แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 992 ไซต์ก่อสร้างถล่ม
ตอนที่ 992 ไซต์ก่อสร้างถล่ม
ตอนที่ 992 ไซต์ก่อสร้างถล่ม
วันรุ่งขึ้น หลินม่ายพาครอบครัวกลับไปยังเมืองเจียงเฉิง
ก่อนออกเดินทาง เสี่ยวมู่ตงชี้ไปยังหวางไฉและบอกว่าต้องการนำมันกลับไปเมืองหลวงด้วย
หลินม่ายบอกว่าทางสายการบินไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง ในยุคสมัยนี้ ยังไม่มีการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นบนเครื่องบิน
หยางฉินเข้าคุกแล้ว และไม่แน่ชัดว่าหล่อนยังต้องการหวางไฉหรือไม่
หลินม่ายบอกกับน้าหวงว่าให้หล่อนพาหวางไฉไปเยี่ยมหยางฉินที่เรือนจำ และถามว่ายังต้องการเจ้าหวางไฉหรือไม่
หากหล่อนยังต้องการหวางไฉอยู่ ครอบครัวของหลินม่ายจะช่วยเลี้ยงดูให้แทน
หยางฉินแสดงสีหน้าเกลียดชัง ทว่าหวางไฉเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
นอกจากนี้หวางไฉยังเป็นสุนัขหมาป่าตัวใหญ่ หากมันกลายเป็นสุนัขจรจัด อาจเป็นอันตรายต่อสังคมในระดับหนึ่ง
แม้มันจะไม่กัด แต่ก็ทำให้ผู้สูงอายุ เด็ก และสตรีมีครรภ์หวาดกลัว
ถ้าหล่อนไม่ต้องการแล้ว ครอบครัวของพวกเขาจะรับเลี้ยงหวางไฉเอง
ณ สนามบิน จู่ ๆ เสี่ยวมู่ตงถามถึงโต้วโต้วว่า “พี่สาวอยู่ไหน?”
เสี่ยวเหวินตอบ “พี่สาวกลับไปบ้านแล้ว”
ตงตงมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสาและถามว่ากลับว่า “บ้านของเราก็เป็นบ้านของพี่สาวไม่ใช่เหรอ?”
เสี่ยวเหวินส่ายหัว “ไม่ใช่แล้ว”
ตงตงถามอีกครั้ง “พี่สาวจะกลับมาไหม?”
“คงไม่กลับ”
ตงตงก้มศีรษะลงด้วยความเศร้า
หลินม่าย ฟางจั๋วหราน และคู่สามีภรรยาอาวุโสต่างพยายามลืมโต้วโต้ว
เมื่อเสี่ยวมู่ตงพูดถึงเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนต่างก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
หลังจากกลับมาเมืองหลวงได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงผู้ข่มขืนเสี่ยวหม่านและทำร้ายเสี่ยวเลี่ยงจนถึงขั้นพิการก็ถูกศาลตัดสินให้จำคุก 10 ปี
ลูกชายสองคนของเขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปี
หลินม่ายทราบถึงคำตัดสินนี้แล้วก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เสี่ยวหม่านและน้องชายต้องทนทุกข์ทรมานจากอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้มาหลายปี ทว่าโทษทัณฑ์ที่พวกสัตว์ร้ายทั้งสามได้รับกลับเบาเกินไป!
