แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1120 ความอัปยศอดสู
ตอนที่ 1120 ความอัปยศอดสู
……….
ตอนที่ 1120 ความอัปยศอดสู
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องทำงานประธานบริษัท หลินม่ายคิดว่าคงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรออยู่ด้านนอกลิฟต์เพื่อหยุดพวกเขา แต่ไม่คาดคิดว่าด้านนอกจะว่างเปล่า
คนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
หลินม่ายเคาะประตูและเดินเข้าไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ
ในสำนักงานที่หรูหราและสง่างาม คิมแจซุกเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาของเขาสงบนิ่งและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
หลินม่ายสบตากับเขา อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวสะอาดสะอ้านและมีดวงตาที่เรียวยาว
รูปร่างหน้าตาของเขาค่อนข้างธรรมดา อาจเป็นเพราะในยุคนี้อุตสาหกรรมศัลยกรรมพลาสติกในประเทศผักดองยังไม่พัฒนา ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำศัลยกรรมพลาสติก และใบหน้าที่เห็นตรงหน้าก็เป็นใบหน้าที่แท้จริงตั้งแต่กำเนิด
หลังออกจากลิฟต์ หมอเอมี่หยิบหูฟังออกมาตรวจหลินม่าย
เนื่องจากยอมรับข้อเสนอค่าตอบแทนสูงจากนายจ้าง หล่อนจะต้องตรวจสอบสุขภาพนายจ้างให้ดี
เธอเพิ่งได้รับการตรวจเมื่อตอนออกจากบ้าน ตอนนี้กลับถูกตรวจอีกครั้ง
โชคดีที่เอมี่เป็นหมอหญิงและมีคนรักต่างเพศ ไม่เช่นนั้นหลินม่ายคงเกิดความสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังเอาเปรียบเธอ
หลังจากที่เอมี่ตรวจสอบแล้ว เธอพูดว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ แต่หัวใจเต้นเร็วนิดหน่อย ในอนาคตอย่าเดินเร็วขนาดนั้นอีกนะคะ”
หลินม่ายเดินตรงไปหาคิมแจซุก และยื่นนามบัตรด้วยมือทั้งสอง เธอแนะนำตัวด้วยคำพูดไม่กี่คำ และอธิบายวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่อย่างเถรตรง
คิมแจซุกไม่ได้อ่านนามบัตรและโยนมันทิ้งไป “ผมบอกพนักงานขายของคุณแล้วว่าผมไม่ทำธุรกิจกับคนจีน แต่คุณยังเสนอหน้ามาถึงที่นี่ ช่างน่าเบื่อหน่ายเสียจริง”
หลินม่ายหยิบขวดน้ำพริกรสเผ็ดสองขวดออกมาจากถุงหลุยส์วิตตองและวางลงบนโต๊ะ
เธอโน้มน้าวอย่างจริงจัง “คุณบอกว่าคุณไม่ทำธุรกิจกับคนจีน แต่ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือร้านบาร์บีคิวยอดอลอิบโดโล ผู้บริโภคชาวจีนมีน้อยจริงหรือ? นั่นไม่ใช่การทำธุรกิจร่วมกับคนจีนเหรอ? รับเงินจากพวกเราชาวจีน แล้วยังดูถูกคนจีนอีก หากคุณต้องการทำให้บริษัทของคุณใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น คุณต้องไม่ละเลยผู้บริโภคชาวจีน น้ำพริกและเครื่องปรุงรสของฉันนั้นดีและเหมาะกับรสนิยมของคนจีนมากกว่า”
คิมแจซุกตะคอกอย่างเย็นชา “เหมาะสมกว่าแล้วยังไง? คนจีนแบบคุณเชิดชูต่างประเทศมาก แม้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผลิตในประเทศเราจะไม่เหมาะกับรสนิยมของคนจีน แต่คนจีนแบบคุณก็ยังแห่มาซื้อกันอยู่ดี”
หลินม่ายพูดไม่ออก
ในยุคนี้คนจีนมีความนับถือตนเองต่ำ เนื่องจากความล้าหลังของประเทศและการบูชาชาวต่างชาติมากกว่า หลินม่ายไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้เลย
คิมแจซุกมองดูขวดน้ำพริกด้วยความรังเกียจและพูดอย่างเย็นชา “ช่วยเอาขวดน้ำพริกของคุณกลับไปด้วย อย่าให้มันต้องกระทบกับงานของผม”
หลินม่ายพูดอย่างใจดี “ฉันจะทิ้งน้ำพริกทั้งสองขวดนี้ไว้ คุณจะลองกินก็ได้หากรู้สึกหิวขึ้นมา”
จากนั้นเธอขอตัวและหันหลังกลับ
หลินม่ายเดินออกจากห้องทำงาน ตามมาด้วยคิมแจซุกที่ถือน้ำพริกทั้งสองขวด
ต่อหน้าเธอ แจ็ค และเอมี่ที่รออยู่ด้านนอก เขาโยนน้ำพริกทั้งสองขวดลงถังขยะอย่างไม่แยแส
ใบหน้าของแจ็คหมองหม่นลง เขาต้องการก้าวออกไปต่อว่าอีกฝ่าย แต่หลินม่ายหยุดเขาไว้สายตา
หลินม่ายพาแจ็คและเอมี่เข้าไปในลิฟต์ พวกเขาได้ยินคิมแจซุกแจ้งพนักงานต้อนรับชั้นล่างผ่านทางโทรศัพท์ว่า “นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้คนจีนหรือสุนัขรับใช้ของพวกมันเข้ามาในห้องทำงานของผมอีก! ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกไล่ออก!”
