แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 991 พี่สาวน้องชายผู้น่าสงสาร
ตอนที่ 991 พี่สาวน้องชายผู้น่าสงสาร
ตอนที่ 991 พี่สาวน้องชายผู้น่าสงสาร
(TW: การข่มขืนกระทำชำเรา การพรากผู้เยาว์ การทำร้ายร่าง
กาย ความรุนแรงในครอบครัว การใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย การข่มขู่ให้ผู้อื่นยอมทำตามคำสั่ง)
สองวันต่อมา คดีการวางยาของเสี่ยวหม่านก็คืบหน้า
แม้ว่าจะยังตามจับตัวเสี่ยวหม่านไม่ได้ แต่คดีทั้งหมดเกิดความคืบหน้าจากคำสารภาพของหยางฉิน
หยางฉินถูกจับกุมและตัดสินคดีเพราะสามีของหล่อน หล่อนจึงสงสัยว่าหลินม่ายแอบรายงานเรื่องพวกเขา
ดังนั้นหล่อนจึงเกลียดชังหลินม่ายอย่างสุดซึ้ง และต้องการทำลายชื่อเสียงของอีกฝ่าย
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทำลายชื่อเสียงของผู้หญิงคือ การล่วงละเมิดทางเพศอีกฝ่าย
แต่หลินม่ายค่อนข้างระวังตัวในการเข้าออกรถ จึงทำให้อีกฝ่ายแทบไม่มีโอกาส
หยางฉินต้องการติดสินบนผู้คนที่อยู่รอบตัวหลินม่าย และเสี่ยวหม่านก็กลายเป็นเป้าหมายที่เข้าตา
เสี่ยวหม่านไม่มีครอบครัวสุขสันต์อย่างที่เคยอธิบายให้หลินม่ายฟัง
ที่บอกว่าพ่อแม่และพี่ชายรักและหวงแหนหล่อนมาก ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องแต่ง
ความจริงบิดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวหม่านเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อตอนที่หล่อนยังเด็กมาก
เสี่ยวหม่านมีน้องชายคนหนึ่ง ทว่าแม่ของเสี่ยวหม่านไม่ใช่ผู้หญิงที่สามารถทนความยากลำบากได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเลี้ยงลูกสองคน
หล่อนจึงโยนลูกทั้งสองให้กับพ่อแม่สามีเลี้ยง อาศัยอายุที่ยังน้อยและหน้าตาดี หล่อนก็แต่งงานกับหนุ่มชาวเมืองและเป็นแม่บ้าน
ปู่และย่าไม่เคยทำดีต่อเสี่ยวหม่านและน้องชายเลย
เสี่ยวหม่านที่อายุ 13 ปีในเวลานั้นได้ลาออกจากโรงเรียนและพาน้องชายวัย 9 ขวบมาที่เมืองเจียงเฉิงเพื่อหาเลี้ยงชีพ
ในฐานะพี่สาว เพื่อให้หล่อนและน้องชายรอดพ้นไปแต่ละวัน หล่อนยอมทำทุกอย่าง กระทั่งกลายเป็นหัวขโมย และทนทุกข์กับความโหดร้ายในชีวิต
เมื่อหล่อนอายุได้ 16 ปี ครั้งหนึ่งขณะที่เดินตามถนนเพื่อเก็บขยะไปขายกับน้องชาย หล่อนบังเอิญพบแม่กับสามีคนใหม่ ซึ่งต่อมากลายเป็นพ่อเลี้ยงของพวกหล่อน จากนั้นฝันร้ายครั้งใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นในชีวิตสองพี่น้อง
เมื่อพ่อเลี้ยงเห็นเสี่ยวหม่านกำลังเติบโตเบ่งบานเป็นเด็กสาว เขาก็เกิดความคิดชั่วร้าย
เขาเสแสร้งแกล้งทำเป็นเมตตา พูดจาสุภาพอ่อนโยนว่าพ่อเลี้ยงก็เหมือนพ่อคนหนึ่ง และเขาจะเลี้ยงดูเสี่ยวหม่านและน้องชายตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
เสี่ยวหม่านและน้องชายมีความสุขมาก พวกเขายังเด็ก จึงอยากมีครอบครัวที่สุขสันต์ และต้องการใครสักคนที่รักพวกเขาด้วย ดังนั้นสองพี่น้องจึงติดตามพ่อเลี้ยงกลับบ้านด้วยความโง่เขลา
โดยไม่คาดคิด ค่ำคืนนั้นพ่อเลี้ยงทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่ากับเสี่ยวหม่าน
เมื่อเสี่ยวเลี่ยงผู้เป็นน้องชายได้ยินความเคลื่อนไหวดังกล่าว เขาก็วิ่งไปดูด้วยความตกใจกลัว ก่อนเรียกแม่ให้มาช่วยพี่สาวของเขา
แต่แม่กลับมีท่าทางเฉยเมยและบอกว่าเด็กผู้หญิงต้องผ่านเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
เสี่ยวเลี่ยงจึงพยายามเข้าไปช่วยพี่สาวเพียงลำพัง แต่ถูกลูกชายสองคนของพ่อเลี้ยงทุบตีจนกระอักเลือด
พ่อเลี้ยงยังข่มขู่เสี่ยวหม่านด้วยว่า หากหล่อนไม่เชื่อฟัง น้องชายของหล่อนจะถูกทุบตีจนตาย