แต่จะทำอะไรได้? สุดท้ายชีวิตต้องดำเนินต่อไป
หอสมุดแห่งใหม่ในกรุงปักกิ่งซึ่งสร้างโดยว่านทงกรุ๊ปของหลินม่ายใกล้สร้างเสร็จแล้ว แต่กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ในการตรวจสอบและการยอมรับขั้นสุดท้าย
หลังจากที่กลับมาเมืองหลวง หลินม่ายก็มุ่งความสนใจไปที่ห้องสมุดแห่งใหม่ แต่บางครั้งก็มุ่งไปที่ไซต์ก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายที่ 2
เธอยังต้องไปตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์หลายแห่งของเธอเอง และยังต้องดูแลแผนกอื่น ๆ ของบริษัทด้วย
นอกจากการกินและนอนในทุกวัน เวลาที่เหลือล้วนใช้ไปกับการทำงานทั้งหมด
ในชีวิตก่อน อาชีพการงานของเธอไม่เคยใหญ่โตหรือหลากหลายขนาดนี้มาก่อน และเธอก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นเจ้านายที่ยุ่งขนาดนี้เช่นกัน
หลินม่ายจำได้ว่าชาติที่แล้วตนเคยเห็นตารางงานประจำวันของคนดังทางอินเทอร์เน็ตคนหนึ่งที่ตั้งเป้าหมายขั้นต้นไว้ที่ 100 ล้าน กำหนดการเริ่มตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 22.00 น. โดยมีเวลาส่วนตัวเฉพาะช่วงพักเข้าห้องน้ำเท่านั้น
ต้องบินไปยังหลายเมืองในหนึ่งวัน ไม่ว่าจะเพื่อพบปะกับบุคคลผู้มีอิทธิพลนี้ หรือเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมที่พวกเขาจัดขึ้น
ตอนนั้นเธอยังคิดว่ามันเป็นไปได้ด้วยหรือที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะยุ่งถึงขนาดนี้ แต่ในชีวิตปัจจุบันเธอกลับเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
บ่ายวันนั้น หลินม่ายกลับมาจากสถานที่ก่อสร้างรถไฟใต้ดินสาย 2 ขณะเพิ่งหยิบชามมาเตรียมรับประทานอาหารกลางวัน จู่ ๆ เจียวอิงจวิ้นก็โทรหา โดยบอกว่ามีอุบัติเหตุที่ไซต์ก่อสร้างรถไฟใต้ดินสาย 2 ทำให้คนงานหลายคนถูกฝังเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว
หลินม่ายรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด เธอผละจากอาหารกลางวันและรีบขับรถไปยังที่เกิดเหตุ
ระหว่างทางเธอเกือบประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายครั้งเพราะขาดสมาธิ เป็นเหตุให้เธอถูกคนขับรถคนอื่นไล่ด่าตลอดทาง
เมื่อหลินม่ายไปถึงที่เกิดเหตุ เธอก็ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
บริเวณไซต์ก่อสร้างที่เกิดการถล่มกินอาณาเขตมากกว่า 100 ตารางเมตร หินที่ตกลงมาล้วนกองทับถมสูงเป็นภูเขาลูกย่อมๆ
ผู้นำสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งที่หนึ่งกำลังกำกับการช่วยเหลือ ขณะที่เจียวอิงจวิ้นยืนเคียงข้างด้วยความกังวล
หลินม่ายลงจากรถและวิ่งไปหาเจียวอิงจวิ้น ถามเขาอย่างเคร่งขรึมว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผู้รับเหมารายย่อยทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงต่างเข้ามาล้อมรอบตัวเธอ “ผังการออกแบบของวิศวกรของคุณมีปัญหา ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ขึ้น ผมไม่สนล่ะ หากเกิดอะไรขึ้นกับคนงานของผมที่ถูกฝัง คุณจะต้องชดใช้!”
ผู้รับเหมารายย่อยเหล่านั้นต่างแสดงท่าทางก้าวร้าวราวกับกำลังจะกินเลือดกินเนื้อ
หลินม่ายโต้กลับทันที “การออกแบบของผู้อาวุโสเจิ้งได้รับการตรวจสอบและอนุมัติโดยวิศวกรอาวุโสทั้งหมดของสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งที่หนึ่งแล้ว มันจะผิดพลาดได้อย่างไร! พวกคุณกำลังพยายามใส่ร้ายพวกเรางั้นเหรอ?”
