แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1113 โสเภณีถูกทุบตี
ตอนที่ 1113 โสเภณีถูกทุบตี
……….
ตอนที่ 1113 โสเภณีถูกทุบตี
หลินม่ายและทั้งกลุ่มยังไม่ได้ออกไปไหนไกล จู่ ๆ เสี่ยวตงตงก็หยิบรูบิกขึ้นมาแล้วพูดกับหลินม่ายว่า “แม่ ไม่เห็นสนุกเลย”
หลินม่ายมองดูและพบว่าแต่ละด้านของรูบิกนี้เป็นสีเดียวกันแล้ว เธอคิดว่าเด็กน้อยคนนี้คงไม่สามารถทำให้มันสลับสีได้
เธอหยิบรูบิกขึ้นมาแล้วบิดมันสองสามครั้งก่อนจะสลับสีแต่ละด้าน
สุดท้ายเธอไม่มีความสามารถในการทำให้รูบิกกลับมาเป็นสีเดียวกัน แต่ถ้าหากเป็นการทำลายเธอถนัดที่สุด
เธอยื่นรูบิกให้เด็กชายก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ลองเล่นดู”
ภายในไม่กี่นาที เสี่ยวตงตงชูรูบิกขึ้นมาให้เธอดูอีกครั้ง หน้ามุ่ย ๆ ของเด็กชายปรากฏพร้อมกับพูดว่า “ไม่สนุกเลย”
ทันทีที่หลินม่ายเห็นว่ารูบิกกลับสู่สภาพเดิม เธอก็ตกใจทันที
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น คนทั้งหมดในครอบครัวก็ตกใจด้วยเช่นกัน
เสี่ยวตงตงยังเด็กมากแต่เขากลับแก้ไขปริศนารูบิกได้ภายในไม่กี่นาที หลินม่ายให้กำเนิดอัจฉริยะตัวน้อยงั้นเหรอ?
ขณะนั้นเอง เฝิงเยว่จู๋ได้วิ่งเข้ามากะทันหัน
หล่อนพยายามวิ่งตามมาเพื่อจะดูว่าสามารถตามหลินม่ายได้ทันหรือไม่ ไม่คาดคิดว่าทั้งครอบครัวจะออกมาไม่ไกลนัก
เฝิงเยว่จู๋กล่าวคำด้วยความเขินอาย “ม่ายจือ อย่าถือความถือโทษกันเลยนะ”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก เธอดูเหมือนพระโพธิสัตว์ที่ลงมาโปรดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดงั้นเหรอ?
ก่อนหน้านี้โก่วเวินถึงกับมาขอร้องเธอ และตอนนี้เฝิงเยว่จู๋เองก็กำลังขอร้องเธอเช่นกัน
หลินม่ายหันมองเฝิงเยว่จู๋ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเธอได้พบกับเฝิงเยว่จู๋ ใบหน้าของหล่อนค่อนข้างซีดเซียวไร้ซึ่งความไร้เดียงสาเช่นในอดีต และเวลานี้รูปร่างหน้าตาของหล่อนค่อนข้างหนักไปทางย่ำแย่ ชีวิตของเธอดูจะไม่ค่อยราบเรียบดั่งที่เคย
หลินม่ายเองไม่ต้องการระบายความขุ่นเคืองของตนกับบุคคลที่ยากลำบากอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ต้องการจะมีสัมพันธ์กับเฝิงเยว่จู๋ จะให้ช่วยเหลือกันก็คงเป็นไปไม่ได้
หลินม่ายปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่”
หลังจากนั้นเธอก็กลับไปอยู่กับครอบครัว
แต่เฝิงเยว่จู๋ยังติดตามและกล่าวด้วยความกังวลใจ “ฉันไม่ได้ขออะไรมากมายเลย แค่อยากให้เธอช่วยรับสามีของฉันเข้าทำงานด้วยได้ไหม?”
หลังหยุดไปสักครู่ เธอเองก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “จริง ๆ ฉันก็ทำงานในบริษัทเธอได้นะ ตอนนี้ภาษาอังกฤษของฉันดีขึ้นมากแล้ว”
หลินม่ายถามอย่างใจเย็น “สามีของเธอไม่ได้ทำงานที่บริษัทกุยตันเหรอ? ทำไมถึงจะให้ฉันรับเขาเข้าทำงานอีกล่ะ? หรือเขาถูกไล่ออก?”