ประตูลิฟต์เลื่อนปิดเชื่องช้า ขณะที่คิมแจซุกหันกลับมามองหลินม่ายด้วยความเหยียดหยาม
ใบหน้าของหลินม่ายยังคงสงบเหมือนกับธารน้ำ แต่มือของเธอกำแน่น
ความอัปยศอดสูที่เธอได้รับในวันนี้จะต้องถูกตอบแทนเป็นเท่าตัว!
เธอยื่นมือออกไปเปิดประตูลิฟต์ที่กำลังปิด และเข้าไปหยุดคิมแจซุกที่ด้านหน้าสำนักงาน
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “ไหนลองพูดสิ่งที่พูดเมื่อกี้อีกสิ!”
คิมแจซุกมองเธอด้วยสายตาดูถูก “ถ้าคุณอยากทำให้ตัวเองอับอาย ผมจะพูดอีกสองถึงสามครั้งก็ได้ ไม่อนุญาตให้คนจีนหรือสุนัขรับใช้เข้ามาในห้องทำงานของผม”
คิมแจซุกพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ
หลินม่ายรอให้เขาพูดจบ เธอยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยและกดปิดประตูลิฟต์
หัวใจของคิมแจซุกดิ่งฮวบเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มมุ่งร้ายของหญิงสาว
เขาไม่ควรถูกชักจูงโดยหลินม่ายให้พูดประโยคดูถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงเพื่อสะใจ
หากหลินม่ายจริงจังกับถ้อยคำดังกล่าวและทำให้เป็นเรื่องใหญ่ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดอลอิบโดโลในสหรัฐอเมริกาหรือ?
ผู้บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย และเป็นชาวจีนถึง 80% ของผู้บริโภค ใครบอกให้ชาวจีนเป็นชนชาติที่มีประชากรเยอะขนาดนี้ล่ะ?
หากชาวอเมริกันเชื้อสายจีนคว่ำบาตรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดอลอิบโดโลและบาร์บีคิวเพราะคำพูดของเขา บริษัทยอดอลอิบโดโลก็คงจะเป็นเหมือนกับบริษัทอึนซานซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียความนิยมในสหรัฐอเมริกา
แต่เขากังวลเพียงไม่ถึงนาที ก่อนจะโล่งใจ
คนจีนชื่นชอบชาวต่างชาติมาก ถึงแม้จะได้ยินประโยคนั้น พวกเขาคงจะโกรธเพียงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่มีทางที่จะคว่ำบาตรไปตลอดชีวิต ซึ่งมันจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก
หลังจากประตูลิฟต์ปิด แจ็คถามหลินม่ายด้วยความงุนงง “ประโยคนั้นฟังดูเหยียดหยามมาก ทำไมถึงอยากให้เขาพูดอีกล่ะครับ?”
หลินม่ายเพียงยิ้มและไม่พูดอะไร
เธอแค่ขอให้คิมแจซุกพูดคำที่น่าอับอายเหล่านั้นซ้ำเพื่อบันทึกและรวบรวมหลักฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
หลังจากออกจากบริษัทยอดอลอิบโดโล หลินม่ายตรงกลับบ้าน เธอไม่ต้องการไปโปรโมตสินค้าที่บริษัทของประเทศเกาะอีกและเธอก็มีแนวคิดใหม่
เมื่อกลับถึงบ้าน คนใช้ก็นำชามซุปบำรุงมาให้
หลังจากดื่มซุปแล้ว หลินม่ายก็ขึ้นไปชั้นบนแล้วโทรหาเจิ้งซวี่ตง เพื่อถามว่านอกจากวุ้นเส้นมันเทศแล้ว เขาเริ่มทดลองผลิตภัณฑ์อื่นแล้วหรือยัง
เจิ้งซวี่ตงบอกว่าเขาเปิดโรงโม่แป้งอีกแห่งและธุรกิจดำเนินไปค่อนข้างดี
หลินม่ายถาม “ถ้าตอนนี้คุณถูกขอให้ตั้งโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุณต้องใช้เวลากี่เดือนในการเริ่มก่อตั้ง?”