เสี่ยวหม่านไม่เหลือพลังที่จะต่อต้านแล้ว และการใช้น้องชายมาข่มขู่หล่อนก็ทำให้หล่อนเชื่อฟังมากขึ้น
ที่บ้าน หล่อนไม่เพียงแต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทารุณกรรมเท่านั้น แต่ยังถูกพ่อเลี้ยงบังคับให้ทำงานเป็นสาวนั่งดริ้งค์ใต้ดิน ซึ่งหล่อนได้พัฒนาความสามารถในการดื่มผ่านประสบการณ์ดังกล่าว
หากไม่ใช่เพราะรัฐบาลปราบปรามสถานที่อโคจรใต้ดิน บางทีหล่อนอาจจะยังทำงานเป็นสาวนั่งดริ้งค์อยู่
แม้ว่าเสี่ยวหม่านจะเชื่อฟังอย่างดี แต่น้องชายของหล่อนก็ยังคงถูกทุบตีอยู่บ่อยครั้งและได้รับอาหารไม่เพียงพอ ทำให้เขามีรูปร่างผอมบางและตัวเล็กกว่าคนรอบข้างมาก
เสี่ยวหม่านรู้สึกใจสลายที่เห็นน้องชายในสภาพนี้ ในคืนอันหนาวเหน็บ หล่อนจึงพาเขาหนีออกจากบ้าน
แต่ทันทีที่ออกจากห้อง พวกเขาก็เห็นผู้เป็นแม่ยืนตระหง่าน
พี่น้องคุกเข่าลงพื้นพลางขอร้องผู้เป็นแม่ โดยขอให้หล่อนแกล้งทำเป็นไม่เห็นและปล่อยพวกเขาไป
แม่ให้คำสัญญาอย่างดี และถึงกับเปิดประตูลานบ้านเพื่อปล่อยพวกเขาไปด้วยตัวเอง
แต่พี่น้องทั้งสองคนวิ่งไปได้ไม่ไกลนัก ก่อนถูกพ่อเลี้ยงและลูกชายสองคนของเขาขวางไว้
ต่อให้พวกเขาจะใช้นิ้วเท้าคาดเดา สองพี่น้องก็เดาได้ว่าผู้เป็นแม่เป็นคนทรยศพวกเขา
สองพี่น้องถูกลากไปที่แม่น้ำร้างกลางดึกโดยพ่อและลูกชายอย่างโหดร้าย
เสี่ยวหม่านรู้สึกหวาดกลัว หล่อนคุกเข่าลงคำนับ ขอร้องพ่อเลี้ยงและลูกชายทั้งสองให้ปล่อยน้องชายของหล่อนไป โดยแลกกับการผลักหล่อนให้จมน้ำเสียชีวิตคนเดียว
แต่น้องชายปฏิเสธ และขอให้พ่อเลี้ยงปล่อยพี่สาวไป โดยแลกกับการที่เขาถูกผลักลงแม่น้ำ
พ่อเลี้ยงไม่ได้ตั้งใจจะผลักพี่น้องลงแม่น้ำเพื่อให้อาหารปลา แต่เพียงเพื่อทำให้พวกเขาหวาดกลัว
เขาตั้งใจจะใช้เสี่ยวหม่านเป็นแหล่งเงิน แต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้และคิดจะหลบหนีอยู่เสมอ เขาจึงเก็บน้องชายที่รักของหล่อนไว้ใกล้ ๆ เพื่อใช้ในการควบคุมหญิงสาวไว้ในกำมือ
พ่อเลี้ยงและลูกชายช่วยกันหักขาน้องชายต่อหน้าเสี่ยวหม่าน ทำให้เขากลายเป็นคนพิการตั้งแต่อายุยังน้อย
เสี่ยวหม่านร้องไห้จนน้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด
สามพ่อเลี้ยงและลูกชายไม่ต่างจากสัตว์ร้าย พวกเขาไม่แสดงความเมตตา แต่ยังทำให้หล่อนต้องอับอายอีกด้วย
พ่อเลี้ยงยังขู่หล่อนด้วยว่า หากหล่อนกล้าหนีอีกครั้ง เขาจะโยนน้องชายของหล่อนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา
เสี่ยวหม่านไม่กล้าหนีอีกต่อไป
หล่อนไม่กลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าและถูกทุบตีจนตาย แต่กลัวว่าน้องชายของหล่อนจะถูกโยนลงแม่น้ำเพื่อเป็นอาหารปลา
เขายังเด็กมาก และยังไม่เคยพบเจอกับประสบการณ์ดี ๆ ในชีวิตเลย
หล่อนยังคงมีความหวังอันเลือนรางอยู่ในใจ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งน้องชายของตนจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ แม้มันจะเป็นแค่วันเดียวก็ตาม
อู๋เจิ้นหัวสามีของหยางฉินเคยเป็นลูกค้าของเสี่ยวหม่าน และรู้ถึงสถานการณ์ในครอบครัวหล่อนเล็กน้อย
เมื่อพบกับเสี่ยวหม่าน หยางฉินบอกหล่อนว่าสิ่งที่ต้องทำคือวางยาหลินม่าย เพื่อทำให้หล่อนหมดสติ
หยางฉินสามารถช่วยเหลือพี่น้องทั้งสองคนได้โดยการมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขา เพื่อให้พวกเขาหนีไปใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลที่อื่น
แต่ถ้าเสี่ยวหม่านไม่ทำ หยางฉินจะบอกพ่อเลี้ยงให้ฆ่าน้องชายหล่อนซะ