เฝิงเยว่จู๋พยักหน้ารับอย่างเขินอาย
หลินม่ายพูดต่อ “ในเมื่อเขาถูกไล่ออก นั่นหมายความว่าเขาไร้ความสามารถ แล้วจะให้ฉันรับเขาเข้าทำงานได้ยังไง? เธอก็เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเข้ามาทำงานในบริษัทของฉัน พนักงานในบริษัทของฉันมีการศึกษาและมีความสามารถ พวกเขาไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษได้”
เฝิงเยว่จู๋มองร่างของหลินม่ายที่เดินออกไปด้วยความไม่พอใจ
ความสามารถอะไรกัน? เห็นชัดว่าเธอแค้นใจจนไม่อยากจะช่วยเหลือสามีของหล่อนต่างหาก!
หลินม่ายและครอบครัวกลับบ้านหลังจากช็อปปิ้งภายในห้างสรรพสินค้า และเห็นว่าโก่วเวินเดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าบ้านของเธอ
อาหวงและหวางไฉยืนข้าง ๆ กันที่หน้าประตูบ้าน ทั้งสองตัวเห่าขับไล่ให้หล่อนออกไปจากที่นี่
คราวนี้โก่วเวินดูทรุดโทรมยิ่งกว่าคราวที่แล้ว เส้นผมรุงรัง จมูกและใบหน้าบวมช้ำ มีน้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้าและเสื้อผ้า
ทันทีที่โก่วเวินเห็นว่าหลินม่ายกลับมาแล้ว หล่อนก็กระโดดมาเกาะหน้าต่างของรถแล้วตะโกนว่า “หลินม่าย ช่วยฉันด้วย”
หลินม่ายบอกกล่าวให้ รปภ. ที่บ้านลากหล่อนออกไปด้วยสีหน้าไม่แยแส จากนั้นจึงขับรถเข้าไปในบ้าน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวโก่วเวินออกไปไกลกว่าร้อยเมตร ก่อนจะเขวี้ยงหล่อนลงพื้น
ทันทีที่ลุกขึ้นได้ หล่อนวิ่งไปทางประตูหน้าบ้านหรูหราของหลินม่าย ทว่าประตูนั้นกลับปิดลงต่อหน้าต่อตาหล่อนอย่างเย็นชา
โก่วเวินร้องสาปแช่งอย่างขุ่นเคือง
หล่อนอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช แต่หลินม่ายกลับไม่คิดสนใจ และไม่ต้องการช่วยเหลือหล่อนด้วยซ้ำ
เวลานี้หล่อนโกรธจัดและหลงลืมสิ่งที่ตนเคยทำกับหลินม่ายก่อนหน้านี้หมดสิ้น
มีบางคนในโลกใบนี้ไม่อาจจดจำได้เลยว่าตนเองเคยทำร้ายผู้อื่นไว้อย่างไร
แต่ถ้าคนอื่นไม่ช่วยเหลือก็คิดจะแว้งกัดพวกเขาเหล่านั้น
โก่วเวินยังคงเตร็ดเตร่อยู่หน้าบ้านหลินม่ายเนิ่นนาน ก่อนจะยอมตัดใจและเดินออกไป
ฤดูหนาวในนิวยอร์กไม่ธรรมดา มีลมหนาวพัดผ่านตลอดเวลา และหิมะยังโปรยปรายไม่ขาดสาย โก่วเวินไม่สามารถอดทนได้จึงต้องกลับไป
แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าหล่อนจะถูกเพื่อนร่วมชั้นทุบตีและต้องถูกทวงหนี้จากพวกเขาเหล่านั้นอีก หล่อนจึงลังเลที่จะกลับ
แต่หล่อนก็ไม่สามารถนอนบนถนนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้
หลังคิดเรื่องนี้แล้ว โก่วเวินเดินเข้าไปในร้านกาแฟก่อนจะสั่งกาแฟที่ถูกที่สุดหนึ่งแก้ว หล่อนนั่งอยู่ที่นั่นจนเที่ยงคืนจนกระทั่งร้านปิด เวลานี้หล่อนจึงกลับไปที่บ้านของจ้าวซั่วหยาง
เมื่อลิฟต์เปิดออก โก่วเวินก็เห็นว่าหน้าประตูบ้านเต็มไปด้วยเจ้าหนี้มากมาย
ใบหน้าของโก่วเวินซีดขาวด้วยความหวาดกลัว รีบกดปุ่มปิดลิฟต์ ทว่ามันก็สายเกินไป
คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับลากหล่อนออกจากลิฟต์อย่างโหดร้าย
มีคนค้นร่างกายหล่อนและพบกุญแจบ้าน จากนั้นจึงลากหล่อนเข้าบ้านแล้วปิดประตูตีแมวทันที
จุดประสงค์ในการทุบตีนางสุนัขตัวนี้ของเหล่าเจ้าหนี้คือการได้รับเงินทุนคืน
ขณะทุบตีโก่วเวิน พวกเขาก็ยังถามไม่หยุดปากว่าเมื่อไหร่จะคืนเงิน
โก่วเวินกลิ้งเป็นลูกบอลขณะถูกเจ้าหนี้ทุบตีไม่หยุดหย่อน
