แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1110 คำพิพากษาของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ
ตอนที่ 1110 คำพิพากษาของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ
……….
ตอนที่ 1110 คำพิพากษาของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ฟางจั๋วหรานและภรรยาไปยังสถานีตำรวจตามคำร้องขอ
ไม่ได้มีเพียงพวกเขาอยู่ที่นั่น แต่อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงก็อยู่ด้วย แต่ใบหน้าของนางดูน่าเกลียดราวกับกำลังไว้ทุกข์ให้คนในครอบครัว
ในวันนั้น ตำรวจขอให้หลินม่ายและสามีตรวจการตั้งครรภ์ หลังจากพิสูจน์ได้ว่าหลินม่ายกำลังท้องจริง ๆ พวกเขาจึงนำตัวอดีตพ่อสามีและลูกชายมาจำคุกในสถานีตำรวจ
แม่สามีของซิ่วหลิงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล และได้รับการยืนยันว่านางบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จึงถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจด้วย
ทั้งครอบครัวถูกจับกุมและกล่าวกันว่าอาจถูกตัดสินลงโทษอย่างรุนแรง แล้วนางจะแสดงสีหน้ายินดีได้อย่างไร?
เมื่ออดีตแม่สามีของซิ่วหลิงเห็นว่าหลินม่ายมีหน้าตาสดใสไม่เหมือนกับคนที่กำลังจะติดคุก นางจึงหมดความอดทนทันที
นางยกมือชี้ไปที่หลินม่ายและสามีพร้อมถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีด้วยความโกรธว่า “ทำไมฉันถึงต้องจำคุกทั้งครอบครัว? แต่พวกเขากลับไม่ถูกตัดสินอะไรเลย? เพราะพวกเขาร่ำรวย คุณก็เลยทำอะไรพวกเขาไม่ได้เหรอ? เหอะ ที่แท้ตำรวจก็เป็นพวกหัวสูงเหมือนกัน!”
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีจะโกรธจัด แต่ความเป็นมืออาชีพของเขาก็ยังคงอยู่
เขาอธิบายอย่างอดทน “ครอบครัวของคุณถูกจับกุมเนื่องจากการทุบตีซิ่วหลิงและแม่ของหล่อน คุณหลินม่ายและสามีไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และไม่ได้กระทำผิดกฎหมายใด ๆ ทำไมเราจึงต้องจับกุมพวกเขาด้วย?”
อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงปฏิเสธที่จะยอมรับ “เราไม่ได้ตีใครทั้งนั้น!”
“คุณไม่ได้ตีใครเลยเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนหนึ่งที่ดูแลคดีนี้กล่าวว่า “คุณหมอฟางกล่าวในเวลานั้นว่าม้ามของซิ่วหลิงแตก และเขาได้แอบบอกเราว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ม้ามแตกด้วยการทุบตีเพียงไม่กี่ครั้ง อย่างนั้นม้ามของซิ่วหลิงจะแตกได้อย่างไร? คุณจะไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำงั้นเหรอ? จนถึงตอนนี้ยังจะปฏิเสธอีก!”
ความเย่อหยิ่งของอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงพลันลดลงครึ่งหนึ่ง
นางพึมพำ “สามีและลูกชายสองคนเป็นคนทำต่างหาก แต่พวกเขาไม่ได้ทุบตีนังนั่นรุนแรงขนาดนั้น ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม เรามีพยานมากมายที่พิสูจน์ว่าฉินซิ่วหลิงและแม่ของหล่อนถูกผู้ชายจากครอบครัวคุณทุบตีจนบาดเจ็บสาหัส”
อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงสีหน้าหมองหม่นขณะกล่าวคำ “นังผู้หญิงเลวซิ่วหลิงเป็นลูกสะใภ้ของฉัน ฉันขอให้สามีและลูกชายทุบตีลูกสะใภ้ตัวเอง ทำไมฉันจะทำไม่ได้? ถ้าฉันจะตีมันเสียอย่าง ใครจะห้ามได้ และฉันจะตีมันให้ตายด้วย!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จัดการคดีโกรธมากกับความไร้ยางอายของหญิงชรา “ถ้าคุณกล้าทุบตีลูกสะใภ้จนตาย กฎหมายก็จะทำให้คุณต้องรับผลที่ตามมา อยากลองดูไหมล่ะ?”
อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงดูไม่มั่นใจและพึมพำ “ก็แล้วใครบอกให้นังสารเลวนั่นไม่ยอมส่งเงินมาโดยดีล่ะ สมควรถูกตีแล้ว!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดอย่างเคร่งเครียด “ระวังปากคุณให้ดี หากคุณเรียกสหายฉินซิ่วหลิงว่านังสารเลวอีกครั้ง เราจะตัดสินลงโทษคุณ!”
อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงปิดปากอย่างไม่เต็มใจนัก
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนพูดอย่างเย็นชา “ลูกชายคนโตของคุณตายแล้ว ฉินซิ่วหลิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณอีกต่อไป ทำไมคุณถึงต้องมาเรียกร้องขอเงินจากคนอื่นด้วย?”
เมื่ออดีตแม่สามีของซิ่วหลิงได้ยินสิ่งนี้ นางก็โพล่งออกทันที “ฉันขอให้ซิ่วหลิงออกจากครอบครัวหรือไง? ฉันก็ไม่ได้ทำนี่! เนื่องจากหล่อนไม่ได้ขึ้นศาล หล่อนจึงเป็นลูกสะใภ้ของบ้านฉันอยู่ และควรมอบเงินที่หามาได้ให้กับฉัน!”
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนที่ดูแลคดีนี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงอีกต่อไป
หนึ่งในนั้นพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดตะโกนโวยวายได้แล้ว คุณและครอบครัวของคุณได้ทุบตีฉินซิ่วหลิงจนได้รับความพิการระดับ 7 และแม่ของหล่อนก็ได้รับความพิการระดับ 10 ศาลขอตัดสินให้พวกคุณจำคุกอย่างน้อยสิบปี เมื่อถึงเวลานั้น หากคุณได้รับการศึกษาด้านกฎหมายในเรือนจำ คุณจะรู้ว่าฉินซิ่วหลิงเป็นบุคคลอิสระ หลังลูกชายคนโตของคุณเสียชีวิต หล่อนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณอีกต่อไป ต่อให้ลูกชายคนโตของคุณยังไม่ตาย แต่ในฐานะลูกสะใภ้ หล่อนไม่มีหน้าที่เลี้ยงดูคุณในวัยชราด้วยซ้ำ แต่คุณกลับเรียกร้องขอเงินที่หล่อนทำงานหนักหามาได้! คุณนี่มันไร้ยางอายจริง ๆ!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนพูดอย่างเหยียดหยาม “นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะพูดถึงความรู้ทั่วไปแบบนั้นอยู่อีก! ไม่กลัวผู้คนจะหัวเราะจนฟันร่วงหมดปากหรือยังไง!”
เมื่ออดีตแม่สามีของซิ่วหลิงได้ยินว่าตนกำลังจะถูกส่งเข้าคุก นางก็ตกใจมากจนหน้าซีด “อะไรนะ? ถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อยสิบปี? ทำไมล่ะ?”
เมื่อตำรวจทั้งสองเห็นนางเริ่มก่อความวุ่นวายอีกครั้ง หนึ่งในนั้นก็พูดว่า “ทำไมน่ะเหรอ? ถ้าเข้าคุกแล้วไปเรียนกฎหมายก็จะรู้ว่าทำไมเองล่ะ”
ฟางจั๋วหรานอดไม่ได้ที่จะเตือน “คุณตำรวจ ช่วยแก้ไขคดีของเราก่อนได้ไหมครับ? ภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์และไม่สามารถนั่งเป็นเวลานานได้”
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองขอโทษ “ขออภัยด้วยครับ นอกเรื่องไปหน่อย”
เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกับอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ผมพาคุณมาที่สถานีตำรวจเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องที่สหายฟางจั๋วหรานเตะคุณ”
จู่ ๆ อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงก็ตื่นเต้น นางยกนิ้วชี้ไปที่ฟางจั๋วหรานและพูดว่า “เขาเตะฉัน ทำไมคุณไม่จับเขาเข้าคุกล่ะ?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนยิ้มอย่างเหยียดหยาม “คุณเป็นคนริเริ่มทุบตีคนรักของสหายฟางจั๋วหรานก่อน สหายฟางจั๋วหรานเตะคุณเพื่อปกป้องภรรยา มันเป็นเพียงการป้องกันตัว รายงานผลการตรวจร่างกายของคุณระบุการบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าสหายฟางจั๋วหรานไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทางกฎหมายใด ๆ และไม่ต้องติดคุก”
อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงตะลึงงัน
หลินม่ายลงนามข้อตกลงไกล่เกลี่ยแล้วออกไป
แต่อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงยังคงดื้อรั้น และโวยวายหาว่าตำรวจกำลังปกป้องฟางจั๋วหราน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงกล่าวว่า “หากคุณคิดว่าเราจัดการคดีนี้อย่างไม่เป็นธรรม คุณสามารถแจ้งความได้”
นางถูกส่งตัวกลับไปที่ศูนย์กักกันเพื่อรอคำตัดสินของศาล ก่อนจะถูกโยนเข้าคุก
สามเดือนต่อมา คดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวอดีตสามีของซิ่วหลิงก็ได้รับการเปิดเผย
บทสรุปคือสมาชิกทั้งสี่คนในครอบครัวถูกตัดสินจำคุกมากกว่าสิบปี
…
สิบปีต่อมา อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงและครอบครัวได้รับการปล่อยตัวจากคุก
เมื่อพวกเขากลับมา บ้านก็เกือบจะพังทลายลงและอยู่อาศัยไม่ได้แล้ว
ครอบครัวนี้ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครสนใจสักคน
ย้อนกลับไปตอนนั้น เรื่องที่ครอบครัวของพวกเขาทุบตีฉินซิ่วหลิงอดีตลูกสะใภ้จนหล่อนต้องถูกตัดม้ามทิ้งมีใครในหมู่บ้านที่ไม่รู้บ้าง? แล้วใครบ้างจะไม่พูดลับหลังว่าครอบครัวของพวกเขาไร้ศีลธรรมโดยสิ้นเชิง?
