แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 993 ผลลัพธ์
ตอนที่ 993 ผลลัพธ์
ตอนที่ 993 ผลลัพธ์
หลินม่ายไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เธอเข้านอนก่อนจะหลับยาวถึงสิบโมงเช้าของวันถัดมา
ฟางจั๋วหรานออกไปทำงานแล้ว เสี่ยวมู่ตงกำลังเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ เธอ
เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เด็กน้อยก็ลุกขึ้นก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “ผมจะไปบอกคุณปู่ทวดว่าหม่าม้าตื่นแล้ว”
หลินม่ายบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลุกอาบน้ำ ขณะที่เธอกำลังจะไปที่ห้องอาหาร เสี่ยวมู่ตงก็กลับมาอีกครั้ง
เขาดึงเธอออกไปด้านนอก “คุณย่าถูทำซุปไก่ไว้ให้หม่าม้าด้วยนะครับ หม่าม้ารีบไปกินตอนที่มันยังร้อนเร็ว”
หลินม่ายดื่มซุปไก่ก่อนจะออกจากบ้าน
เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่มากและเธอต้องสอบสวนสถานการณ์และเตรียมการสำหรับผลที่จะตามมา
เมื่อมาถึงสำนักงานของเจียวอิงจวิ้น เธอก็เห็นว่าเขากำลังจะเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ
หลินม่ายบอกให้เขาขึ้นรถของเธอ แล้วทั้งสองไปเยี่ยมแรงงานต่างถิ่นที่บาดเจ็บด้วยกัน
ระหว่างทาง หลินม่ายถามเจียวอิงจวิ้นว่าจะทำอย่างไรเพื่อความปลอดภัยในอนาคต
เจียวอิงจวิ้นกล่าวโดยไม่ลังเล “รักษาแค่คนงานของเราที่บาดเจ็บก็พอแล้วล่ะครับ”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่พอหรอก ระหว่างที่เขารักษาตัวในโรงพยาบาล พวกเขาจะได้รับค่าจ้างตามปกติ เพราะพวกเขาบาดเจ็บจากการทำงาน”
เจียวอิงจวิ้นพยักหน้า
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล หลินม่ายเห็นผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บกำลังกินเกี๊ยวชามใหญ่
มีซาลาเปาหมูชิ้นใหญ่สองชิ้นบนโต๊ะของทุกคน และอาหารก็ดูดีมาก
หลินม่ายถามเจียวอิงจวิ้นว่า “คุณจัดการเรื่องนี้เหรอ?”
เจียวอิงจวิ้นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ผมหรอก ผมไม่ใช่ผู้หญิงจะไปทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ผมไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าต้องเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขา”
หลินม่ายถึงกับสับสน “แล้วใครจัดการเรื่องนี้?”
หลินม่ายลอบประหลาดใจเล็กน้อย
เธอคิดว่ารัฐบาลเพียงแค่สำรองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาแรงงานต่างถิ่นพวกนี้เท่านั้น แต่เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะมีการจัดเตรียมอาหารให้ด้วย และจัดได้ดีมากจริง ๆ
ผู้นำปีนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายมาเยี่ยมด้วยตัวเอง แรงงานต่างถิ่นของว่านทงกรุ๊ปทั้งหมดยิ่งตื่นเต้น
พวกเขาทั้งหมดพูดเพียงว่าตราบใดที่หายจากอาการบาดเจ็บแล้ว พวกเขาจะกลับไปทำงาน
หลินม่ายยิ้มก่อนจะตอบว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อจะแจ้งให้พวกคุณทราบว่าพักผ่อนให้หายดีเถอะค่ะ ในช่วงพักฟื้นพวกคุณจะได้รับค่าจ้างเหมือนเดิม ไม่ต้องเร่งรีบที่จะกลับไปทำงานหรอก”
สาเหตุที่แรงงานพวกนั้นอยากจะกลับไปทำงานให้เร็วที่สุดเพราะพวกเขารู้ว่าไซต์งานก่อสร้างจะขาดกำลังคน
หากพักนานกว่านี้จะมีคนเข้ามาทำงานแทน หลังจากหายบาดเจ็บแล้วงานของพวกเขาจะหายไป
อีกทั้งกังวลว่าตนจะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างไรหากไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงพักฟื้น?
หลังได้ยินว่าจะได้รับเงินเดือนเช่นเดิมแม้อยู่ในช่วงเวลารักษาตัว ทุกคนก็มีความสุขทันที
นี่เป็นวิธีการปฏิบัติต่อพนักงานประจำของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น แต่ว่าคราวนี้แรงงานต่างถิ่นกลับได้รับผลประโยชน์นี้ด้วยเช่นกัน!
