โม่เจี้ยนอันและพนักงานขายของเขาเข้าไปพูดคุยกับธนาคาร
ครึ่งเดือนต่อมา พนักงานขายสามารถทำได้ พวกเขาเชิญชวนธนาคาร ICBC ในเจียงเฉิงเพื่อเปิดธรุกิจการซื้อบ้านแบบผ่อนชำระ
หลินม่ายขอให้เจิ้งซวี่ตงตอบแทนพนักงานขายคนนั้น 50,000 หยวน และเลื่อนตำแหน่งให้เขาขึ้นสู่รองประธานของว่านทงกรุ๊ปเจียงเฉิง
การผ่อนชำระนี้จะทำให้การขายยิ่งทรงพลังมากขึ้น ห้องชุดภายในซิงกวงพลาซ่าจะยิ่งขายดิบขายดี
ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ เริ่มเรียนรู้ว่าผู้ที่สามารถกู้ยืมเงินได้จะไม่ใช้เงินของตัวเอง
การผ่อนชำระเป็นที่นิยมในต่างประเทศนานแล้ว แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในแผ่นดินใหญ่อย่างจีน
คุณหวงไม่ได้คาดหวังที่จะดำเนินการกับธนาคารเพื่อหารือเกี่ยวกับการผ่อนชำระ
ตอนนี้ซิงกวงพลาซ่าบุกเบิกสิ่งนี้เป็นแห่งแรก และทำให้เขาแทบจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
หลินม่ายจดจำได้ว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในปี 1996 เข้าสู่แผ่นดินใหญ่และเปิดตัวการซื้อขายแบบผ่อนชำระ เขากลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนทันที
บุคคลที่ร่ำรวยผู้นั้นยืมเงินจากธนาคารแห่งชาติ และกว้านซื้อที่ดินในประเทศ ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของประเทศโกงกินประเทศแห่งนี้ ซึ่งหลินม่ายปฏิเสธเด็ดขาดว่าจะไม่ทำเช่นนี้เป็นอันขาด
แม้จะกล่าวถึงการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่มีธุรกิจใดปราศจากการทรยศ
แต่นักธุรกิจเองก็ควรได้รับกำไรอย่างสุจริต ไม่ควรคดโกงประเทศจนร่ำรวยเป็นหลักแสนล้านเช่นนั้น
เวลานี้เธอกลับมาเกิดใหม่แล้ว วิธีการผ่อนชำระที่เคยปรากฏในปี 1995 จึงเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าเดิมหลายปี
หลินม่ายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบแบบโดมิโน่อยู่มาก เพราะชายร่ำรวยผู้นั้นเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์บนแผ่นดินใหญ่ก่อนกำหนดเสียอีก
เวลานี้เธอต้องบอกกล่าวให้ผู้อาวุโสจับตามองสิ่งต่าง ๆ ให้ดีเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ในชีวิตก่อนหน้าซ้ำรอย
และสิ่งนี้ทำให้คุณปู่ฟางต้องกล่าวเตือนเบื้องบน
แต่ปัญหาคือครั้งสุดท้ายหลังจากที่พระหวยอันให้พรกับคุณปู่ฟาง เขาถึงกับอาเจียนเป็นเลือด และเรื่องราวทั้งหมดก็แปลกประหลาดมากเกินไป
หลินม่ายลอบถามเสี่ยวเหวินถึงเหตุผลเหล่านั้น แม้เสี่ยวเหวินเองจะไม่รู้แน่ชัดแต่เขาก็ได้ยินคำว่า “เปิดเผยความลับสวรรค์”
คุณปู่ฟางป่วยถึงสองครั้ง ทั้งหมดนี้มันเกี่ยวข้องกับการที่เธอบอกกล่าวให้คุณปู่ฟางทราบถึงวิกฤติที่กำลังจะเกิด
หลินม่ายรู้สึกได้ว่าเธอคือคนที่เปิดเผยความลับของสวรรค์ และมันทำให้คุณปู่ฟางต้องเจ็บป่วยจนสุขภาพย่ำแย่
เวลานี้ต้องขอบคุณพรจากพระห้วยอัน ในที่สุดร่างกายของคุณปู่ฟางก็กลับมาดีดังเดิม
แต่ถ้าหากยืมมือของคุณปู่ฟางมาถ่ายทอดความลับอีกครั้ง คุณปู่ฟางจะป่วยอีกหรือไม่? เขาจะมีสุขภาพที่แย่ลงอีกครั้งไหม?