หล่อนกรีดร้องออกมาและบอกว่าตนเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน คนที่หนีไปพร้อมกับเงินคือจ้าวซั่วหยาง ให้พวกเขาไปทวงเงินจากเขาแทน
แน่นอนว่าเจ้าหนี้พวกนั้นรู้อยู่แล้วว่าโก่วเวินเป็นเหยื่อ
แต่พวกเขาก็ยังทุบตีโก่วเวินและหวังว่าจะได้รับเงินบ้าง
นอกจากนี้ถ้าหล่อนและจ้าวซั่วหยางสมรู้ร่วมคิดกัน ทั้งสองควรจะหนีไปด้วยกัน แต่หล่อนไม่ได้หนีไป
แต่เจ้าหนี้ทั้งหลายกลับไม่ยอมปล่อยโก่วเวินไป ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก
หากหล่อนไม่ได้โอ้อวดเครื่องประดับปลอมสองชิ้นที่จ้าวซั่วหยางซื้อให้ หากหล่อนไม่ได้บอกว่าจ้าวซั่วหยางกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ พวกเขาจะมอบความมั่งคั่งทั้งหมดนี้ให้กับจ้าวซั่วหยางงั้นเหรอ?
แม้ว่าโก่วเวินจะไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดของจ้าวซั่วหยาง แต่สุดท้ายหล่อนก็เป็นคนที่ช่วยเหลือเขา
โก่วเวินจะต้องรับผิดชอบความสูญเสียนี้ และเรื่องนี้พวกเขาก็ไม่ผิดด้วย
นอกจากนี้พวกเขาไม่คิดจะทิ้งเงินจำนวนมากเหล่านั้นโดยเปล่าประโยชน์ หากจะต้องหาใครสักคนมารับผิดชอบ โก่วเวินคือคนที่ถูกเลือก
ทั้งหมดทุบตีโก่วเวินอย่างรุนแรง และเปล่งเสียงถามตลอดเวลาว่าเมื่อใดจะคืนเงิน
โก่วเวินร้องไห้ออกมาและบอกว่าหล่อนไม่มีเงินแล้ว
ทันทีที่พูดจบ ทั้งหมัดและเท้าก็ถูกประเคนใส่หล่อนไม่หยุดยั้ง
โก่วเวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามอ้อนวอนและบอกว่าถ้าหากมีเงินจะคืนให้ทันที
ชายคนหนึ่งตบหล่อนอย่างแรงก่อนจะพูดว่า “อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ ถ้าเธอจะมีเงินมาคืนพวกเราอย่างรวดเร็วคงจะมีทางเดียวคือไปยืนขายตัวอยู่ริมถนน”
เจ้าหนี้ผู้หญิงอีกคนเอ่ยปากขึ้นมา “หน้าตาหล่อนธรรมดาขนาดนี้ จะหาเงินจากการเป็นกะหรี่ได้เหรอ?”
“ไม่มีทางอื่นแล้ว ยังไงก็ทำม้าตายเหมือนม้าเป็น*ได้อยู่” ชายคนนั้นตอบกลับ
*死马当作活马医 เป็นสำนวน หมายถึงการกู้สถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังให้กลับมามีหวังได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
หลังจากเจ้าหนี้ทั้งหมดออกไปแล้ว โก่วเวินก็ลุกขึ้นก่อนจะแต่งตัวแล้วไปที่ย่านโคมแดงใกล้ ๆ
แม้ว่าจะล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงคึกคัก
ลูกค้าและเหล่าโสเภณีจำนวนมากกำลังหยอกเย้าและต่อรองราคากัน
แม้รูปร่างหน้าตาของโก่วเวินจะธรรมดา แต่ในสายตาของชาวยุโรปและอเมริกา มันคือสิ่งค่อนข้างแปลกใหม่ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ชื่นชอบใบหน้าของสาวตะวันออก
โก่วเวินยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวกว่าครึ่งชั่วโมง เวลานี้ก็มีชายผิวดำเดินเข้ามาถามราคากับหล่อน
โก่วเวินไม่ตอบ แม้จะอาศัยอยู่กับจ้าวซั่วหยางเสมอมา หล่อนก็ไม่เคยขายตัวเอง
แต่ตอนนี้หล่อนกำลังพยายามจะขาย แม้จะอับอายสักหน่อยแต่หล่อนก็ตอบราคาออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก
ชายผิวดำเชยคางของหล่อนขึ้นมาและเห็นว่าดวงตาข้างหนึ่งของหล่อนบวมช้ำ ใบหน้านี้ดูค่อนข้างน่าสยดสยองเพราะถูกทุบตีอย่างหนัก
เขาบอกว่าหล่อนน่าเกลียดเกินไป และไม่มีวันซื้อหล่อนในสภาพนี้แน่นอน เว้นแต่ว่าเขาจะอยากลองสิ่งแปลกใหม่ จากนั้นเขาต่อราคาลงครึ่งหนึ่งแล้วกล่าวถามอย่างเหยียดหยามว่าจะขายหรือไม่ขาย?