หัวหน้าหมู่บ้านเพิกเฉยต่อครอบครัวของพวกเขา และไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้สึกสงสาร ทว่าพวกเขากลับคิดว่าตนเองกำลังถูกกลั่นแกล้ง
ครอบครัวได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว และชีวิตของหญิงชราก็ลำบากอย่างยิ่งยวด
นางเป็นคนที่ยุยงสามีและลูกชายให้ทุบตีอดีตลูกสะใภ้และแม่ของหญิงสาว ทำให้ไม่มีใครในหมู่บ้านอยากเจอนาง
แม้ว่านางจะอายุมากแล้ว แต่หากสะดุดล้มต่อหน้าชาวบ้าน ก็คงไม่มีใครยื่นมือมาช่วย
เท่านั้นยังไม่พอ นางยังถูกสามีและลูกชายสองคนของตัวเองดูหมิ่นที่บ้านด้วย
ที่ทั้งพ่อลูกสามคนต้องติดคุกเป็นเพราะหญิงชราที่นำพาความโชคร้ายมาให้
เมื่อรู้ว่าฉินซิ่วหลิงกำลังทำเงินได้มากมายจากการขายโร่วเจียโหมวในเมืองหลวง หญิงชราก็มุ่งเป้าไปที่ฉินซิ่วหลิงทันที
เขาและลูกชายไม่เห็นด้วยกับความคิดที่จะไปเมืองหลวงเรียกร้องเงินทั้งหมดจากฉินซิ่วหลิง โดยกลัวว่าพวกเขาจะถูกจับข้อหาทำผิดกฎหมาย
แต่หญิงชราพยายามพูดกรอกหูพวกเขาทุกวี่วัน กระทั่งพวกเขาถูกชักนำให้เข้าหาฉินซิ่วหลิงเพื่อเงิน ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต้องรับโทษจำคุกนานกว่าสิบปี
ชีวิตนี้จะอยู่ได้นานอีกสักกี่ปี? แล้วพ่อและลูกชายทั้งสองจะไม่รู้สึกเกลียดชังหญิงชราได้อย่างไร?
พ่อและลูกชายพากันดุด่าหญิงชรา กระทั่งยังลงมือทุบตี ทำให้หญิงชรารู้สึกหดหู่ใจและล้มป่วยลงในไม่ช้า
ทั้งพ่อและลูกชายไม่เคยอยู่ดูแลเคียงข้าง ส่งผลให้หญิงชรากรีดร้องด้วยความทุกข์ระทมอยู่บนเตียงราวสามเดือนและเสียชีวิตในที่สุด
ส่วนชีวิตของพ่อและลูกชายทั้งสองก็จบลงไม่ได้ดีไปกว่ากัน
ต่อมาชายชราป่วยเป็นโรคมะเร็งและไม่มีเงินรักษา เขาจึงเสียชีวิตลงอย่างทุกข์ทรมาน
ส่วนลูกชายทั้งสองก็แก่ตัวลงและตายไปอย่างโดดเดี่ยว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากแต่งงานมีลูก แต่เพราะไม่มีใครเต็มใจยอมแต่งงานกับพวกเขาเลยต่างหาก
แม้แต่หญิงม่ายก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับพวกเขา จากการที่พวกเขาโหดร้ายเกินไปและทุบตีอดีตพี่สะใภ้จนพิการระดับ 7 แล้วใครจะกล้าเสี่ยงชีวิตแต่งงานกับคนแบบนี้!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กรรมตามสนอง เป็นไงล่ะยัยแก่ จบแบบไม่สวยเลยสักคน
ไหหม่า(海馬)