และหากกล้าเปิดเผยข่าวหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น น้องชายของหล่อนก็จะไม่รอดเช่นกัน
เพื่อเห็นแก่น้องชาย เสี่ยวหม่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังคำพูดของหยางฉิน และวางแผนต่อต้านหลินม่าย
หลังจากทราบผลการสอบสวนของตำรวจ หลินม่ายรู้สึกไม่สบายใจเลย
เธอเกลียดเสี่ยวหม่านที่โง่เขลา เหตุใดถึงหลงเชื่อคำขู่ของหยางฉินขนาดนี้ และยังไม่มาหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ
หลินม่ายต่อสู้กับหยางฉินได้ และสามารถปกป้องเสี่ยวหม่านและน้องชายได้ด้วย
แม้จะลอบบ่นเสี่ยวหม่านอยู่ในใจ แต่เธอก็เข้าใจในการตัดสินใจของอีกฝ่าย
หญิงสาวหวาดกลัวเกินกว่าที่จะสูญเสียญาติเพียงคนเดียวซึ่งก็คือน้องชายของตัวเอง หล่อนยังยึดมั่นในความหวังที่ว่าด้วยความช่วยเหลือจากหยางฉินแล้ว หล่อนจะสามารถหลบหนีจากพ่อเลี้ยงและลูกชายทั้งสองของเขาที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉาน ทั้งยังช่วยหล่อนและน้องชายให้มีชีวิตที่ปกติสุขได้
หลินม่ายถามตำรวจว่า เสี่ยวเลี่ยงน้องชายของเสี่ยวหม่านได้รับการช่วยเหลือหรือไม่
ตำรวจบอกว่าเขาได้รับการช่วยเหลือและได้ถูกส่งตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว
เพียงแต่ว่าอารมณ์ของเด็กชายไม่มั่นคงอย่างมาก และพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง
หลินม่ายไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เสี่ยวเลี่ยงอยู่ทันที
เจ้าหน้าที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ออกมาทักทายถามหลินม่ายว่าเธอเป็นอะไรกับเสี่ยวเลี่ยง
หลินม่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หลินม่าย เพื่อนสนิทพี่สาวของเขาค่ะ”
เจ้าหน้าที่กล่าว “ในที่สุดก็มีญาติหรือผู้เกี่ยวข้องกับเขามาหาแล้ว โปรดพยายามโน้มน้าวเสี่ยวเลี่ยงให้กินอย่างเหมาะสมด้วยเถอะค่ะ เขาอดอาหารมาหลายวันแล้ว”
ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ก็พาเสี่ยวเลี่ยงมาหาหลินม่ายพร้อมพูดว่า “ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีนะคะ” สิ้นเสียงก็เดินจากไป
หลินม่ายมองไปยังเด็กชายที่ถือไม้ค้ำตรงหน้า
เด็กหนุ่มหล่อเหลาหน้าตาดีเช่นเดียวกับพี่สาวของเขา แต่มีรูปร่างผอมบางและตัวเล็ก
เมื่อเสี่ยวเลี่ยงเห็นหลินม่าย เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมก้มลงคำนับเธอและกล่าวคำขอโทษทั้งน้ำตา
บอกว่าพี่สาวของเขาจะไม่ทรยศเธอเลย หากไม่ใช่เพราะเขา
ถ้าเพียงเขาตายเร็วกว่านี้ พี่สาวก็คงไม่ต้องทำเรื่องผิดพลาด
หลินม่ายพยุงเขาให้ลุกขึ้น “อย่าแบกรับภาระทางจิตใจที่หนักหน่วงขนาดนี้ อย่าเอาความผิดพลาดของคนอื่นมาใส่ตัวเอง อย่าเป็นเหมือนพี่สาวของนาย ไม่ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะยากลำบากแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
เสี่ยวเลี่ยงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
หลินม่ายยังแนะนำเขาอย่างจริงจังว่าอย่าพยายามฆ่าตัวตายอีก พี่สาวต้องก่ออาชญากรรมเพราะเขา ตอนนี้หล่อนต้องหลบซ่อนตัว ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
หากเขาใช้ชีวิตนี้ได้ไม่ดี มันคงเป็นความเพิกเฉยต่อความพยายามและความเสียสละของพี่สาว
หลินม่ายยังกล่าวอีกว่า มีวิธีให้เขาชดใช้ความทุกข์ทรมานและบาปของพี่สาวได้ นั่นคือการเป็นคนดีของสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น และตอบแทนสังคม
เสี่ยวเลี่ยงถามด้วยความงุนงง “ผมในฐานะคนพิการจะทำอะไรได้บ้างครับ?”