แต่ก็ยังมีแรงงานต่างถิ่นอีกคนที่ดูไม่ค่อยมีความสุขนัก
หลินม่ายเดินเข้ามาถามเขาแผ่วเบา “ถ้ามีปัญหาอะไรคุณบอกฉันได้โดยตรงเลยนะคะ”
ชายวัยเกือบสามสิบมองเธอด้วยสายตาที่ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้คล้ายจะร้องไห้ “หมอบอกว่าขาของผมหัก อาจจะมีสิทธิ์เป็นคนพิการ ถ้าผมกลายเป็นคนพิการ บริษัทก็คงไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม?”
หลินม่ายกล่าวปลอบใจ “ฉันถามแพทย์ที่ดูแลคุณแล้ว และแพทย์ที่ดูแลก็บอกไว้ว่าอาจจะพิการก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะพิการนี่ เรามารักษากันก่อนดีกว่า ต่อให้คุณพิการจริง ๆ แต่ถ้ายังทำงานได้ บริษัทจะจ้างคุณต่อแน่นอน แต่ถ้าคุณทำงานไม่ได้ บริษัทจะชดเชยให้กับคุณอย่างถึงที่สุด สุดท้ายแล้วอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้เกิดเพราะตัวคุณเอง และคุณไม่ควรพบเจอมัน”
แรงงานต่างถิ่นกล่าวขอบคุณพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้าง
หลังจากได้ยินคำมั่นสัญญาจากหลินม่ายแล้ว แรงงานคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
หลินม่ายถามแรงงานเหล่านั้นว่าต้องการให้ญาติมาเยี่ยมหรือไม่ โดยบริษัทจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
รอดพ้นจากความตายมาแล้ว ใครจะไม่อยากพบเจอญาติพี่น้อง?
แรงงานต่างถิ่นรายหนึ่งยกมือขึ้น และคนอื่น ๆ ก็เริ่มยกมือตาม
หลินม่ายยกเรื่องนี้ให้เจียวอิงจวิ้นจัดการ
นอกจากนี้เธอยังสั่งให้เจียวอิงจวิ้นมอบโบนัส 50 หยวนให้กับแรงงานต่างถิ่นทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ และให้พวกเขาหยุดงานได้หนึ่งวัน
เจียวอิงจวิ้นลังเลครู่หนึ่ง “ให้โบนัส 50 หยวนยังพอทำได้ แต่ถ้าให้พนักงานทุกคนหยุดหนึ่งวัน มันจะส่งผลต่อความคืบหน้ามากเกินไปนะครับ”
หลินม่ายโบกมือ “ไม่ว่าหยุดหนึ่งวันมันจะส่งผลต่อความคืบหน้าแค่ไหน ฉันก็ไม่สนใจหรอก”
เจียวอิงจวิ้นหุบปากสนิท
หลินม่ายสั่งให้เขาลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับในเมืองหลวงเพื่อแสดงความขอบคุณพลเมืองดี เจ้าหน้าที่กู้ภัย รัฐบาล และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือด้านน้ำดื่ม อาหารการกิน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เมื่อวานนี้
หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดี แรงงานต่างถิ่นทั้งกลุ่มที่ถูกฝังไว้ใต้ดินก็คงไม่ได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตกลับออกมา
เมื่อโฆษณาขอบคุณนี้ลงหนังสือพิมพ์ มันก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกฝ่าย
ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพบอกกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าหลินม่ายผู้นำของว่านทงกรุ๊ปเป็นผู้นำที่รู้จักขอบคุณผู้อื่น
หลินม่ายไม่เพียงแต่ได้โฆษณาบริษัทตัวเองเท่านั้น แต่ยังถูกกล่าวถึงแบบปากต่อปาก เท่ากับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
ไม่กี่วันต่อมา มีการประกาศสาเหตุของการถล่มลงของสถานีรถไฟใต้ดินหมายเลข 2 ที่กำลังก่อสร้าง
เป็นผู้รับเหมารายย่อย 3 รายที่ทำงานถัดไปจากกลุ่มว่านทงกรุ๊ป พวกเขาทำการก่อสร้างผิดกฏหมายจนทำให้เกิดดินถล่ม
โชคดีที่ก้อนหินที่ถล่มลงมามีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก แม้เหล่าคนงานจะถูกฝังทั้งเป็น แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างก้อนหินอยู่บ้าง ทำให้ผู้ที่ถูกฝังไม่ขาดออกซิเจน
หากเป็นทราย แม้จะเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด แต่ก็อาจจะต้องสูญเสียแรงงานไปสองถึงสามคนแน่นอน
นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
ผู้รับเหมารายย่อยทั้งสามรายถูกตำรวจจับกุมแล้ว
