แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1102 สายของพ่อไป๋จากต่างประเทศ
ตอนที่ 1102 สายของพ่อไป๋จากต่างประเทศ
……….
ตอนที่ 1102 สายของพ่อไป๋จากต่างประเทศ
เมื่อหลินม่ายตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอเห็นฟางจั๋วหรานกำลังจ้องมองมา ราวกับว่าต้องการจูบเธอ
หลินม่ายเริ่มจูบริมฝีปากของเขา เธอเป็นภรรยาของชายหนุ่ม ดังนั้นจึงสามารถจูบเขาได้ถ้าต้องการ กระนั้นเธอยังคงลังเลอยู่
ฟางจั๋วหรานตอบสนองต่อเธออย่างกระตือรือร้น
ในที่สุดการจูบอันยาวนานก็จบลง ฟางจั๋วหรานดึงแขนของเขาออกจากใต้ศีรษะของเธอที่ถูกหนุนนอนตลอดทั้งคืน แขนข้างนั้นเป็นเหน็บชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว
จากนั้นหลินม่ายก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไมฟางจั๋วหรานถึงจ้องมองเธอแบบนั้น เขาไม่ได้ต้องการจูบเธอ แต่ต้องการดึงแขนของตัวเองออก
หลินม่ายรู้สึกเสียใจมากเมื่อเห็นฟางจั๋วหรานค่อย ๆ บีบนวดแขนที่กลายเป็นเหน็บชาของเขา
เธอกระโดดขึ้นไปบนหน้าอกของเขา ยกมือลูบแขนของเขาหลายครั้งพลางพูดว่า “อาการเหน็บชาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ยิ่งช้าเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทงมากขึ้นเท่านั้น”
ความเจ็บแปลบที่อธิบายไม่ได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของฟางจั๋วหราน ทำให้เขาแทบไม่สามารถร้องขอชีวิตหรือความตายได้
ฟางจั๋วหรานกัดฟันและกดมือเล็กของหลินม่าย “คุณจะฆ่าสามีของตัวเองเหรอ?”
หลินม่ายมีสามีที่ดีขนาดนี้ แล้วเธอจะอยากฆ่าเขาได้อย่างไร เธอจูบเขาอย่างอ่อนหวานเป็นการตอบกลับ
สองวันต่อมา หลินม่ายได้รับหมายเรียกจากศาล และหญิงชาวอเมริกันวัยกลางคนก็ฟ้องร้องเธอจริง ๆ
หลินม่ายว่าจ้างทนายมาสู้คดี
เธอใช้เวลาสองวันหาเช่าอาคารสำนักงานสองชั้น เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำนักงานสำหรับว่านทงกรุ๊ปสาขาอเมริกา
หลังจากใช้เวลาอีกสองถึงสามวันในการสรรหาผู้บริหาร งานก็ถูกส่งมอบให้ฝ่ายบริหารดำเนินการให้เสร็จสิ้น
หลังจากก่อตั้งร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียง ขั้นต่อไปหลินม่ายต้องการเริ่มบริษัทเครื่องดื่ม แต่เธอจะทำได้อย่างไรหากไม่มีทีมผู้บริหาร?
หลังจากที่หลินม่ายออกมาพูดเกินจริงด้วยเจตนาแอบแฝง เรื่องอื้อฉาวระหว่างร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงกับแม่บ้านชาวอเมริกันก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนในสื่อ
มันใช้เวลาหนึ่งเดือนและจบลงด้วยชัยชนะของร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียง พร้อมกับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่วัน
เดิมทีหลินม่ายวางแผนที่จะเปิดร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงสาขานิวยอร์กก่อน แล้วจึงขยายไปยังรัฐอื่น
แต่หลังจากการประชุมกับฝ่ายบริหารหลายครั้ง และผ่านการหารืออย่างเข้มข้น หลินม่ายก็ทำตามคำแนะนำของผู้บริหารเหล่านั้นและขยายสาขาร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียง 300 แห่งในสหรัฐอเมริกาในเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงของหลินม่ายที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับการสัมภาษณ์ทางทีวีถึงสองครั้ง
การไม่ใช้ประโยชน์จากความนิยมนี้และขยายสาขาไปทั่วสหรัฐอเมริกาถือเป็นการเสียโอกาสที่ดี
ในระหว่างที่มีการดำเนินคดีกับป้าชาวอเมริกัน ฝ่ายบริหารของหลินม่ายได้ทำข้อตกลงการเช่าหรือซื้อร้านอาหารเสร็จสิ้นแล้ว