ผู้รับเหมารายย่อยเหล่านั้นยืนยันว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการออกแบบของผู้อาวุโสเจิ้ง
อย่างไรก็ตามบุคคลที่รับผิดชอบการช่วยเหลือจากสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งที่หนึ่งพูดอย่างยุติธรรมว่า “การออกแบบไม่มีข้อผิดพลาด ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือในระหว่างการก่อสร้าง พวกเขาไม่ได้ทำตามพิมพ์เขียวหรือลักไก่ทำลัดขั้นตอน เลยทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
ผู้รับเหมารายเล็กบ่นทันที โดยบอกว่าพวกเขาปฏิบัติตามแบบพิมพ์เขียวอย่างเคร่งครัดและไม่มีการลักไก่ลัดขั้นตอนทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่ใช่ความผิดของพวกเขา
ผู้รับผิดชอบจากสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งที่หนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อีกเดี๋ยวเราจะได้รู้กันหลังจัดการเหตุตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว”
แววตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในสายตาของผู้รับเหมารายย่อยเหล่านั้น
หลินม่ายเห็นว่าพื้นที่ดินถล่มกินบริเวณไม่น้อยเลย แม้จะมีรถขุดหลายคันพยายามจัดการกับพื้นที่ แต่ก็ยังล่าช้ามาก
อีกทั้งยังไม่สามารถเพิ่มจำนวนรถขุดได้ เนื่องจากในอุโมงค์มีพื้นที่จำกัด จึงไม่สามารถรองรับรถขุดเพิ่มได้
หลินม่ายตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยขอให้เจียวอิงจวิ้นโทรหาคนงานต่างถิ่นทั้งหมดของว่านทงกรุ๊ปในเมืองหลวงทันที ต่อให้พวกเขาจะต้องลงมือขุดดินเอง ก็ต้องช่วยเหลือคนงานที่ถูกฝังใต้ดินให้ได้
สถานที่ก่อสร้างทั้งหมดของว่านทงกรุ๊ปได้รับคำสั่งให้ระงับการทำงานทันที ก่อนที่แรงงานทั้งหมดจะรีบตรงมายังบริเวณที่เกิดดินถล่ม
ผู้คนหลายพันคนเร่งรีบขุดดินโดยไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว และอุทิศตนเพื่อช่วยเหลืออย่างเต็มที่
หลังจากนั้นไม่นาน หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหลายหน่วยก็มาถึง โดยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนงานจากบริษัทของหลินม่าย
หลินม่ายเองก็เข้าไปช่วยเหลือ โดยพยายามยกหินออกไปทีละก้อน
คนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงได้รับข่าวสาร พวกเขาจึงมาช่วยในทันที
มีคนปรุงถั่วเขียวต้มแล้วนำมาใส่ถังใหญ่
บางคนซื้อโซดาเย็นหรือไอศกรีมจำนวนมาก เพื่อคลายความร้อนให้กับหน่วยกู้ภัยที่ต่อสู้อยู่แนวหน้า
ผู้นำเมืองยังสั่งให้รถพยาบาลหลายคันเตรียมพร้อมอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
หลังจากนั้นไม่นานผู้บาดเจ็บรายแรกก็ถูกดึงออกมา
แม้ว่าร่างกายผู้บาดเจ็บจะเต็มไปด้วยเลือด แต่เนื่องจากสวมหมวกนิรภัยอยู่ จึงไม่ได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต
ทุกคนรีบพาเขาขึ้นรถพยาบาล
การที่ผู้บาดเจ็บคนแรกได้รับการช่วยเหลือช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจของทุกคนอย่างมาก
จากนั้นคนที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินก็ถูกขุดออกมาทีละคน
จนถึงเที่ยงคืนก็พบคนที่ถูกฝังทั้งหมด
มีจำนวนผู้ประสบภัยทั้งหมด 27 คน 2 คนในนั้นถูกก้อนหินกระแทกที่ศีรษะ โดยที่พวกเขาไม่ได้สวมหมวกนิรภัย เมื่อหน่วยกู้ภัยขุดไปเจอพวกเขา ก็ไม่พบสัญญาณชีพใด ๆ จากทั้งสองอีกแล้ว
ส่วนคนอื่น ๆ ยังมีชีวิตอยู่ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษากันหมด
หลังจากงานช่วยเหลือสิ้นสุดลง หน่วยกู้ภัยของสำนักการก่อสร้างของรัฐแห่งที่หนึ่งได้อพยพออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันเหตุดินถล่มครั้งที่สอง
ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงตอนนี้ ยกเว้นความกระหายน้ำจนทนไม่ไหวและวิ่งไปดื่มน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและคนงานก่อสร้างต่างก็ไม่ได้กินอาหารแม้แต่คำเดียว
ในระหว่างภารกิจช่วยเหลือ พวกเขาไม่รู้สึกหิวหรือเหนื่อยล้าเลย