หลินม่ายเองก็รู้สึกชื่นชมจิตวิทยาของผู้รับเหมารายย่อยทั้งสามคนนั้น
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอุบัติเหตุเกิดจากการก่อสร้างที่ผิดมาตรฐาน แต่ทันทีที่อยู่ต่อหน้าเธอ พวกเขาก็โยนความผิดให้กับผู้อาวุโสเจิ้งทันที
ไม่กี่วันต่อมา ญาติของแรงงานต่างถิ่นที่บาดเจ็บเข้ามาเยี่ยม
หลินม่ายมาพบพวกเขาก่อนจะแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ
ญาติส่วนใหญ่ที่มาเยี่ยมเป็นภรรยา ไม่ก็มารดา
คนงานต่างถิ่นที่ขาหักชื่อหวังจวิน และภรรยาของเขาชื่อหลานเซียง
เมื่อหลานเซียงเห็นว่าคนอื่น ๆ ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเท่ากับสามีของตน หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจแม้แต่น้อย แต่กลับรังเกียจขึ้นมา
หล่อนเอาแต่คิดกังวลเรื่องนี้โดยดุด่าหวังจวินว่าโง่เขลา เมื่อเขาบาดเจ็บจนพิการอย่างนี้เขาจะไม่สามารถทำงานหาเงินได้อีกในอนาคต
หล่อนต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว รวมถึงเลี้ยงดูเขาด้วย นับว่าเป็นโชคร้ายไปตลอดแปดแสนชาติ
หลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว หลินม่ายก็รู้สึกว่ามีก้อนอัดแน่นอยู่ในลำคอแต่ไม่สามารถอาเจียนออกมาได้
เธอหันไปถามหลานเซียง “แล้วใครเป็นคนกำหนดว่าผู้ชายจะต้องเลี้ยงดูครอบครัวเหรอคะ?”
หลานเซียงตอบกลับอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องให้ใครกำหนด มันสมเหตุสมผลแล้ว”
หลินม่ายถามภรรยาของแรงงานต่างถิ่นคนอื่น ๆ “หล่อนพูดถูกไหมคะ?”
ทุกคนตอบกลับ “ถูกกับผีน่ะสิ! ที่หล่อนพูดมามันไร้สาระทั้งเพ! ในครอบครัวของพวกเราทั้งสามีและภรรยาทำงานร่วมกันเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ไม่มีใครไม่สนับสนุนกันและกันหรอก”
หลานเซียงเผยสีหน้าแดงก่ำทันที
หลินม่ายกล่าวเย้ยหยัน “มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะออกไปทำงานหาเงิน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นคนพูดจาเอาแต่ได้และยังมั่นหน้าว่าตัวเองทำถูก คุณเป็นคนที่เอาแต่รับแต่ไม่รู้จักให้ ฉันไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้คุณจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร และคุณจะปฏิบัติกับเขาอย่างไรในอนาคต แต่ในระหว่างที่เขารักษาตัวในโรงพยาบาล ถ้าคุณไม่สามารถดูแลเขาได้ ฉันจะไม่จัดหาที่พักและอาหารสามมื้อให้กับคุณ หวังว่าคงจะเข้าใจ”
เวลานี้ใบหน้าของหลานเซียงดำสนิทราวกับก้นหม้อ แต่ก็ไม่กล้าแข็งกร้าวใส่หลินม่าย ท้ายที่สุดหล่อนเป็นเพียงสาวชาวนา ขณะที่หลินม่ายคือเจ้านายของสามี สถานะของทั้งสองแตกต่างราวฟ้ากับเหว
เมื่อเดินผ่านล็อบบี้ในแผนกผู้ป่วย เธอเห็นชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ คนในชนบทกลุ่มใหญ่กำลังร่ำไห้ด้วยความขมขื่น
ในบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งร่ำไห้อย่างหนักก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้น และมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลคอยปลอบโยนพวกหล่อนอยู่ด้านข้าง
ในกลุ่มนั้นมีเด็กสองสามคนที่ไม่รู้ว่าทำไมผู้ใหญ่จึงต้องร้องไห้ พวกเขาจึงอ้าปากร้องไห้ตามไปด้วย
หลินม่ายชะลอความเร็วเล็กน้อยก่อนจะแอบฟังเสียงที่ผู้คนโดยรอบพูดคุยกัน จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าคนกลุ่มใหญ่นี้เป็นครอบครัวของคนงานต่างถิ่นสองคนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดินถล่ม
ยิ่งเห็นพวกเขาโศกเศร้ามากเท่าใด หลินม่ายยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เธอเข้าหาเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งแล้วถามเสียงแผ่วเบาว่า “ครอบครัวของแรงงานสองคนที่เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยเท่าไหร่เหรอคะ?”