พวกเขาได้จัดเตรียมอาคารสำหรับร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียง 300 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานระดับล่าง
หลินม่ายตัดสินใจกำหนดวันเปิดร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงทั้งหมดพร้อมกันช่วงสองวันก่อนวันคริสต์มาส เพื่อคว้ากระแสธุรกิจช่วงวันคริสต์มาส
แม้ว่าการฟ้องร้องกับป้าชาวอเมริกันจะทำให้ร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงได้รับความนิยมก่อนที่จะขยายสาขา แต่หลินม่ายก็ยังไม่พอใจ
เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับการเปิดตัว หลินม่ายจึงตัดสินใจปล่อยโฆษณาออกมาสร้างกระแสระลอกหนึ่ง
สำหรับโฆษณานี้ เธอต้องการใช้พลังดาราและเชิญศิลปินจีนผู้มีอิทธิพลระดับนานาชาติสองคน ซึ่งมีนิสัยแบบเจียงหนานสุดคลาสสิกมาถ่ายทำ
สิ่งแรกที่หลินม่ายนึกถึงคือกงลี่
อ่านน้อยลง
กงลี่มีอิทธิพลด้านความงดงามและมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในระดับนานาชาติ แต่สิ่งที่หล่อนขาดคืออารมณ์ที่สง่างามของเจียงหนาน
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ ในที่สุดเธอก็เชิญจุนหลงและเฉินจงมาถ่ายทำโฆษณา
ทั้งสองมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติจากภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เกี่ยวกับการสิ้นสุดของประวัติศาสตร์ และพวกเขายังคงอยู่ในกระแส
เมื่อชวนทั้งคู่มาทำโฆษณา อิทธิพลของคนดังย่อมส่งผลประโยชน์ต่อเธออย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนมีบุคลิกแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะเฉินจงซึ่งมีบุคลิกงดงามเหมือนผู้หญิงเจียงหนาน
ในโฆษณา ดาราชื่อดังอย่างเฉินจงไว้ผมเปียเป็นประกายเงางาม 2 ข้าง หล่อนสวมผ้าโพกศีรษะลายดอกไม้สีฟ้าและสีขาวที่เรียบง่ายบนศีรษะ และสวมเสื้อเชิ้ตคอปกขนาดใหญ่สีเดียวกันคู่กับกางเกงสีน้ำเงินเข้ม และรองเท้าผ้าใบสีดำ
ท่ามกลางไอน้ำขณะกำลังทำบะหมี่แห้งร้อน ๆ ด้วยรอยยิ้ม ชาวต่างชาติจำนวนมากได้กลิ่นของน้ำมันงาและรวมตัวกัน
พวกเขาขอซื้อบะหมี่แห้งร้อนมาหนึ่งชามและกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
เสียงบรรยายดังขึ้นว่า ทุกช่วงเวลาแห่งความอร่อยถูกสร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่ และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
นักท่องเที่ยวที่รับบทโดยจุนหลง อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้กลิ่นของน้ำมันงา เขามองย้อนกลับไปตามกลิ่นนั้น และสบตากับเฉินจงท่ามกลางฝูงชน
เสียงบรรยายดังขึ้นอีกครั้ง ผู้คนต่างขวนขวายหามันนับพันครั้ง บะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียง
ร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงของหลินม่ายไม่เพียงแต่ขายบะหมี่แห้งร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขนมจากเมืองเจียงเฉิง และอื่น ๆ
ขณะถ่ายทำโฆษณา จู่ ๆ ผู้กำกับก็ต้องการความช่วยเหลือชั่วคราวเพื่อสนับสนุนเฉินจง
ตอนนั้นไม่มีสาวเอเชียอยู่เลย ผู้กำกับมองไปทางหลินม่ายและยกนิ้วโป้งให้
หลินม่ายไม่ชอบออกทีวี แต่เธอคิดว่าวิดีโอโฆษณาสั้นเพียงสิบวินาที มันคงมีผู้ชมเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสนใจเธอ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง
เป็นผลให้เมื่อโฆษณาออกอากาศ ไม่เพียงจุนหลงและเฉินจงเท่านั้นที่ได้รับความนิยม แม้แต่หลินม่ายซึ่งร่วมการแสดงสั้น ๆ เพียงสิบวินาทีก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
เธอรับบทเป็นน้องสาวที่ช่วยเหลือพี่สาวซึ่งรับบทโดยเฉินจงเสิร์ฟบะหมี่แห้งร้อนให้กับแขก
รอยยิ้มที่ไร้การปรุงแต่งของเธอมีทั้งความสดใสและความอ่อนโยน ทำให้ผู้ชมหลายคนจดจำเธอได้ในพริบตา
จดหมายรักถูกส่งมาถึงเธอเป็นกองหนาครึ่งฟุต และสถานีโทรทัศน์ก็เชิญเธอให้สัมภาษณ์ด้วย
หลินม่ายเลือกสถานีโทรทัศน์ที่มีเรตติ้งดีมากในการไปสัมภาษณ์
วัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงของเธอเอง อย่างไรก็ตามเธอมีสามีและลูกอายุสามขวบ เธอจึงต้องการบอกให้ทุกคนหยุดไล่ตามเธอ
เมื่อฟางจั๋วหรานเห็นการสัมภาษณ์ของหลินม่าย ความหดหู่ที่เกิดจากจดหมายเกี้ยวพาราสีถึงภรรยาของเขาก็คลี่คลายไปมาก
ในวันคริสต์มาสอีฟ พ่อไป๋ต่อสายมาหาจากต่างประเทศ
ตั้งแต่มาที่สหรัฐอเมริกา หลินม่ายมักจะโทรหาพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ทุกครั้งที่มีเวลา
นับตั้งแต่พ่อไป๋ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ รวมถึงเหตุการณ์ที่พี่สาวและพี่เขยของเธอเกือบตาย หลินม่ายก็เริ่มห่วงใยครอบครัวของเธอเป็นพิเศษ
คุณจะยอมแพ้ให้ใครก็ได้ ยกเว้นครอบครัวที่ปฏิบัติต่อคุณอย่างดี
หลินม่ายโทรหาพ่อไป๋เป็นครั้งคราว เพื่อสอบถามว่าทุกอย่างทางด้านนั้นยังปกติสุขดีหรือไม่
พ่อไป๋และคนอื่น ๆ โทรหาหลินม่ายเป็นครั้งคราวเช่นกัน และแม้แต่แม่ไป๋ก็ยังโทรหาเธอถึงสองครั้ง โดยบอกว่าคิดถึงตงตง
หลินม่ายขอให้ตงตงมารับโทรศัพท์ จากนั้นชายหญิงสูงอายุและหลานชายก็คุยกันอย่างมีความสุขทุกครั้ง ซึ่งหลินม่ายไม่ได้ห้ามพวกเขาให้คุยกัน
หลินม่ายดีใจมากที่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อไป๋
พ่อลูกคุยกันถึงสถานการณ์ปัจจุบันของกันและกัน พ่อไป๋บอกหลินม่ายด้วยความเขินอายว่า เขากับเผิงอันน่าจะแต่งงานกันในช่วงวันปีใหม่ และถามว่าเธอพอจะมีเวลากลับมาร่วมงานแต่งงานหรือไม่
หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่าเธอมีเวลา
ความจริงแล้วเธอตกใจมาก นึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อไป๋และเผิงอันน่าจบลงไปนานแล้วเสียอีก
โดยไม่คาดคิด พวกเขาทั้งสองยังคงคบหากันอยู่
เธอถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วคุณนายไป๋ไม่เข้ามาห้ามเหรอคะ?”
พ่อไป๋ตอบกลับ “ตั้งแต่แม่ของลูกพยายามฆ่าตัวตายและได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที ไม่เพียงหล่อนไม่ห้ามพ่อในเรื่องการแต่งงานกับเผิงอันน่า หล่อนยังไม่อนุญาตให้พี่สาวทั้งสองของลูกคัดค้านด้วย ไม่เช่นนั้นพ่อคงไม่สามารถแต่งงานกับอันน่าได้”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่แม่ไป๋พยายามฆ่าตัวตายเพราะตัวเอง พ่อไป๋ยังคงรู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อย
หลินม่ายถามด้วยความสับสน “วันที่ฉันกำลังเดินทางมาเรียนต่อ ทำไมพี่อันน่าถึงดูซีดเซียวนักตอนที่มาส่งฉัน?”
พ่อไป๋อธิบาย “ตอนนั้นแม่ของลูกไม่ได้คัดค้านอีกต่อไป แต่เป็นฝั่งแม่ของเผิงอันน่าที่ต่อต้าน หล่อนทะเลาะกับแม่ของตัวเองจนแทบคลั่ง”
หลินม่ายพูดติดตลก “ตอนนี้แม่ของพี่อันน่าคงประทับใจกับความจริงใจของคุณพ่อแล้ว ถึงได้ยอมตกลงใช่ไหมคะ?”
พ่อไป๋เงียบอยู่นานและพูดว่า “มันเป็นการตัดสินใจของอันน่าที่จะแต่งงานกับพ่อ แม่ของหล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คบกันยาวนานเหมือนกันนะ นึกว่าพ่อไป๋จะเลิกกับสาวคราวลูกไปแล้วเสียอีก
ไหหม่า(海馬)