แต่เมื่อทุกอย่างจบลง ทุกคนก็เหนื่อยล้า หิวโหย และกระหายน้ำ ทันทีที่เดินไปถึงที่ปลอดภัย ทุกคนก็นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงและหายใจหอบหนัก
หลายคนได้ช่วยกันมอบน้ำและอาหารให้กับหน่วยกู้ภัย
หลินม่ายเองก็ได้รับน้ำต้มเย็นหนึ่งขวดในขวดแก้ว และกล่องอาหารกลางวันที่มีลูกชิ้นสี่ความสุขสองลูกใหญ่ ไข่ดาวกรอบ และอาหารจานอร่อยอื่น ๆ
เมื่อมองดูอาหารอันโอชะในกล่องข้าวที่ได้รับ อารมณ์อันหดหู่ของหลินม่ายก็ดีขึ้นเล็กน้อย
เธอคิดในใจ มาตรฐานคุณภาพชีวิตของพลเมืองในเมืองหลวงช่างดีมากเหลือเกิน ถึงขนาดที่พวกเขาสามารถจัดหาอาหารคุณภาพสูงเช่นนี้ได้
เธอดื่มน้ำหมดในคราวเดียวเพื่อดับกระหาย และหันไปหาคนยื่นน้ำและอาหารให้ “ขอบคุณค่ะ”
สิ้นเสียง เธอก็คลี่ยิ้มออกมา “คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
ฟางจั๋วหรานในตอนนี้มีเลือดเปื้อนเต็มเสื้อเชิ้ตขาว
ผู้ได้รับบาดเจ็บล้วนจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที ซึ่งฟางจั๋วหรานมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทุกคน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือด
เขาลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยฝุ่นของหลินม่ายพลางยิ้มบาง “ผมไม่ได้บอกก่อนหน้านี้เหรอว่า ภรรยาของผมอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั่นน่ะ?”
หลินม่ายยิ้มรับด้วยความเหน็ดเหนื่อย และเริ่มกินอาหารเต็มปากเต็มคำ
ฟางจั๋วหรานคอยเตือนเธอให้กินช้าลง
หลินม่ายกินอาหารในกล่องเสร็จภายในไม่กี่คำ เช็ดปากด้วยผ้าเช็ดหน้าของฟางจั๋วหราน จากนั้นเตรียมไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนงานที่ถูกส่งมาจากบริษัทเธอ
ฟางจั๋วหรานชักชวน “นี่ก็ดึกมาแล้ว และคุณเองก็เหนื่อยล้า กลับไปนอนกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะแวะไปเยี่ยมเยียน”
แต่หลินม่ายอธิบายว่า หากเธอไม่ไปเยี่ยมแรงงานเหล่านั้นและแน่ใจถึงอาการบาดเจ็บของพวกเขา คืนนี้เธอคงนอนไม่หลับ
ฟางจั๋วหรานทำได้เพียงติดตามเธอไปด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นก็ขับรถพาหลินม่ายไปยังโรงพยาบาลโหย่วเหอ
ผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกฝังใต้ดินทั้งหมดถูกส่งมายังโรงพยาบาลแห่งนี้
รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเต็มจำนวนเป็นการชั่วคราว
เมื่อหลินม่ายมาถึงโรงพยาบาล คนงานเกือบทั้งหมดจากบริษัทของเธอได้หลับไปแล้วขณะที่กำลังรับน้ำเกลือทางสายยาง
แรงงานที่ยังตื่นอยู่หลายคนต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นหลินม่ายมา
ไม่มีใครคิดว่าหลินม่ายจะมาเยี่ยมพวกเขากลางดึกเช่นนี้
ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
หลินม่ายยกมือขึ้นจรดปากทำสัญญาณบอกพวกเขาว่าอย่าพูด เพื่อไม่ให้รบกวนแรงงานคนอื่นที่หลับอยู่
หลังจากตรวจดูแรงงานทั้งหมดแล้ว หลินม่ายก็ถามแพทย์ผู้ดูแลอาการของพวกเขา
แพทย์ผู้ดูแลตอบ “แรงงานของคุณที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 15 คน เนื่องจากทุกคนสวมหมวกนิรภัยป้องกันไว้ จึงมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย ต่อให้มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ก็เป็นเพียงการกระทบกระเทือนเล็กน้อยเท่านั้น และจะหายดีหลังจากพักฟื้นระยะหนึ่ง แขนขาส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียง 1 รายเท่านั้นที่มีกระดูกขาหักจากการถูกก้อนหินกระแทก ส่งผลให้กระดูกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีโอกาสทุพพลภาพถาวรได้”
หลินม่ายค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
แม้ว่าจะมีแรงงานจำนวนหนึ่งที่อาจลงเอยด้วยความพิการ แต่การสูญเสียเพียงแขนหรือขาไปก็ถือว่าพวกเขาโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ
หลินม่ายกลับบ้านอย่างเบาใจลง
ขณะที่ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานของแพทย์ที่ดูแลอยู่ คนงานต่างถิ่นสูงอายุในวัยห้าสิบผู้สวมหมวกนิรภัยที่พิมพ์คำว่า “ว่านทงกรุ๊ป” ได้จ้องมองหลินม่ายพลางถามด้วยความระมัดระวัง “คุณใช่คุณหลินไหมครับ?”