อีกด้านหนึ่งคือความมั่นคงของประเทศ อีกด้านหนึ่งคือความปลอดภัยของคุณปู่ฟาง หลินม่ายกังวลมากและมักจะคิดเรื่องนี้จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ใจของเธอลอยไปมาเสมอ
ทุกคนในครอบครัวเริ่มเห็นถึงความผิดปกติของเธอแล้ว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางบอกกล่าวให้ฟางจั๋วหรานสอบถามหลินม่ายว่ามีปัญหาอะไรติดขัดหรือไม่
หลินม่ายตอบกลับลวก ๆ ว่ากำลังพิจารณานักศึกษา 30 คนไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
แต่สุดท้ายคุณปู่ฟางไม่เชื่อ เขารู้สึกว่าหลินม่ายทราบบางอย่างและอยากจะบอกเขา แต่กลัวว่าจะมีผลต่อสุขภาพของเขา
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว คุณปู่ฟางเรียกหลินม่ายไปที่ห้องทำงานพร้อมกล่าวเข้าประเด็นทันที
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอสามารถทำนายอนาคตได้ใช่ไหม? เธอเห็นอะไรที่มันเป็นภัยต่อประเทศหรือเปล่า?”
หลินม่ายตระหนักได้ชัดเจนแล้วว่าคุณปู่ฟางทราบถึงความลับของตน แต่เขาไม่รู้ว่าเธอกลับชาติมาเกิด ถึงอย่างไรเธอก็ยังตื่นตระหนกไม่น้อย
คุณปู่ฟางยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับเธอ “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ทรยศเธอแน่นอน”
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขากล่าวเสริมว่า “พวกเราทุกคนในครอบครัวจะปกป้องเธอ”
หลินม่ายลังเล และกำลังจะพูดบางอย่าง เวลานี้คุณย่าฟางเคาะประตูก่อนจะเข้ามาพร้อมกับหลวงจีนหนุ่ม คุณปู่ฟางพูดขึ้นว่า “เขามาจากวัดเป่าทง ดูเหมือนว่าจะมีจดหมายมาส่งให้กับพวกเรา”
หลวงจีนหนุ่มหยิบจดหมายออกมาส่งมอบให้กับคุณปู่ฟาง
คุณปู่ฟางยิ้มก่อนจะถามว่า “เจ้าอาวาสของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลวงจีนหนุ่มตอบกลับเพียงว่า “สบายดี” แล้วจากไป
คุณปู่ฟางหยิบจดหมายออกมา
หลินม่ายยืดลำคอเพื่อจะอ่านดู แต่เห็นว่าไม่มีอักษรใดเขียนมามากนัก มีเพียงภาษาจีนหวัด ๆ ไม่กี่บรรทัด
แปลเป็นภาษาพูดว่า อย่าเปิดเผยความลับแห่งสวรรค์อีก ไม่อย่างนั้นคุณจะตายและไม่มีใครสามารถต่อสู้กับสวรรค์เพื่อช่วยเหลือคุณได้
ในใจที่เคยลังเลของหลินม่ายถูกบีบรัดโดยสมบูรณ์
เธอเป็นเพียงคนธรรมดา และรักบ้านเกิด รักคุณปู่ฟาง ยิ่งกว่านั้นเธอคิดว่าจะหาแผนการอื่นเพื่อพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคต
เธอยิ้มกับคุณปู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณปู่คะ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ” เธอกำลังจะเดินออกไป
คุณปู่ฟางพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ถ้าเพื่อประโยชน์ของประเทศ ต่อให้ชีวิตสั้นลงฉันก็ยอม ต่อให้ตายฉันก็ยอม เข้าใจไหม?”