โก่วเวินไม่คิดอับอายอีกต่อไป หล่อนตอบตกลงราคากับชายผิวดำ
กระทั่งทั้งสองตกลงกันได้และเข้าโรงแรมเพื่อไปเปิดห้องพักร่วมกัน
หลังจากเสร็จกิจแล้ว ชายผิวดำก็ใส่กางเกงก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
โก่วเวินตกใจมาก ก่อนจะวิ่งออกไปทั้งร่างกายเปลือยเปล่าเพื่อขอให้เขาจ่ายเงิน
ชายผิวดำเตะหล่อนจนคว่ำลงกับพื้นแล้ววิ่งหนีไป
โก่วเวินอยากจะร้องไห้ออกมาแต่น้ำตาก็ไม่มีเหลือ เวลานี้หล่อนขายตัวโดยไม่ได้รับเงินสักแดง แล้วยังต้องจ่ายค่าโรงแรมด้วย
โก่วเวินจ่ายค่าโรงแรมด้วยเงินที่พอจะเหลืออยู่ก่อนจะเดินออกจากโรงแรมโทรม ๆ แห่งนี้ด้วยความโศกเศร้า ขณะนั้นเองก็มีผู้หญิงผิวดำร่างใหญ่แต่งหน้าหนาเตอะยืนขวางหน้าเอาไว้
โก่วเวินรู้ดีว่าคนผิวสีในสหรัฐอเมริกาชอบสร้างปัญหา แต่หล่อนไม่อยากจะสร้างปัญหากับพวกเขาเพราะมันจะกลายเป็นภัยร้ายแรงกับตัวเอง
หล่อนอยากจะเดินหนีไป แต่ผู้หญิงผิวสีคนนี้กระชากเส้นผมของหล่อนก่อนจะพูดว่า “เธอแย่งที่ทางทำมาหากินของฉันแล้วคิดจะหนีเหรอ?”
โก่วเวินจึงตระหนักได้ว่าชายผิวดำที่หล่อนขายตัวให้ก่อนหน้านี้เป็นลูกค้าประจำของผู้หญิงคนนี้
แต่ก่อนหน้านี้หล่อนไม่รู้เรื่อง
โก่วเวินใช้สองมือจับเส้นผมและฝืนทนต่อความเจ็บปวด “ฉันไม่รู้ หลังจากนี้ฉันจะไม่ทำแล้ว”
หญิงผิวสีปล่อยมือและบอกกล่าวกับหล่อนด้วยสีหน้าเย็นชาว่าส่งเงินที่ได้รับเมื่อครู่ออกมาให้หมด
โก่วเวินจำใจต้องบอกกล่าวอย่างไม่มีทางเลือกว่าตนถูกโกง และชายผิวสีคนนั้นไม่ได้ให้เงินหล่อนเลย
หญิงผิวสีไม่คิดเชื่อคำพูดนั้น จึงเริ่มค้นร่างกายของโก่วเวินและยึดเงินทั้งหมดในร่างกายหล่อนออกไปจนหมดสิ้น ก่อนจะสาปแช่งอย่างหนักแล้วเดินหนีไป
โก่วเวินนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่เนิ่นนาน
ในใจยังรู้สึกขุ่นเคืองหลินม่ายไม่จบสิ้น หากหลินม่ายยอมช่วยเหลือ หล่อนคงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความตกต่ำเช่นนี้!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันเป็นผลกรรมของเธอน่ะยัยลูกหมา ใครจะบ้าจี้ช่วยหมาบ้าที่ลอบกัดคนอื่นลับหลังอย่างเธอล่ะ คิดสิคิด
ไหหม่า(海馬)