เธอต้องการเปิดโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเอง เพื่อบีบบังคับบริษัทยอดอลอิบโดโลไปให้พ้นทาง
เจิ้งซวี่ตงบอกทางโทรศัพท์ว่า มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ 2 แบรนด์ ได้แก่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทงทงและห่าวชือฟู่ ซึ่งทั้งคู่กำลังเข้าสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
ด้วยรสชาติที่หลากหลายและอร่อย ทำให้สามารถครองตลาดบนแผ่นดินใหญ่ได้ทันที ส่งผลให้โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยงและจิงจิงในประเทศต้องปิดตัวลง
ดังนั้นปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนที่จะเปิดโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่มีแผนจะเริ่มโรงงานวุ้นเส้นผัดเปรี้ยวหวาน
หลินม่ายจำได้ว่า ในชีวิตก่อนของเธอ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่าวชือฟู่ไม่ได้เข้าสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เร็วขนาดนี้
ดูเหมือนว่าเมื่อเธอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง บางสิ่งอาจมีความแตกต่างจากชาติก่อนของเธอ
หลินม่ายขอให้เจิ้งซวี่ตงช่วยหาหมายเลขโทรศัพท์ของผู้อำนวยการโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยง เธอต้องการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จ
เจิ้งซวี่ตงสามารถหาหมายเลขของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นหลินม่ายจึงกดหมายเลขโทรศัพท์
เวลานี้ผู้อำนวยการเหยียนแห่งโรงงานอิ๋นเซี่ยงมีความกังวลอย่างยิ่ง รายงานยอดขายสำหรับเดือนนี้เพิ่งเผยแพร่ และบริษัทขาดทุนเป็นเวลาสองเดือนติดต่อกันแล้ว
โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของพวกเขาแต่เดิมเป็นโรงงานสวัสดิการที่รองรับผู้พิการมาเป็นลูกจ้างโดยเฉพาะ
ความตั้งใจเดิมของผู้นำคือให้โรงงานสามารถเปิดดำเนินการได้ เยาวชนผู้พิการมีงานทำ เพื่อสามารถจัดหาอาหารและเสื้อผ้าให้ตัวเองได้
อย่างไรก็ตามพนักงานงานทั้งหมดในโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยงมีความสามัคคีกัน และได้จัดการเปลี่ยนโรงงานสวัสดิการให้กลายเป็นโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
แต่ช่วงเวลาดี ๆ นั้นอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยักษ์ใหญ่ทงทงและห่าวชือฟู่เข้าสู่ตลาดแผ่นดินใหญ่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยงจึงลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าผู้อำนวยการเหยียนและพนักงานจะพยายามหลายวิธีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่าวชือฟู่ได้ส่งคนมาซื้อโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยง
สิ่งที่ผู้บริหารเบื้องบนบอกเขามาคือ โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิ๋นเซี่ยงสูญเสียเงินไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะขายและแจกจ่ายรายได้ให้กับพนักงาน เพื่อที่พวกเขาจะได้หาทางออกด้วยตัวเอง
แต่ผู้อำนวยการเหยียนไม่ต้องการทำเช่นนี้
พนักงานในโรงงานของตนแตกต่างจากพนักงานในโรงงานอื่น ๆ เกือบทุกคนเป็นผู้พิการ
ปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเอง นั่นหมายความว่าพวกเราไม่มีทางออกแล้วจริง ๆ
เขาไม่สามารถขายโรงงานได้ หากขายไป คนงานทุกคนจะไม่มีแหล่งทำมาหากินและชีวิตจะลำบากมากในอนาคต!
แต่ภายใต้แรงกดดันจากเบื้องบน เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เขาเพิ่งจัดการประชุมพนักงานทั้งหมดเพื่อขอความคิดเห็นจากทุกคน
โดยถามว่าคุณยินดีที่จะขายโรงงานแล้วนำเงินออกไป หรือคุณยินดีที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะความยากลำบากด้วยกัน
พนักงานพิการเหล่านั้นต่างตะโกนและยินดีร่วมมือกันเพื่อเอาชนะความยากลำบาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอต้อนรับผู้อ่านเข้าสู่นิยายสงครามธุรกิจระหว่างประเทศ ประกอบด้วยมาเฟียสามแก๊งจากสามประเทศนะคะ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสโลว์ไลฟ์ทำธุรกิจไปวันๆ แล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)
……….