คุณย่าฟางยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ม่ายจื่อ บอกฉันมาเถอะ ไม่ต้องห่วงปู่ฟางหรอก ฉันจะอยู่กับเขาตลอดไป”
หลินม่ายและชายชรามองหน้ากันอยู่นานเนิ่น เวลานี้ความมุ่งมั่นในแววตาของเขาชัดเจนจนหลินม่ายอ่อนใจ “คุณปู่คะ สองสามวันมานี้ฉันฝันแปลก ๆ ฉันกังวลว่าถ้าความฝันนี้เป็นเรื่องจริง ประเทศชาติของเราจะสูญเสียอย่างหนัก!”
เพราะคุณปู่ฟางคิดว่าเธอสามารถพยากรณ์อนาคตได้ เธอจึงค้องสร้างเรื่องว่าตนเองฝัน เพื่อให้ทุกอย่างมันเบาบางลง
คุณปู่ฟางกล่าวเคร่งขรึม “บอกฉันมาสิว่าเธอฝันถึงอะไร เรื่องอะไรกันที่ทำเธอกังวลได้มากขนาดนั้น”
หลินม่ายพูดต่อ “ฉันฝันว่ามีบริษัทอสังหาเล็ก ๆ แห่งหนึ่งกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อซื้อที่ดินราคาถูกในเจียงเฉิง ณ ปัจจุบัน ทั้งหมดคือสถานที่สำคัญจำนวนมากในเจียงเฉิง บริษัทอสังหาริมทรัพย์เล็ก ๆ นี้ไม่ได้ใช้มันเพื่อสร้างบ้านเท่านั้น พวกเขากักตุนที่ดินเอาไว้ และจะขายมันในอีกยี่สิบปีข้างหน้า ทำให้พวกเขาได้รับรายได้กว่าหมื่นล้าน สิ่งสำคัญคือพวกเขาไม่ได้ใช้เงินเลย และไม่ได้จัดจ้างงานในเจียงเฉิงเพิ่มด้วย ทันทีที่ซื้อขายที่ดินเหล่านั้น พวกเขากลับได้รับเงินตอบแทนมากมาย”
ใบหน้าของคุณปู่ฟางมืดสนิทจนแทบจะดำเป็นก้นหม้อ เช้าวันรุ่งขึ้นเขาออกไปข้างนอก และวันถัดมาเขาก็ล้มป่วยอย่างหนัก
ผลการตรวจของแพทย์พบว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ แล้วมันยังรุนแรงกว่าคราวที่แล้วด้วย
หมอเอาแต่พร่ำบ่นว่าหลินม่ายเป็นหลานสะใภ้ที่ดูแลคุณปู่ฟางไม่ดี
คุณปู่ฟางไม่ต้องการให้หลินม่ายถูกดุ เวลานี้เขาพูดอย่างอบอุ่นว่า “เพราะฉันเป็นคนแก่ดื้อด้าน ไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามเรื่องอาหารและคำแนะนำของแพทย์ อย่าตำหนิหลานชายกับภรรยาของเขาเลย พวกเขาดูแลฉันดีมาก”
เมื่อผู้บังคับบัญชาทราบว่าคุณปู่ฟางป่วยหนัก พวกเขาจัดเตรียมอาจารย์แพทย์ระดับสูงให้มาทำการรักษาทันที
อาการคราวนี้ไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว มันอันตรายและผ่านไปรวดเร็ว หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณปู่ฟางก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
เวลานี้ ภายในเมืองฮ่องกง นายหลี่ผู้ร่ำรวยที่สุดขมวดคิ้วแน่นหลังจากอ่านเอกสารที่เลขาของเขาส่งให้
เขาวางแผนว่าจะเข้าสู่ตลาดบนแผ่นดินใหญ่ ต้องการที่จะกลายเป็นผู้จับเสือมือเปล่า สร้างโชคลาภให้กับตนเอง
แต่แผ่นดินใหญ่กลับมีกฎหมายออกมาว่าห้ามกักตุนที่ดินโดยเด็ดขาด เช่นนี้แผนการของเขาจึงจำเป็นต้องยกเลิกก่อนที่จะได้ดำเนินการเสียอีก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดิมพันนี้ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก แต่คุณปู่ก็ยอมเสียสละ แง
ไหหม่า(海馬)