หลินม่ายถาม “เธออ่านออกเขียนได้ไหม?”
เสี่ยวเลี่ยงตอบกลับด้วยความเขินอาย “พอได้ แต่ไม่มากครับ”
หลินม่ายไปยังร้านหนังสือทันทีเพื่อซื้อหนังสือ “ความฝันบนรถเข็น” ของจางไห่ตี๋และพจนานุกรมซินหัว
เธอยื่นหนังสือและพจนานุกรมซินหัวให้กับเสี่ยวเลี่ยง “ถ้าเธอไม่รู้คำไหน ก็ลองค้นหาในพจนานุกรมซินหัว มาดูกันว่าตัวเอกในหนังสือเล่มนี้ทำอย่างไรเมื่อต้องเจอกับความยากลำบาก หวังว่าเธอจะเข้มแข็งได้”
เสี่ยวเลี่ยงรับหนังสือและพจนานุกรมซินหัวมา เขาละล่ำละลักกล่าวคำขอบคุณ
หลินม่ายทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้เขา เพื่อที่เขาจะได้พบเธอหากมีปัญหาใด ๆ
เสี่ยวเลี่ยงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง
พี่สาวของเขาทำผิดต่อหลินม่าย แต่หลินม่ายยังคงเต็มใจช่วยเหลือเขา นั่นทำให้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
จากนั้นเธอก็ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลินม่ายเพิ่งเข้าไปนั่งบนรถ ทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยในกระจกมองหลัง
นั่น… เสี่ยวหม่านไม่ใช่เหรอ?
เธอรีบลงจากรถเพื่อวิ่งไล่ตามเสี่ยวหม่าน
ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแบบพี่น้องของเธอเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เสี่ยวหม่านได้ก่ออาชญากรรมแล้ว หล่อนควรต้องเผชิญกับผลที่ตามมาทางกฎหมาย
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายพบตนเองแล้ว เสี่ยวหม่านก็วิ่งหนีไปรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่าย ไม่นานก็ลับหายไปจากสายตาของหลินม่าย
หลินม่ายหยุดนิ่งอยู่กับที่พลางหอบหายใจหนัก
เธอคิดในใจ หรือว่าควรเริ่มฝึกวิ่งทางไกลดี?
ไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปที่เธอพบกับเสี่ยวหม่าน เธอก็คงยังตามไม่ทัน
หลินม่ายหันหลังกลับและจากไปด้วยความหงุดหงิดใจ
ไม่ไกลนัก เสี่ยวหม่านก็แอบโผล่หัวออกมาอย่างลับ ๆ และมองไปที่แผ่นหลังของหลินม่ายพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
หลังจากที่ร่างของหลินม่ายหายไป เสี่ยวหม่านจึงออกมาจากที่ซ่อน
หล่อนโขกศีรษะคำนับด้วยความเคารพสามครั้งในทิศทางที่หลินม่ายเดินจากไป จากนั้นจึงหันหลังและเดินไปอีกทาง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีแม่เมื่อพร้อมนับเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงอะ ชีวิตพี่น้องเสี่ยวหม่านช่างรันทดอะไรอย่างนี้
คันไม้คันมืออยากปาดของของพ่อเลี้ยงกับลูกชายทิ้งทั้งพวงเหลือเกิน ทำไมชายแท้(not all) ต้องมีนิสัยแบบนี้กันด้วยนะ สมงสมองไปอยู่ที่ไอ้นั่นหมดเลยเหรอ
ไหหม่า(海馬)