หลินม่ายพยักหน้ารับ “ฉันเองค่ะ”
คนงานต่างถิ่นสูงอายุคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับพูดทั้งน้ำตา “คุณหลิน หากไม่ใช่เพราะคุณ ลูกชายของผมคงเสียชีวิตไปแล้ว”
หลินม่ายช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้นและพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ฉันต่างหากที่ทำให้คุณกังวล”
เธอถามแรงงานต่างถิ่นสูงอายุเกี่ยวกับลูกชายของเขาด้วยความห่วงใย
คนงานต่างถิ่นสูงอายุกล่าวว่า “โชคดีมากครับ ขาของเขาถูกหินกระแทกหลายจุด แต่คนจากชนบทแบบเรามีหนังเหนียวเนื้อหนา ภายในครึ่งเดือนก็คงหายดีแล้วล่ะครับ”
หลินม่ายพยักหน้า และบอกแรงงานสูงอายุให้พักผ่อน
อีกฝ่ายมีฝุ่นและดินปกคลุมทั่วทั้งร่าง เขาจะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออย่างมาก แต่เพราะอายุที่มาก เขาคงเหนื่อยล้าไม่น้อย
หลังจากออกจากโรงพยาบาลและขึ้นรถแล้ว หลินม่ายก็ผล็อยหลับไป
ฟางจั๋วหรานขับรถกลับพาเธอกลับบ้าน
น้าถูออกมาเปิดประตูให้เขา
ยกเว้นเสี่ยวมู่ตงที่ทนรอไม่ไหวอีกต่อไปและเผลอหลับไปนานแล้ว คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ยังคงตื่นรอให้ฟางจั๋วหรานพาหลินม่ายกลับบ้าน
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอก พวกเขาทั้งหมดก็ออกมาจากห้องนั่งเล่น
หลังเห็นฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายออกจากรถ หัวใจของทุกคนพลันปั่นป่วน
คุณย่าฟางถามเสียงสั่นเทา “ม่ายจื่อเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับคำเบา “หล่อนไม่เป็นไรครับ แต่คงเหนื่อยเกินไปจนผล็อยหลับ”
ทุกคนต่างเข้ามารุมล้อม
หลังจากได้รับการยืนยันว่าหลินม่ายแค่หลับไป ทุกคนจึงวางใจ
คุณย่าฟางพูด “รีบไปอาบน้ำให้ม่ายจื่อเถอะ จะได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่”
ฟางจั๋วหรานอาบน้ำให้หลินม่ายและตัวเอง จากนั้นไปหาคุณย่าฟางเพื่อรับเสี่ยวมู่ตงมานอนด้วยกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตงตงช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ไร้เดียงสาจนไม่อยากให้รับรู้ถึงเจตนาของโต้วโต้วเลย
โทษเบาไปนะ ไอพวกสัตว์นรกสามตัวนี่มันควรโดนขังลืมไปตลอดชีวิตอะ ถ้าจะปล่อยออกมาก็ควรโดนทำหมันให้สูญพันธุ์ใช้การไม่ได้ ไม่งั้นปล่อยออกมาเดี๋ยวก็ก่อคดีอีก
ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจก่อหายนะใหญ่ก็ได้นะ ไม่งั้นจะมีมาตรการความปลอดภัยในการทำงานออกมาให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดทำไม
ไหหม่า(海馬)