หากว่าพวกเขาได้รับเงินชดเชยมากเพียงพอ เธอจะไม่บริจาคเงินให้อีก
แต่ถ้าน้อยเกินไป เธอจะบริจาคเพิ่มเติม
ในเมื่อเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิต ภรรยาและลูกคงจะต้องลำบากมาก เธอจึงต้องการช่วยเหลือทั้งสองครอบครัวนี้
เจ้าหน้าที่ของรัฐกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ผู้รับเหมารายนั้นเป็นหนี้มากมาย เขามีเพียงเปลือกเปล่า แล้วจะมีเงินมาชดเชยให้กับครอบครัวของเหยื่อได้ยังไง? มีเพียงหน่วยงานมนุษยธรรมของจีนเท่านั้นที่มอบเงินให้พวกเขา 2,000 หยวน”
เจ้าหน้าที่ของรัฐอธิบายอีกครั้ง “แต่สุดท้ายแล้วเหยื่อทั้งสองรายก็ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหน่วยงานมนุษยธรรมของจีน”
หลินม่ายหันมองครอบครัวของคนงานที่เสียชีวิตทั้งสองคน พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เห็นชัดว่าฐานะครอบครัวไม่ได้ดีนัก
เธอออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะถอนเงิน 10,000 หยวนจากธนาคารใกล้ ๆ แล้วกลับมาถามว่าใครเป็นภรรยาของแรงงานต่างชาติสองคนที่เสียชีวิต
หญิงสาวที่ร้องไห้จนเกือบจะหมดสติเงยหน้าขึ้นมองหลินม่ายทั้งน้ำตาก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสับสน “ฉันเองค่ะ”
หลินม่ายมองผู้หญิงสองคนนี้ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเด็กหลายคนในชุดขาดวิ่น และมีผู้หญิงครรภ์แก่คล้ายกำลังจะคลอดคนหนึ่ง
เธอมอบเงิน 5,000 หยวนให้กับแต่ละคน “เอาเงินจำนวนนี้ไปเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ที่บ้านนะคะ น่าจะพอเลี้ยงเด็กสองสามคนได้”
ผู้หญิงทั้งสองคนรับเงินพร้อมกับร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเก่า
หญิงหนึ่งในนั้นมีบุคลิกอ่อนแอ เธอถือเงิน 5,000 หยวนที่หลินม่ายมอบให้ก่อนจะกล่าวพึมพำ “พ่อของลูกตายไปแล้ว ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันจะเลี้ยงเด็กชายสามคน เด็กหญิงสองคนนี้ได้ยังไง ฉันเลี้ยงดูพวกเขาไม่ไหวหรอก ฉันทำไม่ได้…”
พ่อแม่สามีของผู้หญิงคนนี้เห็นใจหล่อนมาก อีกทั้งพวกเขายังสูญเสียลูกชายไปก็เจ็บปวดมากพอแล้ว เวลานี้ยังนั่งลงเพื่อปลอบโยนสะใภ้ “ตาเฒ่ายายเฒ่าเช่นเรายังอยู่ และยังแข็งแรงดี เราจะช่วยเธอเลี้ยงดูเด็ก ๆ พวกนี้เอง หลังจากลูก ๆ โตขึ้น วันที่ยากลำบากก็จะหมดลงเสียที”
ผู้หญิงกอดลูกน้อยทั้งสองคนของตนก่อนจะร้องไห้ออกมา
จู่ ๆ แม่สามีของหญิงมีครรภ์วิ่งเข้าหาหลินม่ายโดยคิดจะจิกเส้นผมของเธอ “นังคนใจดำ! ชีวิตของลูกชายฉันมีค่าแค่ 5,000 หยวนเท่านั้นเหรอ? ถ้าฉันไม่ได้เงินแสน ฉันไม่มีวันยอม!”
หลินม่ายขยับตัวออกก่อนที่นางจะเข้าใกล้
เดิมทีเธออยากจะถีบหญิงชราคนนี้ออกไป แต่ก็กลัวว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายกว่าเดิม
หญิงชราที่พุ่งเข้ามาจึงล้มลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้
ล็อบบี้แผนกผู้ป่วยปูด้วยพื้นหินอ่อน หลังจากหญิงชราล้มลง นางก็สูญเสียฟันหน้าสองซี่ในทันที
หญิงชราโกรธจัด นางตะโกนลั่นพร้อมกับฟันหน้าที่หายไปสองซี่ “แกฆ่าลูกชายของฉัน แกบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้ ตาเฒ่า เจ้ารอง เจ้าสาม จัดการนังผู้รับเหมาไร้มนุษยธรรมคนนี้ให้ฉัน! ถอดเสื้อผ้าของมันออกให้หมด ให้มันต้องอับอายที่เกิดมาเป็นมนุษย์!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ให้ข้าวหนึ่งทะนานถือเป็นน้ำใจ ให้ข้าวหนึ่งกระสอบนับเป็นความแค้นจริงๆ ม่ายจื่อคงคิดว่าตรูไม่น่าบริจาคให้เลย
ไหหม่า(海馬)